Monday, 20 May 2024
จีน

‘ตงเฟิง’ บ.รถไฟฟ้าจีน โชว์ ‘ไซเบอร์ทรัก’ เวอร์ชันจีน เลียนแบบ ‘เทสลา’ เหมือนยันเต็นท์ที่ติดท้ายรถ

(9 พ.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทค่ายรถอีวีจีนชื่อดัง ตงเฟิง (Dongfeng) ในงาน Beijing Auto Show สัปดาห์ที่แล้วเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าที่มีหน้าตาคล้ายรถไซเบอร์ทรักชื่อดังจากค่ายเทสลา มีแม้กระทั่งเต็นท์ติดมาให้ที่หลังรถ

เดลีเมลของอังกฤษงานเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่า ค่ายบริษัทค่ายรถอีวีจีนชื่อดัง ตงเฟิง (Dongfeng) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ค่ายรถยักษ์ใหญ่จีนในงาน Beijing Auto Show ที่จัดระหว่างวันที่ 25 เม.ย. ถึงวันที่ 5 พ.ค. เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วด้วยการเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าที่มีหน้าตาคล้ายรถไซเบอร์ทรักของเทสลา

รถบรรทุกไฟฟ้าตงเฟิง 2024 ‘Concept Pickup truck’ ถูกจัดแสดงภายในงานให้ผู้สนใจเข้าชม ดีไซน์ของตัวรถไม่ต่างจากรถไซเบอร์ทรักของอีลอน มัสก์ แต่มีลักษณะโค้งมนมากกว่า แต่ทว่าตัวรถไม่แสดงความเป็นอะลูมิเนียมสะท้อนแสงที่สะดุดสายตาผู้คนเหมือนของเทสลา

พบว่าด้านหลังของตัวกระบะเปิดออกและมีเต็นท์ตั้งอยู่ สื่ออังกฤษชี้ว่า ไฟท้ายรถไซเบอร์ทรักตงเฟิงสามารถแสดงข้อความได้โดยมีข้อความว่า “สวัสดี ปักกิ่ง” เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่เข้าชมแดนมังกร

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยอื่น ๆ ถึงความสามารถของรถว่าสามารถกันกระสุนได้เหมือนไซเบอร์ทรักตัวจริงได้หรือไม่

ซึ่งในเวลานี้ค่ายเทสลาซึ่งประสบปัญหายอดขายตกอย่างหนักในจีนยังไม่มีแผนที่จะเปิดขายรถบรรทุกไซเบอร์ทรักในจีน 

บลูมเบิร์กรายงานวันที่ 8 พ.ค.ว่า มัสก์มีแผนส่งรองประธานอาวุโสเทสลา ทอม จู (Tom Zhu) กลับไปจีน เพื่อกอบกู้สถานการณ์ด้านยอดขาย ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทสลาในจีนก่อนได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาดูแลการปฏิบัติงานด้านการผลิตและการขายในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ ชายผู้นี้มีอำนาจในการดูแลจัดการทุกตลาดใหญ่ทั่วโลก

เดลีเมลรายงานว่า บริษัทตงเฟิงมีฐานอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ทำยอดขายตกกว่า 2 ล้านต่อปี โดยส่วนใหญ่ผ่านบริษัทร่วมทุนความร่วมมือกับค่ายรถต่างชาติรวมค่ายรถญี่ปุ่น ฮอนด้า นิสสัน และค่ายรถเปอโยต์ 

‘จีน’ เดินหน้าปรับปรุง ‘บริการทางการแพทย์’ เพื่อผู้ป่วย ครอบคลุมขั้นตอนนัดหมาย - หนุนการดำเนินงานของรพ.

