Tuesday, 3 December 2024
WORLD

เปิดเหตุผลที่ ChatGPT สั่นสะเทือนโลก AI และอาจทำให้หลายอาชีพในโลกไร้ความหมาย

หลังจากที่ Bill Gates ประกาศให้โลกรู้ ChatGPT และการเข้ามาของ AI รอบนี้ถือว่าสำคัญพอๆ กับการกำเนิดของ 'คอมพิวเตอร์' และ 'อินเตอร์เน็ต' และยังกล่าวอีกว่า AI จะเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่อีกครั้ง 

ไม่นานหลังจากนั้น Microsoft เริ่มนำ ChatGPT เชื่อมต่อกับหลายบริการ เช่น ซอฟต์แวร์นัดหมายอย่าง 'ทีมส์' (Teams)

ไม่เพียงเท่านั้น วงการอื่นๆ ก็เริ่มเข้าไปหยิบเจ้า ChatGPT มามีส่วนร่วมกับงานของตนมากขึ้น เช่น ผู้พิพากษาโคลอมเบียเริ่มใช้ ChatGPT ช่วยตัดสินคดีเกี่ยวกับสิทธิด้านการรักษาพยาบาลของเด็กออทิสติก เนื่องจากมีความซับซ้อนจึงนำ AI มาช่วยตัดสินใจ 

ขณะที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ ChatGPT เสนอร่างกฏหมายบางส่วนกันแล้วด้วย

คำถาม คือ เจ้า AI ที่เรียกว่า ChatGPT นี้ มันจะไปได้สุดแค่ไหน เพราะ ณ ตอนนี้ความฉลาดของมันเริ่มเข้ามา 'แทนที่' มนุษย์ในหลายเรื่องสำคัญๆ

มันสามารถตอบคำถามได้แทบทุกอย่าง มันสามารถเขียนโค้ดโปรแกรม สามารถเขียนบทความ เขียนเนื้อเพลง สร้างสคริปต์นำเสนอสินค้า สร้างสูตรทำอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังพูดคุยและแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย 

ไม่นานมานี้ Techsauce ได้นำเสนอบทความที่กำลังแสดงให้เห็นว่า ChatGPT กำลังสั่นสะเทือนโลก AI โดย เบิร์น เอลเลียต รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้ให้ข้อมูลที่ควรต้องตระหนักไว้ว่า...

หลังจาก OpenAI บริษัทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดตัว ChatGPT แพลตฟอร์มสนทนา AI รูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการนั้น จากข้อมูลของบริษัทฯ ได้ระบุว่ารูปแบบการสนทนาที่จัดทำโดยแพลตฟอร์มนี้ ทำให้ ChatGPT สามารถ “ตอบคำถามได้ครอบคลุม ยอมรับข้อผิดพลาด พร้อมนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล”

นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดให้บริการ บนโลกโซเชียลมีเดีย ก็เริ่มมีการถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ในการนำนวัตกรรมนี้มาปรับใช้ รวมถึงอันตรายที่อาจตามมา 

นั่นก็เพราะมันมีความสามารถในการวิเคราะห์หาข้อผิดพลาดของโค้ด (Debug Code) ไปจนถึงศักยภาพในการเขียนเรียงความสำหรับนักศึกษา

ขณะที่มีรูปแบบการใช้งานโมเดลพื้นฐานมากมาย เช่น GPT ในโดเมนต่างๆ ประกอบด้วย Computer Vision, Software Engineering และงานวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Research and Development) เช่น มีการใช้แบบจำลองพื้นฐานสร้างรูปภาพขึ้นจากข้อความ และตรวจสอบโค้ดจากภาษาธรรมชาติ (Natural Language) รวมถึงการทำ Smart Contracts หรือแม้แต่ในด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare) เช่น การสร้างยารักษาโรคใหม่ๆ และการถอดรหัสลำดับจีโนมเพื่อจำแนกโรค

>> นี่คือข้อกังวลด้านจริยธรรม

แม้โมเดลแบบจำลองพื้นฐาน AI เช่น GPT ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้าน AI จากประโยชน์เฉพาะตัวที่มอบให้ อาทิ การช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาสร้างโมเดลแบบจำลองเฉพาะโดเมน แต่นั่นก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงและข้อกังวลด้านจริยธรรม ซึ่งประกอบด้วย...

