Friday, 10 May 2024
จีน

‘จีน’ เดินหน้าแผนริเริ่ม ‘ภูเขา-แม่น้ำ’ ลุย ‘ฟื้นฟูที่ดิน’ ราว 42 ล้านไร่

(23 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีนเปิดเผยว่า จีนได้ฟื้นฟูที่ดินมากกว่า 100 ล้านหมู่ (ราว 42 ล้านไร่) ระหว่างดำเนินการฟื้นฟูทางนิเวศวิทยาขนานใหญ่หรือที่เรียกว่าแผนริเริ่มซาน-สุ่ย (Shan-Shui Initiative) เมื่อวันจันทร์ (22 เม.ย.) ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองโลก (World Earth Day)

ทั้งนี้จากรายงานระบุว่า แผนริเริ่มซาน-สุ่ย หรือแผนริเริ่มภูเขา-แม่น้ำ ถือเป็นความมุมานะพยายามของจีนในการฟื้นฟูพื้นที่ธรรมชาติอันครอบคลุมภูเขา ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และทางน้ำใน 29 ภูมิภาคระดับมณฑลของประเทศ คิดเป็นพื้นที่ทั้งหมด 10 ล้านเฮกตาร์ (ราว 62 ล้านไร่) ภายในปี 2030

ซึ่งแผนริเริ่มซาน-สุ่ย ประกอบด้วยโครงการเกี่ยวกับการคุ้มครองแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำเหลือง 31 โครงการ โครงการเกี่ยวกับการคุ้มครองที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต 7 โครงการ และโครงการผืนป่าแนวกันลมสามเหนือ 21 โครงการ

ขณะเดียวกันโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาภาคตะวันตกของจีน 22 โครงการ การฟื้นฟูภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน 4 โครงการ การพัฒนาเชิงบูรณาการของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี 4 โครงการ และการพัฒนาเชิงประสานของภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย 4 โครงการ

ชาร์ลส์ การรังวา หัวหน้าฝ่ายการแก้ไขปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (NbS) ระดับโลกขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมวันคุ้มครองโลกในเมืองหลินอี๋ มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน กล่าวชื่นชมความพยายามและความสำเร็จของจีนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ

‘รมว.ปุ้ย’ ยก!! ความสัมพันธ์ ‘ไทย-จีน’ มั่งคง เหตุผลสำคัญผลักดันเศรษฐกิจระหว่างกัน

(23 เม.ย.67) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนา ‘Nanning City Investment Environment Promotion and Economic and Trade Cooperation Exchange Event (Thailand)’ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์, นายหนง เซิงเหวิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำนครหนานหนิง, นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน และนายจาง เซียว-เซียว ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมงาน ณ หอประชุมกวางหวาถัง หอการค้าไทย-จีน ชั้น 9 อาคารไทย ซีซี ถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพฯ

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า จีนและไทยเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้า และการลงทุน ที่ผ่านมาไทยกับจีนพัฒนาความสัมพันธ์ให้มีความก้าวหน้าอย่างเด่นชัด สู่การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ‘นโยบายจีนเดียว’ มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน เคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันต่อสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน จีนถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย เป็นเวลา 12 ปี ติดต่อกัน

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางนโยบายการพัฒนาเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงได้ผลักดันนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้ขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการใช้และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปี 66 ไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคที่มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสูงสุด และมีผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ รวมทั้งอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีศักยภาพสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ อาทิ อุตสาหกรรมฮาลาล รวมถึงยา เครื่องสำอาง และสปาฮาลาล ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามนโยบาย รัฐบาลดิจิทัล และการกำกับดูแลการประกอบอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล รวมทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพให้สามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

“ดิฉันเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น นำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว และเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต การสัมมนาในวันนี้เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือของไทยและจีน กระชับความร่วมมือกับนครหนานหนิง ซึ่งได้วางเป้าหมายให้เป็นเมืองหลวงของโลจิสติกส์ ศูนย์กลางการกระจายสินค้าและเป็นประตูการค้าของจีนสู่อาเซียนรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งนครหนานหนิงยังเร่งดำเนินนโยบายการยกระดับศักยภาพการสร้างสรรค์นวัตกรรม และให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้างความเข้มแข็งและเติบโตผ่านโครงการบ่มเพาะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ และอาจมีความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมไทยต่อไป” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว

'กมธ.พลังงาน' ต้อนรับอุปทูตด้านเศรษฐกิจจีน ชู 5 แผนเด่น พาพลังงานไทยสู่ความมั่นคง

กมธ.พลังงานให้การต้อนรับอุปทูตด้านเศรษฐกิจและการค้าประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและคณะในโอกาสเข้าเยี่ยม กมธ.ผลการหารือชื่นมื่น

(24 เม.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพลังงานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ กมธ.พลังงาน ให้การต้อนรับ น.ส.จาง เซียวเซียว (Ms. Zhang  Xiaoxiao) อุปทูตด้านเศรษฐกิจและการค้า ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะที่เดินทางมาเยี่ยมคณะกมธ.อย่างเป็นทางการ บรรยากาศการพบกันเป็นไปอย่างชื่นมื่น 

น.ส.วชิราภรณ์ กล่าวถึงภารกิจของ กมธ.พลังงาน ว่า ได้มีการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับแผนพลังงานชาติ ซึ่งเป็นแผนที่รวบรวมแผนด้านพลังงานไว้ทั้ง 5 ด้าน ให้อยู่ภายใต้แผนเดียวกัน โดยจะช่วยให้เกิดการวางแผนพลังงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งกรอบของแผนพลังงานชาติ จะมุ่งเน้นไปสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 - 2070 สอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลกที่มุ่งเน้นการลดโลกร้อน ซึ่งแผนดังกล่าวนี้จะทำให้ประเทศไทยไม่ตกขบวนเทรนด์ใหม่ของโลก

ทั้งนี้ แผนด้านพลังงานทั้ง 5 ด้าน ได้แก่...

1.แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ Power Development Plan: PDP 
2.แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas Plan 
3.แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ Alternative Energy Development Plan: AEDP
4.แผนอนุรักษ์พลังงาน หรือ Energy Efficiency Plan: EEP 
และ 5.แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Oil Plan

น.ส.วชิราภรณ์ กล่าวว่า การดำเนินงาน กมธ.พลังงานได้มีการพิจารณาศึกษาเรื่องสำคัญ เช่น สถานการณ์พลังงานของประเทศ การพิจารณารับเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานด้านพลังงาน การพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ กมธ.พลังงานได้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ จำนวน 3 คณะ เพื่อพิจารณาศึกษาตามหน้าที่และอำนาจของกมธ.พลังงาน และตามที่สภาผู้แทนราษฎรมอบหมาย ได้แก่...

1.คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปรับโครงสร้างราคาพลังงานไฟฟ้า 
2.คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 
และ 3.คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาญัตติแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการ 

ทั้ง 3 คณะ อยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อจัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษาเสนอต่อที่ประชุมคณะกมธ.พลังงาน เพื่อให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป

ทัพ ‘ทุเรียนไทย’ เร่งบุก ‘ตลาดจีน’ ผ่านร้านค้า-ซูเปอร์มาร์เก็ต คาด!! ยอดจำหน่ายแตะระดับสูงสุดภายในเดือนพฤษภาคม

(24 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำบอกเล่าจาก หวงหรงเซิง ชาวเมืองชินโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ผู้สั่งซื้อทุเรียนทางออนไลน์เป็นครั้งที่ 3 ในฤดูทุเรียนปีนี้ ได้ระบุว่า “กดเปิดแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนแล้วเลือกทุเรียนพันธุ์ที่ถูกใจ รออยู่ที่บ้านไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ได้ทุเรียนอร่อย ๆ มาแล้ว…ทุเรียนไทยพูสวยและรสชาติหวานมันกลมกล่อม”

พร้อมกล่าวเสริมว่า คนขายบางส่วนให้บริการสั่งทางออนไลน์และจัดส่งถึงที่หรือไปรับที่หน้าร้าน ทั้งยังมีการรับประกันการชดเชยหรือเปลี่ยนสินค้าที่เสียหายเพื่อควบคุมคุณภาพ ทำให้เลือกซื้อได้อย่างสบายอกสบายใจ

