'สมศักดิ์' งง!! 'ก้าวไกล' ยกโคแสนล้านมาแฉ ทั้งที่ตนยังไม่เคยทำโครงการวัวใดๆ มาก่อน

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.67) ที่รัฐสภา ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ช่วงการอภิปรายของ นายคริษฐ์  ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตถึงนโยบายเกี่ยวกับการเลี้ยงโค ได้แก่ โคอีสานเขียว, โคเอื้ออาทรหรือโคล้านตัว, โคเนื้อล้านครอบครัว, การกู้ยืมกองทุนหมู่บ้านเพื่อเลี้ยงโค และโคบาลชายแดนใต้ผิดสเปกที่ส่อพิรุธหลายประการ จนปัจจุบันโคแสนล้านที่มีการให้สินเชื่อ 5,000 ล้านบาทผ่านกองทุนหมู่บ้าน ภายใต้การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำโครงการในช่วง 3 รัฐบาลที่ผ่านมา  

โดยโครงการแสนล้านที่ปล่อยให้เกษตรกรมากู้ เงินกองทุนหมู่บ้านรายละ 50,000 บาท ซื้อวัวไปเลี้ยง ได้ลูกและนำลูกวัวไปขายและให้ผ่อนชำระ จึงมีข้อสงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลไม่ให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการปล่อยกู้ ที่มีระบบการดำเนินการที่รัดกุมกว่าขณะที่กองทุนหมู่บ้านกว่า 23,000 กองทุน ที่ยังไม่สามารถส่งงบการเงินได้ หากเกิดปัญหาอีกจะกลายเป็นการทำลายกองทุนหมู่บ้านหรือไม่

นายคริษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันนโยบายดังกล่าวซ้ำเติมกับกลุ่มเกษตรกรที่ซื้อวัวนำเข้ามาขุน ในห้วงมีโรควัวระบาด ซึ่งปกติมีการนำเข้าปีละ 100,000 ตัวแต่กรมปศุสัตว์มีการประกาศปิดด่านห้ามนำเข้าวัว และไม่ได้มีหาวิธีการเยียวยาเกษตรกร อีกทั้งห้ามมีการขนย้ายวัว แต่กระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้สนามวัวชน ซึ่งก็มีการเคลื่อนย้ายวัว แต่ห้ามเกษตรกรที่จะเคลื่อนย้ายวัวเพื่อจะขายนำเงินมาเลี้ยงชีพ พร้อมเปิดเผยข้อมูล ว่ามีกลุ่มบุคคลมาติดต่อเกษตรกรเพื่อขอซื้อแท็กติดหูวัวเพื่อสวมวัวเถื่อน ในราคา 2,500-5,000 บาท เนื่องจากวัวของเกษตรกรไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทำให้จำใจต้องขายแท็กและนำวัวไปเชือดที่โรงเถื่อน

นายคริษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการโคบาลชายแดนใต้นั้น เป็นวัวเถื่อนที่มาจาก หจก. แห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ พบว่าวัวทุกตัวชื่อ บัวทอง อายุ 2 ปี เพศเมียหนัก 162-163 กก. ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเป็นวัวเถื่อนที่ขนมาจาก จ.ตากไปยังจ.นครสวรรค์ แต่กลับการขนผ่านด่านตรวจได้ 5 ด่าน ซึ่งตลอดเส้นทางการดำเนินการสอบการทุจริต จากงบประมาณดำเนินโครงการ 1,500 ล้านบาท

“วัวที่ส่งถึงเกษตรกรไม่ตรงปก แล้วเอาเบอร์หูมาวนใหม่ทำแบบนี้วนไปโครงการนี้ 3 เฟส สิ่งที่เกษตรกรต้องการคือ มาตรการที่ดีและวัคซีนป้องกันโรค และการซื้อขายวัวตามกลไกตลาดอย่างตรงไปตรงมา และแก้ปัญหาให้มีการนำเข้าส่งออกได้อย่างถูกต้อง มีโรงเชือดที่มาตรฐาน มีกลไกรักษาระดับราคา ไม่ใช่การส่งเสริมโคเข้าระบบจนล้นตลาดทำให้ราคาตกต่ำเป็นวงจรอุบาทว์อย่างที่ผ่านมา และหากรัฐบาลไม่แก้ไขจะกลายเป็นคิดเก่าทำวนด้วยวิธีการเดิม ๆ วนด้วยนักการเมืองเดิม ๆ เพิ่มเติมคือการย้ายพรรคข้ามขั้วทิ้งปัญหาให้กับเกษตรกร" นายคริษฐ์ อภิปราย

จากนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงโครงการโคแสนล้านว่า การอภิปรายของ นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล เป็นการโกหกพูดเท็จ เพราะตนยังไม่เคยทำโครงการวัวใด ๆ มาก่อน แต่เป็นคนคิดโครงการวัวตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ทำเลย ซึ่งโครงการโคแสนล้านเกิดจากตนไปตรวจกองทุนหมู่บ้าน แล้วเห็นพวกสมาชิกกองทุนฯ เดือดร้อน จึงอยากทำโครงการเพื่อช่วยเหลือสมาชิกฯ โครงการนี้เป็นแนวทางที่ ครม.ให้ดำเนินการ ได้อนุมัติในหลักการ แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งตนก็ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องโคบาลชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ทำกันในรัฐบาลที่แล้ว แต่โครงการโคแสนล้านนั้นแตกต่างออกไป ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ทดลองกับเกษตรกรใน จ.สุโขทัย กว่า 300 ราย ซึ่งได้ผลที่ดีมาก ทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น มีวัวเลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกหลายตัว ตนจึงได้นำโครงการนี้เสนอต่อครม. ส่วนเรื่องตลาดรับซื้อ ตอนนี้เรามี รมว.ต่างประเทศ รมว.พาณิชย์ ที่คอยช่วยดูในเรื่องนี้อยู่ รวมถึงท่านนายกฯ ก็ได้ไปดูตลาดยังต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลาง และจีนอีกด้วย

"ผมมั่นใจว่าวัวจะมีราคาดีขึ้นแน่นอน และมั่นใจว่าหาก กระทรวงเกษตรเอาจริงเอาจัง วัวเถื่อนหรือปัญหาต่าง ๆ จะคลี่คลาย รัฐบาลทำงานมาแค่ 6-7 เดือน มีปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมานานต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และเรากำลังพยายามทำอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วที่สุด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตนได้ดำเนินการโครงการวัวกับ นายสมศักดิ์ มา 20 ปีแล้ว ยืนยันว่าท่านเป็นผู้คิดโครงการ แต่ยังไม่เคยได้ลงมือทำเลยสักโครงการเดียว และตอนที่ตนเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำกับดูแลกองทุนหมู่บ้าน และได้ศึกษาโครงการวัวกับ นายสมศักดิ์ ที่ดำเนินการนำร่องที่ จ.สุโขทัย ยืนยันว่าเป็นโครงการที่ดีช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง โครงการนี้เป็นหลักของ โคคณิตศาสตร์ คิดและทำเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ได้ทำหรือฟังเพียงแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น