Sunday, 19 May 2024
ก้าวไกล

'พิธา' ชี้ มติครม.แก้กฎกระทรวงสรรพสามิตอนุมัติผลิตสุราพื้นบ้าน จงใจใช้เป็นข้ออ้างคว่ำ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง มติครม.เเก้กฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิตสุราว่ามติดังกล่าวไม่เข้าใจจุดประสงค์ของพ.ร.บ. สุราก้าวหน้าเลย การที่มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. .... ปลดล็อคการผลิตเพื่อการค้าและการผลิตเพื่อบริโภค ควบคู่กับการคุ้มครองสินค้าสุราให้ได้คุณภาพมีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม แทนที่จะมีมติเห็นชอบพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ถึงเเม้คุณวิษณุ เครืองามจะบอกว่าไม่ได้ปาดหน้า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล เเละอ้างว่าทำมานาน 6 เดือน ก่อนสุราก้าวหน้าก็ตาม

ตนต้องขอยืนยันว่า หากจะอ้างเหตุผลเช่นนี้ เท่าพิภพ ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว และทางพรรคได้ยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้มาตั้งเเต่ สมัยพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบ เเละก่อนหน้าที่จะยื่นก็มีการเรียกกรมสรรพสามิตในกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเท่าพิภพเป็นกรรมาธิการอยู่หลายครั้ง เเต่ก็มีเเต่คำสัญญาว่าจะเเก้ไขเเละก็เงียบหายไป จึงต้องใช้ช่องทางในเชิงนิติบัญญัติเพื่อเเก้ปัญหา

ชัดเจนว่าการมีมติครม.ก่อนการลงมติพ.ร.บ. สุราก้าวหน้าออกมาเพียง 1 วัน เป็นการจงใจเพื่อให้ ส.ส. รัฐบาลอภิปรายเป็นเหตุผลกับสภาฯว่า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าไม่จำเป็นอีกต่อไปเเล้ว เพราะกฎกระทรวงออกมาเเล้ว ซึ่งจริงๆ เเล้วพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ยังคงจำเป็นในการประกันหลักเสมอภาคในการเเข่งขันทางธุรกิจของประชาชน เนื่องจากเป็นกฎหมายลำดับชั้นสูงกว่าที่เเก้ยากกว่ากฎกระทรวง ซึ่งตนเองก็ได้เตรียมตอบทุกข้อสงสัยในสภาอยู่เเล้ว

นอกจากนี้พิธาระบุว่าตนได้ดูรายละเอียดกฎกระทรวงดังกล่าวตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ก่อนในเว็บไซต์กรมสรรพสามิต และคิดว่าน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง เเต่ก็ไม่คิดว่าเสร็จสิ้นเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนและพรรคก้าวไกลโดนหลอกมาตั้งนาน ที่แท้กฎกระทรวงก็เเก้ไม่ยากอย่างที่อ้าง เเละเมื่อดูรายละเอียดมีการปลดล็อกกำลังการผลิตก็จริง เเต่ก็มีการใส่ข้อจำกัดอื่น ทำให้ไม่ใช่การปลดล็อกการผลิตสุราให้รายย่อยจริง

‘พิธา’ วอนขอ ส.ส. โหวตหนุน ‘สุราก้าวหน้า’ ชี้!! เพื่ออนาคตเกษตรกร-ผู้ประกอบการรายย่อย

พิธา อภิปรายโค้งสุดท้าย ‘สุราก้าวหน้า’ เทียบกฎกระทรวงกับร่างสุราก้าวหน้าแตกต่างชัดเจน ยังคงกีดกันการค้ารายย่อยหนุนทุนใหญ่ผูกขาดเหมือนเดิม พร้อมกระตุกจิตสำนึก ส.ส. โหวตเสร็จคงจะกลับไปกินเหล้านอกต่อไม่ว่ากัน แต่ขอโหวตเพื่ออนาคตของเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยด้วย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือร่างกฎหมาย ‘สุราก้าวหน้า’ ที่กำลังมีการอภิปรายในวาระ 2 และจะมีการลงมติวาระ 3 ในวันนี้ พร้อมชี้ข้อเปรียบเทียบกับกฎกระทรวง ว่าด้วยการผลิตสุรา ที่ออกมาใหม่โดยรัฐบาลเมื่อวานนี้

