Sunday, 19 May 2024
ก้าวไกล

'หมอวรงค์' วิเคราะห์ 3 ต้นสายปลายเหตุ 'ก้าวไกล' ทิ้งซักฟอก 'ฮ่องกงมิตติ้ง-ย้อนศรล้มล้างปากปกครอง-ไร้น้ำยา'

(29 ก.พ.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ซักฟอกรัฐบาล’ ระบุว่า เมื่อปลายเดือนมกราคม 2567ที่ผ่านมา นายพิธาเองเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเศรษฐา ช่วงเดือนเมษายนนี้ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ในประเด็นทุจริต บริหารล้มเหลว ทำงานล่าช้า

แต่กลายเป็นว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุดนี้เอง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงกลับลำเฉยว่า จะยังไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมนี้ เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหาร ยังไม่ได้ใช้งบ

พรรคก้าวไกลแน่ใจหรือว่า รัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร แล้วไม่มีประเด็นที่ประชาชน อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริงมีหลายประเด็นมากที่ประชาชนสงสัย เช่น

การใช้อภิสิทธิ์ของนักโทษชายทักษิณ ซึ่งฝ่ายค้านตรวจสอบเรื่องนี้น้อยมาก ทั้งๆ ที่หลักฐานข้อมูล เอกสารต่างๆ ชัดเจนมาก

โครงการแจกเงินดิจิทัล 10000บาท สรุปแล้วจะได้หรือไม่ แล้วที่สัญญาว่าจะไม่กู้ยังจะกู้ไหม

ปัญหายาบ้า 5 เม็ด ที่นำไปสู่ การค้าบ้าเสรีสำหรับรายย่อย

ปัญหาเกาะกูด ที่ประชาชนหวาดระแวง ที่จะนำไปสู่การเสียดินแดน ทั้งๆ ที่สัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในปี 2449 ระบุชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย

ปัญหาปากท้องประชาชน จนตลาดเงียบเป็นป่าช้า

หรือแม้แต่ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่เมื่อเปลี่ยนเป็นโฉนดเพื่อการเกษตรแต่กลายเป็นเอื้อนายทุนฮุบที่ป่าได้เป็นทางการ

คำถามที่ต้องถามกลับไปยังพรรคก้าวไกล ทำไมพวกท่านไม่กล้าซักฟอกรัฐบาล หรือว่า

1.การที่นายธนาธรไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ทำให้พรรคไม่กล้าซักฟอกนายทักษิณ

2.หรือพรรคก้าวไกลกลัวถูกย้อนศร กรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องล้มล้างการปกครองฯ ในทำนองเองก็ชั่ว ข้าก็เลว

3.หรือว่าพรรคก้าวไกลไร้น้ำยาจริงๆ มีแต่จะยกเลิก ม.112 ระวังถ้าเป็นแบบนี้สักวันหนึ่งจะโดนโห่ไล่ลงเวที

'ก้าวไกล' ยันไม่ทิ้งซักฟอกรัฐบาล แค่ยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด

(29 ก.พ.67) ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีกระแสข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ซักฟอกรัฐบาลผ่านการอภิปรายแบบไม่ลงมติหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าความจริงแล้วพรรคก้าวไกลยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด อย่างที่ประชาชนเห็นการทำงานของเรา การอภิปรายต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มากพอ ต้องนำไปสู่การซักฟอกที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมจริง ๆ ไม่ใช่แค่เปิดอภิปรายเมื่อถึงวาระ 

อีกทั้งปีนี้การพิจารณางบประมาณ 2567 และงบประมาณ 2568 มีระยะเวลาใกล้กันมาก ประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ ก็จะเป็นช่วงการพิจารณางบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นงบที่จัดโดยรัฐบาลชุดนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะได้เห็นหน้าตางบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา 1 จึงถือเป็นอีกโอกาสที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ตรวจสอบรัฐบาลผ่านงบประมาณด้วย 

“ยืนยันว่าพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ซักฟอกและตรวจสอบรัฐบาลมาโดยตลอด ผ่านกลไกกระทู้ทั่วไป กระทู้ถามสด หรือกรรมาธิการ ดังนั้นหากจะมาตั้งข้อสังเกตว่าเราไม่ตรวจสอบรัฐบาล คงเป็นการกล่าวหากันมากไป ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และการอภิปรายซักฟอกนั้นต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มี ก่อนจะพิจารณาอีกทีว่าจะเป็นอภิปรายทั่วไปหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ” ภคมนกล่าว

รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า เชื่อว่าพี่น้องประชาชนและสังคมเห็นการทำงานของพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ว่าเราทำหน้าที่ฝ่านค้านเชิงรุกอย่างเต็มที่ ใช้ทุกโอกาสในการตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้นสำหรับคนที่พยายามกล่าวหาพรรคก้าวไกล แล้วใช้วิธีเชื่อมโยงแบบมั่วๆ เหมือนที่เคยทำมา ขอให้รู้ว่าพรรคก้าวไกลทำงานการเมืองแบบมีเป้าหมายและทำงานด้วยข้อมูล หากจะวิเคราะห์วิจารณ์กันเราก็รับฟัง แต่ขอให้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง อยากเชิญชวนให้ทำงานกันแบบนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ยกระดับการเมืองไทยให้ดีกว่าที่เคยเป็น

'สส.เต้-ก้าวไกล' หน้าชา!! หลังฟังคำชี้ชัด 'นายกเทศบาลอยุธยา' "มติเอกฉันท์สภาเทศบาลหนุนสร้างรถไฟความเร็วสูงในจุดพื้นที่เดิม"

เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) มีประเด็นให้ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคก้าวไกล ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีอยุธยา อ้างว่ากระทบมรดกโลก พร้อมเสนอให้สร้างเป็นสถานีใต้ดินแทน แบบรถไฟ้าสายสีน้ำเงิน จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ต่อมา พบว่าเมื่อวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายทวิวงศ์พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ในเขตตัวเอง เพื่อแจกใบปลิวเชิญชวนประชาชน ให้ร่วมประชุมรับฟังผลกระทบการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่เทศบาลเมืองอโยธยา ซึ่งปรากฏว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายทวิวงศ์ ได้ให้ทีมงานถือป้ายทำโพลถามประชาชนด้วย โดยตั้งหัวข้อว่า ชาวอยุธยาต้องการสถานีรถไฟความเร็วสูงในรูปแบบใด ระหว่างสถานีลอยฟ้า กับสถานีใต้ดิน ทั้งนี้ การทำโพลในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการถอดแบบมาจากกลุ่มทะลุวัง ที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ เพื่อโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำโดยว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้ลงมติสนับสนุนการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง ณ สถานที่เดิม ตามสัญญาของรัฐบาล โดยสภาชิกสภาเทศบาลทุกคนที่อยู่ในห้อง ต่างยกมือสนับสนุนทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดข้างเคียง ได้รับประโยชน์จากการสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง

นอกจากนี้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการประชุมเสวนาเรื่อง ปัญหาการสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยุธยา ซึ่งมีประชาชนชาวอยุธยา และนายทวิวงศ์ รวมถึงคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมเสวนา ปรากฏว่าหลังการเสวนา ว่าที่ร้อยตรีสมทรง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับนายทวิวงศ์ โดยแนะนำนายทวิวงศ์ ว่า "มาช่วยกันเร่งพัฒนาตลาดหัวรอ แทนที่จะไปมุ่งแต่คัดค้านรถไฟความเร็วสูง เพราะยิ่งค้านก็ยิ่งแย่ ตอนนี้คนหัวหงอกเค้าออกมาแสดงจุดยืนกันหมดแล้ว และสิ่งที่คิดให้สร้างเป็นสถานีใต้ดิน ขุดไปก็เจอแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้เราเสียโอกาสไปเยอะ แนะนำให้ สส.เต้ รีบพลิกเกมซะ"

'ด้อมส้มรักเจ้า' ประกาศกร้าว!! ก้าวไกลแลนด์สไลด์รอบหน้า ต้องยึด รธน. 60 คัดทิ้งผู้สมัครถ่อย ไม่ถอยให้คอร์รัปชัน ยึดมั่นใน 'ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์'

(1 มี.ค.67) จากช่องติ๊กต็อก @dlyplmpud ด้อมส้มผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไปพร้อม ๆ กับสนับสนุนพรรคก้าวไกล ได้โพสต์คลิปวิดีโอเปิดใจต่อพรรคก้าวไกล แนะนำว่าควรปรับเปลี่ยนตัวพรรคอย่างไรบ้าง เพื่อแลนด์สไลด์ในภายภาคหน้า โดยระบุว่า…

สวัสดีครับผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่รักชาติ รักสถาบันทุกท่าน…ถึงแม้เราจะเลือกก้าวไกล แต่เราก็รักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหมือนกันกับทุกคน ดังนั้น ผมขอสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลสมัยหน้าเราแลนด์สไลด์ และต้องคัดเลือกผู้สมัครที่มีประวัติสวยงาม ประวัติไม่ดีหรือเป็นอาชญากรตัดออกจากพรรคให้หมด พร้อมดําเนินการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ กล้าชนกับทุกคอร์รัปชัน โดยอิงตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลงมติมา 16 ล้านเสียงให้เป็นรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ฉบับนี้ ดังนั้นขอสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลดําเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 ผู้ประกันรัฐธรรมนูญ 2560 มีโทษถึงประหารชีวิตสําหรับคนที่ทุจริตและคอร์รัปชัน

ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพราะเราจะมาต่อต้านคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมตัดคนที่โกหกออกจากพรรค เพราะคนที่โกหกไม่ทําชั่วไม่มี และกําจัดคนที่คิดล้มล้างสถาบันออกไปจากพรรคให้หมด อย่าให้การสนับสนุนใด ๆ กับคนพวกนี้ ซึ่งเป็นคนคิดชั่ว อย่าให้มาแปะเปื้อนกับพรรคที่สวยงามของเรา

สนับสนุนให้พรรคก้าวไกลคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่าเอาผู้สมัครที่แสดงพฤติกรรมเถื่อนถ่อยและนิสัยที่ไม่ดีทางโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลใด ๆ มาเป็นผู้แทน ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน และสนับสนุนให้พรรคส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามและมารยาทที่ดีงาม นําความสวยงามของความเป็นคนไทยไปสู่สากล นําไทยให้เป็นผู้นําสากล ไม่ใช่เอาสากลมาครอบงําประเทศไทย ขอสนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกวิถีทางช่วยกันพี่น้อง…

ลับลวงลึก ‘ก้าวไกล’ ไม่ใช้บริการ ม.151 เบนเข็มกวาดเก้าอี้ สว.- เลือกตั้งนายกฯ อบจ.

ถูกต้อง…ตรงเผงอย่างที่เพื่อนสื่อมวลชนบางสำนัก ผู้สันทัดกรณีหลายคนสรุปว่า…ในที่สุดพรรคก้าวไกลก็ ‘ก้าวไม่ไกล’ เท่าไหร่..ไปได้แค่มาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ

“มาตรา 152 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติก็ได้”

พรรคก้าวไกลไม่ใช้บริการ มาตรา 151 อภิปรายแบบลงมติ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง พ้นจากตำแหน่งทันที...จะว่าไปก็พอเข้าใจได้ระดับหนึ่งว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ครึ่งปี จะขยี้จับขึ้นเขียงเชือดเลยก็อาจจะเร็วไป...แต่มองในอีกมุม มาตรฐานและฝีมือตามราคาคุยของพรรคก้าวไกล มันน่าจะทำได้...

เรื่องหมูเถื่อน ตีนไก่เถื่อน ส.ป.ก.โคราช /-ส.ป.ก.โฉนดทองคำสุดซอย กรณีนักโทษเทวดา ฯลฯ อย่างน้อยก็มี รมต. 2-3 คนให้อภิปรายไม่วางใจแบบลงมติได้...แต่ก้าวไกลไปไม่ถึง…

เป็นธรรมดาอยู่เองที่งานนี้...พรรคก้าวไกลของคุณพี่ชัยธวัช ตุลาธน เพื่อนเลิฟผู้นำจิตวิญญาณพรรคก้าวไกล ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะถูกตั้งคำถามว่า...ใช่หรือไม่เบื้องลึกจริงแกนนำพรรคก้าวไกลตัวจริงเสียงจริงยังเกรงอกเกรงใจ…แพ้ทางทักษิณ ชินวัตร เลยต้องใช้ยุทธวิธี ‘แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง’

ถ้าฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนใจ...ก็คงจะได้อภิปรายทั่วไปต้นเดือนเม.ย. ต่อคิวหรือตามหลังสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่จะอภิปรายจัดหนักจัดเต็มในวันที่ 25 มี.ค. งานนี้ถ้า สว. โชว์ฟอร์มดี ๆ ก้าวไกล-ประชาธิปัตย์ ก็อาจจะเป็นได้แค่เดินตามรอยโปรในเกมกอล์ฟเท่านั้น...