ซึ่งบ้านของหวงนั้น อยู่ไม่ไกลจากซูเปอร์มาร์เก็ตโลตัส มาร์เก็ต (Lotus Market) ที่ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ได้เปิดบูธวางจำหน่ายทุเรียนหลายพันธุ์นำเข้าจากไทยภายใต้แบรนด์ซีพี เฟรช (CP Fresh) ทั้งพันธุ์หมอนทอง พันธุ์พวงมณี และพันธุ์มูซังคิง โดยกลิ่นหอมเตะจมูกและรูปลักษณ์เตะตาดึงดูดผู้คนเดินเข้าดูและเลือกซื้อ

โดยพนักงานประจำแผนกผลไม้ของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เผยว่า ตอนนี้ทุเรียนสดจากไทยทยอยเข้ามาตลาดจีนแล้ว แม้มีปริมาณจำกัดและราคาสูง แต่ยังคงเป็นที่นิยมชมชอบของเหล่าผู้บริโภคเหมือนเดิม โดยทุเรียนหมอนทองได้รับความนิยมมากที่สุด และมักจำหน่ายทางออนไลน์จนหมดตั้งแต่ช่วงเย็น

ทั้งนี้ ทุเรียนในภาคตะวันออกของไทยจะเริ่มถูกเก็บเกี่ยวขนานใหญ่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ก่อนทยอยขนส่งสู่ตลาดจีนทางถนน รถไฟ เรือ และเครื่องบินแบบแบ่งล็อตตั้งแต่กลางเดือนเมษายน โดยได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)

ไทยถือเป็นผู้ส่งออกทุเรียนสดสู่จีนเจ้าแรกและเจ้าใหญ่ที่สุด โดยความนิยมมาเนิ่นนานและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดจีนช่วยอัดฉีดแรงกระตุ้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ นำพาโอกาสทางธุรกิจมาสู่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ด้าน โม่เจียหมิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเทคโนโลยีการเกษตรแห่งหนึ่งของกว่างซี กล่าวว่าตั้งแต่เข้าเดือนเมษายน บริษัทของเขานำเข้าทุเรียน 50 ตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ตอนแรกมีแค่พันธุ์กระดุมทองก่อนจะเพิ่มพันธุ์หมอนทองเป็นหลัก และมองว่าทุเรียนไทยจะยังคงเป็นที่นิยมของตลาดจีนต่อไปในปีนี้

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โม่เพิ่งเดินทางเยือนจังหวัดจันทบุรีเพื่อสั่งซื้อทุเรียน โดยบริษัทของเขาทำธุรกิจนำเข้าผลไม้ปริมาณมากจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนจนก่อเกิดห่วงโซ่อุปทานทุเรียน มะพร้าว และผลไม้อื่น ๆ ในช่วงหลายปีมานี้ ขณะเดียวกันยังจัดจำหน่ายทุเรียนไทยผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและซูเปอร์มาร์เก็ต นอกเหนือจากการขายส่ง

ยอดจำหน่ายทุเรียนที่เฟื่องฟูช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้ประกอบการในการวางแผนจัดจำหน่ายในปี 2024 ดังเช่นไล่ผิงเซิง ประธานบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตรในกว่างซี สังกัดซีพี กรุ๊ป (CP Group) เผยแผนการนำเข้าทุเรียนไทย 3,000 ตู้ โดยส่วนหนึ่งจะถูกจัดจำหน่ายในกว่างซีราว 324 ตัน ผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าเป้าหมาย 600 แห่ง

โม่เสริมว่า ตอนนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนเพิ่มขึ้นไม่หยุดเช่นเดียวกับความต้องการบริโภคทุเรียนของชาวจีนที่ขยับขยายต่อเนื่อง ส่วนทุเรียนไทยจะยังคงเป็นดาวเด่นในตลาดจีนต่อไป และคาดว่ายอดจำหน่ายทุเรียนไทยในตลาดจีนจะแตะระดับสูงสุดภายในเดือนพฤษภาคมนี้

‘จีน’ เตือน!! ‘สหภาพยุโรป’ ไม่ควรเลือกปฏิบัติกับ บ.ต่างชาติ หลังผู้ประกอบการจีนในยุโรป โดนบุกรุกสำนักงาน-ยึดอุปกรณ์

