Monday, 6 May 2024
ก้าวไกล

'สส.ก้าวไกล' ไม่แตะ 'ทักษิณ' ศึกอภิปรายรัฐบาล  อ้าง 'โรม' จัดหนักไปแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็มีอยู่

(2 เม.ย.67) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคก้าวไกล ว่า ทางพรรคก้าวไกลได้มีการเตรียมประเด็นครอบคลุมทุกเนื้อหา ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญชวนติดตาม

เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นเอนเอียงไปฝั่งรัฐบาลนั้น จะทำให้เสถียรภาพการทำงานของพรรคฝ่ายค้านไม่มั่นคงหรือไม่? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “ตนไม่เข้าใจความหมายว่าเอนเอียงไปฝั่งรัฐบาลจะเป็นในเนื้อหาหรืออะไร แต่เรารอรับฟังพร้อมกัน คิดว่าทั้งหมดอาจไม่ถูกใจพี่น้องประชาชน แต่เราต้องการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล เพราะการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่ได้ลงมติ คงไม่มีใครยกมือให้ผ่านหรือไม่ผ่าน การซักถามก็อาจจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ถ้ารัฐมนตรีตอบได้หรือรับฟังข้อเสนอแนะของ สส.ฝ่ายค้านก็จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ถ้าบอกว่าเอนเอียงก็จะเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ถ้าถามแล้วประชาชนถูกใจ รัฐมนตรีตอบได้ และนำไปปรับปรุงแก้ไขก็เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน”

เมื่อถามว่าส่วนหัวข้อการอภิปรายที่รัฐบาลติงว่าหัวข้อของพรรคก้าวไกลไม่สร้างสรรค์? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “คิดว่าเป็นเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปของพรรคฝ่ายค้านจะสร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์หรือไม่อยู่ที่เนื้อหา หัวข้อก็เป็นเหมือนน้ำจิ้มที่เชิญชวนให้ประชาชนติดตาม อาจจะตั้งเป็นประเด็นเพื่อให้สังคมติดตามมากกว่า ส่วนเนื้อหาอยากให้คนติดตามในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้ ว่าน่าสนใจเพียงใด”

เมื่อถามว่าเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสมองว่าพรรคก้าวไกลอาจจะทำได้ไม่ดีนั้น? นายปิยรัฐ กล่าวว่า เรื่องนายทักษิณเราไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะล่าสุดนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จัดหนักพอสมควร ไม่ต้องอภิปรายมาตรา 152 ก็จัดหนักกันไปแล้ว ถ้าจะมากกว่านั้น ตนคิดว่าคงจะต้องถึงลูกถึงคนกว่านั้น น่าจะเป็นเรื่องรายละเอียด มั่นใจว่ามีทุกเรื่องสาระสำคัญ เรื่องนายทักษิณเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม เรามีหัวข้อนี้อยู่”

เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลขอเพิ่มเวลาให้รัฐมนตรีชี้แจง ฝ่ายค้านมองอย่างไรบ้าง? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “ตนไม่ทราบมติวิปฝ่ายค้านว่ามีการตกลงอย่างไร จึงขอสงวนคำตอบนี้ไว้ก่อน” 

‘จตุพร’ เชื่อ!! ‘ก้าวไกล’ ซักฟอกทิ้งทวน ก่อนโดน ‘ยุบพรรค’ ไม่เกินเดือนเมษา

(3 เม.ย.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ระบุถึงสงครามตัวแทนโจมตี กล่าวหาคดีส่วยพนันออนไลน์ได้กระชากฉุดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เละเทะ เสื่อมทรุด และยิ่งสะท้อนภาวะผู้นำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไร้ศักยภาพโดยสิ้นเชิง จึงถูกบีบให้พ้นนายกฯ ไปตามดีลที่สัญญากันไว้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถูกศาลอาญาออกหมายจับเมื่อเย็นวันที่ 2 เม.ย. เพราะไม่รายงานตัวตามหมายเรียกถึง 2 ครั้ง กรณีข้อหาฟอกเงินการพนันออนไลน์ แต่เข้าแสดงตัวกับ สน.เตาปูน เรียบร้อยแล้วและได้ประกันตัวในเวลาถัดมาในวันเดียวกัน ดังนั้นแสดงว่าดีลอำนาจส่งสัญญาณเล่นกันหนักและรุนแรงขึ้น

“สงครามตัวแทนของบิ๊กตำรวจใหญ่ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ่งทำให้ ตร. พังพาบไม่มีชิ้นดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา สั่งให้ทั้งคู่มาช่วยงานสำนักนายกฯ แล้วก็ตาม แต่การโจมตี กล่าวหากันและกันยังไม่ยุติลง ไม่เพียงเท่านั้น แม้บิ๊กตำรวจทั้ง 2 คน ได้แถลงข่าวกอดเอวคืนดีต่อกันชื่นมื่น แต่ฝ่ายสนับสนุนทั้ง 2 บิ๊กต่างเปิดศึกลามปามหนักไปกันใหญ่ และยากจะจบลงง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อนายกฯ เป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จึงสมควรทำอะไรมากกว่านี้ เพราะระบบของ ตร.เละถึงขั้นต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจกับตำรวจชั้นผู้น้อย” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ ตร. ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คนทะเลาะกันอีกแล้ว แต่ต้องยกระดับให้เป็นเรื่องการปฏิรูปหรือปฏิวัติการทำงานใน ตร. ล้างกันขนานใหญ่ จัดระบบโครงสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนให้ได้ ดังนั้น ตร. ควรมีการเปลี่ยนการทำงานภายในครั้งใหญ่ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นเพราะระบบทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา ขณะที่ ตร.ทรุดพัง เละเทะ รัฐบาลกลับคิดโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาสิโนขึ้นมา แล้วจะคาดหวังความคุ้มครองจากตำรวจได้อย่างไร หรือแค่ต้องการให้มีการเปลี่ยนสลับมือเอาคนมาหาผลประโยชน์จากคาสิโนที่จะตั้งขึ้นมาใหม่อีก