อย่างไรก็ตาม ก็จะเป็นอีกเวทีใหญ่ที่พรรคก้าวไกลได้ปล่อย สส.หน้าใหม่ แถวสี่ แถวห้าออกมาโชว์ฟอร์ม ให้สปอตไลต์ฉายจับ เพราะงานใหญ่ของพรรคก้าวไกลตอนนี้คือ การเดินเกมลึกยึดเวทีเลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ 200 คน ซึ่งจะมาจากการเลือก (ไขว้) กันเองใน 20 กลุ่มวิชาชีพ ในราวเดือนก.ค.

เมื่อ 14 พ.ค. 2566 ก้าวไกลเป็นแชมป์เลือกตั้งคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใน 44 จังหวัด ถ้าบริหารจัดการดี ๆ น่าจะยึดเก้าอี้ สว. ได้หลายสิบเก้าอี้…

แล้วหลังจากนั้น…ราวเดือนก.พ. 2568 ก็ถึงวาระการเลือกตั้งสจ. - นายกอบจ. พร้อมกันทั่วประเทศ คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ว่าก็น่าจะออกฤทธิ์ออกเดชในเชิงบวกให้กับพรรคส้ม...ต้องรอดูว่า 76 นายกอบจ. จะแหวกม่านบ้านใหญ่มาได้กี่จังหวัด…

วันก่อนคุณลุงพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของตะวัน ไปประกาศที่ภูเก็ตว่าไม่เอาแลนด์บริดจ์ แต่จะเอาแลนด์สไลด์…จังหวัดภูเก็ตต้องเด็ดทั้งเกาะ...ได้ 3 สส. แล้วต้องเอานายกอบจ. ด้วย

พร้อม ๆ กับที่อุดรธานีก็เดินงานกันอย่างขันแข็ง ส่ง ‘คณิศร ขุริรัง’ ตั้งเป้าล้ม ‘วิเชียร ขาวขำ’ หวังจะเปลี่ยนอุดรธานีจากเมืองหลวงคนเสื้อแดง เป็นเมืองหลวงสีส้ม กันเลยทีเดียว…

สรุปความตามท้องเรื่อง...ก้าวไกลอภิปรายทั่วไป ไปงั้น ๆ…ความมุ่งมั่นอยู่ที่งานใหญ่เลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ และยุทธการยึด อบจ.โน่น

สวัสดี!!

'เต้-มงคลกิตติ์' แจ้งจับ 'พิธา-พวก' เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง อาจต้องโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหลายราย

(4 มี.ค.67) ที่ศูนย์รับแจ้งความ บชก. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีพรรคก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ฉบับเต็มรวม 32 หน้า มามอบให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ประกอบการพิจารณาดำเนินคดีอาญา กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และผู้บริหารพรรคก้าวไกล รวมความ 10 ราย

นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าก้าวไกลเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ตนได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับนายพิธาและพวกตามกฎหมาย ซึ่งหลังยื่นคำร้องดังกล่าว ทาง ผบ. ตร.ได้ดำเนินการมีคำสั่งมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งวันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เจ้าของสำนวนคดีนี้ ได้นัดให้ตนนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม มามอบให้กับพนักงานสอบสวน ในฐานะผู้ร้อง

"มองว่าคดีนี้ต้องทำให้เป็นเยี่ยงอย่างเพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคตเพราะการใช้นโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และพยายามให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบการปกครองประเทศ ที่สำคัญมีการบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยธรรมวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว มีความชัดเจนว่าการกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกลเป็นความผิดร้ายแรง แต่เป็นความผิดเฉพาะบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เชื่อว่าหากพนักงานสอบสวนดำเนินคดีจะมีผู้ถูกออกหมายจับ อาจต้องโทษถึงประหารชีวิตถึง 10 ราย และจำคุกตลอดชีวิตอีกหลายคน" นายมงคลกิตติ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเจ้าของสำนวนคดี ได้รับคำวินิจฉัยดังกล่าวไว้ประกอบการพิจารณา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘อ.เจษฎ์’ ชี้!! ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ คือกรอบใหญ่ที่พรรคก้าวไกลใช้ล้มล้างสถาบัน

จากรายการ ‘เข้มข่าวใหญ่’ ช่อง PPTV HD 36 ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีแก๊งทะลุวังป่วนขบวนเสด็จ และปฏิกิริยาของพรรคก้าวไกลต่อกรณีนี้

