Sunday, 19 May 2024
กระทรวงพลังงาน

'พีระพันธุ์' ไล่บี้ 'กกพ.' ลดค่าไฟเหลือไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท พร้อมเร่งหาวิธีลดภาระปชช. ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่

(30 พ.ย. 66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศค่าไฟงวดใหม่ 4.68 บาทต่อหน่วย งวดมกราคม-เมษายน 2567 ว่า ราคานี้เป็นแค่ตัวเลขเสนอแนะ คำนวนเบื้องต้นจากกกพ.ยึดตัวแปรหลักตัวแปรเดียว คือการชำระหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ส่วนราคาสุดท้ายอยู่ที่ฝ่ายบริหาร กระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเคาะอย่างไร ขอยืนยันว่าราคาขายไฟฟ้าจริงจะไม่ใช่ตัวเลขนี้ และประชาชนผู้ใช้ไฟจะไม่ต้องรับภาระ จนหน้ามืดอย่างแน่นอน

"นายพีระพันธุ์ กำลังหาแนวทางลดภาระค่าไฟประชาชน ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่ และจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ใกล้เคียงความเป็นจริงที่กระทรวงจัดการได้ ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย ใช้กลไกจัดการผสมผสาน หลายขั้นตอนกว่าการลดราคาค่าไฟปกติทั่วไป ไม่ได้ใช้แค่เรื่องประวิงหนี้กฟผ.อย่างเดียว" นายพงศ์พล กล่าว

นายพงศ์พล กล่าวว่า ราคานี้เป็นการบริหารลดค่าครองชีพระยะสั้นให้ประชาชนเท่านั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันจะแก้ไขเชิงโครงสร้าง ก๊าซธรรมชาติ ต้นตอของปัญหาราคาไฟฟ้า และสนับสนุนพลังงานไฟฟ้าสะอาดระยะยาวต่อไป

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! ‘ค่าไฟฟ้า’ จะไม่แพงตามมติ กกพ. ลั่น!! จะดึงราคาลงมาให้ได้ เพื่อไม่ให้ปชช.ลำบาก

(2 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงอย่างที่เป็นข่าวครับ ผมเข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ถามกันมามากเรื่องราคาค่าไฟฟ้าภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่าราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ 17% จากราคาปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ได้เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป

ผมเองก็รับไม่ได้ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างนั้น เพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราก็ต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ๆ หลายรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด

ผมขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้วเพื่อให้ราคาค่าไฟอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งต้องใช้หลายกลไกพร้อมๆ กันภายใต้โครงสร้างในปัจจุบันที่ไม่ได้ให้อำนาจกับฝ่ายนโยบายมากนัก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ การที่ กกพ.ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางในการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่จะต้องมีการประกาศเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดก่อนที่จะมีมติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นที่สุด จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป ทั้งหมดนี้จะเตรียมการให้เสร็จสิ้นและประกาศโดยเร็วที่สุด

ผมพูดเสมอว่านี่คือการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใต้โครงสร้างแบบปัจจุบัน แต่ที่กำลังดำเนินการแบบเข้มข้นที่สุด และทำงานกันไม่หยุดหย่อนทุกวัน คือการเร่งรวบรวมข้อมูลทุกด้านเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด ให้ครบทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การ รื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานให้มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนทั้งระบบ

ไม่ยากครับถ้าแค่พูดเอาเท่ ฟังดูดีทรงภูมิ คนทำแบบนั้นมีเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเห็นรูปธรรม พูดไปเรื่อยๆ ใช่ครับ อะไรๆ ก็แก้โครงสร้าง แต่จะแก้อะไร แก้อย่างไรครับ ส่งผลกระทบแบบไหน จะทดแทนด้วยอะไร ทั้งระบบต้องสอดคล้องและไม่ก่อภาระเพิ่มให้กับประชาชน

ย้อนกลับไปดูกันนะครับ กฎหมายแต่ละฉบับ รูปแบบที่ใช้กันอยู่ ใช้มานานเท่าไร ปล่อยกันมาสี่สิบปีแล้วนะครับ