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลที่ผ่านมาเคยคิดจะตั้งคาสิโนขึ้นมาแล้ว แต่ผู้มีอำนาจในซีกรัฐบาลบางคนขอเรียกหุ้นลม 20% เป็นเรื่องถูกนินทาของทุกแวดวง ดังนั้นในคราวนี้เมื่อตำรวจมีปัญหาการหาประโยชน์จากช่องว่างผิดกฎหมาย แล้วเกิดระบบส่วย ทำให้มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะต้องเอาเงินคืนจากธุรกิจผิดกฎหมายเก็บสะสมเพื่อวิ่งเต้นหาตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกเป็นทอด ๆ นายกฯ ควรมอบหมายให้ ก.ตร. ประชุมเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตศรัทธาของ ตร.ก่อน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องการวุฒิภาวะของผู้นำมาแก้ปัญหานำไปสู่การเปลี่ยนเพื่อเกิดศักยภาพการทำงาน ส่วนนายกฯ เอาแต่เรียกมาคุย แต่ปัญหายังไม่จบสิ้น ไม่ได้เกิดประโยชน์ใด ๆ ขึ้นมาเลย

นายจตุพร กล่าวถึงข่าวพรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตั้งแต่มีการโหวตนายเศรษฐา เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค.66 เพื่อไทยไม่เคยมีการพูดเรื่องดึง ปชป. เป็นรัฐบาลเลย แต่เมื่อจะถูกอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.152 กลับมาเป็นข่าวขึ้นมาก่อนวันอภิปราย

อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายทั่วไปวันที่ 3 เม.ย.นี้ พรรคก้าวไกลต้องสร้างให้เป็นนัดแห่งความทรงจำของประชาชน ก่อนถูกยุบพรรค คาดไม่เกิน เม.ย.นี้ ถึงที่สุดแล้ว ร่องรอยสถานการณ์ขณะนี้หากมีการเบี้ยวดีลกันขึ้น จะเป็นปัจจัยบ่งชี้ไปถึงปฏิบัติการในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นวันนายทักษิณ ชินวัตร ไปฟังคำสั่งอัยการสูงสุดจะฟ้องศาลในคดี ม.112 หรือไม่ หากถูกฟ้องศาลแล้วไม่ได้ประกันตัวต้องติดคุก ซึ่งจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งทันที จึงต้องจับตาดู

นอกจากนี้ปัญหาของนายเศรษฐา กรณีพูดแต่งตั้ง ผกก. ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรื่องยังคาอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากถูกชี้มีมูลแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ในชั้น ป.ป.ช.ทันที ด้วยปัจจัยรุมเร้าเหล่านี้ในวันครบดีลกลับบ้านยังลุกลามเป็นอุปสรรคสกัดกั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทยได้ลำบากยิ่งขึ้น

“เรื่องราวและปัจจัยเหล่านี้จึงสะท้อนว่าไม่มีช่องว่างให้เกิดการปรับ ครม.นำ ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลกันอย่างจริงจังเลย ซึ่งเป็นเพียงข่าวปล่อย ดังนั้น ปชป.ต้องทุบรัฐบาลให้เด็ดขาด ถ้าเดินเยอะแยะยิ่งจะซ้ำเติมภาพเสื่อมให้ทรุดหนักไปอีก เพื่อไทยรู้ว่า ปชป.จะเอาจริงจังในการอภิปรายครั้งนี้อยู่แล้ว จึงมีการปล่อยข่าวดึงเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคที่เต็มไปด้วยความเก๋าอย่าง ปชป.นั้น ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร” นายจตุพร กล่าว 

‘ศิริกัญญา’ อัด!! รบ.เลือดเข้าตา ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ออกทะเลไปไกล พร้อมเรียกร้องให้เร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจ

(3 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ต่อมาเวลา 12.20 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ตนจะพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจที่พบว่าเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้ารอได้ แต่ปัญหาระยะไกลไม่เห็นทางออก ผลงานของรัฐบาลที่มีการแถลงมาตั้งแต่ 3 เดือนแรก หลายเรื่องต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว หลายเรื่องทำไปตั้งแต่เดือนแรกที่จัดตั้งรัฐบาลได้ เช่น เรื่องการลดรายจ่าย