(9 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สิงรั่วฉี รองหัวหน้าสำนักบริหารการแพทย์ สังกัดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า หน่วยงานสาธารณสุขของจีนให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยขณะเข้ารับการดูแลทางการแพทย์ และมีการดำเนินสารพัดมาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้

สิงรั่วฉีกล่าวว่า มีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น ปรับปรุงกระบวนการนัดหมายทางการแพทย์เพื่อลดระยะเวลารอของผู้ป่วย และสนับสนุนโรงพยาบาลจัดสรรการบริการบำบัดรักษาแบบสหวิทยาการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ป่วย โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลให้บริการแบบสหวิทยาการกว่า 2,400 แห่ง

ขณะเดียวกันโรงพยาบาลเหล่านี้กำลังใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการฯ ดำเนินโครงการปรับปรุงการบริการดูแลและรักษาพยาบาลเพื่อรับรองผู้ป่วยและตอบสนองความต้องการทางคลินิกได้ดียิ่งขึ้นในปีที่ผ่านมา

สิงรั่วฉีเสริมว่า ปัจจุบันมีสถาบันการแพทย์มากกว่า 3,000 แห่ง ให้บริการที่เกี่ยวข้องตามบ้านของผู้ป่วย ขณะหลายภูมิภาคอย่างปักกิ่ง ซานตง และเจียงซู ดำเนินการปฏิรูปและปรับใช้ทรัพยากรจากสังคมเพิ่มเติมเพื่อให้บริการดูแลรักษาพยาบาลแก่ประชาชนสูงอายุ

สลด!! นักศึกษาแพทย์สาวจีนเป็นโรคหัวใจ ถูกบังคับให้ออกกำลังกาย สุดท้ายหัวใจวายตาย เพราะอาจารย์ไม่เชื่อเอกสารรับรองอาการ

เรื่องราวน่าเศร้าเกิดขึ้น เมื่อครอบครัวและญาตินักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ของวิทยาลัยการแพทย์ไป๋เฉิง ในมณฑลจี๋หลิน เปิดเผยว่า หลานสาวของพวกเขาเสียชีวิต หลังถูกอาจารย์ที่ปรึกษาบังคับให้ออกกำลังกาย แม้รู้ว่ามีโรคประจำตัว

โดยนักศึกษาสาวแซ่จ้าว ป่วยเป็น ‘โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด’ (Congenital Heart Disease) ซึ่งเธอได้ส่งเอกสารทางการแพทย์ ยืนยันว่าเธอป่วยจริง ๆ ให้ทางวิทยาลัยตั้งแต่เข้าเรียน และได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าร่วมเล่นกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องออกแรง

ทว่าอาจารย์ที่ปรึกษาแซ่ซ่ง กลับไม่เชื่อว่า จ้าวป่วยจริง เขาบังคับให้จ้าวไปวิ่ง จนจ้าวล้มและมีอาการชักเกร็ง หมดสติ ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา

ป้าของจ้าวเชื่อว่า อาจารย์ซ่งตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งหลานสาวของเธอ โดยผู้เป็นป้าเล่าว่า อาจารย์น่าจะไม่พอใจ เนื่องจากในช่วงเทศกาลเช็งเม้งที่ผ่านมา เขาได้สั่งให้จ้าวซื้อปลาเป็น ๆ ส่งเป็นของขวัญให้ภรรยาของเขา

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาทางการขนส่ง พอปลาที่จ้าวสั่งไปส่งถึงมืออาจารย์ พวกมันก็ตายหมดแล้ว

"อาจารย์โกรธและทำให้เด็กน้อยของเราตกอยู่ในที่นั่งลำบาก" ป้าของจ้าวกล่าว พร้อมเสริมว่า "เขาบอกว่าเอกสารรับรองการเป็นโรคหัวใจของหลานสาวฉันเป็นของปลอม และสั่งให้จ้าววิ่งทุกวัน"

นอกจากนี้ อาจารย์คนนี้ยังสั่งปลดจ้าวออกจากตำแหน่งหัวหน้าห้องอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ อาจารย์ซ่งยังห้ามนักศึกษาคนอื่นไม่ให้เข้าไปใกล้จ้าว แถมยังไม่ยอมโทร.เรียกรถฉุกเฉิน แต่เลือกที่จะติดต่อฝ่ายบริหารของทางวิทยาลัยแทน

