Sunday, 12 May 2024
กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ - ‘นิพนธ์’ มอบแนวทางพัฒนาภาคใต้ชายแดน เน้นพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก – สร้างงาน - สร้างรายได้ ฟื้นเกษตรและท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ประชาชนฝากการบ้านลดความเหลื่อมล้ำทำให้เป็นจริง

ที่โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส หลานหลวง กรุงเทพฯ นายนิพนธ์  บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานโครงการของ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงบประมาณสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการภาคใต้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานของคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานโครงการของ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดนซึ่งได้ประชุมรวม 5 ครั้ง ทำให้ได้ผลการพิจารณากลั่นกรองมีความครบถ้วนสมบูรณ์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยพิจารณากลั่นกรองโครงการ 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1  คือโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดในภาคใต้ (11 จังหวัด) และภาคใต้ชายแดน (3 จังหวัด) และโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดในภาคใต้ (2 กลุ่มจังหวัด) และภาคใต้ชายแดน (1 กลุ่มจังหวัด) ส่วนที่ 2 คือ โครงการของส่วนราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่มีความสอดคล้องกับ (ร่าง) ทิศทางการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน (พ.ศ.2566-2570)

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการครั้งนี้ ได้เห็นประเด็นปัญหาของการจัดทำโครงการทั้งของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด เช่น โครงการขาดความพร้อมด้านต่าง ๆ และโครงการที่เป็นภารกิจถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น  ทั้งนี้ได้มอบแนวทาคมงการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยควรดำเนินงานในลักษณะการบูรณาการ โดยใช้แนวคิดเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด รวมทั้งการพัฒนาคนให้มีองค์ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ และมีความหลากหลายของประเภทโครงการ ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนา โดยวางหลักในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากฐาน การสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ทั้งภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานลดความเหลี่ยมล้ำทางสังคม  ทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติ  รวมทั้งการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความเข้มแข็งจากระดับล่าง ประชาชนพึ่งพาตนเองได้

 

 

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จับมือ กทม. คมนาคม ลงพื้นที่สำรวจแก้ปัญหาทางม้าลาย!!

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.  พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย  พล.อ.ต.นพ.อิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภาสำนักงาน คณะผู้บริหารสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร นายสุจิณ มั่งนิมิตร ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางข้าม (ทางม้าลาย) ตรงโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์  ถนนพญาไท ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเฉี่ยวชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เพื่อสำรวจสภาพด้านวิศวกรรมจราจร ส่วนควบและอุปกรณ์ของทางข้าม  สำหรับเป็นข้อมูลในการปรับสภาพแวดล้อมบริเวณทางข้ามดังกล่าว ให้เหมาะสม  เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนสูงสุด 

โดยจะรวบรวมข้อมูล นำเสนอคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ( หรือ นปถ.) ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค.65 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน นอกจากนั้น ทาง ตร. จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยทางถนน ร่วมประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการสำรวจข้อมูลทางข้ามในภาพรวมทั่วประเทศ และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม รวมถึงแนวทางการใช้เทคโนโลยีมาติดตั้งบริเวณทางข้าม เพื่อจัดการความปลอดภัยและบังคับใช้กฎหมายในวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.65 ต่อไป

สำหรับโดยทางข้ามหน้าสถาบันโรคไตฯ นั้น จัดทำครั้งแรกเมื่อปี 2558  มีประชาชนใช้ทางข้ามประมาณ ชั่วโมงละ 30 คน อยู่ห่างจากแยกพญาไทประมาณ 120 เมตร เป็นทางข้ามที่ยังไม่ได้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร

กรุงเทพฯ - ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ สนับสนุน 2 หน่วยงาน! อบรมสร้างอาชีพ ตามพันธกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน!!

มูลนิธิมาดามแป้ง โดย “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ สนับสนุนกิจกรรมฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพแก่ 2 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การอบรมงานช่างพื้นฐาน และการผลิตรถเข็นครัวมาดาม โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และการอบรมงานฝีมือแก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยมี นางพัชราภรณ์  อินทรียงค์ รองประธานกรรมการ นางสาวทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยผู้แทนจาก 2 หน่วยงาน เข้าร่วมรับมอบเงินสนับสนุน เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ เกิดผู้ว่างงานจำนวนมาก โดยจากการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พบตัวเลขน่าหดหู่ใจที่มีผู้ว่างงานทั้งสิ้น 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 2.25 ซึ่งสูงสุดในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผนวกกับมูลนิธิฯ ของเรา พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังตามพันธกิจหลักที่มีไว้ในการส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านการสร้างอาชีพ ซึ่งสอดคล้องและต่อเนื่อง”