(25 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีนกระตุ้นเตือนสหภาพยุโรป (EU) สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง ยุติธรรม เที่ยงตรง และไม่เลือกปฏิบัติ สำหรับบริษัทต่างชาติในยุโรป

โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ เรียกร้องฝ่ายยุโรปหยุดและแก้ไขการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หลังจากฝ่ายยุโรปบุกรุกเข้าสำนักงานของกลุ่มผู้ประกอบการจีนในยุโรปและยึดอุปกรณ์เมื่อวันอังคาร (23 เม.ย.) ที่ผ่านมา

ซึ่งจีนเป็นกังวลและคัดค้านการดำเนินการของสหภาพยุโรปอย่างจริงจัง เนื่องจากละเมิดขั้นตอนอันชอบธรรมตามกฎหมาย ขัดขวางการแข่งขันตามปกติ บั่นทอนความเชื่อมั่นของบริษัทต่างชาติทั้งหมดที่ดำเนินงานในยุโรปอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ จีนจะเฝ้าติดตามการดำเนินการของฝ่ายยุโรปในอนาคตอย่างใกล้ชิด และดำเนินทุกมาตรการอันจำเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของบริษัทจีน

‘หวังอี้’ วอน ‘บลิงเคน’ ช่วยแก้ปัญหาขัดแย้ง ‘จีน-สหรัฐฯ’ หวั่น!! ความสัมพันธ์ทั้งสองชาติ จะย่ำแย่เกินการควบคุม

(26 เม.ย. 67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้หารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 เมษายน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้บลิงเคนแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐ มิเช่นนั้นก็อาจมีความเสี่ยงที่ความสัมพันธ์จะย่ำแย่อย่างไร้การควบคุม

นี่ถือเป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งที่สองในรอบไม่ถึง 1 ปีของบลิงเคน ขณะที่จีนกำลังไม่พอใจกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ รวมถึงการแบนการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และพยายามที่จะบีบให้บริษัท Bytedance ของจีนขายกิจการ Tiktok แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมในสหรัฐ

ทั้งนี้ นายหวัง อี้ ให้การต้อนรับนายบลิงเคน ที่เรือนรับรองเตียวหยูไถ่ ในกรุงปักกิ่ง โดยกล่าวกับบลิงเคนว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ชาติมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐเริ่มที่จะมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้พบกันที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

นายหวังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ปัจจัยลบต่าง ๆ ในความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงเพิ่มมากขึ้น และจีนสนับสนุนการเคารพในผลประโยชน์หลักของแต่ละฝ่าย พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐไม่เหยียบย่ำขีดจำกัดของจีนในด้านอธิปไตย ความมั่นคง และการพัฒนา

ด้านผู้ช่วยของบลิงเคนระบุก่อนหน้านี้ว่า บลิงเคนจะยกประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นข้อกังวล อาทิ การที่จีนสนับสนุนรัสเซีย นายบลิงเคนได้กล่าวกับนายหวังในช่วงต้นของการหารือว่า ทั้งสหรัฐและจีนควรที่จะแสดงให้เห็นว่าสามารถบริหารความสัมพันธ์อย่างมีความรับผิดชอบ และทั้งสองประเทศควรที่จะมีความชัดเจนที่สุดในประเด็นที่มีความต่างอย่างน้อยที่สุดก็เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการคำนวนผิดพลาด ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่เพื่อประชาชนของสองประเทศ แต่เพื่อผู้คนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่มีการยืนยันว่าบลิงเคนจะได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนหรือไม่

จีน เผยภารกิจ ‘ฉางเอ๋อ-7’ จับมือ 6 ประเทศ ร่วมพัฒนา สำรวจวิจัย โครงสร้างของดวงจันทร์

(27 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีนประกาศว่าภารกิจสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-7 (Chang’e-7) ของจีนจะบรรทุกเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ 6 รายการ ซึ่งพัฒนาโดย 6 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 1 แห่ง ได้แก่ อียิปต์ บาห์เรน อิตาลี รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ ไทย และสมาคมหอสังเกตการณ์ดวงจันทร์นานาชาติ