โดยบางช่วงบางตอน รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า “แต่ละคนถือจิ๊กซอว์ และมีคนจำนวนหนึ่งทำกรอบไว้ให้ สังเกตเวลาเราต่อจิ๊กซอว์ ภาพมันจะไม่สมบูรณ์ ถ้ามันไม่มีกรอบ…”

เหตุการณ์แก๊งทะลุวังป่วนขบวนเสด็จ คำแถลงของพรรคก้าวไกล หรือสิ่งที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ออกมาพูด ล้วนแล้วแต่เป็น ‘จิ๊กซอว์’ ชิ้นเล็ก ๆ ในความหมายของ รศ.ดร.เจษฎ์

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวเพิ่มว่า ทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันทำกรอบไว้แล้ว เป็นคำตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกล่าวไว้ นั่นคือ ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ ทุกสิ่งที่ทำ ที่เกิดขึ้น เช่น การพยายามเข้าหาขบวนเสด็จ แล้วพรรคก้าวไกลก็เรียงหน้ากันออกมา ร้อยเรียงถ้อยวาจา อ้างเสรีภาพอย่างนั้น อย่าล่าแม่หมดอย่างนี้ แต่ทั้งหมดนี้ร้อยเรียงกันแล้วแปลว่า ท่านไม่ได้ปราบบรรดาคนของท่าน แต่ท่านกำลังข่มขู่สังคม”

นอกจากนี้ รศ.ดร.เจษฎ์ ยังได้หยิบยกถ้อยคำของนายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดไว้เมื่อครั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง และเพื่อไทยพ่ายแพ้พรรคก้าวไกล ระบุว่า “คุณทักษิณกล่าวว่า ก้าวไกลใช้สิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI แล้วทำปฏิบัติการข้อมูล หรือ IO นี่คืออาวุธของพรรคก้าวไกลในทุกวันนี้”

'ธนาธร' ไม่สะเทือน หาก ‘ก้าวไกล’ ถูกปิดฉาก รอโกยคะแนนเห็นใจ ปิดปาก 'แม้ว' กลับเชียงใหม่

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ร้านพริ้มเพลิน จังหวัดปทุมธานี ในการสัมมนาของกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะวิทยากร ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ว่า สส.พรรคก้าวไกล มีวิจารณญาณ โดยตนเองคิดว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายเพื่อเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขในด้านต่างๆ

เมื่อถามว่ามั่นใจในพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่าข้อมูลอภิปรายจะแน่นพอในการตรวจสอบรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสภาชุด 2566 มา ตนเองเห็นแต่คุณภาพของ สส. พรรคก้าวไกล เทียบพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 กับก้าวไกล ปี 2566 สส.มีคุณภาพกว่าเยอะมาก อยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมสภา เพื่อดูว่า สส. ที่เลือกมาแต่ละคนทำผลงานมากน้อยเท่าไหร่ หากฟังทุกสิ่งที่ สส.ก้าวไกล เสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการในด้านต่างๆ ตนเองเชื่อว่าจะเห็นความมุ่งมั่นทำงานที่หนักหน่วง มีคุณภาพ “ดังนั้น ผมไว้เนื้อเชื่อใจ สส.ชุดนี้ครับ”

เมื่อถามว่ามองว่าในการอภิปรายควรมีประเด็นใดบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ตนเองไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่า นายชัยธวัช พิจารณาถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่ประเด็นเกมการเมือง แต่เน้นคุณภาพ

เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเริ่มพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกลสัปดาห์นี้ มองเรื่องนี้อย่างไรในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เคยถูกยุบ นายธนาธร ระบุว่า การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เพราะพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว เชื่อว่าผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ

เมื่อถามว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ นายธนาธร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า แล้วแต่ประชาชน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล มุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนประเทศให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี

ส่วนประเด็นเรื่อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไป จ.เชียงใหม่ มองว่าเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ นายธนาธร พูดทันทีว่า “โห ผมไม่มีความเห็นคิดในเรื่องนี้” เคยตอบไปแล้ว การบังคับใช้กฎหมายต้องเสมอภาค มีนักโทษคดีการเมืองเป็นพันคน เข้าใจว่ามีหลายสิบคนที่ยังอยู่ในคุก พวกเขาไม่ใช่เป็นคนที่ลักขโมยหรือฆ่าข่มขืนใคร พวกเขาเป็นนักโทษทางความคิด การพูดคิดอ่านเขียนไม่ควรเป็นอาชญากร