หลายเรื่องยังไม่มีผลเป็นรูปธรรม แต่หลายเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยที่งงว่าสามารถนำมาเคลมได้ด้วยหรือ หรือผลงาน 6 เดือนแรกที่พบว่ามีการผลิตซ้ำกับผลงานเมื่อ 3 เดือนก่อน ที่เพิ่มมาก็มีบางเรื่อง เช่น การปราบหมูเถื่อน ยางพาราทะลุ 80 บาท ระยะเวลาจาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

แต่ผลงานที่เพิ่มมามีน้อยมาก เช่น เรื่องการขยายโอกาสที่สามารถตัดทิ้งได้เลย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีแบบพาร์ทไทม์หรือไม่ อีกส่วนหนึ่งของเวลานำไปใช้เป็นเซลล์แมนของประเทศไทยหรือไม่ จึงทำให้ไม่มีใครมาบริหารราชการแผ่นดินแบบฟลูไทม์ ในรอบ 6 เดือน ทำให้มีผลงานน้อยมาก

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราเฝ้ารอคือการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่กลับไม่เห็น เช่น เรื่องมาตรการลดรายจ่ายทั้งหมดที่กำลังทยอยหมดอายุ ซึ่งประชาชนก็เฝ้าถามว่าค่าไฟ 3.99 บาทก็เริ่มหมดอายุแล้วจะใส่มาทำไม เพราะทุกวันนี้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย และเดือนพฤษภาคมก็เป็นเดือนแรกที่เราต้องจ่ายคืนหนี้ กฟผ. การลดภาษีสรรพสามิตที่หมดอายุไปแล้วตั้งแต่ 31 ม.ค.ไปแล้ว หรือนี่จะเป็นการลดค่าครองชีพแบบชั่วคราว โดยยังไม่มีการแก้ปัญหาแบบระยะยาวตามมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ท่านมีมาตรการลดรายจ่ายเช่นนี้มีต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องกองทุนน้ำมันที่ต้องทำหน้าที่เดอะแบกที่ขณะนี้ติดลบไปแล้ว

หากจะกู้เพิ่มก็เชื่อว่าไม่มีธนาคารไหนกล้าให้กู้แล้ว คำถามคือท่านจะมีวิธีการจัดการอย่างไรกับสถานะของกองทุนน้ำมัน จะมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ขยายวงเงินกู้ยืมให้กับกองทุนน้ำมันหรือไม่ แล้วเราจะมีพื้นที่ทางการคลังเหลือเพียงพอหรือไม่ เพราะการที่เราให้กองทุนน้ำมันกู้ จะกลายเป็นหนี้สาธารณะ เมื่อท่านจำเป็นต้องกันพื้นที่นั้นไว้สำหรับทำดิจิทัลวอลเล็ต

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หากท่านจะบอกว่ายอดกำลังซื้อก็ดีเลย เพราะเหมาะที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ต แต่ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่ 30 บาทที่จะรักษาทุกโรคได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านควรทำตั้งแต่ 2 เดือนก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เพิ่งมาทำหรือมาทำในอีก 6 เดือนข้างหน้า

จึงขอถามว่าภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ในเมื่องบประมาณออกมาแล้ว เราจะได้เห็นมาตรการอะไรที่จะมาช่วยพยุงกำลังซื้อในระยะสั้นของประชาชนตัวเล็กตัวน้อย เพราะในขณะที่เรามีงบไปพรางก่อนท่านอาจบอกว่าเป็นเงินเดือนของข้าราชการหรือการลงทุนอะไรก็ตาม แต่หากเราไปดูในส่วนของงบกลางจะพบว่าท่านมีอำนาจที่จะใช้เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจในระยะสั้นได้

“แต่ไม่ว่าประเทศไทยจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมากแค่ไหน อย่างน้อยเราก็โชคดีที่เราไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป เพราะรัฐบาลเลิกพูดแล้วว่าประเทศเราเริ่มเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ต้องบอกว่าที่เราผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ ไม่ได้เกิดจากการที่พระสยามเทวาธิราชมาปกป้องคุ้มครองเรา

แต่เกิดจากหน่วยงานหนึ่งที่ชื่อว่าคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ที่มาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้กับเรา โดยการออกรายงานมาหนึ่งฉบับเพื่อเป่ากระหม่อมบอกว่าไม่มีวิกฤต

หลังจากนั้นรัฐบาลก็เลิกพูดว่าประเทศเรามีวิกฤตเศรษฐกิจทันที เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการที่เราประโคมข่าวว่าประเทศเรามีวิกฤตเป็นเพียงแค่จะได้ใช้กลไกพิเศษนั่นคือการกู้เงินเท่านั้นเอง” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า หากเราพูดเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ โดยไม่พูดถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ ซึ่งเป็นหัวใจของปัญหานี้ ล่าสุดที่มีความคืบหน้า แต่ครั้งนี้เป็นการแก้ไขรายละเอียดเรื่องที่มาของเงินเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ซึ่งรัฐบาลยิ่งแถลงก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ โดยครั้งนี้เราพบว่ามีการใช้แหล่งที่มาของเงินถึง 3 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นงบกลางของปี 67, การเบ่งงบปี 68 และกู้ ธกส.