รายงานระบุว่าภารกิจฉางเอ๋อ-7 มีกำหนดเดินทางสู่อวกาศช่วงปี 2026 โดยเป้าหมายคือการสำรวจสภาพแวดล้อมพื้นผิวดวงจันทร์ น้ำ น้ำแข็ง และองค์ประกอบที่ระเหยง่ายของดินบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ รวมถึงทำการวิจัยภูมิศาสตร์ องค์ประกอบ และโครงสร้างของดวงจันทร์

ยานลงจอดฉางเอ๋อ-7 จะบรรทุกตัวสะท้อนแสงแบบเลเซอร์ที่พัฒนาโดยอิตาลีสำหรับทำการวัดแบบแม่นยำสูงบนพื้นผิวดวงจันทร์และการบริการระบุตำแหน่งของยานโคจร รวมถึงบรรทุกเครื่องมือวัดฝุ่นและสนามไฟฟ้าบนดวงจันทร์ที่พัฒนาโดยรัสเซียสำหรับตรวจสอบสภาพแวดล้อมพลาสมาบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยฝุ่น

ขณะเดียวกันยานลงจอดฉางเอ๋อ-7 ยังจะบรรทุกกล้องโทรทรรศน์บนดวงจันทร์ที่พัฒนาโดยสมาคมฯ สำหรับการสังเกตการณ์ดาราจักร โลก และท้องฟ้าทั้งหมด

ด้านยานโคจรจะบรรทุกกล้องไฮเปอร์สเปคตรัมที่พัฒนาโดยอียิปต์และบาห์เรนสำหรับจำแนกวัตถุบนพื้นผิวและสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ รวมถึงบรรทุกเครื่องสเปกโตรมิเตอร์แบบสองช่องสัญญาณสำหรับการวัดรังสีโลกที่พัฒนาโดยสวิตเซอร์แลนด์และจีนสำหรับเฝ้าติดตามปริมาณรังสีที่เข้าและออกจากระบบภูมิอากาศของโลกจากมุมมองดวงจันทร์เป็นครั้งแรก

นอกจากนั้นยานโคจรยังจะบรรทุกชุดเซ็นเซอร์ตรวจจับสำหรับการเฝ้าติดตามสภาพอวกาศทั่วโลก เพื่อแจ้งเตือนการรบกวนทางแม่เหล็กและการแผ่รังสีจากพายุสุริยะด้วย

‘จีน’ เปิดตัวโมเดล ‘AI แปลงข้อความเป็นวิดีโอ’ เผยความล้ำหน้า สามารถเข้าใจภาษาจีน-ผลิตเนื้อหาได้ 

(28 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า การประชุมจงกวนชุน (ZGC Forum) ปี 2024 ได้มีการเปิดตัววิดู (Vidu) โมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่แปลงข้อความเป็นวิดีโอที่สามารถสร้างสรรค์คลิปวิดีโอความละเอียดสูง 1080p ความยาว 16 วินาที ภายในคลิกเดียว เมื่อวันเสาร์ (27 เม.ย.) ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่าวิดูพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว และเซิงซู่ เทคโนโลยี (ShengShu Technology) บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีน ถือเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่แปลงข้อความเป็นวิดีโอตัวแรกของจีนที่มีระยะเวลายาวขึ้น ความตรงกันยอดเยี่ยม และสมรรถนะเชิงพลวัต

จูจวิน รองผู้อำนวยการสถาบันปัญญาประดิษฐ์แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่าวิดูในฐานะโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ที่พัฒนาในจีน สามารถทำความเข้าใจและผลิตเนื้อหาภาษาจีน เช่น แพนด้ายักษ์และมังกรจีน

ด้านเซิงซู่ เทคโนโลยี เผยว่ามีการนำเสนอสถาปัตยกรรมหลักของวิดูตั้งแต่ปี 2022

‘จีน’ อวดจีดีพีไตรมาสแรก ปี 2024 โต 5.3% สะท้อนเศรษฐกิจแข็งแกร่ง-เปี่ยมด้วยศักยภาพ