พิธาระบุว่าหลักการที่สำคัญที่สุดในการพิจาราเรื่องนี้ คือการเอาสภาพข้อเท็จจริงและศักยภาพของผู้ประกอบการ มาเทียบกับร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า และกฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อวานนี้ ว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงของประเทศและศักยภาพของผู้ประกอบการมากกว่ากัน

ซึ่งหากเป็นกฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อวานนี้ กล่าวได้ว่าเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนจากล็อกเก่ามาเป็นล็อกใหม่เท่านั้น หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง ผู้ประกอบการจินหรือรำ ทั้งที่เชียงใหม่ หนองคาย สงขลา สุราษฎร์ธานี ที่เป็นผู้ประกอบการระดับโลก ส่งออกไปได้ 17 ประเทศ ชนะการประกวดทั้งที่ปารีส โตเกียว ฮ่องกง ชนะคู่แข่งจากออสเตรเลีย อาร์เจนติน่าจะไม่ได้รับการปลดล็อกจากกฎกระทรวงฉบับนี้ ด้วยการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำ 30,000 ลิตรต่อวันที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย รวมทั้งการที่ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็น

'ก้าวไกล' จัดเต็ม!! เปิดนโยบายสวัสดิการชุดใหญ่ ครอบคลุมทุกวัย ตั้งแต่เกิดจนตาย มีเงินจ่าย ทำได้จริง

(5 พ.ย. 65) บริเวณศูนย์เด็กเล็กในวัดลาดพร้าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดที่สอง ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ ความตอนหนึ่งว่า ชุดนโยบาย ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ เป็นหนึ่งใน 9 ชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล เสมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่ต้องนำมาต่อกับชิ้นอื่นๆ จึงจะกลายเป็นภาพประเทศไทยก้าวหน้าที่สมบูรณ์ จะขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้ โดยเหตุผลที่เลือกบริเวณศูนย์เด็กเล็กและวัดลาดพร้าวเป็นสถานที่เปิดนโยบายสวัสดิการ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของวงจรชีวิตที่คนไทยจำนวนมากมาเริ่มที่นี่และจบที่นี่ เสมือนจุดที่สวัสดิการเริ่มต้นและจุดที่สวัสดิการสิ้นสุด

ชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้านั้น เกี่ยวข้องกับปากท้องโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับนโยบายด้านอื่นๆ เช่น การเมือง เพราะการทำสวัสดิการต้องใช้งบประมาณมาก ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ เอางบความมั่นคงมาเป็นงบสวัสดิการ เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ ประเทศก็ต้องเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ อำนาจต้องเป็นของประชาชน หรือ เช่น เศรษฐกิจ เพราะการทำให้ประชาชนมีความมั่นคง จะทำให้เขากล้าเดินตามความฝันในสายอาชีพที่อาจมีความเสี่ยง แต่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

พิธา ยกตัวอย่างสถิติในปี 2564 ที่เป็นปีแรกที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยกว่าคนเสียชีวิต โดยส่วนหนึ่งสังคมที่สูงวัยขึ้นก็มาจากการที่คนอายุยืนเพราะระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็ง สะท้อนถึงความสำเร็จของประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งเป็นสวัสดิการ แต่จำนวนเด็กที่เกิดน้อยลงส่วนหนึ่งก็มาจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยสวัสดิการเช่นกัน 

บุคคลหนึ่งที่พูดถึงสวัสดิการมานาน ที่เรียกว่า ‘ตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ คือ ศ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่ผ่านมาหลายสิบปี สังคมไทยวันนี้ยังมีสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม ในวันที่ประชาชนมีความตื่นตัวสูงขึ้นเรื่องสวัสดิการ พรรคก้าวไกลจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย 