ผมเองหลังแถลงนโยบายมาสองเดือนเศษ ผมไม่พูดมากแต่ลงมือทำ อย่างน้อยผมก็พยายามลดภาระให้ประชาชนไม่ว่าจะตามโครงสร้างแบบไหน ทั้งน้ำมันดีเซล เบนซิน ค่าไฟฟ้า ตรึงราคาค่าแก๊ส ผมดีใจที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เวลาเดียวกันก็เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลชนิดลงลึกทุกขั้นทุกตอน ทำงานกันหลายคณะ ทำมากกว่าพูดลอยๆ ว่า “ปรับโครงสร้างๆๆ”

เมื่อข้อมูลครบถ้วนแล้ว ไม่นานครับ เพราะผมและคณะจะร่างกฎหมายเอง เป็นชุดและครอบคลุมทั้งหมด ตอบได้ทุกคำถาม เพราะยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมศึกษา หาข้อมูล ถกเถียง คิดวิเคราะห์ คืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะนี่คือการลงมือทำจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดแล้วเสกออกมา ขอให้มั่นใจ ผมเอาจริงแน่นอน"

‘ลอรี่’ วอน!! ฝ่ายค้านมองก.พลังงานแก้ ‘ค่าไฟแพง’ แบบใจเป็นธรรม แนะ!! หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ ช่วยเห็นทุกข์ร้อนของปชช.บ้าง

(2 ธ.ค.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับนโยบายการปรับลดค่าไฟ โดยมีเนื้อหาว่า

[ลดค่าไฟระยะสั้น เห็นโจมตีจัง...]

ถามก้าวไกล ค่าไฟ 4.68 .- พอใจให้ปชช.ใช้ราคานี้อีกหลายปี เพื่อรอแก้ระยะยาวอย่างเดียว...จะเอางั้นเหรอ?

ตามที่มีตัวแทนฝ่ายค้าน ออกมาค้านรายวัน เรื่องการปรับลดค่าไฟให้พี่น้องปชช. จาก 4.68  บาท/หน่วย ที่กระทรวงพลังงานพยายามปรับลดลงให้เหลือ 4.20บาท/หน่วยนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องดีที่ช่วยลดภาระปชช. สมควรจัดการก่อน

"คนลำบากเพราะ 'ค่าไฟแพง' เทียบเหมือน เห็น 'คนกำลังจมน้ำ' ตรงหน้า ยังไงก็ต้องช่วยจะไปอ้างต้องแก้ที่ต้นเหตุ 'สอนให้เค้ารู้จักว่ายน้ำ' ก่อน.. คงไม่มีใครรอดหรอกนะครับ"

ในฐานะกระทรวงที่เป็นฝ่ายบริหาร การแก้ค่าไฟแพง ต้องทำทั้ง ‘ลดระยะสั้น’ และ ‘หั่นโครงสร้างระยะยาว’ ซึ่งกระทรวงพลังงาน ภายใต้ รมว.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เราทำอยู่ทั้งคู่ ..หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ แต่ขาดความเข้าใจในการทำงานจริงได้แล้ว

ทางที่ดีต้องทำคู่ขนาน เฉพาะหน้าต้องเยียวยาปชช.ต่อลมหายใจไม่ให้รับภาระเกินไป ภายใต้โครงสร้างเดิมที่มี และขณะเดียวกัน 'รื้อ' ปรับโครงสร้างไฟฟ้า โดยเฉพาะแก้ไขรายละเอียดผลิตก๊าซธรรมชาติ - แก้กฎหมายควบคุมหลายฉบับ - รวมถึงเพิ่มพลังงานไฟฟ้าสะอาดในประเทศ ซึ่งใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเราก็เน้นทั้งคู่ ให้ราคาไฟฟ้าต่อหน่วย ถูกลงในระยะยาว 3 บาทกว่า โดยรัฐไม่ต้องใส่เงินอุดหนุน

กระทรวงพลังงานเดินหน้าทำอยู่ ด้วยคณะกรรมการทรงคุณวุฒิเป็น 10 ชุด ขอให้ท่านเชื่อมือการบริหาร อย่าพาลใช้ข้อมูลชุดเก่าๆ ที่เราก็มี มาโจมตีรัฐบาลเลย

หวังว่าวันนึงท่านจะมองภาพให้กว้าง เปิดใจให้คนทำงานขึ้น มองเห็นทุกข์ร้อนประชาชนผู้ใช้ไฟระยะสั้นบ้าง และวันนั้นท่านจะไม่ออกมาพูด เอาดีเข้าตัวแบบนี้ครับ

