Monday, 6 May 2024
กรุงเทพ

‘สุรเชษฐ์’ ชี้!! เป็นหนี้ BTS ต้องรีบใช้คืน แต่ต้องโปร่งใส - เปิดเผยสัญญาให้รู้ยอดหนี้จริง

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ทำการสื่อสารคลิปวิดิโอทวงถามหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวกว่า 4 หมื่นล้านบาท 

สุรเชษฐ์ระบุว่า ลำดับแรกต้องตอบให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรกับการขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปี ว่าจะเอาหรือไม่เอา ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลเคยแสดงความเห็นอย่างละเอียดไปแล้วว่าไม่ควรขยายสัญญาสัมปทานและควรเริ่มต้นแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบได้เสียที แก้ปัญหาตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมอย่างจริงจังหรืออย่างน้อยหากจะปะผุปัญหาต่อไปอีก 30 ปีก็ต้องโปร่งใส ชี้แจงตัวเลข กระแสเงินสด ให้ได้ว่าทุนใหญ่ไม่เอากำไรเกินควรและเปิดเผยสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคมกับ BTS และหากรัฐบาลและ กทม. ชัดเจนว่าไม่ขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี ก็ควรจ่ายหนี้ไม่ปล่อยให้ปัญหาคาราคาซัง เพราะ กทม. บอกว่าพร้อมจ่าย อย่างน้อยก็ในส่วนของส่วนต่อขยายหนึ่ง

‘เพื่อไทย’ แฉกระจุย ปมบีทีเอสทวงหนี้ 4 หมื่นล้าน เผย!! เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ชัชชาติ สะสางปัญหา

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ว่า บีทีเอส ได้ปล่อยคลิปที่มีภาพนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน อธิฐานขอพรท้าวมหาพรหม ให้ช่วยแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินโดยเร็ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลอดที่ตนเล่นการเมืองมา 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนหนี้สิน 4 หมื่นล้านนั้น ทำไมกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ่ายไม่ได้ เป็นเพราะผู้ว่าฯกทม.ในอดีตก่อนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เจาะใจทำผิดสัญญา สร้างหนี้ขึ้นมา 4 หมื่นล้านบาทเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอส 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า กทม.ให้กรุงเทพธนาคม จ้างบีทีเอส ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและสายเขียวใต้ โดยไม่มีการประมูล ทำให้เกิดหนี้ก้อนแรก จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกทม. ปล่อยให้ประชาชนนั่งฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 มาตั้งแต่ปี 61 แต่มีค่าวิ่งรถเกิดเป็นหนี้ส่วนที่ 2 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท และกทม.หยุดจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 มาตั้งแต่ปี 62 ทำให้เกิดหนี้ส่วนที่ 3 จำนวน 4 พันล้านบาท เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกคำสั่ง คสช.มาตรา 44 ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นี่จึงเป็นที่มาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยเหลวปล่อยให้เกิดหนี้ 

หัวเมืองใหญ่อย่าประมาท เมื่อ PM2.5 มาตามคาด วอนคนไทยอย่าเที่ยวปีใหม่เพลิน จนลืมป้องกันตัว

ช่วงปลายปีแบบนี้ แถมอากาศหนาวเป็นใจ คนไทยเลยแห่เที่ยวแห่ฉลองกันอย่างสนุกสนาน โดยลืมว่าฤดูหนาวแบบนี้แหละที่มักเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เราหลงลืมไปว่ามักมาเยือนตามเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพมหานครและเชียงใหม่ 

แต่หนักสุดเห็นจะเป็นกรุงเทพฯ นี่แหละ เพราะมีรายงานข่าวจากสำนักสิ่งแวดล้อมว่า พบฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นั่นคือพบฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐาน จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ เขตทวีวัฒนา, เขตหนองแขม, เขตหนองจอก และเขตปทุมวัน โดยตรวจวัดได้ระหว่าง 30-53 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดย PM2.5 ค่ามาตรฐาน เฉลี่ย 24 ชม. ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. แต่ 4 พื้นที่นี้มีค่ามาตรฐานเกินคือ 53 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จึงต้องเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ดังกล่าวให้ระวังสุขภาพและสวมหน้ากากป้องกัน  