Complexity: โมเดลจำลองขนาดใหญ่ต้องใช้พารามิเตอร์นับพันล้านหรืออาจมากถึงล้านล้าน โดยโมเดลจำลองเหล่านี้มีขนาดใหญ่เกินไปที่องค์กรจะนำมาทดสอบใช้งาน เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่จำเป็นจำนวนมาก อาจทำให้มีราคาแพงและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Concentration of power: โมเดลจำลองเหล่านี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด ด้วยการลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาจำนวนมหาศาล และมีความสามารถด้าน AI เป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจในหน่วยงานขนาดใหญ่ไม่กี่แห่ง อาจสร้างความไม่สมดุลในอนาคต

Potential misuse: โมเดลจำลองพื้นฐานช่วยลดต้นทุนในการสร้างเนื้อหา ซึ่งหมายความว่าการสร้าง Deepfake ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับจะง่ายขึ้น รวมถึงทุก ๆ อย่าง ตั้งแต่การเลียนแบบเสียงและวิดีโอไปจนถึงผลงานศิลปะปลอม ตลอดจนการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งข้อกังวลด้านจริยธรรมร้ายแรงที่เกี่ยวข้องอาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสร้างความขัดแย้งทางการเมืองได้

Black-box nature: โมเดลจำลองเหล่านี้ยังต้องการการทดสอบอย่างถี่ถ้วนและสามารถมอบผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ เนื่องจากการทดสอบในลักษณะกล่องดำ (Black-box nature) ที่ไม่คำนึงถึงคำสั่งภายในซอฟต์แวร์ และคลุมเครือว่าฐานข้อมูลที่ตอบสนองนั้นเท็จจริงเพียงใด อาจนำเสนอผลลัพธ์ที่เอนเอียงได้จากข้อมูลที่กำหนดไว้ โดยกระบวนการทำให้ข้อมูลตรงกันของแบบจำลองดังกล่าวสามารถนำไปสู่ความล้มเหลวได้ หากคลาดเคลื่อนเพียงจุดเดียว

Intellectual property: โมเดลแบบจำลองถูกทดสอบกับคลังข้อมูลของชิ้นงานที่สร้างขึ้น และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกฎหมายบังคับอย่างไรสำหรับการนำเนื้อหานี้กลับมาใช้ใหม่ และหากเนื้อหานั้นมาจากทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น 

จากที่ว่ามา...เบิร์น เอลเลียต จึงมองว่าการใช้ ChatGPT จึงควรมีแนวทางการใช้โมเดลพื้นฐาน AI อย่างมีจริยธรรม ดังนี้...

1. เริ่มต้นจากการใช้งานการประมวลผลภาษาตามธรรมชาติ (Natural Language Processing - NLP) เช่น การจัดหมวดหมู่ การสรุป และการสร้างข้อความในสถานการณ์ที่ไม่ได้เจอตัวลูกค้า และเลือกงานที่มีความเฉพาะ โดยโมเดลจำลองที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วจะสามารถลดต้นทุนการปรับแต่งและการทดสอบที่มีราคาแพง หรือใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบผลลัพธ์โดยมนุษย์

2. ใช้สร้างเอกสารเชิงกลยุทธ์ที่สรุปประโยชน์ ความเสี่ยง โอกาส และแผนงานการปรับใช้โมเดลจำลองพื้นฐาน AI เช่น GPT ซึ่งจะช่วยพิจารณาว่าได้ประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงหรือไม่ กรณีที่นำมาใช้งานเฉพาะ

3. ใช้ APIs บนคลาวด์สำหรับสร้างรูปแบบจำลองและเลือกแบบจำลองที่มีขนาดเล็กที่สุด เพื่อให้มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการเพื่อลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนรวมสำหรับการเป็นเจ้าของ 

4. จัดลำดับความสำคัญของผู้จำหน่ายที่ส่งเสริมการปรับใช้โมเดลอย่างมีความรับผิดชอบโดยการเผยแพร่แนวทางการใช้งาน การบังคับใช้ รวมถึงบันทึกช่องโหว่และจุดอ่อนที่ทราบ พร้อมเปิดเผยพฤติกรรมที่เป็นอันตรายและสถานการณ์การใช้งานในทางที่ผิดแบบเชิงรุก

วิกฤตศรัทธาศาสนาพุทธในเมียนมา อนาคตที่ถูกชี้ชะตาโดยคนรุ่นใหม่

เมื่อไม่นานมานี้มีภาพหลุดออกมาว่อนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับภาพพระสงฆ์ที่เหมือนจะกำลังเดินอยู่บนแคตวอร์ก จนสร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตทั้งคนเมียนมาเอง ขณะที่คนต่างชาติ ก็ออกปากพูดเชิงดูหมิ่นว่า พระมาเดินแคตวอร์กอะไรทำนองนั้น  

เมื่อสืบค้นไป ก็พบว่าประเด็นนี้ มาจากมีคหบดีท่านหนึ่งจัดงานวันเกิดให้พระผู้ใหญ่ที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในย่างกุ้ง จึงมีการเชิญพระหลายรูปมาร่วมงานในที่นี้ รวมถึงมีการนำรถหรูไปรับพระด้วย

แน่นอนว่า หลายคนมองถึงความไม่สมควรของพระที่ควรจะสมถะ แต่กลับถูกโยมสร้างให้เกิดในสิ่งที่เรียกว่า 'ผิดไปจากวินัยคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า' ด้วยหรือ ว่าแล้วหลายคนจึงได้เข้าไปกระหน่ำบูลลี่สิ่งที่เห็นเพียงแค่ภาพอย่างสะใจแบบเอาตายในเชิงดูหมิ่นพระสงฆ์ 

อันที่จริง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระผู้ใหญ่โดนเช่นนี้!!