นโยบายสวัสดิการของเรา เชื่อในการที่คนไทยพร้อมช่วยเหลือกันในยามลำบาก การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เพียงแต่ที่ผ่านมายังขาดการออกแบบอย่างเป็นระบบ

นโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลจะสร้างประเทศที่ ‘เป็นธรรม’ โดยการลดความเหลื่อมล้ำที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สร้างประเทศที่ ‘ปลอดภัย’ สำหรับทุกคนโดยการวางตาข่ายรองรับคุณภาพชีวิตและโอกาสที่เท่าเทียมกันของประชาชน และสร้างประเทศที่ ‘ปลดปล่อย’ ศักยภาพของคนไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไปข้างหน้า คนรุ่นใหม่จะกล้าเสี่ยงสร้างธุรกิจหรือไล่ตามความฝันของตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่าถ้าพลาดไป ล้มแล้วยังลุกได้

“เรามาเสนอรัฐสวัสดิการที่ทำได้จริง ไม่ได้ขายฝัน สามารถหาเงินมาจ่ายรัฐสวัสดิการได้ทุกบาททุกสตางค์ เป็นนโยบายสวัสดิการก้าวหน้า ตั้งแต่เกิดจนตาย” พิธากล่าว

'พิธา' นำทีม 'ก้าวไกล' พบปะปชช.เสนอสวัสดิการก้าวหน้า กร้าว!! ขอสร้าง ปท.ที่ 'เป็นธรรม - ปลอดภัย - เท่าเทียม'

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลเขตลาดพร้าว พบปะประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนรอบวัดลาดพร้าว เพื่อสำรวจความเดือดร้อนและสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายสวัสดิการก้าวหน้าที่พรรคเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565

ประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะในส่วนของสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ในขณะนี้ถือว่ามีจำนวนมากในชุมชน และครอบครัวเห็นว่าการดูแลจากภาครัฐในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละเดือน ทั้งยังจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนวัยทำงานในการแบ่งเบาภาระต้องเลี้ยงดูพ่อแม่อีกด้วย

สำหรับชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้าที่พรรคก้าวไกลเสนอเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน แบ่งตาม 5 ช่วงวัย และมีทั้งหมด 19 นโยบาย ได้แก่...

วัยเกิด ประกอบด้วย...
(1) ของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท ให้พ่อ-แม่ซื้อสิ่งของจำเป็นในการเลี้ยงลูก
(2) เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท
(3) สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้
(4) ศูนย์ดูแลเด็กใกล้บ้านและที่ทำงาน

วัยเติบโต ประกอบด้วย...
(5) เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง
(6) คูปองเปิดโลก ให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน
(7) ยกเลิกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผ้าอนามัยและนำร่องแจกผ้าอนามัยฟรีในโรงเรียน

‘ก้าวไกล’ ยื่น ‘ศาลปกครอง’ เบรกดีลสายสีส้ม เหตุกลัวรัฐเสียค่าโง่ 6.8 หมื่นล้านบาท

ก้าวไกลเอาจริง ยื่นศาลปกครองหยุดดีลรถไฟฟ้าสายสีส้ม รักษาผลประโยชน์รัฐ 68,000 ล้านบาท ชี้ ถ้าปล่อยให้การประมูลผ่านอาจกลายเป็นค่าโง่ในอนาคต

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ และณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิจารณาหยุดสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม

สุรเชษฐ์ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็นทุจริตครั้งใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ที่มีมูลค่าจำนวน 68,000 ล้านบาท ตนและพรรคก้าวไกลขอยื่นให้ศาลปกครองหยุดยั่งโครงการนี้ หากปล่อยให้มีการอนุมัติประเทศไทยต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าตัวเลข 68,000 ล้านบาท เกิดจากกระบวนการ ‘ปั้นตัวเลข’ มา ‘ปั่นโครงการ’ และในวันนี้ใกล้จะ ‘ปันผลประโยชน์’ สำเร็จแล้ว