ทั้งนี้ในวันที่ 24 ธ.ค. 65 เป็นช่วงเวลาที่ควรเฝ้าระวังทั้งพื้นที่ กทม. เนื่องจากสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ำ ประกอบสภาวะอากาศที่นิ่ง ลมสงบ  เพื่อความไม่ประมาท จึงควรเริ่มเฝ้าระวังตั้งแต่เย็นวันที่ 23 ธ.ค. 65

‘กรุงเทพ’ ครองแชมป์หมุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ดัน ศก.ช่วงตรุษจีนคึก คาดลุ้นอีกระลอก 1 พ.ค.นี้

(30 ม.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย ทริปด็อตคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) รายงานว่านักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเดินทางสู่ต่างประเทศเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ขณะจีนผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางขาออกหลังปรับเปลี่ยนการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เมื่อไม่นานนี้

รายงานระบุว่าคำสั่งซื้อเพื่อการท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ ช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ระยะ 7 วัน เพิ่มขึ้น 640% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยคำสั่งซื้อบัตรโดยสารเที่ยวบินข้ามพรมแดนของนักท่องเที่ยวจีนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของทริปด็อตคอม กรุ๊ป เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์, เชียงใหม่, มะนิลา และบาหลี

‘บี พุทธิพงษ์’ พร้อมดัน ‘คนรุ่นใหม่’ สู่ถนนการเมือง พร้อมระบุสเป็กชัดเจน ต้อง ‘จงรักภักดี-เชิดชูสถาบัน’

(23 ก.พ.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวผ่านรายการ ‘พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ’ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ต่อการส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ว่า พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอยากได้การเปลี่ยนแปลง อยากเห็นคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาในแวดวงการเมือง เราพูดกันอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่เราจะมีนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ หรือนักการเมืองน้ำดี เป็นสิ่งที่ตนได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ และเชื่อว่าเรื่องนี้อยู่ในใจคนทุกคน

นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า จนวันนี้ตนได้มีโอกาสนำเสนอคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งนักกฎหมาย นักการแพทย์ และนักการตลาด เป็นต้น กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยก็ให้โอกาสพวกเขามาเป็นทางเลือก มาเป็นนักการเมืองน้ำดีให้กับคน กทม. โดยบางคนเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลที่อยากจะทดแทนคุณแผ่นดินที่ให้โอกาสเขาได้ไปเล่าเรียนถึงต่างประเทศ

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! 'กทม.' คว้าอันดับ 2 ของอาเซียน ครองอันดับ 30 เมืองที่ดีสุดในโลก ปี 2023

(26 ก.พ.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ Resonance Consultancy จัดอันดับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 30 จาก 100 เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2023 หรือ 100 Best Cities in the World 2023 และเป็นอันดับที่ 2 ของ อาเซียนซึ่งเปิดเผยข้อมูลโดยเว็บไซต์ ATLAS & BOOTS 

โดยการจัดอันดับในครั้งนี้ Resonance Consultancy ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งประเมินแนวโน้มของตลาด จุดแข็ง และจุดอ่อน ได้จัดอันดับ โดยประเมินจาก 6 หัวข้อ ได้แก่ 

1. สถานที่ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ใช้ชีวิตนอกบ้าน

2.ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ความเชื่อมโยงของสนามบิน พิพิธภัณฑ์ อันดับของมหาวิทยาลัย และสถานที่จัดงาน การประชุม 

3.ประชากร ได้แก่การมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน และการสำเร็จการศึกษา 

4.ความมั่งคั่ง ได้แก่ การมีบริษัทชั้นนำของโลก GDP อัตราการจ้างงาน และความเท่าเทียมของรายได้ 

5. กิจกรรม ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม ประสบการณ์ในการเที่ยวยามค่ำคืน ร้านอาหารที่มีคุณภาพ และสถานที่สำหรับการเลือกซื้อสินค้า 