“ถ้าเราพยายามช่วยเธอได้ทันเวลา มันก็คงจะได้ผล แต่อาจารย์ไม่ยอมให้เราเข้าใกล้เธอเลย” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งกล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารของวิทยาลัยได้แถลงว่า จ้าวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น โดยทางวิทยาลัยจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง

‘จีน’ ยินดี ‘ปูติน’ เข้ารับตำแหน่ง ปธน.รัสเซียสมัยที่ 5 เชื่อ!! จะนำพาเศรษฐกิจ-สังคมในประเทศก้าวหน้า

(10 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนแสดงความยินดีกับวลาดิเมียร์ ปูติน สำหรับการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 5 อย่างเป็นทางการ และเชื่อว่ารัสเซียจะสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ ในการพัฒนาประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมภายใต้การนำของปูติน

หลินเจี้ยน กล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นในกรณีปูตินสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ระยะ 6 ปี เมื่อวันอังคาร (7 พ.ค.) และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย เผยว่า ปูตินจะเยือนจีนในการเดินทางเยือนต่างประเทศระยะแรกของการดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซียสมัยใหม่นี้ โดยหลินชี้ว่าความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ได้เติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์จากสองผู้นำรัฐ

จีนและรัสเซียได้ยึดมั่นหลักการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และไม่มุ่งเป้าไปยังฝ่ายที่สาม รวมถึงเดินหน้าความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน ความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนำพาผลประโยชน์อันจับต้องได้มาสู่ประชาชนสองประเทศและมีบทบาทเชิงบวกต่อการเดินหน้าการพัฒนาโลกร่วมกัน

หลินเจี้ยน กล่าวว่า ปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-รัสเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการตามแนวปฏิบัติของความเข้าใจร่วมกันระหว่างสองประธานาธิบดี เสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ขยับขยายความร่วมมือ และสานต่อมิตรภาพ เพื่อร่วมสนับสนุนโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบ และโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์และครอบคลุมในระดับสากล พร้อมดำเนินการตามลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกที่เป็นธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น

หลินเจี้ยน กล่าวอีกว่า จีนให้ความสำคัญกับการชี้นำเชิงยุทธศาสตร์จากการทูตระดับผู้นำรัฐของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย โดยประธานาธิบดีทั้งสองเห็นพ้องจะธำรงรักษาการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและรับรองการเติบโตที่ราบรื่นและมั่นคงของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

สหรัฐฯ เล็งขึ้นภาษีนำเข้ารถ EV จากจีน 4 เท่าตัว เพิ่มจาก 25% เป็น 100% ขวางทางโต EV ขั้นสุด

(11 พ.ค.67) TechHangout รายงานว่า สหรัฐฯ กำลังจะประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายประเภท รวมถึงสินค้ารักษ์โลกต่าง ๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ เวชภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน จาก 25% เป็น 100%

ปัจจุบัน รถยนต์ที่ผลิตในจีนทั้งหมดต้องเสียภาษีนำเข้า 25% เมื่อนำเข้ามายังสหรัฐฯ นอกเหนือจากภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศอีก 2.5% ซึ่งรวมเป็น 27.5% ภาษีที่สูงนี้ส่งผลกระทบต่อการนำเข้ารถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่าเป็นเรื่องง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีราคาไม่แพง แม้จะมีภาษี 25% ราคาก็ยังคงแข่งขันได้ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่า ไม่ว่าอย่างไร รถยนต์ไฟฟ้าจีนก็อาจเข้ามาทำตลาดในสหรัฐฯ อยู่ดี

ทางการสหรัฐฯ จึงมองว่าภาษี 25% ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าจีน ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะขึ้นเป็น 100% ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะมีราคาขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อนำเข้ามาสหรัฐฯ 