‘รมว.พีระพันธุ์’ เป็นประธานหล่อองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ พร้อมเปิดมูลนิธิฯ ให้ความช่วยเหลือ ปชช.ที่ประสบภัยใน จ.ราชบุรี

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 ที่พุทธสถานเต๋อฮว่า อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางมาเป็นประธานในพิธีหล่อองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกร พร้อมทั้งเปิดมูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาชนสงเคราะห์ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย และประสบอุบัติเหตุ โดยมี นายอัครเดชร วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ในพิธีดังกล่าว นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค นำทีม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ อาทิ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.กุลวดี นพอมรบดี สส.ราชบุรี, พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม พร้อมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ราชบุรี นำโดยนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.ราชบุรี พ่อค้า ประชาชนชาว จ.ราชบุรีร่วมงานจำนวนมาก

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณชาว จ.ราชบุรี ที่ได้เลือกนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เป็น สส.ราชบุรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ามาเป็นตัวแทนรับใช้ประชาชนในพื้นที่ นายอัครเดชถือว่าเป็นกำลังสำคัญของตนและพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องชาวราชบุรีอย่างจริงจังตลอดมา 

สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติมุ่งมั่นที่เข้ามาทำงาน โดยนโยบายหนึ่งที่ตนตั้งใจจะทำก็คือ การแก้ปัญหาราคาพลังงานให้กับประชาชนเพราะปัญหาพลังงานเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชาชน ตนมุ่งมั่นตั้งใจว่าถ้าได้มาเป็นรัฐบาลจะพยายามปรับปรุงแก้ไขอย่างเต็มที่ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล และมีโอกาสมาทำงานตรงนี้จะทำตามที่ได้พูดไว้ ตั้งใจจะแก้ปัญหานี้ให้ยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่มีใครเคยทำได้มา 40 ปีจนเกิดปัญหากับประชาชน ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้ามาทำให้ได้ ทำให้ดี และยั่งยืนเพื่อลดภาระด้านพลังงานให้กับประชาชนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จพิธี นายพีระพันธุ์พร้อมคณะได้มอบเครื่องอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนผู้ยากไร้ เพื่อช่วยเหลือในการดำรงชีวิต

ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เนื่องจาก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนมาตั้งรกรากอาศัย และทำมาหากินมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว จะเห็นได้ว่าในพื้นที่มีสถาปัตยกรรมจีนต่าง ๆ ปรากฎให้เห็นมากมาย  ดังนั้นนายวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมจิตต์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาและมารดาของตน ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงได้มีดำริในการก่อตั้งศาลาแปดเหลี่ยมในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน เพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกร และศาลทีกง หรือ ‘ศาลเทียนสี่ฟูมู่’ หรือ ‘ศาลเทวดา ฟ้าดิน’ รวมทั้งยังได้ก่อตั้งศาลหลวงปู่ไต่ฮงกง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบหลวงพ่อพระใส พร้อมองค์ไฉ่ซิงเอี๊ย หรือ ‘เทพเจ้าแห่งโชคลาภ’ ให้พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปได้มากราบสักการะบูชา 

“นอกจากนี้ ยังเป็นการเริ่มต้นในการก่อตั้งมูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาสงเคราะห์ เนื่องจาก อ.จอมบึง ยังไม่มีอาสาสมัครกู้ภัยอย่างเป็นทางการ ดังนั้น คุณพ่อวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมจิตต์ มีความประสงค์ที่จะร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิฯ เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยและประสบอุบัติเหตุ และช่วยเหลือทางราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต เราหวังว่ามูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาชนสงเคราะห์ จะได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับชาว จ.ราชบุรีอย่างเต็มที่ ตามวัตถุประสงค์ของคุณพ่อวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมต่อไป” นายอัครเดชกล่าว

‘พีระพันธุ์’ ดัน ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน

‘พีระพันธุ์’ ดันพลังงานแสงอาทิตย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน มุ่งลดต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนของกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ

(4 ธ.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการลดรายจ่ายให้แก่กลุ่มเกษตรกรในการนำแผง โซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตไฟฟ้าไปใช้กับเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ต้องการน้ำในภาคเกษตรกร

โดยเฉพาะในฤดูแล้ง ทั้งระบบสูบน้ำจากบ่อบาดาลและการสูบน้ำจากแหล่งน้ำ ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายน้ำมันดีเซลได้ค่อนข้างมาก 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนนำเทคโนโลยีด้านพลังงานมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้นั้นสามารถลดระยะเวลาในการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความสะอาด ผ่านมาตรฐานจนได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ชุมชนดีเด่น

