Tuesday, 14 May 2024
ทรงพระเจริญ

'สมเด็จพระสังฆราช' มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ในหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

(28 ก.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่พระดำรัสเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ความว่า

“อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ราชอาณาจักรไทยจักสถาพรดำรงมั่น ก็เพราะนานาสถาบัน ซึ่งประกอบกันขึ้นจากปัจเจกบุคคล สามารถดำเนินสรรพกิจ สอดประสานร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น บนพื้นฐานของความสามัคคี โดยมีจิตสำนึกร่วมกัน ในอันที่จะละอายชั่ว และเกรงกลัวต่อการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงการไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของเพื่อนร่วมสังคม พร้อมทั้งเป็นผู้นิยมยินดีในธรรม บำเพ็ญกรณียกิจอย่างเฉลียวฉลาดรอบคอบ ประกอบด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันอย่างจริงใจ อันจะยังผลให้บังเกิดสันติสุขในแต่ละภาคส่วน จนขยายวงไปสู่ประชาชาติไทยในภาพรวมได้ในที่สุด ปรารภเหตุฉะนี้ สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ 
จึงทรงรักษาพระราชธรรมทุกหมวดหมู่ ให้เป็นคุณเครื่องอยู่ประจำพระราชหฤทัย เป็นวิถีทางดำเนินไปแห่งพระราชปฏิบัติ พร้อมกันนั้น ก็ทรงพระราชอุตสาหะจัดแจงให้ราษฎร สมัครสโมสรอยู่ในธรรม มีสติปัญญา และมีเมตตากรุณาต่อกัน ด้วยการดำเนินพระบรมราโชบายด้านการศึกษา การอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนา และการจรรโลงศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนค่านิยมอันดีงามของชาติไทย ให้รุ่งเรืองไพบูลย์สืบมา

สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน และทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริทั้งนั้น ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมโสตถิ์ อำนวยผลให้ทรงสำเร็จประโยชน์ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของอาณาราษฎรใต้ร่มพระบารมี ซึ่งจัดเป็นหน้าที่ ตามพระราชสถานะธรรมิกราชา สมด้วยโพธิสัตวภาษิต อันมีมาใน “มหาโพธิชาดก” ว่าด้วยปฏิปทาของผู้นำ ความว่า

สาธุ ธมฺมรุจี ราชา สาธุ ปญฺญาณวา นโร

สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ ปาปสฺสากรณํ สุขํ.

แปลความว่า “พระราชาทรงชอบใจในธรรมจึงจะดีงาม นรชนมีความรู้รอบจึงจะดีงาม ความไม่ประทุษร้ายต่อมิตรเป็นความดี การไม่กระทำบาป เป็นสุข” ด้วยประการฉะนี้

ทรงพระเจริญ 'พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว' เสด็จออกมหาสมาคมในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา

วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.17 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2565 และเสด็จออกมหาสมาคม

การนี้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี

สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ

เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ ในการนี้ด้วย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณ ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก กองทหารเกียรติยศ ถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด

'หลวงปู่เชอรี่' กล่าวถึง 'ในหลวง ร.10' "ท่านสร้างคุณูปการมากมายที่หลายคนไม่รู้"

(28 ก.ค. 65) รสสุคนธ์ กองเกตุ หรือ ครูเงาะ ผู้สอนการแสดงชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า...

มีเรื่องอยากเล่า..วันก่อนมีคณะเพื่อนฝูงญาติมิตรไปทำบุญที่วัดป่าบ้านตาด ได้เจอหลวงปู่เชอร์รี่ ท่านเป็นพระชาวต่างชาติลูกศิษย์หลวงตามหาบัวที่หลวงตายกย่อง ท่านเชอร์รี่เป็นผู้มีฌาณสูง เคยมีคนรู้จักไปกราบแล้วโดนท่านดุในเรื่องที่คนนั้นทำผิดแบบตรงจนพวกเราคิดว่าท่านรู้ได้อย่างไร เช่น ไอ้นี่ชอบทำให้ครอบครัวเดือดร้อนจนแม่น้ำตาตก ส่วนไอ้นี่หมกมุ่นในกาม คือเป๊ะถูกคนมากจนผู้ไปด้วยงง

'น้องหมิว' สาวสูง 92 ซม. พิการร่างกายแต่ไม่เคยท้อ ได้แรงหนุนรอบข้าง คว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาครอง

จุดเริ่มต้นจากหนังสือตอบกลับของ กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ระบุว่า "จะส่งเรียนจนจบระดับปริญญา" ได้เปิดโอกาสครั้งสำคัญแก่ 'น้องหมิว' สาวพิการตัวเล็กแห่งบุรีรัมย์ ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เศรษฐศาสตร์บัณฑิต และมุ่งมั่นจนคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สานต่อความหวังที่อยากรับปริญญาตั้งแต่เด็ก โดยมีคุณพ่อ แม่ และเพื่อน ๆ เป็นแรงใจที่ช่วยเกื้อหนุนกันมาจนประสบผลสำเร็จ

เมื่อวันที่ (21 ก.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ได้เดินทางไปพบ นางสาววราภรณ์ สร้อยเสน หรือน้องหมิว อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/3 หมู่ 3 ต.ทุ่งวัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ที่สวมครุยเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 17-26 กันยายน 2565 

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการพระราชทานปริญญาบัตร โดยในครั้งนี้ เป็นการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับ ปริญญาเอก โท ตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 4,525 คน ที่หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