หากศาลปกครองไม่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เรื่องนี้จะถูกส่งไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แน่นอนว่าเมื่อไปถึงครม. ซึ่งจะทำให้เงินภาษีของประชนถูกใช้เกินจำเป็น 68,000 ล้านบาท

ตนและพรรคก้าวไกล ยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด จึงได้มายื่นฟ้องจำเลย ได้แก่
1.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
2.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
3.) คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ
4.) กระทรวงคมนาคม

เพื่อให้ศาลปกครองกลางพิจารณาคำขอใน 4 ประเด็น ได้แก่
1.) ยกเลิกการประมูลที่มีปัญหาจัดการประมูลใหม่ให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยอย่างน้อย BTS และ BEM ต้องเข้าได้
2.) รฟม. ต้องเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ โดยไม่ปฏิเสธอำนาจนิติบัญญัติอย่างที่ได้เบี้ยวมา 2 ครั้ง
3.) เปลี่ยนคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ของ พรบ.ร่วมทุนฯ เพื่อให้มีความโปร่งใส เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ มูลค่าสูง และมีรายละเอียดมาก
4.) คาดว่าศาลคงต้องใช้เวลาพิจารณามากพอสมควร เราจึงได้ ‘ยื่นคำร้อง’ ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เซ็นสัญญาก่อน เพราะหากปล่อยไป รัฐบาลหน้าจะตามไปแก้ไขอะไรได้ยากและอาจทำให้เกิด ‘ค่าโง่ก้อนใหม่’

‘ครูธัญ’ จี้ ‘รมต.ศึกษา’ ขจัดความรุนแรงในรร. หลังคลิปครูทำร้ายเด็กนักเรียนว่อนโซเชียล

(16 พ.ย. 65) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคลิปครูคนหนึ่ง ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนอย่างรุนแรง ว่านับวันยิ่งเห็นความรุนแรงในโรงเรียนจนลืมไปว่านี่คือสถานศึกษาที่ผู้ปกครองวางใจเมื่อส่งลูกมาโรงเรียน เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นผู้กระทำกลับเป็นครูที่ละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ส่งผลต่อความรุนแรงทางตรงต่อร่างกาย ตัวอย่างข่าวครูข่มขืนนักเรียน และล่าสุดครูโหดซ้อมทำร้ายนักเรียนต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก วันนี้เราต้องตั้งคำถามเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องความรุนแรงไม่ใช่แค่การทำร้ายร่างกายแต่ความรุนแรงนั้นบ่มเพาะในสถานศึกษาผ่านบทเรียนต่าง ๆ อีกทั้งกฎระเบียบชุดนักเรียนการไว้ทรงผมที่ไม่ส่งเสริมให้เด็กค้นหาตัวตน แต่กลับให้เด็กเรียนรู้การเป็นผู้ตาม ไม่กล้าถามไม่กล้าคิด เมื่อใครแตกแถวหรือคิดต่างก็จะมีครูทำโทษ ที่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาข่าวได้มีการนำเสนอมากมาย เราเห็นสิ่งเหล่านี้ไม่เว้นแต่ละวัน

‘โรม’ ประณามตร.จับ 3 นักศึกษามุสลิมช่วงเอเปก ชี้!! จับแบบเลื่อนลอย-ไร้หลักเกณฑ์ ขายขี้หน้าชาวโลก

(16 พ.ย. 65) ‘รังสิมันต์ โรม’ โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่มีนักศึกษามุสลิมจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง 3 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นที่พักก่อนควบคุมตัวไปที่ สน.หัวหมาก โดยทางตำรวจอ้างเหตุว่าอาจก่อความไม่สงบระหว่างการประชุม APEC ต่อมาเมื่อทั้ง 3 คนติดต่อทนายความส่วนตัวได้แล้ว ทางตำรวจแจ้งว่าหากลงลายมือชื่อยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและบันทึกประจำวันก็จะปล่อยตัวภายในวันนี้ (ล่าสุดได้รับการปล่อยตัวแล้ว)