ช่วงก่อนหน้าที่ผ่านมา กรณี 'ครูบาบุญชุม' ครั้นเมื่อท่านออกจากวิปัสสนาจากถ้ำที่เมืองแกดในรัฐฉาน แล้วตัวท่านก็มีการแสดงท่าทาง อาการแปลกๆ และมีการถ่ายภาพไว้ และมีการโพสต์ลงสื่อออนไลน์ ทำให้คนหลายคนเข้ามาต่อว่า บูลลี่ไปถึงอาการที่เป็นอยู่ว่าท่านเสียจริตเอยหรืออื่นๆ อีกมากมาย

ที่เอย่าอยากจะบอก คือ อย่างไรก็ดี ศาสนาพุทธในเมียนมา ณ วันนี้ ยังคงแข็งแกร่ง เพราะพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ยังรักและศรัทธากับวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ 

แต่ในขณะเดียวกันจำนวนพุทธศาสนิกชนเมียนมาที่เอาใจออกห่างจากพุทธศาสนาก็มีเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่และคนชั้นกลาง ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะเป็นกลุ่มที่ชี้ชะตาถึงความแข็งแกร่งของพุทธศาสนาในเมียนมาในอนาคตอีก 20-30 ปีข้างหน้าก็เป็นได้ 

จากนี้คงต้องมาดูถึงบริบทของศาสนาพุทธที่เปลี่ยนไปกันในอนาคตกันว่าจะเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า

ดื่มด่ำ!! เมืองในฝันอันแสนโรแมนติกของสหรัฐฯ พิกัดตะวันออกเฉียงเหนือที่เรียกว่า New England

พี่มิกตะโกนอย่างตกใจว่ารถจะพุ่งลงแม่น้ำแล้ว เราตื่นขึ้นมาจากภวังค์หักพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งให้รถไต่ขึ้นกลับมาบนถนน เราขอโทษพี่มิกเป็นการใหญ่ พี่มิกดุเราเล็กน้อยว่าไม่ควรสนุกจนนอนไม่พอ 

จากนั้นพี่มิกเปลี่ยนมาขับรถแทนเพื่อให้เราได้นอนพักผ่อน เราหลับตาไปสักพักก็หลับสนิท กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อรถเราเข้าเขตเมือง Albany รัฐนิวยอร์ก New York

เมื่อเอ่ยถึงรัฐนิวยอร์ก คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเมืองนิวยอร์ก (New York City) คือเมืองหลวงของรัฐ เพราะเป็นศูนย์รวมธุรกิจระดับโลก ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ร้านบูติกดีไซเนอร์ชื่อดัง และร้านอาหารของเหล่าเชฟมิชลินแห่กันมาปักหมุดอยู่ที่เมืองนี้ เนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญของฝั่งตะวันออกของประเทศมากว่าสองร้อยปี

แต่ที่จริงแล้วเมืองหลวงของรัฐนิวยอร์กนั้นอยู่ที่เมืองอัลบานีซึ่งอยู่ทางเหนือ คนเลยมักจะเรียกบริเวณนี้ว่า Upstate 

ถ้าใครได้ผ่านไปเมืองนี้แล้วอยากแวะเที่ยว อย่าลืมไปแวะชมตึก New York State Capital สถานที่ว่าการของรัฐ ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าการหญิงคนแรก Kathy Hochul ดำรงตำแหน่งอยู่ ถ้าชอบพิพิธภัณฑ์ ขอแนะนำให้ไป Albany Institute of History & Art และ New York State Museum ถ้าอยากจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอัลบานี ท่านผู้อ่านสามารถหาข้อมูลได้จากเว็ปไซต์ https://www.albany.org

เมื่อผ่านจากอัลบานี เราก็เข้าในเขตBerkshires ทางตะวันตกของรัฐแมสซาชูเซตส์ (Western Massachusetts) เราพากันตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์สองข้างทาง ต้นไม้เต็มไปด้วยใบไม้สีแดง, ส้ม, เหลืองทองและน้ำตาล 

เมื่อแสงแดดอ่อนยามบ่ายฉายไปบนต้นไม้และใบไม้ช่างดูเหมือนกับเมืองในฝันที่แสนโรแมนติก ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า New England ซึ่งมีหกรัฐคือ Connecticut, Maine, Massachusetts, New Hampshire, Rhode Island และ Vermont นั้นมีชื่อเสียงที่มีทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสี (Fall Foliage) ที่แสนงาม เพราะอุดมไปด้วยต้นโอ๊คและเมเปิ้ลที่มีไว้ทำน้ำตาล (Sugar Maple) ซึ่งจัดอยู่ในต้นไม้พันธุ์เปลือกแข็งที่ผลิตใบไม้แห้งหลากสีก่อนที่จะร่วงออกจากต้น 