(29 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2024 ชี้ถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการฟื้นตัวของจีน ตลอดจนการนำเสถียรภาพซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาสู่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยว่าช่วงสามเดือนแรกของปี จีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของของจีนขยายตัวร้อยละ 5.3 จากปีก่อนหน้า เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 5.2 ในไตรมาสก่อนหน้า 

ในการประชุมโต๊ะกลมทางเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน (China Economic Roundtable) รอบที่ 4 ซึ่งเป็นเวทีเสวนาที่จัดโดยสำนักข่าวซินหัว วิทยากรหลายท่านกล่าวว่าตัวเลขข้างต้นถือเป็น ‘การเริ่มต้นที่ดี’ พร้อมกล่าวว่าจีนเผชิญหน้ากับกระแสลมต้านทางเศรษฐกิจ ด้วยการผสานนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรากฐานที่มั่นคงแก่เศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ดีและมั่นคงในปี 2024

รายงานจากสำนักงานฯ ระบุว่า การเติบโตของจีดีพีจีนในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเติบโตโดยรวมที่ร้อยละ 5.2 ของปี 2023 และสูงกว่าเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ราวร้อยละ 5 และเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เศรษฐกิจจีนในช่วงสามเดือนแรกของปีขยายตัวร้อยละ 1.6 ทั้งยังเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่เจ็ด

นอกจากนี้ ดัชนีชี้วัดอื่น ๆ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปริมาณการค้าต่างประเทศ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ล้วนชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เป็นดัชนีสำคัญที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมสำหรับภาคการผลิตและบริการ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีรายงานการปรับปรุงดัชนีดังกล่าว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภาคการผลิตกลับมาอยู่สูงกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกนับแต่เดือนกันยายน บ่งชี้ถึงการกลับมาขยายตัวของภาคส่วนนี้

ตัวเลขสถิติของไตรมาสแรก แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพสูงและขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม 

จีนกำลังเปลี่ยนผ่านจากการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่ภาคส่วนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งมีมูลค่าเพิ่มสูง ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมสีเขียวและคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง ในไตรมาสแรกนี้ ภาคการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของจีนมีปริมาณการผลิตเติบโตร้อยละ 7.5 เร่งตัวขึ้นร้อยละ 2.6 จากไตรมาสก่อนหน้า

การลงทุนในอุตสาหกรรมการบิน ยานอวกาศและการผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.7 ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม ขณะที่การผลิตหุ่นยนต์บริการและยานยนต์พลังงานใหม่เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 26.7 และ 29.2 ตามลำดับ

เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้กำหนดนโยบายของจีนกล่าวไว้ว่าจะเป็นไปในลักษณะคล้ายลูกคลื่น เพราะจะมีการพลิกผัน เลี้ยวลด และยังไม่นิ่ง จีนจึงใช้นโยบายที่หลากหลายเพื่อมาหักล้างแรงกดดันขาลงและรับมือกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง

จีนให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าใช้นโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินที่รอบคอบต่อไปในปีนี้ และได้ประกาศใช้มาตรการส่งเสริมการเติบโตหลายประการ อาทิ การออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษระยะยาว (Ultra-Long) และมีการจัดสรรเงินทุนเบื้องต้น 1 ล้านล้านหยวน ในปี 2024

เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค จีนเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการส่งเสริมการอัปเกรดอุปกรณ์ขนาดใหญ่และการนำสินค้าอุปโภคบริโภคเก่ามาแลกเป็นส่วนลดหรือแลกเป็นของใหม่

นอกจากนี้ จีนตั้งเป้าว่าปริมาณการลงทุนด้านอุปกรณ์ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การก่อสร้าง การขนส่ง การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการให้บริการทางการแพทย์ จะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 ภายในปี 2027 เมื่อเทียบกับปี 2023

เพื่อผลักดันการเปิดกว้างระดับสูงและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จีนประกาศใช้มาตรการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ 24 ข้อ เพื่อดึงดูดทุนต่างประเทศ และให้คำมั่นว่าจะปรับลดรายการกิจกรรมการลงทุนและกิจการต้องห้าม (Negative List) สำหรับบริษัทต่างชาติ รวมถึงเริ่มโครงการนำร่องต่าง ๆ เพื่อผ่อนคลายหลักเกณฑ์ในการเข้าสู่จีนของนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากต่างชาติ