ทั้งนี้ นโยบายนี้ยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีการประกาศเกี่ยวกับภาษีใหม่ในวันอังคารนี้ (14 พ.ค.67)

ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และยุโรป หลายรายเรียกร้องให้มีการขึ้นภาษี เนื่องจากการผลิต รถยนต์ไฟฟ้าจีน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยในปี 2015 ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าของจีนอยู่ที่เพียง 0.84% ซึ่งใกล้เคียงกับส่วนแบ่งการตลาดของสหรัฐฯ ที่ 0.66% แต่ในปี 2023 แม้ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นเพียง 7.6% แต่ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกลับพุ่งสูงไปถึง 37% แซงหน้าหลายประเทศในอุตสาหกรรมนี้

ปัจจุบันภายใต้ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้การผลิตยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีรถล้นตลาดและพอที่จะทำให้มีรถเหลือเฟือสำหรับการส่งออก และผู้ผลิตรถจีนก็ได้เริ่มส่งออกไปยังยุโรปจำนวนมาก จนถึงขั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาเรือขนส่งได้เพียงพอ

ฉะนั้นเพื่อไม่ให้โอกาสการขยายตัวของรถไฟฟ้าจีนเพิ่มไปกว่านี้ การขึ้นภาษีรถไฟฟ้าจีนที่จะเข้ามาในสหรัฐฯ จึงเป็นเกมกีดกันการค้าที่ดุเอาเรื่อง และนั่นก็จะส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีโอกาสได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาประหยัดและเทคโนโลยีล้ำสมัยน้อยลงด้วยไปโดยปริยาย

'ผู้บริหารจีน' ชิ่งลาออก!! หลังถูกจับได้ว่าไม่สนใจคุณภาพชีวิตพนักงาน  ภายใต้กระแสคนจีนต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานหนักแบบอุทิศชีวิต

(12 พ.ค.67) เพจ 'อ้ายจง' ได้โพสต์ข้อความในกรณีที่ผู้บริหารฝ่าย PR ของบริษัทยักษ์ใหญ่จีนลาออกหลังแสดงทัศนคติ สนับสนุนการทำงานหนัก ไม่สนใจ Work-Life Balance ว่า...

ประเด็นนี้เป็นเรื่องราวของผู้บริหารหญิงฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Baidu ที่กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลจีนเมื่อเร็วๆ นี้ หลังมีการเปิดเผยคลิปหลายคลิปที่แสดงถึงทัศนคติของเธอที่สนับสนุนการทำงานหนัก โดยไม่คำนึงถึงเวลาส่วนตัวหรือคุณภาพชีวิตของพนักงาน

โดยมีบางท่อนในการวิพากษ์วิจารณ์พนักงานคนหนึ่งที่ปฏิเสธการเดินทางไปดีลเรื่องธุรกิจเรื่องงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยกล่าวว่า "เหตุใดฉันจึงควรคำนึงถึงครอบครัวของพนักงานด้วย ฉันไม่ใช่แม่สามีของเธอ" 

นั่นเลยกลายเป็นดราม่าในโซเชียลจีนเลย โดยสื่อในจีนมีการรายงานถึงหุ้นของ Baidu ตก ราว 2.17% ในช่วงเวลาที่มีดราม่า

หลังจากโดนกระแสดรามาอย่างหนัก ผู้บริหารคนนี้จึงได้ออกมาขอโทษต่อสาธารณชน แสดงความเสียใจต่อความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เธอยังให้คำมั่นว่าจะพัฒนาทักษะการสื่อสารของเธอและแสดงความเอาใจใส่ต่อเพื่อนร่วมงานมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง

นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตออกมาสำทับด้วยว่า สิ่งที่คทำงานยุคนี้ต่อต้าน จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของการทำงานหนักหรอก แต่ต่อต้าน การเอาเปรียบของบริษัทมากกว่า