เมื่อถามว่า มีประชาชนไปรอต้อนรับ นายทักษิณ จะเป็นเป้าให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวสั้นๆ ว่า “ขอให้ไปถามพรรคเพื่อไทยดีกว่า”

'สส.เพื่อไทย' สงสัยท่าที 'วิโรจน์' อาจเล่นการเมืองจากปมเรือฟริเกต ไม่คัดค้านการตัดงบ ส่อโยนบาปให้ พท.ถูกมองตีเช็คเปล่าให้นายกฯ

(12 มี.ค. 67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านทรัพยากรบุคคล และได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังในคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กล่าวถึงกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. การทหาร สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นไม่คัดค้านการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน และกล่าวหาว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณส่วนนี้ ตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรีนั้น

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของนายวิโรจน์และพรรคก้าวไกล ที่เปลี่ยนไปต่อการจัดสรรงบประมาณด้านการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ การกล่าวอ้างว่าการจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน จะทำให้เกิดการจ้างงานมูลค่าหลักพันล้านบาท เกิดการเรียนรู้ทางวิศวกรรมการต่อเรือ และจะลดต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาว เป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก
เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฎ กองทัพเรือยังมิได้จัดทำ TOR เป็นเพียงเงื่อนไขที่กองทัพเรือจะเสนอต่อประเทศที่ยอมรับเงื่อนไขในการต่อเรือและจ้างงานในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการระบุชัดเจน การที่ คณะกมธ.ฯ งบประมาณ ไม่อนุมัติงบเรื่องเรือฟริเกตจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเมื่ออนุมัติ จะมีผลผูกพันทันที 5 ปี และมีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาททันที

คำพูดของ นายวิโรจน์ จึงเป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนักเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หาความชอบธรรมกับการไม่ปรับลดงบอาวุธกองทัพอันเป็นหลักการพรรคก้าวไกลยึดมั่นมาโดยตลอด

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ นายวิโรจน์ ที่ตั้งให้เหตุผลสนับสนุนการซื้อเรือฟริตเกต อย่างน้อยๆ ในการพิจารณางบประมาณปี 68 หากเรือฟริเกตถูกนำมาสู่การพิจารณาอีกครั้ง คณะกมธ.งบประมาณจะได้มีข้อมูลรอบคอบ รอบด้านมากขึ้น และอยากจะย้ำให้ นายวิโรจน์ เข้าใจหน้าที่ของคณะกมธ.งบประมาณ มีหน้าที่ต้องไตร่ตรองงบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่าภาษีประชาชน และ คณะกมธฯ งบประมาณ ประกอบด้วยตัวแทนของทุกพรรคการเมืองเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารแต่อย่างใด การตัดงบที่ไม่ชัดเจนในรายละเอียด จึงไม่ใช่เพื่อรัฐบาล แต่เพื่อพี่น้องประชาชน

น.ส.ลิณธิภรณ์ ยังฝากถึงพรรคก้าวไกลอีกว่า "อย่ามัวแต่เล่นเกมการเมือง โยนความผิดทุกเรื่องให้รัฐบาล และอยากถามกลับ ถ้าวันนี้ คณะ กมธ.งบประมาณปี 67 อนุมัติเรือฟริเกตผ่านโดยขาดความรัดกุม ในอนาคตหากเรือฟริเกตไม่สามารถเกิดการจ้างงาน หรือเกิดการถ่ายโอนทางเทคโนโลยีได้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รัฐบาลใช่หรือไม่ สุดท้ายฝ่ายค้านจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาลอยู่ดี เพิ่งเข้าใจบทบาทฝ่ายค้านสร้างสรรค์เป็นแบบนี้นี่เอง"

‘ไอติม’ ขออย่าเพิ่งด่วนสรุป หลัง กกต. ยื่นศาล รธน. ‘ยุบก้าวไกล’ ลั่น!! เตรียมแผนไว้พร้อม ซ้ำ!! ทีม กม.สู้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