6. การส่งเสริม ได้แก่ การค้นหาบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลการรีวิวบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ 

‘พปชร.’ พร้อมปราศรัย ลานคนเมือง กทม. 18 มี.ค.นี้ มั่นใจ!! ปชช. 5 พันคน รอฟังนโยบายแก้ปากท้อง-การจราจร

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พปชร. กล่าวถึงการจัดเวทีปราศรัยของพรรค พปชร. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ว่า มีความพร้อมหมดแล้ว ขณะนี้เตรียมประชุมเกี่ยวกับการวางตัว และดูแลเรื่องแสง สี เสียง สำหรับการจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.มีครบ และเกินด้วยซ้ำ จึงรอการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ชัดเจนและจัดคนลงได้ทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า จัดขุนพลปราศรัยบนเวทีอย่างไร นายสกลธี กล่าวว่า จัดขุนพลสำคัญไว้หมดแล้ว และเตรียมเก้าอี้ไว้รับผู้ปราศรัยประมาณ 3 พันคน ถ้ารวมประชาชนที่ยืนน่าจะมีประมาณ 5 พันคน

เมื่อถามถึงนโยบายเฉพาะในพื้นที่ กทม. นายสกลธี กล่าวว่า มีแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ขนส่งสาธารณะ จากที่ทำโพลพบว่าปัญหาอันดับ 1 ใน กทม. คือ ปัญหาด้านการจราจร รถติด ที่ต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่าย

‘อรรถวิชช์’ ร้องศาลปกครอง เพิกถอนแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม. ชี้ วิธีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หวั่น ทำประชาชนสับสน

(16 มี.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของกรุงเทพมหานครว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 27 (1) กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งเขตให้ ‘รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง’ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีอำเภอหลักอยู่ในเขตเลือกตั้ง แต่ปรากฎว่าการแบ่งเขตที่ออกมา มีการรวมเฉพาะแขวงโดยไม่มีเขต (อำเภอ) หลัก มาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่

ตัวอย่างเช่น เขตเลือกตั้งที่ 8 ประกอบด้วย แขวงทุ่งสองห้องของเขตหลักสี่ และแขวงลาดยาว แขวงจตุจักร แขวงจอมพล ของเขตจตุจักร, เขตเลือกตั้งที่ 9 ประกอบด้วย แขวงอนุสาวรีย์ของเขตบางเขน และแขวงจันทรเกษม แขวงเสนานิคม ของเขตจตุจักร และแขวงตลาดบางเขนของเขตหลักสี่ และยังมีเขตเลือกตั้งอื่น ๆ ที่เป็นการรวมเฉพาะแขวง โดยไม่มีเขตหลักถึง 13 เขตเลือกตั้ง ได้แก่เขตเลือกตั้งที่ 8, 9, 12, 13, 17, 18, 19, 21, 26, 27, 28, 29 และ 30 ซึ่งเป็นการรวมแขวงต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ไม่ได้รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ขัดต่อหลักเกณฑ์ตามมาตรา 27 (1)

‘กกต.’ ชี้!! ทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน  หลัง ‘ชพก.’ ท้วง!! ปมแบ่งเขต กทม.

(17 มี.ค. 66) ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปกรณ์ มหรรณพ กกต.แถลงข่าวชี้แจงข้อท้วงติงจากพรรคการเมือง ถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า วันนี้ กกต.จะมีการเรียกประชุมด่วน ซึ่งสืบเนื่องมาจากพิจารณาข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งของพรรคชาติพัฒนากล้า เมื่อมีข้อท้วงติงของพรรคการเมือง เราก็พร้อมที่จะตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง จึงมีการเรียกประชุมด่วนในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ สำหรับเรื่องดังกล่าว เราพร้อมให้ข้อมูลและเหตุผล ซึ่งสิ่งที่มีข่าวในช่วงนี้คือการแบ่งเขตของ กกต.กทม.อาจจะมีปัญหา แต่ตนขอยืนยันว่า ผอ.กกต.กทม.และทีมงาน รวมทั้งส่วนกลางที่เกี่ยวข้องได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตอย่างสุดความสามารถ และได้ใช้เวลาในการพิจารณาอย่างเหมาะสม