รังสิมันต์ระบุว่า การเข้าค้นดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีหมายค้น ซึ่งทราบมาว่าสุดท้ายแล้วไม่พบสิ่งของที่เป็นความผิดหรือต้องสงสัยว่าจะไปก่อเหตุใด ๆ ได้ แต่การที่ตำรวจนำตัวนักศึกษาไปยัง สน.หัวหมากด้วยนั้นเป็นสิ่งที่เกินเลยกว่าเรื่องการค้นไปแล้ว เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการจับ ซึ่งไม่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าค้นนั้นมีหมายจับนักศึกษาทั้ง 3 คน และทั้ง 3 คนนี้ก็ไม่เคยมีคดีความมั่นคงมาก่อน การที่จะจับโดยที่ไม่มีหมายนั้นจึงต้องเป็นกรณีที่พบการกระทำความผิดซึ่งหน้าเท่านั้น

‘สุรเชษฐ์’ ชี้!! เป็นหนี้ BTS ต้องรีบใช้คืน แต่ต้องโปร่งใส - เปิดเผยสัญญาให้รู้ยอดหนี้จริง

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ทำการสื่อสารคลิปวิดิโอทวงถามหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวกว่า 4 หมื่นล้านบาท 

สุรเชษฐ์ระบุว่า ลำดับแรกต้องตอบให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรกับการขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปี ว่าจะเอาหรือไม่เอา ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลเคยแสดงความเห็นอย่างละเอียดไปแล้วว่าไม่ควรขยายสัญญาสัมปทานและควรเริ่มต้นแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบได้เสียที แก้ปัญหาตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมอย่างจริงจังหรืออย่างน้อยหากจะปะผุปัญหาต่อไปอีก 30 ปีก็ต้องโปร่งใส ชี้แจงตัวเลข กระแสเงินสด ให้ได้ว่าทุนใหญ่ไม่เอากำไรเกินควรและเปิดเผยสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคมกับ BTS และหากรัฐบาลและ กทม. ชัดเจนว่าไม่ขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี ก็ควรจ่ายหนี้ไม่ปล่อยให้ปัญหาคาราคาซัง เพราะ กทม. บอกว่าพร้อมจ่าย อย่างน้อยก็ในส่วนของส่วนต่อขยายหนึ่ง

‘ก้าวไกล’ ฉะ!! ซื้อสิทธิฉายบอลโลกประเคนนายทุน จับพิรุธผู้บรรยายช่องดังเอาแต่ขอบคุณ ‘บิ๊กป้อม’

ก้าวไกล ฉะ กสทช. อนุมัติเงินรัฐซื้อสิทธิฉายบอลโลกประเคนนายทุน ถาม ประวิตรขายนาฬิกาสมทบด้วยหรือ? ถึงได้ขอบคุณออกอากาศทุกแมทช์

(24 พ.ย. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายตั้งคำถามกับการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนค่าลิขสิทธิ์บอลโลก และได้ตั้งคำถามต่อการกำกับดูแลว่าเมื่อรับเงินไปแล้ว นายทุนหรือประชาชนได้ประโยชน์กว่ากัน

โดยปกรณ์วุฒิ เริ่มต้นถึงความย้อนแย้งในการทำหน้าที่ กสทช. ว่าในฟุตบอลโลก 2014 บริษัท RS ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาทั้งหมด โดยเพื่อทำธุรกิจจากการให้ประชาชนซื้อกล่องทีวีดาวเทียม ซึ่ง กสทช. ได้บังคับใช้กฎ Must Have / Must Carry บังคับให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกลงในทุกช่องทางให้ทุกคนชมฟรี