นางสาววราภรณ์ สร้อยเสน หรือน้องหมิว เปิดเผยว่า ตนเกิดมาไม่สมประกอบ มีความพิการที่ขาและนิ้วมือ โดยมีความสูงเพียง 92 ซม. อยู่ที่บ้านกับบิดา มารดา น้องชายและน้องสาวรวม 5 ชีวิต ในสมัยที่ตนเป็นเด็ก ได้เห็นข่าวการรับปริญญาจึงเกิดความฝันว่าตัวเองก็อยากรับปริญญาบ้าง แต่จากข้อจำกัดทางด้านร่างกายและสุขภาพ ทางบ้านจึงบอกให้อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องไปเรียน ซึ่งตนเชื่อว่าไปเรียนได้ มารดาก็เลยไปส่งเข้าเรียนชั้นอนุบาล ก็ได้เพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือ ไปรับ ส่ง ไปโรงเรียน บางครั้งก็ได้พ่อและแม่เป็นแขนขาให้ ซึ่งด้วยความรบเร้าอยากเรียนต่อ ทางบ้านจึงยินยอมให้ไปเรียน จนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และคิดว่าทำอย่างไรจะได้รับพระราชทานปริญญาเหมือนเช่นคนอื่นตามที่ได้ตั้งใจไว้ ซึ่งก็รบเร้ากับมารดาอีกจนท่านใจอ่อน จากนั้นได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ แต่แม่ไม่มีเงินส่งให้เรียน ความฝันว่าจะได้เรียนก็พังสลายลง

‘อดีตทูต’ ชี้!! พิธีฯ รับเสด็จเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้ตำหนิ ล้วนมิใช่ญาติโกโหติกาสักคน

(7 ต.ค. 65) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า... 

การที่ในหลวง พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพวงมาลา และทรงรับการจัดการทุกอย่างในพระบรมราชานุเคราะห์  รวมทั้งการที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จฯ ไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยพระองค์เอง 

นี่คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดว่าสถาบันไม่เคยละทิ้งหรือลืมประชาชน ทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตร และพระองค์ท่านได้พยายาม honour หรือให้เกียรติสูงสุดกับผู้วายชนม์ ผู้บาดเจ็บ และญาติๆ อย่างหาที่สุดมิได้แล้ว 

๗ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

ทรงพระเจริญ
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหารและพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 44 ปี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลากหลายด้าน ทางด้านกฎหมาย ทรงส่งเสริมหลักการยุติธรรมในสังคม โดยเฉพาะสตรีและผู้ต้องขังหญิง อีกทั้งส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ โดยทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญา สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ

'สนว.' ปิดลงนามถวายพระพร 'พระองค์ภา' ที่ รพ.จุฬาฯ ปชช. ยังลงนามฯ ผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกวัน

ตามที่สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565

โดยสำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพรเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ที่ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และปิดให้ลงนามถวายพระพรในวันที่  31 ม.ค. 2566 รวมการลงนามถวายพระพรเป็นระยะเวลา 47 วัน

ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้ทุกวันผ่านทางระบบออนไลน์ที่ เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายพระพรของวันที่ 31 ม.ค.2566 ได้มีประชาชน และคณะบุคคลจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ ผู้นำท้องถิ่น พระสงฆ์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ต่างพร้อมใจกันนำแจกันดอกไม้พวงมาลัยและสิ่งของต่าง ๆ มาทูลเกล้าถวายหน้าพระรูปสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมลงนามถวายพระพรขอให้ทรง มีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน อาทิ นายพอลล์ กาญจนพาสส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) อิมแพ็คเมืองทองธานี และบริษัทในเครือ, พล.อ.ต. ศรสิต กีรติพล เจ้ากรมพลาธิการทหารอากาศ

ขอให้แสงแห่งตะวันยังฉานฉาย

ทรงตื่นเถิดพระองค์ภาไพร่ฟ้ารอ  
จะไม่ขอสิ่งใดต่อไปนี้
เพียงพระองค์ทรงสบายด้วยหายดี
ให้ผลที่เป็นบุญเกื้อหนุนนำ

หากพระองค์หลงทางกลางสนธยา
ขอนางฟ้าจูงพระหัตถ์ลัดคืนค่ำ
หลุดพ้นอนธการด้านมืดดำ
สู่อรุณกรุ่นลำแสงสีทอง
 

๒ เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารและพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

2 เมษายน – วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ พร้อมทั้งประทานคำแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ และมีพระนามที่ข้าราชบริพารเรียกทั่วไปว่า ทูลกระหม่อมน้อย

พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อ พ.ศ. 2501 จนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน พ.ศ. 2515 ทรงสอบไล่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะด้วยคะแนนสูงสุดของประเทศ จากนั้น พระองค์ทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ทรงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระทั่ง พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.98 

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคต่างๆ อยู่เสมอ และทรงช่วยเหลือกิจการโครงการตามพระราชดำริทุกโครงการ พร้อมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในด้านต่างๆ

นอกจากพระราชกรณียกิจหลากสาขา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์เป็นที่ประจักษ์ พระองค์ทรงประพันธ์และแปลหนังสือมากมาย รวมทั้งหนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน โดยทรงใช้พระนามแฝงหลายชื่อ อาทิ แว่นแก้ว ที่ทรงใช้เมื่อ พ.ศ. 2521 ในหนังสือพระราชนิพนธ์สำหรับเด็ก ได้แก่ แก้วจอมซน แก้วจอมแก่น และขบวนการนกกางเขน

๕ พฤษภาคม วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
เกล้ากระหม่อม คณะผู้บริหาร และพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ประสูติเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2527 เป็นพระธิดาพระองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ หรือพระนามลำลองว่าพระองค์ติ๊ด ประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 เป็นพระธิดาพระองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน มีพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระองค์และพระกนิษฐภคินีมีฐานันดรศักดิ์เป็น 'พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า' ตั้งแต่ประสูติ ตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งพระยศดังกล่าวเทียบเท่าตำแหน่ง 'พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top