อย่างไรก็ตาม เราต้องลุ้นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรอบที่ 6 หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรายละเอียดอื่น ๆ อีก และเอาใจช่วยให้ทำระบบที่จะใช้กับโครงการนี้เสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 67 หรือไม่ แต่ไม่เป็นอะไรหากไม่เสร็จก็เลื่อนได้อีก

ทั้งนี้ ตนคิดว่ารัฐบาลจะเบ่งงบ 68 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเยอะกว่านี้ และคิดว่าจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมด้วย เพราะเท่าที่ดูก็ไม่น่าจะพอ ส่วนงบกลางปี 67 นั้น จริง ๆ รัฐบาลสามารถออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี หรืองบกลางปีขึ้นมาได้ โดยการกู้เพิ่มหรือกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดานอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท

หากท่านงงว่าออกงบกลางปี 67 แล้วจะไปใช้ปี 68 ได้อย่างไร ก็จะมีทริคอยู่ว่าให้นำไปใส่ในกองทุนเนื่องจากไม่ต้องส่งคืนคลัง เอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถกู้ ธกส.มาใช้ก่อนได้ ซึ่งตนก็ยังรอคำตอบในเรื่องนี้ว่าตนจะเดาถูกหรือไม่

“ต้องบอกว่าเป็นความพยายามที่เรียกได้ว่าเลือดเข้าตาแล้ว จากเดิมที่พายเรือในอ่างก็ไปเริ่มที่ศูนย์ วันนี้เรากำลังออกทะเลไปไกลแล้ว เพราะมูลค่า 5 แสนล้านบาทที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ต้องบอกว่ามาจากการกู้ กู้ และกู้อยู่ดี เพียงแค่จะเป็นการกู้ที่ทำให้ถูกกฎหมายได้ และที่ยังกังวลอยู่คือเรื่องของระบบแต่ยังมีเวลาที่ท่านจะไปสะสางปัญหาว่าจะโอนอย่างไร

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเละเทะ จากการที่ต้องเปลี่ยนแหล่งเงินไปมาประมาณ 5 ครั้ง ยังไม่รู้ว่าจะมีรอบที่ 6 หรือไม่ มีการเลื่อนการแจกอย่างน้อยมาแล้ว 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอพพลิเคชันที่ใช้ เปลี่ยนเรื่องจำนวนคนตลอดเวลา มันทำให้ชวนคิดว่าสรุปแล้วรัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริงใช่หรือไม่

เรื่องความรู้ความเข้าใจการคลัง ทำให้ดิฉันตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายเช่นนี้มาได้ และการที่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใด ๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวัน ๆ เช่นนี้ แล้วท่านก็ขยันแถลงมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าอาทิตย์เดียว แถลงไปถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ประเทศได้รับความเสียหาย เพราะโมเมนตัมหรือพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่ท่านอยากให้เกิดขึ้น จะไม่เกิด เนื่องจากต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน จึงเป็นปัญหาที่ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะนโยบายใดนโยบายหนึ่ง

จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว ในฐานะที่ท่านบอกว่าจะอาสามาเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน แต่ตอนนี้ทำได้ไม่กี่นโยบายก็นิ่งสนิท แล้วยังต้องให้ประชาชนรออีกจนถึงไตรมาส 4 โดยที่ยังไม่รู้ว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

'สมศักดิ์' งง!! 'ก้าวไกล' ยกโคแสนล้านมาแฉ ทั้งที่ตนยังไม่เคยทำโครงการวัวใดๆ มาก่อน

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.67) ที่รัฐสภา ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ช่วงการอภิปรายของ นายคริษฐ์  ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตถึงนโยบายเกี่ยวกับการเลี้ยงโค ได้แก่ โคอีสานเขียว, โคเอื้ออาทรหรือโคล้านตัว, โคเนื้อล้านครอบครัว, การกู้ยืมกองทุนหมู่บ้านเพื่อเลี้ยงโค และโคบาลชายแดนใต้ผิดสเปกที่ส่อพิรุธหลายประการ จนปัจจุบันโคแสนล้านที่มีการให้สินเชื่อ 5,000 ล้านบาทผ่านกองทุนหมู่บ้าน ภายใต้การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำโครงการในช่วง 3 รัฐบาลที่ผ่านมา  

โดยโครงการแสนล้านที่ปล่อยให้เกษตรกรมากู้ เงินกองทุนหมู่บ้านรายละ 50,000 บาท ซื้อวัวไปเลี้ยง ได้ลูกและนำลูกวัวไปขายและให้ผ่อนชำระ จึงมีข้อสงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลไม่ให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการปล่อยกู้ ที่มีระบบการดำเนินการที่รัดกุมกว่าขณะที่กองทุนหมู่บ้านกว่า 23,000 กองทุน ที่ยังไม่สามารถส่งงบการเงินได้ หากเกิดปัญหาอีกจะกลายเป็นการทำลายกองทุนหมู่บ้านหรือไม่

นายคริษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันนโยบายดังกล่าวซ้ำเติมกับกลุ่มเกษตรกรที่ซื้อวัวนำเข้ามาขุน ในห้วงมีโรควัวระบาด ซึ่งปกติมีการนำเข้าปีละ 100,000 ตัวแต่กรมปศุสัตว์มีการประกาศปิดด่านห้ามนำเข้าวัว และไม่ได้มีหาวิธีการเยียวยาเกษตรกร อีกทั้งห้ามมีการขนย้ายวัว แต่กระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้สนามวัวชน ซึ่งก็มีการเคลื่อนย้ายวัว แต่ห้ามเกษตรกรที่จะเคลื่อนย้ายวัวเพื่อจะขายนำเงินมาเลี้ยงชีพ พร้อมเปิดเผยข้อมูล ว่ามีกลุ่มบุคคลมาติดต่อเกษตรกรเพื่อขอซื้อแท็กติดหูวัวเพื่อสวมวัวเถื่อน ในราคา 2,500-5,000 บาท เนื่องจากวัวของเกษตรกรไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทำให้จำใจต้องขายแท็กและนำวัวไปเชือดที่โรงเถื่อน

นายคริษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการโคบาลชายแดนใต้นั้น เป็นวัวเถื่อนที่มาจาก หจก. แห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ พบว่าวัวทุกตัวชื่อ บัวทอง อายุ 2 ปี เพศเมียหนัก 162-163 กก. ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเป็นวัวเถื่อนที่ขนมาจาก จ.ตากไปยังจ.นครสวรรค์ แต่กลับการขนผ่านด่านตรวจได้ 5 ด่าน ซึ่งตลอดเส้นทางการดำเนินการสอบการทุจริต จากงบประมาณดำเนินโครงการ 1,500 ล้านบาท

“วัวที่ส่งถึงเกษตรกรไม่ตรงปก แล้วเอาเบอร์หูมาวนใหม่ทำแบบนี้วนไปโครงการนี้ 3 เฟส สิ่งที่เกษตรกรต้องการคือ มาตรการที่ดีและวัคซีนป้องกันโรค และการซื้อขายวัวตามกลไกตลาดอย่างตรงไปตรงมา และแก้ปัญหาให้มีการนำเข้าส่งออกได้อย่างถูกต้อง มีโรงเชือดที่มาตรฐาน มีกลไกรักษาระดับราคา ไม่ใช่การส่งเสริมโคเข้าระบบจนล้นตลาดทำให้ราคาตกต่ำเป็นวงจรอุบาทว์อย่างที่ผ่านมา และหากรัฐบาลไม่แก้ไขจะกลายเป็นคิดเก่าทำวนด้วยวิธีการเดิม ๆ วนด้วยนักการเมืองเดิม ๆ เพิ่มเติมคือการย้ายพรรคข้ามขั้วทิ้งปัญหาให้กับเกษตรกร" นายคริษฐ์ อภิปราย

จากนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงโครงการโคแสนล้านว่า การอภิปรายของ นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล เป็นการโกหกพูดเท็จ เพราะตนยังไม่เคยทำโครงการวัวใด ๆ มาก่อน แต่เป็นคนคิดโครงการวัวตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ทำเลย ซึ่งโครงการโคแสนล้านเกิดจากตนไปตรวจกองทุนหมู่บ้าน แล้วเห็นพวกสมาชิกกองทุนฯ เดือดร้อน จึงอยากทำโครงการเพื่อช่วยเหลือสมาชิกฯ โครงการนี้เป็นแนวทางที่ ครม.ให้ดำเนินการ ได้อนุมัติในหลักการ แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งตนก็ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องโคบาลชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ทำกันในรัฐบาลที่แล้ว แต่โครงการโคแสนล้านนั้นแตกต่างออกไป ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ทดลองกับเกษตรกรใน จ.สุโขทัย กว่า 300 ราย ซึ่งได้ผลที่ดีมาก ทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น มีวัวเลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกหลายตัว ตนจึงได้นำโครงการนี้เสนอต่อครม. ส่วนเรื่องตลาดรับซื้อ ตอนนี้เรามี รมว.ต่างประเทศ รมว.พาณิชย์ ที่คอยช่วยดูในเรื่องนี้อยู่ รวมถึงท่านนายกฯ ก็ได้ไปดูตลาดยังต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลาง และจีนอีกด้วย

"ผมมั่นใจว่าวัวจะมีราคาดีขึ้นแน่นอน และมั่นใจว่าหาก กระทรวงเกษตรเอาจริงเอาจัง วัวเถื่อนหรือปัญหาต่าง ๆ จะคลี่คลาย รัฐบาลทำงานมาแค่ 6-7 เดือน มีปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมานานต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และเรากำลังพยายามทำอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วที่สุด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตนได้ดำเนินการโครงการวัวกับ นายสมศักดิ์ มา 20 ปีแล้ว ยืนยันว่าท่านเป็นผู้คิดโครงการ แต่ยังไม่เคยได้ลงมือทำเลยสักโครงการเดียว และตอนที่ตนเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำกับดูแลกองทุนหมู่บ้าน และได้ศึกษาโครงการวัวกับ นายสมศักดิ์ ที่ดำเนินการนำร่องที่ จ.สุโขทัย ยืนยันว่าเป็นโครงการที่ดีช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง โครงการนี้เป็นหลักของ โคคณิตศาสตร์ คิดและทำเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ได้ทำหรือฟังเพียงแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