แต่ปี 2022 ระหว่างที่กำลังถึงช่วงใกล้ฟุตบอลโลก ด้วยกฎเกณฑ์ที่ไม่สมเหตุสมผลของ กสทช. ทำให้ไม่มีเอกชนรายใดไปซื้อลิขสิทธิ์มาฉายในประเทศไทย กสทช. จึงต้องใช้งบชจากกองของ กสทช. จำนวน 600 ล้านบาท อุดหนุนให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปดำเนินการ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จนในที่สุด กกท. ก็ต้องไปเจรจากับเอกชนเพื่อลงขันซื้อลิขสิทธิ์ให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก

แต่แล้วก็เกิดประเด็นจากกรณีที่ บริษัท True จ่ายเงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ 300 ล้านบาท แต่กลับทำข้อตกลงลับ ๆ กับ กกท. นำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ มากมาย

ประการแรก คือ การที่ระหว่างการถ่ายทอด ผู้บรรยายได้ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกอากาศทุกแมตช์ คำถามคือ พล.อ.ประวิตร ช่วยออกเงินด้วยหรือ? มีส่วนที่ พล.อ.ประวิตร ขายนาฬิกาเพื่อเอามาสมทบเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่?

'ปิยุบตร' จวกยับ 'ก้าวไกล' ไม่ทำอะไรกับม.112 เลย ชูไว้แค่เป็นนโยบาย หวังโกยคะแนนจากคนรุ่นใหม่

(26 พ.ย. 65)​ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้

พรรคก้าวไกลกับการแก้ 112

ผมได้แสดงความเห็นกรณีพรรคก้าวไกลกับการแก้ 112 ไปในไลฟ์ เมื่อสองวันก่อน

เผื่อท่านใดไม่ถนัดกดฟังคลิปยาวๆ ผมจึงขอสรุปสั้นๆ ในโพสต์เดียวจบ ดังนี้

พรรคก้าวไกลเสนอแก้ 112 แต่ประธานสภาวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เพราะมีเหตุยกเว้นความผิด จึงไม่บรรจุเข้าสภา เรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่พรรคก้าวไกลไม่ทำอะไรต่อ นอกจากเอาไปเป็นนโยบายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า

การไม่ทำอะไรเลยในช่วงเวลาเกือบปี แล้วป่าวประกาศว่าพรรคก้าวไกลเสนอร่างแก้ 112 แล้วนะ แต่ติดที่ประธานสภา เอาเข้าจริง จะไม่ต่างอะไรกับการไม่ทำอะไรเลย และจะทำให้สังคมและพรรคอื่นๆ คิดไปว่าพรรคก้าวไกลเสนอแก้ 112 โดยไม่หวังผลสำเร็จ แต่ทำไปเพื่อรักษาคะแนนคนรุ่นใหม่ ให้ได้ชื่อว่า “กูทำแล้วนะ”

สุดท้าย การเสนอร่าง พรบ แก้ 112 ของพรรคก้าวไกล หวังผลสำเร็จ หวังการผลักดันเข้าสภาจริงๆ หรือ หวัง ‘ได้แต้ม’ ทางการเมืองกันแน่? ณ เวลานี้ ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่า ไม่ว่าจะยกเลิก 112 หรือแก้ใหญ่ 112 อย่างไรก็ติดล็อกที่ประธานสภา ในขณะที่ไม่มีพรรคใดที่จะเสนอแก้ 112 เลย นอกจากพรรคก้าวไกล แล้วทำไมพรรคก้าวไกลไม่คิดทำอะไรต่อ

ในเมื่อร่างยกเลิก 112 หรือร่างแก้ใหญ่ 112 แบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ไม่มีทางได้เข้าสภา (เว้นแต่ในอนาคต พรรคก้าวไกลเป็นเสียงข้างมาก เป็นประธานสภา ซึ่งไม่รู้เมื่อไร) ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ยอมเสนอร่างแก้ 112 ใหม่เข้าไป ปรับแก้ตามที่ประธานสภาวินิจฉัย (ตัดเหตุยกเว้นความผิดออก) ให้เป็นร่างที่พอจะเข้าสภาได้ เพื่อเปิดประตูสภาแห่งนี้ให้พิจารณาเรื่อง 112 สักที แล้วชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top