โดยทางเพจได้โพสต์เสริมประเด็นนี้ ว่า...ทุกวันนี้คนจีนเรียกร้องเรื่องทำงานหนักจนไม่มีเวลาส่วนตัวกันมากขึ้น อย่างที่เคยได้ยินประเด็น 996 หรือ ทำงาน 9AM ถึง 9PM 6 วันต่อสัปดาห์ จนจุดให้เกิดกระแสต่อมาจากคนจีนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีแนวคิดที่เรียกว่า 躺平 หรือ 'นอนราบ' ซึ่งเป็นภาวะหมดความทะเยอะทะยานในชีวิต คือ ปล่อยจอยแล้ว เพราะเริ่มสงสัยว่า แนวคิดที่เคยมีมาตั้งแต่สมัยก่อน เรื่องทำงานให้หนักแล้วจะสบายในภายภาคหน้า มันจริงหรือไม่ ด้วยสภาพสังคมที่แข่งขันสูงกดดันมากและภาวะเศรษฐกิจ จะเป็นแบบนั้นได้จริงๆ หรือ

‘จีน’ ออกกฎหมายใหม่ ให้ตำรวจเช็กมือถือ ‘ปชช.-นทท.’ ได้ เพื่อ ‘ตรวจจับสายลับ-เสริมสร้างความมั่นคงของชาติ’ 

(12 พ.ค.67) กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีน ประกาศกฎหมายใหม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ และต่อต้านพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติและการตรวจจับสายลับต่างชาติ

เมื่อตำรวจอย่างน้อย 2 คนแสดงบัตรตำรวจก็จะสามารถตรวจสอบการส่งข้อความ อีเมล กลุ่มสนทนาในแอปพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงเอกสาร ภาพ ไฟล์เสียง และคลิปวิดีโอบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

กฎหมายใหม่นี้เปิดโอกาสให้ตำรวจเข้าหยุดประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาได้โดยไม่ต้องใช้หมายค้น หรืออยู่ระหว่างการสอบสวนคดีอาญา

ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ากฎหมายใหม่นี้ จะสร้างความหวาดกลัวในจีน และทำให้ประชาชนต้องควบคุมพฤติกรรมของตนเองมากกว่าที่เป็นอยู่

‘จีน’ ผุดโครงการส่งเสริม ‘สุขภาพจิต’ นักเรียนทั่วประเทศ เล็งใส่ใจเด็กที่ถูกทิ้งตามลำพัง เหตุผู้ปกครองต้องไปทำงาน

(14 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนังสือเวียนจากกระทรวงศึกษาธิการของจีน เปิดเผยการดำเนินโครงการรณรงค์ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้และการศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิตของนักเรียน โดยจะจัดต่อเนื่องตลอดเดือนพฤษภาคม และเป็นโครงการระยะหนึ่งเดือนโครงการแรกของจีนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้

หนังสือเวียนกำหนดให้หน่วยงานด้านการศึกษาท้องถิ่น จัดการศึกษาด้านสุขภาพจิตและโครงการแนะแนวสำหรับเด็กและนักเรียนในหลายระดับการศึกษา โดยหน่วยงานควรมุ่งให้ความใส่ใจกับสภาพจิตใจของเด็กที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังในพื้นที่ชนบทเนื่องจากผู้ปกครองต้องทำงานอยู่ในเมือง รวมถึงลูก ๆ ของแรงงานต่างถิ่น และจัดการให้คำปรึกษาและการบำบัดทางจิตวิทยากับเด็กกลุ่มดังกล่าวเมื่อจำเป็น

ด้านคณะครูควรเข้าร่วมการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้ด้านจิตวิทยา และช่วยดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนผ่านงานสอนหนังสือ

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านการศึกษาและโรงเรียนควรจัดการบรรยายและให้บริการคำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเพื่อให้คำแนะนำเชิงวิชาการแก่พวกเขาเกี่ยวกับประเด็นนี้