‘กกต.’ ลุยเอาผิดย้อนหลังเด็กก้าวไกล ‘นครชัย ขุนณรงค์’ ปมรู้ไม่มีสิทธิแต่ยังสมัคร สส. หลังเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์

(5 เม.ย. 67) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. สั่งเอาผิดย้อนหลัง นายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล

โดย กกต.เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า นายนครชัย เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำ โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี คดีหมายเลขดำที่ 6962/2542 คดีหมายเลขแดงที่ 6766/2542 วันที่ 24 พ.ย.42 แม้ต่อมาจะมี พ.ร.บ.ล้างมลทิน ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับ แต่การล้างมลทินคือการลบล้างโทษว่ามิเคยถูกลงโทษจำคุกในความผิดนั้น ๆ เท่านั้น

ส่วนพฤติกรรม หรือการกระทำความผิดซึ่งศาลพิพากษาว่าได้กระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งยังคงอยู่ ไม่มีผลเป็นการลบล้างการกระทำความผิดและลบล้างคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ามีการกระทำความผิดนั้น

ตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 24/2564 ข้ออ้างของนายนครชัย ที่ว่าตนได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 จึงไม่อาจรับฟังได้ นายนครชัย จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 42 (12)

อีกทั้ง นายนครชัย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งของตนเองให้เป็นไปตามที่กฎหมาย กำหนด เมื่อ นายนครชัย ได้ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ระยอง ลงวันที่ 3 เม.ย.66 รับรองว่าตนเองมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. โดยรู้อยู่แล้วว่า ตนเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดดังกล่าวของศาลจังหวัดชลบุรี

กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายนครชัย ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วปกปิด หรือไม่แจ้งข้อความจริงนั้น และให้ถือว่าการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขต 3 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ นายนครชัย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 มาตรา 54 วรรคสอง และมาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายนครชัย สิ้นสุดลงตั้งแต่วันเลือกตั้ง และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายนครชัย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 มาตรา 54 และให้รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามระเบียบกกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 86 เพื่อดำเนิน คดีอาญากับนายนครชัย ตามมาตรา 151 ของกฎหมายเดียวกันและกรณีการดำเนินการเรียกค่าเสียหาย ในการจัดการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3 ใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของนายนครชัย

ทั้งนี้ นายนครชัย ได้รับการเลือกตั้งเป็น สส. เมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 แต่หลัง กกต.ประกาศรับรอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยขณะนั้น ออกมาเปิดเผยว่า นายนครชัย เคยต้องโทษจำคุกถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็น สส. ทำให้ในวันที่ 3 ส .ค.66 นายนครชัยได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส. และ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 10 ก.ย.66  โดยนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ จากพรรคก้าวไกล เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง

'ก้าวไกล' ปัดเอี่ยวบุหรี่ไฟฟ้าติดโลโก้พรรค  แต่นโยบายหนุน-สส.แอบสูบกลางสภา

(11 เม.ย.67) กลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาทันที หลังมีโลโก้พรรคสีส้มไปปรากฏบนบุหรี่ไฟฟ้าที่ทาง พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นำมาแถลงข่าวเมื่อวาน (10 เม.ย.67)

โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานกวาดล้างจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษาใน กทม. เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ของกลางมากกว่า 12,000 ชิ้น คิดเป็นเงินมากกว่า 3.6 ล้านบาท

'รัฐมนตรีพวงเพ็ชร' ได้ย้ำให้เห็นถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีสารนิโคติน เป็นสารอันตรายทำลายสมอง ทำลายพัฒนาการของเด็กวัยรุ่น ไปจนถึงอายุ 25 ปี ส่งผลต่อการเรียนรู้ อารมณ์ และจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดยาชนิดอื่นๆ ด้วย

ขณะที่ เลขาธิการ สคบ. 'ธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์' ก็บอกว่า ในการจับกุมครั้งนี้ สคบ.ใช้กฎหมายตามประกาศคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท อีกทั้งยังผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2546 คือ ห้ามนำเข้า หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับอีก 4 เท่าของมูลค่า

แล้วในเมื่อเป็นของผิดกฎหมายและมีอันตราย ทำไมจึงมีโลโก้ของพรรคการเมืองที่มี สส.มากที่สุดในสภา ไปปรากฏอยู่ด้วย 'รัฐมนตรีพวงเพชร' จึงบอกว่า จะให้ไปตรวจสอบดูว่า ทำไมถึงมีสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกล โดยอาจจะต้องย้ำพรรคการเมืองว่า ให้ตรวจสอบควบคู่ไปด้วยว่ามีการนำชื่อ สัญลักษณ์ และสีของพรรคการเมืองมาแอบอ้างในการทำสินค้าหรือไม่

โดนพาดพิงอย่างจังแบบนี้ 'สส.ลิซ่า' ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล จึงต้องรีบชี้แจงว่า พรรคก้าวไกล ไม่เคยมีการผลิตสินค้าผิดกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องต่อสินค้าผิดกฎหมายที่ได้ตรวจพบอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังขอให้ 'รัฐมนตรีพวงเพชร' ในฐานะรัฐมนตรีที่มีอำนาจ ตรวจสอบให้ได้ถึงต้นตอ ป้องกันปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุดด้วย อย่าจบแค่จับของกลางและมาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยไม่มีการทำงานเชิงลึกต่อ หวังว่าจะเห็นผลงานการทลายต้นตอของบุหรี่ไฟฟ้า