นักท่องเที่ยวมักจะมาภูมิภาคนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อที่จะได้ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ถ้าใครได้มาแถวนิวอิงแลนด์ช่วงต้นถึงกลางเดือนตุลาคมไม่ควรพลาดโอกาสที่จะขับรถยลสีสันของมวลใบไม้ แถมดื่มด่ำบรรยากาศบ้านๆ ของชาวไร่อเมริกันในช่วงเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลและฟักทอง เนื่องจากผู้เขียนชินกับรัฐแมสซาซูเซตส์และนิวแฮมเชียร์ ขออนุญาตเน้นข้อมูลของสองรัฐนี้ https://berkshires.org เสนอข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในแถบตะวันตกของรัฐแมสซาชูเซตส์รวมถึงเส้นทางชมใบไม้ร่วง https://visitnh.gov/seasonal-trips/fall/peak-foliage-map บอกเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดของแต่ละพื้นที่ในรัฐนิวแฮมเชียร์ https://www.mass.gov/guides/pick-your-own-farms แนะนำฟาร์มที่มีบริการให้นักท่องเที่ยวเก็บผลไม้ด้วยตัวเองในรัฐแมสซาซูเซตส์ ส่วน https://www.pumpkinpatchesandmore.org/NHpumpkins.php เจาะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บแอปเปิ้ลและฟักทองในรัฐนิวแฮมเชียร์

'ฮ่องกง' เตรียมแจกตั๋วบินฟรี 5 แสนใบ!! ดึงดูด นทท. สัมผัสประสบการณ์อันน่าจดจำ

เมื่อวันที่ (2 ก.พ. 66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน ได้ทำการเปิดตัวโครงการดึงดูดนักท่องเที่ยว นักเดินทางเพื่อธุรกิจ และนักลงทุน พร้อมประกาศชุดมาตรการจูงใจอื่น ๆ

'จอห์น ลี' ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ประกาศ ณ พิธีเปิดตัวโครงการ 'สวัสดีฮ่องกง' (Hello Hong Kong) ว่า ฮ่องกงได้จัดเตรียมบัตรโดยสารเครื่องบิน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก จำนวน 500,000 ใบ

ลีกล่าวว่า บรรดาแขกที่เดินทางเยือนฮ่องกงสามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอพิเศษ บัตรกำนัล และสิ่งจูงใจอื่น ๆ มากมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำมากยิ่งขึ้นในฮ่องกง

'นักมวยเขมร' ประกาศท้าชก 'บัวขาว' ลั่น!! คันมือคันเท้า รอปะทะที่กัมพูชา

หลังจากก่อนหน้านี้ ไต๋ศรี จันทน รองประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยกัมพูชา ประกาศอัดฉีดนักชกเขมรทุกคน หากใครสามารถคว่ำ บัวขาว บัญชาเมฆ ได้ ก็พร้อมมอบอัดฉีดเป็นบ้าน, รถ และเงินเดือน 10 ปีเต็ม เนื่องจากบทสัมภาษณ์ของนักชกชาวไทยที่ดูจะไม่ค่อยเข้าหูคนกัมพูชาเสียเท่าไหร่

ล่าสุด 'แก้ว รุมจอง' Keo Rumchong นักมวยกัมพูชา วัย 35 ปี ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอยากดวลกับ 'บัวขาว' เป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ทนไม่ไหว ใบหูร้อน คันมือ คันขา อยากปะทะกับนักชกชาวไทย

"หูร้อนทันที ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาแข่งที่กัมพูชา ผมรักบัวขาวมากนะ แต่คันมือ คันขา อยากปะทะ มาเลย บัวขาว บัญชาเมฆ ผมรอไม่ไหวแล้วพี่ชาย โปรดบอกผมเมื่อคุณตอบรับ" นักมวยชาวกัมพูชา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

แก้ว รุมจอง ได้รับฉายาจากสื่อกัมพูชาว่าเป็น 'เสือร้ายแห่งพระตะบอง' พกสถิติอันสวยหรูในการชกคิก บ็อกซิ่ง ชนะคู่แข่งได้ถึง 157 ครั้ง จาก การขึ้นชก 174 ครั้ง น็อก 66 ครั้ง และพ่ายแพ้เพียง 13 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง

‘เพจดังกัมพูชา’ โพสต์ลายกระเป๋า Louis Vuitton ได้แรงบันดาลใจจาก ‘ลายผ้านางอัปสรา’ ศิลปะเขมร

(3 ก.พ. 66) เพจ ‘Ebook Cambodia’ (อีบุ๊คกัมพูชา) เผยแพร่ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์มีภาพกระเป๋าแบรนด์หลุยส์วิตตอง ลายโมโนแกรม ซึ่งเป็นลายคลาสสิกของแบรนด์ นำมาเปรียบเทียบกับลายผ้าของนางอัปสรา ตามความเชื่อนางอัปสราคือนางฟ้า หรือเทพธิดา ซึ่งเป็นรูปปั้นแกะสลักบนปราสาทหิน ศาสนสถานของประเทศกัมพูชา

พร้อมระบุข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “แบรนด์ LV บางทีก็หนีไม่พ้นความคิดศิลปะของบรรพบุรุษชาวเขมร ประติมากรรมเก่าแก่หลายพันปี แต่ยังคงมีความศิวิไลซ์ บรรพบุรุษชาวเขมรช่างน่าทึ่ง”