การเดินทางของ ‘ทุเรียนไทย’ สดใหม่ สู่ ‘ตลาดจีน’ ในไม่กี่วัน หลังรับอานิสงส์หลายด้าน ‘พิธีการศุลกากร-เก็บรักษา-วิธีขนส่ง’

เมื่อวานนี้ (14 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาพคนงานปีนต้นทุเรียนใช้มีดตัดผลผลิตบนยอดสูงชะลูด ก่อนโยนให้เพื่อนคนงานที่รอรับใต้ต้นอย่างชำนิชำนาญด้วยถุงกระสอบ ส่งสัญญาณการเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยวทุเรียนในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนแห่งสำคัญของไทย

ศศิธร เจ้าของสวนทุเรียนมากกว่า 2,000 ต้น ผู้ทำธุรกิจซื้อขายทุเรียนมานานกว่า 10 ปี เล่าว่าเธอจ้างคนงานตัดผลผลิตทุกวันมากกว่า 40 คนในฤดูเก็บเกี่ยวทุเรียนปีนี้ โดยผลผลิตของปีนี้ลดลงเพราะภัยแล้ง สวนทางกับความต้องการทุเรียนของตลาดจีนที่ยังคงสูง

"เราส่งออกทุเรียนหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์กระดุมที่สุกพร้อมเก็บเกี่ยวก่อนหน้านี้และพันธุ์หมอนทองที่ชาวจีนนิยม" ศศิธรกล่าว โดยทุเรียนจากสวนของศศิธรถูกขนส่งสู่โรงงานแปรรูปใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เพื่อคัดเลือก ชั่งน้ำหนัก บรรจุหีบห่อ และเคลื่อนย้ายสู่สายส่ง

วีระชัย ผู้จัดการโรงงานแปรรูปทุเรียน บอกกับสำนักข่าวซินหัวว่า จีนเป็นตลาดสำคัญมาก โดยปีนี้ส่งออกทุเรียน 23 ตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ส่วนใหญ่ส่งออก 3 ทาง แบ่งเป็นทางอากาศร้อยละ 20 ทางทะเลร้อยละ 40 และทางบกร้อยละ 40

อนึ่ง ไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนรายใหญ่ของโลก โดยข้อมูลจากสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีนระบุว่า จีนนำเข้าทุเรียนสดในปี 2023 รวม 1.426 ล้านตัน ซึ่งเป็นทุเรียนสดจากไทย 929,000 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 65.15 การนำเข้าทุเรียนสดทั้งหมดของจีน

ก่อนหน้านี้ผลไม้เมืองร้อนที่ผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียนมักเข้าสู่ตลาดจีนได้ยาก เนื่องจากมีอายุการเก็บรักษาที่สั้น กอปรกับข้อจำกัดด้านการขนส่งและคลังสินค้า ทว่าปัจจุบันทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ จากอาเซียนสามารถถูกขนส่งสู่ตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกข้างต้นเป็นผลจากการเสริมสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน การบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตลอดจนโครงการเชื่อมต่อจำนวนมาก เช่น ระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลใหม่ (สายตะวันตก) และการพัฒนาอันรวดเร็วของระบบโลจิสติกส์ห่วงโซ่ความเย็นและอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

ขณะด่านโหย่วอี้หรือด่านมิตรภาพในเมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเวียดนาม ได้รับรองการนำเข้าทุเรียนไทยในปี 2023 รวม 282,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 162.4 เมื่อเทียบปีต่อปี และรับรองการนำเข้าทุเรียนสดในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปีนี้ ราว 48,000 ตัน ซึ่งเป็นทุเรียนสดจากไทย 13,000 ตัน