“เป้าหมายสำคัญนอกจากการลดรายจ่ายด้านพลังงานทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไปแล้ว ยังต้องการให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรสามารถนำเทคโนโลยีพลังงานมาใช้ ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชน”

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานก็ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีพลังงาน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าเซลล์ในการสูบน้ำ รวมทั้งเทคโนโลยีโรงอบแห้งที่ใช้อบผลิตภัณฑ์ชุมชน 

นอกจากจะลดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิงซึ่งต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ได้ยังมีความสะอาดได้มาตรฐาน จนหลายผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัล OTOP และ ไทยเด็ด 

อย่างไรก็ตาม จะพยายามเร่งดำเนินการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการสำรวจความต้องการของเกษตรกรผ่านพลังงานจังหวัด คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้

‘รมว.พีระพันธุ์’ โพสต์รำลึกถึงคุณพ่อ ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย

(5 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘วันพ่อแห่งชาติ’ ระบุว่า...

ก่อนนี้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ชาวไทยร่วมกันเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิธ พร้อมไปกับเป็นวันแสดงออกถึงความรักกับพ่อเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

วันนี้ วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่เราชาวไทยทั่วแผ่นดินร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พ่อของแผ่นดินที่สถิตอยู่กลางใจของปวงชนของพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่เสื่อมคลาย และขอถวายความจงรักภักดียิ่งชีวิตตลอดไป และยังเป็นวันพ่อแห่งชาติ ให้เรารำลึกถึงพ่อผู้ให้กำเนิดอีกด้วย

ผมขอใช้โอกาสนี้ บันทึกถึงพ่อที่เป็นที่เคารพรักยิ่ง ผู้ให้กำเนิดและวางรากฐานชีวิตของผมจนถึงวันนี้

เป็นที่ทราบกันในหมู่ญาติและคนใกล้ชิดว่าผมเป็นคนที่รักคุณพ่อและรักคุณแม่มาก ทุกอย่างในชีวิตของผมมาจากท่าน ผมซาบซึ้งในความรักและบุญคุณของท่านเป็นที่สุด

คุณพ่อของผม ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นอดีตเจ้ากรมการพลังงานทหาร และผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง เป็นผู้บุกเบิกการสำรวจและผลิตน้ำมันในยุคเริ่มต้นด้านพลังงานของประเทศตั้งแต่ยุคก่อน พ.ศ. 2500 เป็นผู้สร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของไทย ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถขุดและผลิตน้ำมันเพื่อกองทัพ และยังมีเหลือมากพอที่จะนำมาให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก โดยการก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย สามารถให้บริการขายน้ำมันราคาถูก ให้คนไทยใช้มานานนับสิบๆ ปี เพราะเป็นน้ำมันที่ผลิตเองในประเทศ ก่อนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนองค์การเชื้อเพลิงของกรมการพลังงานทหารมาเป็น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ‘ปตท.’ เมื่อ พ.ศ. 2521 แล้วในที่สุดก็กลายมาเป็น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันว่า เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องหากำไรให้องค์กรและผู้ถือหุ้น 

ผมผูกพันกับเรื่องพลังงานมาโดยไม่รู้ตัว

ตอนเด็กๆ ผมชอบคุยกับคุณพ่อเรื่องทหาร และผมก็ซนมากด้วย ซนจนคุณพ่อไปไหนต้องหนีบเอาผมไปด้วยเสมอ เพราะกลัวจะหัวร้างข้างแตกหรือไม่ก็ทำของที่บ้านพัง ผมเลยมีโอกาสนั่งคุยกับคุณพ่อในรถไปตลอดทางบ้าง ได้ยินการประชุมการหารือเรื่องน้ำมันและพลังงานของคุณพ่อบ้าง เพราะวิ่งป้วนเปี้ยนอยู่ข้างคุณพ่อตอนคุณพ่อประชุมมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนนั้นจะไม่เข้าใจมากนักเพราะความเป็นเด็ก แต่ผมก็ได้รับทราบถึงความมุ่งมั่นของคุณพ่อและรัฐบาลในสมัยนั้น ที่มีความตั้งใจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศและคนไทย โดยไม่มีเรื่องการทำมาหากินกับพลังงาน และไม่มีเรื่องหากำไรจากประชาชนด้านพลังงานเลย 