“ความร่วมมือกับทั้งสองหน่วยงานรัฐ นอกจากจะช่วยให้มูลนิธิฯ เดินหน้าสานต่องานที่ตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยประสบการณ์ในการทำงานเพื่อพัฒนาอาชีพโดยตรงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้าถึงความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ มากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการให้อาชีพจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยความสามารถในการดูแลตัวเองและครอบครัวในระยะยาว”

นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “เราได้ร่วมงานกับมูลนิธิมาดามแป้งมาแล้ว ในการสนับสนุนทุนประกอบอาชีพแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา จึงมองว่าจะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ดีต่อเนื่อง ในการเปลี่ยนชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยวหลาย ๆ คน ที่ประสบความยากลำบาก ในการครองชีพ การดูแลตนเองและครอบครัว ซึ่งการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทุนอย่างเดียว แต่การให้ในทุกครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องที่เสริมสร้างกำลังใจ เสริมสร้างความเข้มแข็ง ด้วยการส่งต่อความปรารถนาดี ให้แก่ครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเอง”

นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า “ขอบคุณมูลนิธิมาดามแป้ง ที่เห็นความสำคัญของการให้ การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้โอกาส ซึ่งจะมีคุณค่ายิ่งกว่าถ้าเราให้แก่คนที่ขาดโอกาส การส่งเสริมฝึกฝนอาชีพแก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ให้มีประสบการณ์ ทักษะทางปัญญา พร้อมกับปลูกฝังความมีจิตอาสานั้นสำคัญมาก โดยทุกคนยังจะนำเอาความรู้ ความสามารถที่ได้รับมาปรับใช้ และให้บริการกับสังคมได้อย่างยั่งยืน และเขาจะเป็นพลเมืองที่ดีต่อไปอีกด้วย”

การดำเนินงานของ ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ภายใต้กิจกรรมการสนับสนุนการสร้างอาชีพแก่ 2 หน่วยงาน ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้แก่ การฝึกอบรมอาชีพงานช่างขั้นพื้นฐานวิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท, กิจกรรมผลิตรถเข็นครัวมาดาม เพื่อมอบให้แก่ประชาชนที่ต้องการประกอบอาชีพ จำนวน 1,000,000 บาท และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่ออบรมงานฝีมือให้แก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว ในศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท โดยจะเริ่มต้นในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยวางแผนระยะยาวด้วยการขยายผลความช่วยเหลือ เพื่อส่งเสริมอาชีพไปทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี 2565 นี้ ตามพันธกิจของมูลนิธิมาดามแป้ง

กรุงเทพฯ - กระทรวงเกษตรฯ เตรียมจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ภายใต้โครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ในราคาถูกกว่าท้องตลาด มั่นใจด้วยคุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายปณิธาน มีไชยโย รักษาการผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (ZOOM Meeting)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาหมูแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ต่างได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จึงได้จัดโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก. เลียบคลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการจัดจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดง คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพียงกิโลกรัมละ 140 บาท ซึ่งจะนำมาจำหน่ายที่ตลาด อ.ต.ก. จำนวน 150,000 กิโลกรัม โดยกำหนดซื้อได้คนละไม่เกิน 5 กิโลกรัม เพื่อให้ทั่วถึงกันทุกคน

กรุงเทพฯ - ม.เกษตร ผนึกกำลัง! ซีพีเอฟ ซีพีพี ยกระดับงานวิจัย - การศึกษาของชาติ นำร่องการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชา และอาหารเพื่อนักกีฬา

ดร.จงรักษ์ วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding – MoU) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Agreement – MoA) กับนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ ซีพีพี บริษัทในเครือซีพี

เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านอาหารและการเกษตร ควบคู่กับพัฒนาการศึกษาของประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านพัฒนางานวิจัย และด้านการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นเปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพของตนเอง ได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและการลงมือทำจริง ช่วยสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีทักษะความรู้ที่ตรงตามความต้องการของตลาด

โดยมีคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และบริษัท ร่วมด้วย ได้แก่ รศ.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร รศ.อภิสิฎฐ์ ศงสะเสน คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล และ ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย MoU และ MoA ซึ่งนำไปสู่สัญญาให้ทุนอุดหนุนโครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชาไทยให้มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีส่วนร่วมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมกับบริบทความต้องการของคนไทย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านความร่วมมือในการดำเนินโครงการวิจัยต่าง ๆ อาทิ อาหารเพื่อนักกีฬา อาหารเพื่อผู้สูงวัย จุลินทรีย์โปรตีนทางเลือก อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อยกระดับงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงอุตสาหกรรม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเป็นเลิศในด้านการเกษตร และวิทยาศาสตร์อาหาร จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมถึงองค์กรทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำองค์ความรู้ต่อยอดด้านงานวิจัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยบนเวทีโลก

"ซีพีเอฟมุ่งมั่นส่งมอบอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้คนไทยมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี นอกจากนั้น ยังส่งเสริมการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ผลิตเชิงอุตสาหกรรม ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีพีกล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นขององค์กร “ในฐานะของบริษัทที่เป็นดั่งต้นน้ำของธุรกิจการเกษตรภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์  ซีพีพีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรของไทย  ด้วยเหตุนี้เอง ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ “เกษตรกร คือ คู่ชีวิต” เพราะเราต้องการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เรามุ่งพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความเป็นเลิศไม่แพ้ชาติอื่น  บริษัทต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีรายได้ที่คงที่และยั่งยืน  จึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจแบบ Business-to-Customer (B2C) ของเกษตรกรไทยมีรูปแบบที่ครบวงจร มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่การผลิตไปจนการนำผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ตลาด รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร การดูแลทางด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรผ่านนโยบารับซื้อคืน และให้การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ สำหรับการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน บริการการเกษตร เทคโนโลยีเกษตรกรสมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรไทย

"ซีพีพีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การผนึกกำลังระหว่างซีพีพีและซีพีเอฟในครั้งนี้ จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการนำองค์ความรู้ที่เรามีจากประสบการณ์ของพวกเราในฐานะผู้ประกอบการ มาผนวกรวมกับองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการชั้นนำ ที่มากไปด้วยนิสิตและคณาจารย์ที่รอบรู้ และเปี่ยมด้วยความสามารถ  มีความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่อุตสาหกรรมเกษตรของประเทศไทยได้แน่นอนจากการจับมือกัน” นายสุเมธกล่าว

กรุงเทพฯ - ผู้ว่ากกท. ร่วมยินดีกับ “น้องมิ้งค์” แชมป์โลกสนุกเกอร์หญิง 2022 คนล่าสุด!!

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ร่วมชื่นชมและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ “น้องมิ้งค์” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย แชมป์โลกสนุกเกอร์หญิงคนล่าสุด หลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวไทยคนแรก ที่คว้าแชมป์โลกสนุกเกอร์หญิง 2022 ว่า หลังจากที่ได้รับทราบข่าวดีของวงการกีฬาไทย กับความสำเร็จของ “น้องมิ้งค์” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย แชมป์โลกสนุกเกอร์หญิงคนล่าสุด การกีฬาแห่งประเทศไทย ต้องขอชื่นชมและขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ของน้องมิ้งค์ และสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย

วันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าน้องมิ้งค์ไม่ได้รับการปลูกฝังและสนับสนุนจากครอบครัว ที่มีความเชื่อมั่นในตัวของน้องมิ้งค์มาโดยตลอด รวมถึงสมาคมกีฬาบิลเลียดฯ ที่เปิดโอกาสและให้การฝึกซ้อมรวมถึงส่งเข้าร่วมการแข่งขันทุกรายการที่ผ่านมา ในนามของ กกท. จึงขอขอบคุณน้องมิ้งค์ ที่สร้างความสุขให้กับพี่น้องชาวไทย และขอขอบคุณผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้องมิ้งค์ทุกคน เราพร้อมที่จะให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาบิลเลียดฯ ในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะนักกีฬาให้มีความต่อเนื่อง เพื่อพัฒนากีฬาสนุกเกอร์รวมถึงสร้างนักสนุกเกอร์คุณภาพของไทยในอนาคตเพิ่มเติม”

ทั้งนี้ การแข่งขันสนุกเกอร์หญิงชิงแชมป์โลก ที่ ติง จุน ฮุย อคาเดมี่ ในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ "มิ้งค์ สระบุรี" หรือ ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย นักสนุกเกอร์สาวไทยวัย 22 ปี ที่รอบชิงชนะเลิศ หัวใจไม่ยอมแพ้สามารถกลับพลิกสถานการณ์จากตามหลัง เวนดี้ แจนส์ สาวเบลเยียม 3-5 เฟรม กลับมาแซงชนะ 6-5 เฟรม คว้าแชมป์สนุกเกอร์อาชีพหญิงชิงแชมป์โลก 2022 เป็นคนแรกของประเทศไทย พร้อมคว้าตั๋วเล่นรายการสะสมคะแนนสนุกเกอร์โลก 2022/2023 และ 2023/2024 ได้สำเร็จ

กรุงเทพฯ - นายกฯ ชื่นชม “น้องมิงค์” นักสนุกเกอร์ไทยวัย 22 ปี คว้าแชมป์สนุกเกอร์อาชีพหญิงชิงแชมป์โลก 2022 เป็นคนแรกของประเทศไทย ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญ สนับสนุนให้คนไทยเล่นกีฬา

ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะ นำ น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย (น้องมิงค์) แชมป์โลกสนุกเกอร์หญิง 2022 คนที่ 13 และถือเป็นชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์สนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก เข้าพบพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย (น้องมิ้งค์) และสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกีฬาทุกด้าน เพราะกีฬาทำให้เกิดการมีน้ำใจนักกีฬา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยสนับสนุนให้คนไทยเล่นกีฬาเพราะส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการมีสุขภาพดี ความสำเร็จของน้องมิงค์ในวันนี้เกิดจากการได้รับการปลูกฝังที่ดีจากครอบครัว รวมทั้งสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทยที่เปิดโอกาส พร้อมสนับสนุนให้เข้าร่วมการแข่งขัน สามารถสร้างชื่อเสียงได้อย่างมากมาย สิ่งสำคัญคือการได้เป็นเรื่องราวที่ดีให้กับคนไทยในยามที่เผชิญกับภาวะวิกฤต

กรุงเทพฯ - “บิ๊กป้อม” อนุมัติกองทุนเสริมศักยภาพนักกีฬา มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ห่วงใยนักกีฬาให้ระวังโควิดขณะซ้อม

พล.อ.ประวิตร ประชุม กกท.และกองทุนกีฬา รับทราบรายงาน WADA คืนสถานะไทย กรณีสารต้องห้าม ขอบคุณคนไทยร่วมแก้ไข อนุมัติกองทุนเสริมศักยภาพนักกีฬา มุ่งสู่ความเป็นเลิศ  ห่วงใยนักกีฬาให้ระวังโควิดขณะซ้อม

เมื่อ 23 ก.พ.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครั้งที่2/ 2565 และการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่1/2565  ผ่านระบบVDO Conference

ที่ประชุม คณะกรรมการ กกท.ได้รับทราบรายงานการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 โดยองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก(WADA) ได้ประกาศทางเว็บไซต์ อย่างเป็นทางการ เมื่อ3ก.พ.65 แจ้งเรื่องการถอดถอนประเทศไทย ออกจากรายชื่อภาคีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎและได้รับการคืนสถานะตามข้อกำหนด เรียบร้อยแล้ว และรับทราบสรุปผลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์(ฤดูหนาว)ครั้งที่ 24 ณ กรุงปักกิ่ง  สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง วันที่ 4-20 ก.พ.65 โดยสรุป นักกีฬาจากประเทศไทยที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่ Karen Chanloung แข่งขันประเภท Cross-country skiing รายการ women Individual Sprint Free ผลงานเป็นอันดับ6 ของเอเชีย ,Mark chanloung ประเภท Cross-country skiing รายการ Men Individual Sprint Free ผลงานเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย และ Nicola zanon ประเภท Alpine skiing รายการ Men Giant Slalom ผลงานเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แม้ไทยจะไม่มีสภาพอากาศหนาวถึงระดับมีหิมะ  หลังจากนั้น ที่ประชุมได้มีการเห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ เป็นประธานอนุกรรมการกลั่นกรองการดำเนินงาน และแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นประธานอนุกรรมการด้านบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในการพัฒนาการกีฬาของประเทศ ต่อไป

ต่อเนื่องกัน พล.อ.ประวิตรได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยได้มีวาระพิจารณาเห็นชอบการสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬาได้แก่สมาคมกีฬาแบดมินตัน เข้าร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ รายการ Total Energies BWF World Championships 2021 ณ เมืองฮูลเอลวา ราชอาณาจักรสเปน สร้างผลงานรุ่นทั่วไปได้ 1เหรียญทอง เป็นเงิน 4,500,000 บาท และเห็นชอบสนับสนุนงบประมาณการพัฒนากีฬาตามแผนงานประจำปี 65

อาทิ การสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติ/นานาชาติ ,การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ระดับชาติ/นานาชาติ รวมถึงการผลักดันกีฬามวยไทยให้มีมาตรฐานสากล เป็นต้น

งามตระการตา ‘พระใหญ่’ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ แหล่งรวมความศรัทธา คู่ฝั่งธนฯ

งามตระการตา ‘พระใหญ่’ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ แหล่งรวมความศรัทธา คู่ฝั่งธนฯ


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=491152919035038&set=a.242244413925891

👍 มาหลงกรุงไปด้วยกันได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/หลงกรุง
 

สองราชธานี แผ่นดินทองจากสองฝั่งเจ้าพระยา ‘กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร’ และ ‘กรุงเทพมหานคร’

สองราชธานี แผ่นดินทองจากสองฝั่งเจ้าพระยา ‘กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร’ และ ‘กรุงเทพมหานคร’


ที่มา : https://www.facebook.com/532544466865594/photos/a.532552690198105/4484788771641124/


👍 มาหลงกรุงไปด้วยกันได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/หลงกรุง
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top