(12 มี.ค.67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งสำนวนยุบพรรคก้าวไกล ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างไรบ้างนั้น ว่า พรรคก้าวไกล และทีมกฎหมายได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ ไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทีมกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องไม่ให้เกิดการยุบพรรค และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ประเด็นนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ชะตากรรมและอนาคตของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ ว่าสิ่งที่พรรคทำไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเราทำได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในอนาคต 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางพรรคเองเข้าใจดี การถูกยุบพรรคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับหลายพรรค เราไม่อยากให้พรรคการเมืองถูกยุบเป็นเรื่องปกติ ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเป็นพรรคที่มีคดีถูกยุบพรรคอยู่ อย่างกรณีพรรคภูมิใจไทยที่สังคมความสนใจอยู่ แม้จะมี สส. พรรคก้าวไกลเป็นผู้เปิดโปง เรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นกับบริหารพรรค แต่บทลงโทษที่เหมาะสมคงไม่ใช่การยุบพรรค ควรลงโทษที่ผู้บริหารพรรค 

เมื่อถามว่ามีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความจริงเท่าที่จะทำได้ จนถึงวันที่จะเกิดการวินิจฉัยคำตัดสินออกมา สส. และทีมงานของพรรคก็ยังทำงานเต็มที่ในการผลักดันกฎหมายความเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร แต่ทางผู้บริหารพรรค ได้เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เรามีการวางแผนทุกฉากทัศน์ ตนยืนยันเหมือนที่ได้ยืนยันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกความคิด ทุกนโยบาย ที่เราพยายามจะผลักดัน อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนชุดความคิดต่อไปในการเมืองไทยแน่นอน ไม่อยากให้เราด่วนสรุป ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบ จนกระทั่งมีคำวินิจฉัยศาลออกมา แต่สำคัญกว่านั้น ก็ไม่อยากให้เราตั้งค่านิยม การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ลูกพรรคจะเสียขวัญ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ยุบพรรค ก็มีสถานการณ์ผึ้งแตกรัง นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่านิยมของการเมืองไทย ถ้าพูดถึงขวัญกำลังใจ หรือความทุ่มเทของสมาชิกพรรค ตนคิดว่าเราเดินหน้าต่อเต็มที่อยู่แล้ว

"สิ่งที่เรากังวลมากกว่า คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อค่านิยมของการเมืองไทย เพราะยิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นพรรคการเมืองในอดีตด้วย กลายเป็นว่าเรากำลังไปสร้างค่านิยม หรือวัฒนธรรมทางการเมือง ที่การยุบพรรคกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เราควรจะสร้างนิเวศทางการเมือง ที่ทุกพรรคการเมืองสามารถเติบโตเป็นสถาบันการเมืองได้ ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ เป็นศูนย์รวมคนที่มีชุดความคิดแบบเดียวกัน" นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะจับมือกันแน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ ว่าคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. มี 2 อย่างที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเปลี่ยนแปลงสังคม และสภาวะนิติสงครามไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งแม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เกินจินตนาการ ตนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ 

เมื่อถามว่าในช่วงที่มีความอ่อนไหว จะไม่มี สส. ย้ายพรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหา มีชุดความคิดตรงกัน และมีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง ตัวอย่างเช่น การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ถ้าใครที่ติดตามการประชุมสภา จะเห็นว่าทุกสัปดาห์ มีกฎหมายที่ถูกเสนอโดยสส.พรรคก้าวไกล อย่างน้อย 1 ฉบับ ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ ตนมองว่าเป็นมิติใหม่ของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการดึงหรือบีบรัฐบาลให้ความสำคัญกับวาระที่เรามองว่าสำคัญ 

เมื่อถามว่า คดียุบพรรคจะทำให้เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่เสียสมาธิแน่นอน ตั้งแต่เริ่มทำงานสภาชุดนี้มา พรรคไกลก็เดินคู่ขนานอยู่แล้วทีมกฎหมายก็ทำเต็มที่ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วน สส. ก็ทำงานในสภา โดยเดินหน้าต่ออย่างไม่เสียสมาธิ 

ส่วนจะยังเข้มข้นอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เข้มข้นเหมือนเดิม เราก็ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงที่เรารับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ

นายพริษฐ์ กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายในมาตรา 152 ว่า จะมีการเปิดให้ สส. ยื่นความจำนง ว่าจะอภิปรายในประเด็นอะไร ก่อนที่จะมีการคัดเลือก ยืนยันว่าข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน ละเอียด ทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว ซึ่ง สส. ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลและทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top