สรุปก็คือพรรคก้าวไกลปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า ไม่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าติดตราพรรคก้าวไกล ที่ 'รัฐมนตรีพวงเพชร' เอามาแถลง

อย่างไรก็ตาม ถ้าลองย้อนอดีตไปไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ ก็จะพบว่า 'พรรคก้าวไกล' กับ 'บุหรี่ไฟฟ้า' มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอยู่ โดยดูจากนโยบาย 300 ข้อ ที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พ.ค.66

โดยมีข้อ 285 ที่ระบุชัดเจนว่า “อนุญาตให้มีการผลิต นำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยได้” โดยมีข้อกำหนดเช่นเดียวกับบุหรี่ เช่น จำกัดอายุผู้สูบ ห้ามสูบในที่สาธารณะ การห้ามโฆษณาและจัดโปรโมชัน และต้องมีมาตรการในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เช่น การห้ามแต่งกลิ่น และรสของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.65 'เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร' สส.พรรคก้าวไกล ผู้เป็นโต้โผรณรงค์เรื่องเหล้า-เบียร์เสรี ก็ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เชิงตั้งคำถามว่า ทำไมกฎหมายไทยให้กัญชาถูกกฎหมาย แต่บุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมาย ว่า...“คนมาเลย์ งงว่าที่ไทยกัญชาถูกกฎหมาย แต่ vape กับบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมาย ร้องถามว่า Why? กันหมด ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงอะครับ” 

ล่าสุด ช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ก็ได้โพสต์ภาพ สส.กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่รัฐสภา พร้อมข้อความว่า... “#ทุกคนคะ หนูเจอชาย สูบบุหรี่ไฟฟ้า ตรงป้ายห้ามสูบบุหรี่ในรัฐสภาค่ะ พบว่า เป็น สส.พรรคดัง มีชื่ออยู่ใน กมธ.งบประมาณ หนูขอเรียกร้องให้ สส.เท่าพิภพ สส.โตโต้ และ สส.ไอซ์ ช่วยแนะนำวิธีสูบไม่ให้ถูกจับได้ด้วยค่ะ”

ถัดมาอีกวัน (18 ม.ค.67) เฟซบุ๊กเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ก็ได้โพสต์ภาพ สส.กลุ่มหนึ่ง นั่งอยู่ในร้านอาหารรัฐสภา โดยบนโต๊ะมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ข้างหน้าพร้อมระบุข้อความว่า... “#ทุกคนคะ สส.ผู้ชาย ก้าวไกล เดี้ยวนี้เขาพก ลิปสติกแล้วหรือคะ เอ...หรือว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้าคะ สงสัยต้องเรียก สส.ลักแกง มาเป็นพยานแล้วค่ะ”

พรรคก้าวไกลไม่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าเลยจริงหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไป...

ศาล รธน.ให้ 15 วัน ‘ก้าวไกล’ ยื่นแจงปมถูกร้องยุบพรรค นับตั้งแต่ 18 เม.ย.67 ครบกำหนดชี้แจงข้อกล่าวหา 3 พ.ค.67 

(17 เม.ย. 67) ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า กรณีคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 (1) (2) เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นใหม่ด้วยเป็นระยะเวลา 10 ปีนั้น

พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่น คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นควรให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 3 พ.ค. 67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ เป็นการยื่นขอขยายครั้งที่ 1 หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องดังกล่าวของกกต. ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญปี 2561 มาตรา 7 (13) ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และจะแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบพร้อมส่งสำเนาคำร้องให้กับพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง

‘สุริยะ’ โต้!! ‘ก้าวไกล’ บอก 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ จะทำให้ดู ชี้!! ตอนนี้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เตรียมลุยเสนอ ครม.

(18 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ตนทราบสิ่งที่นายสุรเชษฐ์ออกมาให้ความเห็น ตนยินดีรับฟังทั้งคำติคำชมจากประชาชนและฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่ดูแล้วคิดว่าการวิจารณ์ในนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตนพยายามดำเนินการ ตามที่นายสุรเชษฐ์บอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่ควรทำนั้น ตรงนี้ตนยอมรับไม่ได้ เพราะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันหากต้องโดยสารระยะทางไกลราคาค่าโดยสารสูงสุดถึง 192 บาท ถือเป็นภาระของประชาชนจำนวนมาก และการทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าเยอะ ๆ ก็จะมีส่วนลด PM 2.5 และลดค่าใช้จ่ายประชาชนไม่เช่นนั้นราคาจะแพงไม่น่าจะรับได้ ตนยืนยันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตามที่เคยให้สัญญาภายใน 2 ปีต้องทำให้ได้ ตนให้สัมภาษณ์ไว้ตอนเดือน ก.ย.66 เพราะฉะนั้น ก.ย.68 รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้

เมื่อถามว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายอื่น ๆ จะทำให้ราคา 20 บาททั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้อง ทุกสายคือ 20 บาท นายสุรเชษฐ์บอกว่าทำไม่ได้ตนจะทำให้ดู