จีนยังประกาศเพิ่มแรงจูงใจเชิงนโยบายอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนหลายธุรกิจ เช่น เศรษฐกิจสูงวัย สินเชื่อผู้บริโภค การจ้างงาน การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ รวมไปถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ และผู้ประกอบกิจการขนาดเล็ก

‘เรือขนส่งพลังงานไฟฟ้า’ ใหญ่สุดในโลกพร้อมให้บริการแล้วในจีน ชี้ ลดการใช้น้ำมัน 3,900 กก. - ลดการปล่อยมลพิษได้มากตลอดทั้งปี

(29 เม.ย.67) สำนักข่าวเซาท์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า เรือขนส่งคอนเทนเนอร์พลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ผลิตโดยจีน เตรียมใช้งานจริงแล้ว โดยจะให้บริการขนส่งระหว่างนครเซี่ยงไฮ้และเมืองนานกิงในทุกสัปดาห์

‘เรือ Greenwater 01’ ได้รับการพัฒนาและก่อสร้างโดยไชนา โอเชียน ชิปปิง กรุ๊ป (China Ocean Shipping Group: Cosco) ซึ่งพลังงานทั้งหมดที่ขับเคลื่อนเรือมาจาก ‘แบตเตอรี่’

การใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ทำให้เรือสามารถลดการใช้น้ำมันได้ 3,900 กิโลกรัมต่อการเดินทาง 100 ไมล์ทะเล และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12.4 ตัน

หลังจากเรือออกเดินทางครั้งแรกในวันนี้ บริษัท Cosco เผยผ่านบัญชีวีแชทของตนเองว่า เรือลำดังกล่าวลดการปล่อยมลพิษได้มากตลอดทั้งปี และช่วยหนุนอุตสาหกรรมขนส่งอย่างแข็งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสูงสุด และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

Cosco เผยอีกด้วยว่า เรือขนส่งพลังงานไฟฟ้าลำนี้ทำลายสถิติ ด้วยความยาว, ความกว้างกลางลำ,จำนวนคอนเทนเนอร์ที่สามารถบรรทุกได้ ปริมาณน้ำหนักที่เรือรับได้ และความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้า

ทั้งนี้ Greenwater 01 มีความยาว 120 เมตร, กว้าง 24 เมตร หรือมีขนาดเทียบเท่ากับสนามบาสเกตบอล 10 แห่ง และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดยแบตเตอรี่ตัวหลักของเรือพลังงานไฟฟ้าลำนี้มีความจุมากกว่า 50,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง และยังมีกล่องแบตเตอรี่อีกมากมายที่ไว้ใช้เพิ่มเติมเมื่อต้องออกเดินทางไกล ซึ่งกล่องแบตเตอรี่อื่น ๆ มีความจุอยู่ที่ 1,600 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีขนาดเทียบเท่าคอนเทนเนอร์มาตรฐาน 20 ฟุต

ด้าน กัปตันหวัง จุน กล่าวกับสำนักข่าวซีซีทีวี (CCTV) เอาไว้ว่า กล่องแบตเตอรี่ 24 กล่อง ทำให้เรือมีพลังงานไฟฟ้ารวม 80,000 กิโลวัตต์ ขณะที่เรือขนส่งทั่วไปใช้น้ำมันราว 15 ตัน เมื่อต้องเดินทางไกลพอ ๆ กับ Greenwater 01

สำหรับความปลอดภัยของเรือ ‘จาง ลี่ฝู’ เจ้าหน้าที่ท่าเรือหยางซานในเซี่ยงไฮ้ บอกว่า ลูกเรือได้รับการฝึกอบรมไฟไหม้พิเศษ เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม หากเรือเกิดไฟไหม้เนื่องจากแบตเตอรี่ลิเทียมและฟอสเฟต ต้องดับเพลิงด้วยก๊าซดับเพลิงชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของคาร์บอน, ฟลูออรีน และไฮโดรเจน เพราะไม่สามารถดับได้ด้วยคาร์บอนไดออกไซด์หรือน้ำ เหมือนที่ใช้ดับไฟในเรืออื่น ๆ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top