ครอบครัวเราเห็นคุณพ่อทำงานหนัก เดินทางไปที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อเสาะแสวงหาและขุดเจาะน้ำมันให้ได้ตามที่รัฐบาลมอบหมาย

ระหว่างทางพวกเราได้ยินคุณพ่อเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ครอบครัวเราที่รับรู้ แต่คนที่นั่นต่างก็รับทราบกันถ้วนหน้า จนถึงวันนี้ยังมีตำนานเล่าขานเรื่อง ‘เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก’ ที่เป็นที่มาของศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กที่โรงกลั่นน้ำมันฝางจนทุกวันนี้

ในปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงกลั่น คุณพ่อคุณแม่ของผมรวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวข้องเฝ้ารับเสด็จด้วยความปลาบปลื้ม ในพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการพลังงานไทยเป็นที่สุด

ความสำเร็จของการขุดเจาะน้ำมันและกลั่นน้ำมันใช้เองครั้งนั้น เป็นการปลดแอกการผูกขาดของบริษัทน้ำมันต่างชาติ ยกเลิกข้อผูกพันที่ทำไวักับบริษัทต่างชาติ เรื่องห้ามมิให้รัฐบาลจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแก่ประชาชน สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ให้กับกองทัพ ไม่ต้องง้อต่างชาติหากเกิดศึกสงครามและต่างชาติบีบไม่ส่งน้ำมันให้ ขณะเดียวกันก็สร้างทางเลือกให้กับประชาชนมีน้ำมันใช้ในราคาถูก

พลังงานเพื่อผลประโยชน์ชาติและประชาชน คือ จิตวิญญานพื้นฐานของการจัดการพลังงานไทย ในยุคตั้งต้นที่ผมซึมซับจากพ่อเสมอมา

ต่อมา ในปี พ.ศ.2521 องค์การเชื้อเพลิงได้ถูกเปลี่ยนมือจากกองทัพมาเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ทุกแห่งทั่วประเทศถูกปลดป้ายชื่อเปลี่ยนเป็นปั๊ม ‘ปตท.’ หลังจากนั้นจิตวิญญาณของปั๊ม ‘สามทหาร’ และ ‘องค์การเชื้อเพลิง’ ที่มุ่งมั่นตั้งใจผลิตน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และเพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันในราคาถูกก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นธุรกิจการค้าเพื่อหากำไรเต็มรูปแบบ โดยรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทกำกับควบคุมได้น้อยมากอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  

ผมไม่คิดไม่ฝันว่า วันหนึ่งต้องมารับผิดชอบดูแลพลังงานของชาติเหมือนคุณพ่อในอดีต 

สิ่งที่ต่างไป คือ วันนี้พลังงานกลายเป็นเรื่องธุรกิจ เป็นเครื่องมือทำมาหากินของคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง บริหารน้ำมันและพลังงานในเชิงธุรกิจการค้า ทำมาหากินกับน้ำมันและพลังงาน ไม่มีการบริหารจัดการพลังงานในด้านความมั่นคงของประเทศอย่างจริงจัง 

ผมต้องยอมรับว่าผมตกใจและแปลกใจ ที่มีหลายต่อหลายเรื่องที่ถูกปล่อยให้เป็นมาแบบนี้ ภาระทุกอย่างมาตกที่รัฐบาลและประชาชน ขณะที่กำไรมหาศาลตกอยู่กับผู้ประกอบการ ประชาชนแบกรับภาระกันไป ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศทั้งก๊าซและน้ำมันก็มีปัญหา และไม่มีระบบรองรับ  

ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่มีการสำรองน้ำมัน เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ หรือ ‘SPR’ (Strategic Petrolium Reserve) น้ำมันสำรองที่มีอยู่ก็ไม่ใช่ของรัฐบาลและที่มีสำรองอยู่ก็เพื่อการค้า ไม่ใช่เพื่อความมั่นคงทางด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ (SPR) การจัดสัดส่วนก๊าซและรายได้ของรัฐฯ จากก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยก็ไม่เหมาะสม 

แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจครับว่า ตราบใดที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำจิตวิญญาณของพลังงาน เพื่อความมั่นคงของประเทศและประชาชน เหมือนในอดีตยุคคุณพ่อผมกลับคืนมาให้ได้ 