การนำเข้าและส่งออกที่เฟื่องฟูนี้เป็นผลประโยชน์จากนโยบายปลอดภาษีศุลกากรและการเพิ่มประสิทธิภาพพิธีการศุลกากร โดยหวงเฟยเฟย เจ้าหน้าที่ศุลกากรด่านโหย่วอี้ เผยว่ามีการอัปเกรดจุดกำกับดูแลอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการสร้างช่องทางพิเศษสำหรับทุเรียนนำเข้า และดำเนินมาตรการเกื้อหนุนพิธีการศุลกากร เช่น ช่องทางด่วนสำหรับผลไม้นำเข้า ส่วนตลาดไห่จี๋ซิงในนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผลไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในกว่างซี ได้รับรองการนำเข้าทุเรียนสดจากไทยเช่นกัน โดยโม่เจียหมิง พ่อค้าคนหนึ่ง นำเข้าทุเรียนจากไทยราว 50 ตันทุกวัน และจัดจำหน่ายสู่ตลาดในประเทศผ่านหลายช่องทาง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ร้านค้าปลีก และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

โม่เล่าว่าปีนี้นำเข้าทุเรียนราว 1,800 ตันแล้ว โดยทุเรียนจากไทยถูกขนส่งมาป้อนตลาดจีนได้เร็วขึ้นภายใน 3-5 วัน เนื่องด้วยอานิสงส์จากการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากรและเทคโนโลยีการเก็บรักษาแบบห่วงโซ่ความเย็น รวมถึงมีวิธีการขนส่งให้เลือกเพิ่มขึ้น ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และทางราง

ทั้งนี้ โม่ที่ทำธุรกิจนำเข้าทุเรียนมานาน 6 ปีแล้ว เชื่อว่าตลาดทุเรียนของจีนยังคงมีศักยภาพมหาศาล โดยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-อาเซียนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น บวกกับนโยบายและมาตรการเกื้อหนุนต่าง ๆ จะช่วยฟื้นฟูและพัฒนาตลาดผู้บริโภค ทำให้ทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ จากอาเซียนคว้าโอกาสจากตลาดจีนเพิ่มขึ้นในอนาคต

‘บริษัทจีน’ เปลี่ยน ‘ฟางพืช’ เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 6-7 แสนตันต่อปี

(16 พ.ค. 67) จีนกำลังเดินหน้าผลักดันการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานชีวมวล เพื่อช่วยบรรลุเป้าหมายคาร์บอนคู่ขนาน (dual carbon) ซึ่งบริษัทแห่งหนึ่งในนครจี่หนาน มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีนก็ได้ทำตามแผนการนี้ ด้วยการเปลี่ยนฟางพืชประเภทต่าง ๆ สู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เกาเส้าเฟิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยชีวมวลของเซิ่งเฉวียน กรุ๊ป (Shengquan Group) กล่าวว่าส่วนประกอบหลักในฟาง ได้แก่ เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) ลิกนิน (lignin) และเซลลูโลส (cellulose) ส่วนประกอบเหล่านี้สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลายแบบ อาทิ สารทดแทนปิโตรเลียมและถ่านหิน เมทานอลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เอทานอลจากเซลลูโลส น้ำมันก๊าดสำหรับการบิน น้ำมันดีเซลและน้ำมันก๊าดชีวภาพ และอื่น ๆ

บริษัทเซิ่งเฉวียน ดำเนินโครงการกลั่นชีวมวลระดับล้านตันแบบบูรณาการระยะแรกมาตั้งแต่ปี 2023 จนขณะนี้สามารถแปรรูปฟางพืชได้ 500,000 ตันต่อปี ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 600,000-700,000 ตันต่อปี

ด้านถังเจิงหยวน กรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของเซิ่งเฉวียน กรุ๊ป กล่าวว่าปัจจุบัน สินค้าส่งออกหลักคือฟีนอลิกเรซิน (phenolic resin) และเรซินสำหรับหล่อ โดยมีประเทศปลายทางส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และอเมริกา พร้อมเสริมว่าเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอยู่ที่กว่าร้อยละ 20 ต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงสุดราวร้อยละ 30 เมื่อปีก่อน 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top