'เฟด' ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด ปราบ 'เงินเฟ้อ' ต่อ!! แม้ตัวเลขเริ่มผ่อนคลายในช่วงหลัง

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งที่แปดที่ 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% และแม้จะมีการยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงจนจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก กระนั้นก็ยังถือเป็นการส่งสัญญาณบวกจนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าวทันที

พาวเวลล์ กล่าวว่า เฟดตระหนักดีว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แม้เขาได้ย้ำว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างเหมาะสม แต่มันถูกตีความอย่างกว้างขวางว่า หมายความว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอีกครั้ง เมื่อมีการหารือครั้งต่อไปในราวเดือนมีนาคม แต่น่าจะเป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อีกเหตุผลที่ทำให้ตลาดเชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไม่มากในอนาคต เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศว่า ค่าจ้างสำหรับแรงงานในสหรัฐฯ เติบโตช้าลง ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการชะลอตัวลงครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้เฟดว่า ประเด็นการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างจะไม่เร่งให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

พาวเวลล์ ย้ำว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่ยุติลง และเราต้องการหลักฐานเพิ่มเติมให้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะเดินไปบนเส้นทางขาลงอย่างต่อเนื่องและยังยืน ดังนั้น ขณะนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ หรือคิดว่าเราประสบความสำเร็จแล้วจริง ๆ แต่เรายังคงต้องทำงานให้ลุล่วงต่อไป

แฉยับ!! เบื้องหลังบริษัทน้ำมัน 'สหรัฐฯ - ยุโรป' โกยกำไรงาม จากสัมปทานน้ำมันของ รบ.เมียนมา

หลังจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 66 ที่เป็นวันครบรอบ 2 ปีเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า ก็ได้มีการสรุปรายงานโดยเจ้าหน้าที่พิเศษขององค์การสหประชาชาติ ว่าตั้งแต่ที่มีการยึดอำนาจโดย นายพล มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารคนปัจจุบันเป็นต้นมา มีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,490 ราย โดยในจำนวนนั้น มีทั้งเด็กและเยาวชน กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และพลเรือนพม่ามากมาย

ในขณะที่ทั่วโลกร่วมกันประณาม และคว่ำบาตรรัฐบาลพม่า แต่กลับมีการนำเสนอเอกสารลับ โดยกลุ่ม Distributed Denial of Secrets กลุ่มนักเคลื่อนไหวในพม่า Justice For Myanmar ร่วมกับสำนักข่าวชื่อดัง  Finance Uncovered และ The Guardian ซึ่งพบหลักฐานการเสียภาษีจำนวนมหาศาลของกลุ่มบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของทั้ง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และ ไอร์แลนด์ ที่ได้ผลประโยชน์จากสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในแหล่งก๊าซธรรมชาติของพม่า ที่บ่งชี้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังสามารถแสวงหาผลกำไรมหาศาล แม้จะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าไปแล้วก็ตาม

เอกสารลับนี้ ยังชี้ว่า บริษัทนัำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาบางแห่ง ยังคงดำเนินกิจการในบริษัทสาขาของตนในพม่าตามปกติ แม้จะมีคำเตือนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ถึงความเสี่ยงในการทำธุรกิจภายใต้สถานการณ์การเมืองในพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำธุรกิจร่วมกับ บริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติของเมียนมา (MOGE) ที่เป็นแหล่งเงินทุนหลักของรัฐบาลทหารพม่า 

เมื่อปรากฏหลักฐานว่ายังมีบริษัทน้ำมันจากชาติมหาอำนาจ ที่ยังมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่าเช่นนี้ ทางสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา จึงได้ออกมาแก้เกี้ยวด้วยการประกาศมาตรการคว่ำบาตรพม่าเพิ่ม รวมถึงคณะผู้บริหารระดับสูงของ MOGE ด้วย 

แต่กลับเลือกที่จะเลี่ยง ไม่ยอมคว่ำบาตร MOGE ทุกองค์กรทั้งระบบ ซึ่งยังเปิดช่องให้กิจการเอกชนสามารถทำธุรกิจร่วมกับ MOGE ได้อยู่ ซึ่งตรงข้ามกับทางกลุ่มสหภาพยุโรป ที่ได้ออกมาประกาศคว่ำบาตร MOGE ทั้งองค์กรแล้ว ในประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในพม่า และมีการห้ามบริษัทเอกชนในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปทำธุรกิจร่วมกับ MOGE ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อมก็ตาม

ทั้งนี้ ในเอกสารด้านภาษีที่หลุดออกมามีระบุรายชื่อบริษัทน้ำมันเอกชนของชาติตะวันตกที่ยังร่วมสัมปทานใน MOGE ดังนี้...