เพราะในยามคับขันไม่มีใครช่วย เราต้องเตรียมความพร้อมและยืนบนขาตัวเองให้ได้

ปัญหาพลังงานของประเทศวันนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาโครงสร้าง ตามที่หลายคนชอบพูดชอบเรียกร้องเอาเท่ๆ ว่าให้ปรับโครงสร้างๆๆ ทำไมไม่ทำสักที ทำไมช้าจัง

ผมขอเรียนว่า ผมคงไม่ทำแค่ปรับโครงสร้างหรอกครับ เพราะปัญหาในภาพรวมมันไกลเกินกว่าจะทำเพียงแค่ปรับโครงสร้างแล้ว แต่มันต้อง ‘รื้อ’ ทั้งระบบ และเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ครับ 

เพราะมันจะเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ไม่ใช่แค่ปรับโครงสร้าง จึงต้องรอบคอบ และแก้ทุกอย่างอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ตรงนี้แล้วไปสร้างปัญหาตรงโน้น หากแต่ต้องแก้ตรงนี้แล้วตรงโน้นได้รับการแก้ไขต่อกันไปด้วย ตอนนี้ผมและทีมงานได้ข้อมูลเกือบเพียงพอที่จะเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ได้แล้ว อีกไม่นานครับ… เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเป็นผู้นำ ‘รื้อครั้งใหญ่’ นี้เอง 

ผมไม่ค่อยชอบพูด ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ แต่ชอบลงมือทำ ขอให้เชื่อมั่นครับ ว่าเรื่องนี้ผมทำจริงแน่นอน และจะทำเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประเทศและประชาชนทุกคน 

สุดท้ายนี้ ผมขอให้คุณพ่อทุกคนมีความสุขในวันพ่อแห่งชาติ และขอให้ลูกทุกคนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ รัก เคารพ และเชื่อฟังพ่อแม่ตลอดไปทุกๆ วันครับ

‘พีระพันธุ์’ หารือแนวทางกดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ย้ำ!! เร่งทำงานเต็มที่ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย

(6 ธ.ค. 66) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า กรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดแรกของปี คือ มกราคม-เมษายน 2567 ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟทุกประเภทอยู่ที่เฉลี่ย 4.68 บาทต่อหน่วย เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมายที่จะต้องเปิดรับฟังความเห็นก่อนจะมีมติ แต่ยังไม่ถือเป็นการสิ้นสุด

โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจบริหารจัดการเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพประชาชนและดูแลเศรษฐกิจโดยตรง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางที่จะไม่ให้ค่าไฟขึ้นไปถึงระดับ 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน หากเป็นไปได้จะพยายามตรึงราคา 3.99 บาทต่อหน่วย หรือหากที่สุดต้องปรับขึ้นจะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย

“ขณะนี้คณะทำงานกำลังเร่งหาแนวทางลดค่าไฟฟ้าจากหลายเครื่องมือ อาทิ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ ‘กฟผ.’ แบกรับภาระหนี้บางส่วนออกไป ให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รับภาระส่วนของต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงอาจหาเงินงบประมาณมาสนับสนุน ซึ่งนายพีระพันธุ์จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องใช้เวลาช่วงเดือนธันวาคมนี้ในการเร่งทำงาน มั่นใจว่าจะเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนในช่วงปีใหม่นี้แน่นอน” รายงานข่าวระบุ

‘พีระพันธุ์’ เอาจริง!! มุ่งแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง บรรเทาทุกข์ประชาชน

‘ปัญหาราคาพลังงาน’ เป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศ ทุกข์ทนมายาวนาน หวังว่าสักวันจะมีคนเข้ามาแก้ไข ปรับปรุง และสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน และแน่นอนว่าวันที่ประชาชนรอคอยมาถึงแล้ว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบัน กำลังพยายามแก้ปัญหาพลังงานที่สุดจะยุ่งเหยิงนี้อยู่

โดยนายพีระพันธุ์ เคยโพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ไว้ พร้อมระบุว่า…

“ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงอย่างที่เป็นข่าวครับ

ผมเข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ถามกันมามากเรื่องราคาค่าไฟฟ้าภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่าราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ 17% จากราคาปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป

ผมเองก็รับไม่ได้ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างนั้น เพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราก็ต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ ๆ หลายรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด

ผมขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้วเพื่อให้ราคาค่าไฟอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งต้องใช้หลายกลไกพร้อม ๆ กันภายใต้โครงสร้างในปัจจุบันที่ไม่ได้ให้อำนาจกับฝ่ายนโยบายมากนัก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้การที่ กกพ. ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางในการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่จะต้องมีการประกาศเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดก่อนที่จะมีมติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นที่สุด จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป

ทั้งหมดนี้จะเตรียมการให้เสร็จสิ้นและประกาศโดยเร็วที่สุด

ผมพูดเสมอว่านี่คือการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใต้โครงสร้างแบบปัจจุบัน

แต่ที่กำลังดำเนินการแบบเข้มข้นที่สุด และทำงานกันไม่หยุดหย่อนทุกวัน คือการเร่งรวบรวมข้อมูลทุกด้านเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด ให้ครบทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การ รื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานให้มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนทั้งระบบ

ไม่ยากครับถ้าแค่พูดเอาเท่ ฟังดูดีทรงภูมิ 

คนทำแบบนั้นมีเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเห็นรูปธรรม พูดไปเรื่อย ๆ ใช่ครับ อะไร ๆ ก็แก้โครงสร้าง แต่จะแก้อะไร แก้อย่างไรครับ ส่งผลกระทบแบบไหน จะทดแทนด้วยอะไร ทั้งระบบต้องสอดคล้องและไม่ก่อภาระเพิ่มให้กับประชาชน

ย้อนกลับไปดูกันนะครับ กฎหมายแต่ละฉบับ รูปแบบที่ใช้กันอยู่ ใช้มานานเท่าไร ปล่อยกันมาสี่สิบปีแล้วนะครับ

ผมเองหลังแถลงนโยบายมาสองเดือนเศษ ผมไม่พูดมากแต่ลงมือทำ อย่างน้อยผมก็พยายามลดภาระให้ประชาชนไม่ว่าจะตามโครงสร้างแบบไหน ทั้งน้ำมันดีเซล เบนซิน ค่าไฟฟ้า ตรึงราคาค่าแก๊ส ผมดีใจที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

เวลาเดียวกันก็เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลชนิดลงลึกทุกขั้นทุกตอน ทำงานกันหลายคณะ ทำมากกว่าพูดลอย ๆ ว่า “ปรับโครงสร้างๆๆ”

เมื่อข้อมูลครบถ้วนแล้ว ไม่นานครับ เพราะผมและคณะจะร่างกฎหมายเอง เป็นชุดและครอบคลุมทั้งหมด ตอบได้ทุกคำถาม เพราะยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ผมศึกษา หาข้อมูล ถกเถียง คิดวิเคราะห์ คืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์

เพราะนี่คือการลงมือทำจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดแล้วเสกออกมา

ขอให้มั่นใจ ผมเอาจริงแน่นอน

‘พีระพันธุ์’ ลั่น!! อยากตรึงค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 67 ไว้ที่ 3.99 ชี้!! อาจต้องให้ ‘ปตท.-กฟผ.’ ช่วยแบกรับแทนประชาชนไปก่อน

(8 ธ.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.67 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป ว่า ขณะนี้กำลังพยายามหาแนวทางหลากหลายรูปแบบในการดำเนินการ เพื่อทำให้ค่าไฟต่ำกว่า 4.68 บาทตามที่ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศล่าสุด

อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับก่อนว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้แบบที่ใจคิด เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย โดยการที่จะให้ค่าไฟลดลง 10 สตางค์ จะต้องมีค่าใช้จ่าย หรือผู้ที่ต้องแบกรับภาระตั้งแต่ 1,000-10,000 ล้านบาท 

“การพยายามจะตรึงราคาค่าไฟไว้ที่ระดับเดิม 3.99 บาทต่อหน่วยคงทำได้ยาก เพราะราคาค่าก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ผลิตไฟมีการปรับขึ้นราคาในช่วงฤดูหนาว แต่จะพยายามทำให้ต่ำที่สุด”

ขณะที่ประเด็นที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องการให้ค่าไฟงวดใหม่อยู่ที่ราคา 4.10 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่ 4.20 บาทต่อหน่วยตามที่กระทรวงพลังงานเคยระบุว่าจะดำเนินการก่อนหน้านี้นั้น ในความคิดเห็นส่วนตัวต้องการให้อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยมากกว่า