“โดยเรื่องที่มีข้อท้วงติงของนักการเมืองนั้นบางครั้งอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อยากจะขอชี้แจงว่าการแบ่งเขตครั้งนี้ กกต.กทม.ยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎหมายในมาตรา 27 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ระบุว่าให้แบ่งเขตแต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกันต่างกันไม่เกินบวกลบร้อยละ 10 ซึ่งมาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 86 (5) บัญญัติว่าจะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้แต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เราปฏิบัติ” นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ กรุงเทพมหานครไม่สามารถกำหนดเขตปกครองเดียวให้เป็นเขตเลือกตั้งได้ เพราะค่าเฉลี่ยของประชากรของกรุงเทพมหานครในหนึ่งเขตเลือกตั้ง มีประมาณ 160,000 คน ตัวอย่างเช่น เขตปกครองในเขตคลองสามวา มีประมาณ 200,000 คน, เขตบางเขน เขตประเวศ เขตลาดกระบังมีเขตละ 180,000 คน, เขตสายไหม 200,000 กว่าคน, เขตหนองจอก เขตบางขุนเทียน มีเขตละ 180,000 กว่าคน, เขตบางแค 190,000 คน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทั้ง 8 เขตนี้ ไม่สามารถแบ่งเป็นเขตเดียวของการเลือกตั้งได้ เราจึงได้พิจารณาตามกฎหมายในมาตรา 21 (2) ที่กำหนดว่า ในกรณีที่ไม่สามารถทำตาม (1) ได้ เพราะราษฎรในแต่ละเขตไม่ใกล้เคียงกัน จึงให้แบ่งเขตตามสภาพของชุมชนที่มีราษฎรติดต่อกันประจำ ในลักษณะเป็นเขตชุมชนเดียวกัน โดยจะต้องให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด

นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีตามที่เป็นข่าวที่ยกตัวอย่างเขต 8 และ 9 ว่าไม่มีเขตหลัก ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีเขตหลัก ซึ่งเขต 8 และ 9 มองแล้วมีเขตหลักและจำเป็นต้องเอาแขวงที่ใกล้เคียงมารวมกัน เพื่อให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด อย่างไรก็ตามเราได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 (2) อย่างเคร่งครัด ทุกเขตจะเป็นลักษณะชุมชนเดียวกัน จำนวนราษฎรจะไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่ง กกต.ได้ออกหลักเกณฑ์ระเบียบที่ว่า จังหวัดแบ่งเขตโดยค่าเฉลี่ยประชากรในจังหวัดเป็นเกณฑ์ แต่ละเขตไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยประชากร หรือในกรุงเทพมหานครแต่ละเขตไม่ควรเกิน 16,000 คน

‘ต้นกล้า ก้าวไกล’ เผย ไม่หวั่นแบ่งเขตพิศดาร ซัด!! กกต.แบ่งเขตแบบเล่นเก้าอี้ดนตรี

(18 มี.ค. 66) นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.(ยานนาวา-บางคอแหลม) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งล่าสุดโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าการแบ่งเขตครั้งนี้ มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร แม้ว่าในเขตยานนาวา-บางคอแหลม ที่ตนลงสมัคร จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่สำหรับหลายเขต มีทั้งที่ถูกเพิ่มพื้นที่และลดพื้นที่ลงจนเกิดความสับสนทั้งในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและว่าที่ผู้สมัครเอง

นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ อาจ มองได้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้ได้คะแนนเสียงได้เปรียบกว่าพรรคอื่น ๆ หรือไม่ และยังมีความน่ากังวลอีกประการหนึ่ง คือการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในอนาคตจะยากลำบากขึ้นไปอีก จากการแบ่งเขตที่ไม่สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ ประชากร และความเป็นจริง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top