- Halliburton บริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกัน ที่เปิดสาขาในสิงคโปร์ แจงผลกำไรก่อนเสียภาษีในไตรมาศที่ 3 ของปี พ.ศ. 2564 รวมผลประกอบการ 8 เดือนหลังเหตุการณ์รัฐประหาร ที่ 6.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 207 ล้านบาท)  

- Baker Hughes บริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกัน ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมือง ฮูสตัน รัฐเท็กซัส และเปิดสำนักงานในเมืองย่างกุ้ง มีผลกำไรก่อนภาษี ตลอด 6 เดือนจนถึงมีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ 2.64 ล้านดอลลลาร์ (ประมาณ 87 ล้านบาท)

เมื่อไทยมีพระโค อเมริกาก็มี ‘กราวด์ฮอก’ เทพพยากรณ์อากาศ ขวัญใจชนพื้นเมือง

เช้าตรู่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบในเมือง Punxsutawney รัฐเพนซิลเวเนีย แม้หนาวสาหัสขนาดไหน แต่ผู้คนนับพันก็ไม่ย่อท้อต่อความหนาวสุดขั้ว และต่างถือแก้วกาแฟหอมกรุ่นออกมารวมตัวชุมนุมที่ลานกลางเมือง

ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นและส่วนกลางตระเตรียมเครื่องมือของตน รอวินาทีสำคัญที่จะเผยตัวเบื้องหน้าโลกในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ใครคนหนึ่งตะโกนฝ่าอากาศยามเช้าออกไป จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม...ทั้งโลกจับตามองเจ้าตัวกราวด์ฮอก (Groundhog) อ้วนปี๋ประจำเมือง ที่ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ตัวเก่าตาย ตัวใหม่มาแทน จะตั้งชื่อกราวด์ฮอกว่า ‘ฟิลด์’ เจ้าตัวกลมปุ๊กหน้าตาตลกนี้เป็นนักพยากรณ์อากาศอันดับหนึ่งแห่งอเมริกาเลยทีเดียว

วินาทีที่นายกเทศมนตรีในเครื่องแต่งกายย้อนยุค ควัก ‘ฟิลด์’ จากโพรงไม้มาชูให้ฝูงชนเห็น ทุกคนต่างโห่ร้องปรบมือให้กำลังใจกันล้นหลาม ท่ามกลางประกายเจิดจ้าของแฟลชวูบวาบของกองทัพนักข่าว ซึ่งเอาเข้าจริงไม่ว่าจะปีไหน เจ้าฟิลด์ ก็จะดูงัวเงียอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยความที่เป็นขวัญใจมหาชนมายาวนาน จึงยังคงนอนนิ่งในอ้อมกอดนายกเทศมนตรี ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงรัวชัตเตอร์ถี่ยิบของฝูงชน (ครั้นเมื่อตอนภาพยนตร์เรื่อง Groundhog Day ออกฉายเมื่อปี 1993 ชื่อเสียงของฟิลด์ยิ่งดังทะลุฟ้ายิ่งกว่าดาราฮอลลีวู้ดเสียอีก)

Groundhog Day จัดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี ทั้งในแคนาดาและรัฐทางเหนือของอเมริกา มีความเชื่อเก่าแก่ที่เล่าสืบต่อมาว่า ถ้ากราวด์ฮอกโผล่ออกมาจากโพรงในวันนี้ และทิ้งโพรงไปหากินทันที นั่นหมายถึงฤดูหนาวใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ใบไม้ผลิจะมาถึงในไม่ช้า 

แต่ถ้ากราวด์ฮอกโผล่ออกมาจากโพรง แล้วเห็นเงาของตัวเอง แสดงว่าปีนั้นฤดูหนาวจะยาวนานต่อไปอีก 6 อาทิตย์ แล้วจะเข้าสู่ใบไม้ผลิ คือไม่ว่า กราวด์ฮอกจะเห็นหรือไม่เห็นอะไร ก็ถือเป็นเรื่องเล่นสนุกของผู้คนในเมืองหิมะที่เบื่อหิมะอันแสนยาวนานนั่นเอง

ปูมหลัง ‘มวยไทย - เลธเหว่ย - กุน ขแมร์’ ศาสตร์การต่อสู้ ที่มิคู่ควรข้องความร้าวฉาน

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่พูดถึงเรื่องของ ‘กุน ขแมร์’ ที่กำลังเป็นประเด็นเรื่องการบรรจุกีฬานี้เข้าไปในการแข่งขันซีเกมส์ ซึ่งในอดีต ‘ชินลง’ หรือ ‘ตะกร้อวง’ ก็เคยบรรจุในกีฬาซีเกมส์มาก่อน ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่กรุงเนปิดอว์ในปี 2013 ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร และเอาเข้าจริง ๆ ‘กุน ขแมร์’ ที่เป็นดรามากันในวันนี้ ก็มิน่าจะมีประเด็นอันใดแตกต่างจากในอดีต ส่วนเหตุที่เอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ก็เพราะมีอีกมุมมองมานำเสนอให้ทราบกัน