“การจะปรับลดค่าไฟไม่ใช่อยู่ที่การพูดว่าต้องการเท่าไหร่ แต่อยู่ที่หลายภาคส่วนประกอบกัน เช่น ผู้ประกอบการจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันไม่ใช่มีแค่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการภาคเอกชนด้วย ซึ่งบางรายเพิ่งฟื้นจากสถานการณ์โควิด19 หากเอกชนที่เป็นรายเล็กบางรายอยู่ไม่ได้ ก็อาจจะทำให้มีไฟฟ้าไม่เพียงพอ ซึ่งคงวุ่นวายไปมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องคิดอย่างรอบคอบให้เกิดความเป็นไปได้ของทุกส่วน ต้องแก้ปัญหาให้เป็นวงกลม”

นอกจากนี้ การที่จะดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ใช้ไฟเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาเห็นชอบด้วยในวันที่ 13 ธันวาคม 2566

สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ แน่นอนว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ เพราะเป็นองค์กรที่ดูแลเรื่องก๊าซธรรมชาติ เช่นเดียวกับ กฟผ. ที่อาจจะต้องแบกรับภาระเพื่อประชาชนอีก

ส่วนจะใช้โอกาสดังกล่าวนี้ในการปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบเลยหรือไม่นั้น ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเพื่อไม่ให้ปัญหาทางด้านพลังงานจะต้องเกิดขึ้นทุก 3-4 เดือนที่จะมีการประกาศค่าไฟงวดใหม่ โดยกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข

“ตอนนี้คงต้องทำตามโครงสร้างเดิมก่อน เพราะเป็นแบบนี้มามากกว่า 40 ปีแล้ว แต่ก็พยายามหาทางทุกมิติว่าจะปรับโครงสร้างพลังงานอย่างไร เพื่อให้ราคาลดลงได้ด้วยตัวเอง และไม่เพิ่มภาระให้ประชาชน หรือเรียกว่าปลดแอกจากราคาที่ขึ้นอยู่กับตลาดโลกเป็นปัจจัยหลักสำคัญ”

‘พีระพันธุ์’ จ่อชง ครม. ดึงงบกลางตรึงค่าไฟ 3.99 บ. ต่อหน่วย ช่วยผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย จำนวน 17.7 ล้านครัวเรือน

(8 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและเป็นของขวัญปีใหม่กระทรวงพลังงานเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวด ม.ค.-เม.ย. 67 ไว้ที่อัตราเดิม 3.99 บาท/หน่วยให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางจำนวน 17.7 ล้านครัวเรือน โดยอ้างอิงจากข้อมูลเดิมคือผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยจะต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.เพื่อใช้งบกลางปี 2567 ราว 2,000 ล้านบาท ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าที่เกิน 300 หน่วยขึ้นไป เตรียมที่จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางในการดูแลค่าไฟให้กลุ่มนี้ต่อไปเพื่อลดผลกระทบ

“คงเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางก่อนในระยะสั้นนี้ แต่ต่อไปก็จะเร่งพิจารณาส่วนผู้ใช้ไฟที่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนโดยแนวทางก็อาจจะพิจารณายืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ให้ บมจ. ปตท. ลดราคาต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติลง ซึ่งยังต้องหาข้อสรุปว่าจะสามารถลดค่าไฟให้เหลือ 3.99 บาทตอนหน่วยได้หรือไม่ เนื่องจากการจะลดค่าไฟทั่วประเทศจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะราคาก๊าซธรรมชาติในระยะนี้สูงขึ้นเช่นกัน แต่ยืนยันค่าไฟฟ้าจะไม่ถึง 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปไปในเดือนธันวาคมนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

สำหรับการจัดทำน้ำมันดีเซลราคาถูกให้กับกลุ่มเกษตรกรว่า เตรียม จะเสนอร่างกฎหมาย จัดทำโครงสร้าง ราคาน้ำมันดีเซล ให้กับกลุ่มเกษตรกรเช่นเดียวกับน้ำมันเขียวที่ขายให้กับกลุ่มประมง ภายในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ที่จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เบื้องต้นอยู่ระหว่างการจัด ร่างกฎหมาย โดย จะมีความแตกต่าง จากน้ำมันเขียว ที่ได้รับการยกเว้นจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลสรรพสามิต แต่ในส่วนน้ำมันของเกษตร ยืนยันว่าจะขายในราคาต่ำกว่าราคาดีเซลปัจจุบัน  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top