เมื่อถามอีกว่า วิธีการที่จะทำให้ได้สำเร็จเป็นอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม จะตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการและจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็ว ๆ นี้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีผลงานนั้น ขอชี้แจงว่าสิ่งที่ทำมาเป็นรูปธรรมวันนี้บริษัทจัดอันดับสนามบินทั่วโลกได้ปรับอันดับของประเทศไทยจากอันดับ 67 มาเป็น 57 เป็นเพราะนายกฯ ใส่ใจและสั่งการให้ตนไปปรับปรุงระบบต่าง ๆ ในสุวรรณภูมิ รองรับการท่องเที่ยว เห็นได้ชัดผลที่เกิดจากการที่เราได้ไปทำ ทำให้ถูกปรับขึ้นมา 10 อันดับในระยะเวลาที่รัฐบาลทำงานมา ตนเชื่อว่าผลงานที่กระทรวงคมนาคมทำมีสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม อีกตัวอย่างคือสถานีขนส่งมวลชนหมอชิต จะเห็นว่าสภาพเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และช่วงสงกรานต์ประชาชนเดินทางผ่านถนนเส้นสำคัญได้อย่างปลอดภัย การจราจรไม่ติดขั้นเหมือนที่มีการประเมินไว้ก่อน เราช่วยกันจนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาทั้งถนนพระราม 2 และถนนมิตรภาพ และวันนี้ (18 เม.ย.) หลังเสร็จประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็จะลงพื้นที่ภูเก็ตแก้ปัญหาการจราจนในพื้นที่เพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จะไปติดตามข้อสั่งการเรื่องการสร้างสะพานหรือทางแยกต่าง ๆ รวมถึงการบริหารจัดการจราจรอาจปิดจุดกลับรถช่วงเร่งด่วน และวันที่ 19 เม.ย. นายกฯ จะมีการลงพื้นที่ก็จะได้รายงานการบ้านตามข้อสั่งการของนายกฯ

'ก้าวไกล' เต้น!! หลัง 'ชัยวัฒน์' แฉ!! พรรคการเมืองเอี่ยวเผาป่า ท้า!! เปิดหลักฐาน ลั่น!! อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว

(19 เม.ย.67) จากกรณีที่คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สื่อสารในช่องทางออนไลน์ส่วนตัวและให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้สังคมเชื่อว่าพรรคการเมืองและนักการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่า ทำให้เกิดฝุ่นพิษเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ด้าน พรรคก้าวไกล จึงได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า...

1.ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลขอให้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย และตามแนวนโยบายของรัฐบาล

แต่หากไม่มีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

2.ภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ ส่วนพรรคก้าวไกล ภาคประชาสังคม รวมทั้งอาสาสมัครประชาชน ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน อาสาสมัคร การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดนโยบายที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

3.พรรคก้าวไกลยังมีแนวนโยบายและการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษระยะยาวอย่างยั่งยืน

สุดท้าย ขอย้ำเตือนไปยังคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่ากรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว มิเช่นนั้นแล้ว จะนำมาสู่ความคิดที่ว่าตนเองดีและสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งอาจนำมาสู่การปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่คุณชัยวัฒน์เคยถูกกล่าวหามาแล้วหลายครั้ง

'เพจดัง' จับโป๊ะ!! เด็กก้าวไกลเกณฑ์คนไปฟังธนาธรพูดเรื่อง สว. เนียน!! สั่งทุกคนห้ามใส่ 'เสื้อ-สัญลักษณ์' ของพรรคก้าวไกลไป

(29 เม.ย. 67) จากเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง' ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพกรณี 'ธีรุตม์ สันหวัง' อดีตผู้สมัครพรรคก้าวไกล ชวนคนไปฟังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูดตั้งทีมเลือก สว. ว่า...

#ทุกคนคะ พบอดีตผู้สมัครพรรคก้าวไกล ปัจจุบันเป็นทีมงานพรรคภาคใต้ เกณฑ์คนไปฟังธนาธร พูดตั้งทีมเลือก สว. 

พบคนที่ไปฟังเป็นสมาชิกและฐานเสียงพรรค ถูกสั่งห้ามใส่เสื้อและแสดงสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลด้วยค่ะ

นอกจากนี้ ทางเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง ยังเผยอีกว่า นายธนาธรมีการชี้นำหลายจุด และทางเพจก็มีภาพและคลิปพร้อม แต่ยังไม่รู้จะส่งใครได้บ้าง เนื่องจากเบื่อ กกต.

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูข้อความจากเพจของนายธีรุตม์ สันหวัง ได้ระบุข้อความที่โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 17 เม.ย.67 ความว่า...

มีคนถามผมเกี่ยวกับเรื่อง สว. ว่า เขาเลือกกันยังไงวะ

วันนี้ !!! วันนี้ 18.00 น.ณ ปั้ม ปตท. บางม่วง เชิญผู้สนใจ

เข้าร่วมงาน 'ขอความร่วมมือ' ต้องไม่ใส่เสื้อพรรคก้าวไกล เนื่องจากงานนี้พูดเรื่อง สว. และ สว.ต้องเป็นอิสระจาก 'พรรคการเมือง'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top