เลธเหว่ยหรือมวยคาดเชือกพม่านั้น ผู้ชกจะไม่สวมนวม แต่จะพันผ้าแบบสไตล์มวยคาดเชือกแทน ส่วนการชกนั้นสามารถออกอาวุธได้ทั้งศอก เข่า เท้าเตะ และใช้หัวโขก รวมถึงการจับคู่ต่อสู้เหวี่ยงหรือทุ่มได้ ในการชกแข่งขันจะแบ่งเป็น 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที

ส่วนมวยไทยนั้นได้ชื่อว่าเป็นศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า ซึ่งบางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตีด้วย แต่ในการแข่งขันปัจจุบัน นักมวยจะสวมนวมในการชกและห้ามใช้ศีรษะในการชกเพราะอันตรายเกินไปส่วนกติกาการชกก็เป็น 5 ยก ยกละ 3 นาที พัก 2 นาทีเช่นกัน

‘สื่อจีน’ ตีข่าว ประเด็นไฟเซอร์ทดลองกลายพันธุ์โควิด หวังกอบโกยเงิน จากการขายวัคซีนต้านไวรัส

สื่อมวลชนจีนออกมาชี้ว่าไฟเซอร์เสี่ยงเผชิญหายนะด้านประชาสัมพันธ์ ด้วยผู้ชมจำนวนมากอาจเชื่อว่าไฟเซอร์กำลังสร้างโควิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อโกยเงินจากการขายยาและวัคซีน หลังกลุ่มเคลื่อนไหวไม่แสวงหาผลกำไร Project Veritas เผยแพร่วิดีโออื้อฉาว เป็นภาพที่อ้างว่าผู้บริหารของไฟเซอร์ ยอมรับกำลังทำเช่นนั้นจริง แม้ผู้ผลิตยาสัญชาติสหรัฐฯ แห่งนี้ออกมาชี้แจงในวันศุกร์ (27 ม.ค.) ไม่ได้ทำการวิจัยแบบ gain-of-function หรือ directed evolution สำหรับกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามคำกล่าวหาดังกล่าว

รายงานข่าวของสำนักข่าว CGTN สื่อมวลชนจีน ระบุว่าในวิดีโอความยาวเกือบ 10 นาที ส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคลรายหนึ่งกำลังพูดเกี่ยวกับปฏิบัติการภายในของไฟเซอร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงการวิจัยไวรัสนี้ผ่านเทคนิค directed evolution เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ

บุคคลรายนี้บอกด้วยว่าโควิด-19 คือตัวทำเงินของทางบริษัท พร้อมเปิดเผยว่าทางไฟเซอร์ กำลังพยายามกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเป็นการจงใจทำให้เชื้อกลายพันธุ์ด้วยฝีมือนักวิจัย ไม่ใช่การกลายพันธุ์เองโดยธรรมชาติเหมือนที่ผ่าน ๆ มา

เขายังบอกกับคนที่คุยด้วยอีกว่า "คุณต้องสัญญาว่าคุณจะไม่บอกคนอื่น ๆ" วิดีโอนี้ดึงดูดผู้ชมบนทวิตเตอร์แล้วมากกว่า 23 ล้านวิว

Project Veritas อ้างว่าบุคคลดังกล่าวคือนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์คเกอร์ ผู้อำนวยการของไฟเซอร์ ด้านวิจัยและพัฒนา

ในเรื่องนี้ CGTN ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนบุคคลดังกล่าวได้ แต่ระบุว่าในส่วนของไฟเซอร์เองก็ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่า วอล์คเกอร์ เป็นพนักงานของบริษัทหรือไม่ และในถ้อยแถลงชี้แจงของทางไฟเซอร์ก็ไม่ได้พาดพิงถึงคลิปวิดีโอดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เจมส์ โอคีเฟ หัวหน้ากลุ่ม Project Veritas โพสต์วิดีโอและภาพบันทึกหน้าจอในสิ่งที่เขาอ้างว่า "เป็นเอกสารภายในของไฟเซอร์" แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของวอล์คเกอร์ ในบริษัทแห่งนี้ ตามรายงานของ CGTN

สำนักข่าว CGTN รายงานต่อว่า ทาง Project Veritas ได้โพสต์อีกคลิปหนึ่งลงบนยูทูบ เป็นภาพของบุคคลเดียวกันกำลังคว้าแล็ปท็อปไปจาก โอคีเฟ และเขวี้ยงมันลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ หลังจาก โอคีเฟ เปิดคลิปที่ทั้ง 2 พูดคุยกันให้เขาดู

เสียงในวิดีโอได้ยินบุคคลรายดังกล่าวพูดว่า "คุณไม่ควรบันทึกคลิปคนอื่นแบบนี้" และบอกกับ โอคีเฟ ด้วยว่า "เขาพูดโกหก" ในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหวังสร้างความประทับใจแก่อีกฝ่าย

‘ค่ายกุน ขะแมร์’ ใช้ตราครุฑไทยติดกางเกงมวย ด้านชาวเน็ตเดือด!! ทำแบบนี้หยามกันชัดๆ

(30 ม.ค. 66) จากประเด็นที่ประเทศกัมพูชา พยายามระบุว่า ‘กุน ขะแมร์’ เป็นต้นกำเนิด ‘มวยไทย’ และใช้ชื่อ ‘กุน ขะแมร์’ สำหรับแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่ตนเองเป็นเจ้าภาพ จนสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ IFMA ประกาศว่าพร้อมแบนชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน

นอกจากนี้ยังมีประเด็นต่าง ๆ เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ที่มีการระบุว่าชาวเขมรพยายามอ้างว่า ศิลปะวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในประเทศไทย ล้วนมาจากเขมร

ขณะที่แฟนเพจดังอย่าง ASEAN 'มอง' ไทย มีการเผยแพร่ภาพที่มีค่ายมวยกุน ขะแมร์ ในประเทศกัมพูชา นำตราครุฑไทยไปทำกางเกงขาย

‘ริชี ซูแน็ก’ สั่งปลด ปธ.บริหารพรรคอนุรักษ์นิยม เซ่นปมข่าวฉาว หลบเลี่ยงภาษีนับล้านปอนด์

ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกคำสั่งด่วนในวันนี้ (30 ม.ค. 66) ให้ปลด นาย นาดิม ซาฮาวี ประธานบริหารพรรคอนุรักษ์นิยม ที่เป็นพรรคแกนนำหลักของรัฐบาลในปัจจุบัน หลังจากที่หน่วยงานอิสระได้สืบสวน และชี้มูลว่า นาย นาดิม ซาฮาวี ทำผิดจริยธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง ในกรณีหลบเลี่ยงภาษีนับล้านปอนด์ขณะดำรงตำแหน่งบริหารในรัฐบาล 

นอกจากจะเคยมีข้อครหาในการหลบเสี่ยงภาษีแล้ว นาฮิม ซาฮาวี ยังมีเจตนาปกปิดความผิด ไม่แจ้งข้อมูลการเสียภาษีของตนอย่างโปร่งใส จึงเป็นเหตุให้ ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรี ที่ถูกกดดันอย่างหนักจากข่าวอื้อฉาวของคนระดับประธานพรรคอนุรักษ์ ตัดสินใจปลด นาฮิม ซาฮาวี ออกจากตำแหน่งในวันนี้ 

สำหรับ นาย นาฮิม ซาฮาวี เป็นนักการเมืองอังกฤษ เชื้อสายเคิร์ด ที่เกิดในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายถิ่นมาตั้งรกรากในอังกฤษในช่วงปีแรกๆ ที่ซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรักเรืองอำนาจ และเริ่มเข้าสู่การเมืองอังกฤษจากการเป็นแกนนำในการช่วยเหลือชาวเคิร์ดที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในปี 1991

ส่วนจุดเริ่มต้นของข่าวฉาวเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีของ นาฮิม ซาฮาวี เกิดขึ้นในปี 2000 ที่เขาได้ร่วมก่อตั้งสำนักโพลที่ชื่อ YouGov กับนาย สตีเฟน เชคสเปียร์  

และต่อมาเขาได้โอนหุ้น YouGov ของเขาให้แก่บริษัท Balshore Investments ที่จดทะเบียนในยิบรอลตาร์ หนึ่งในดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร และเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อในเรื่องการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีแก่นักลงทุนต่างประเทศ ที่มักใช้ในการหลบเลี่ยงภาษี และยังพบด้วยว่า ผู้เป็นเจ้าของ Balshore Investments เป็นบิดา-มารดาของ นาย นาฮิม ซาฮาวี เอง

‘ยูทูบเบอร์มะกัน’ ช่วยจ่ายค่าผ่าตัดให้ ‘คนตาบอด’ กว่า 1,000 คน ให้กลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง

เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เรียกเสียงชื่นชมจากคนทั่วโลก เมื่อยูทูบเบอร์ชื่อดัง ‘MrBeast’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวการช่วยเหลือคนตาบอดหรือเกือบบอดสนิท 1,000 คนให้ได้รับการผ่าตัด จนสามารถกลับมามองเห็นโลกที่กระจ่างชัดได้อีกครั้ง

หนุ่มยูทูบเบอร์อันดับ 1 ของโลกซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 130 ล้านคนเผยว่า เขาได้เริ่มภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยต้อกระจก (cataract) 1,000 คนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดดวงตา

“เรากำลังช่วยรักษาอาการตาบอดให้กับคน 1,000 คน” MrBeast ซึ่งมีชื่อจริงว่า จิมมี โดนัลด์สัน (Jimmy Donaldson) กล่าวผ่านคลิปวิดีโอที่โพสต์ลง Youtube เมื่อวันเสาร์ (28 ม.ค.) ซึ่งจนถึงวันนี้มีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 41 ล้านวิว

คลิปนี้ได้รวบรวมฟุตเทจอันน่าประทับใจของผู้ป่วยในช่วงก่อนและหลังผ่าตัดตา และ MrBeast ยังได้มอบเงินบริจาคและของขวัญให้กับผู้ป่วยบางคนด้วย

เจฟฟ์ เลเวนสัน (Jeff Levenson) จักษุแพทย์ซึ่งร่วมมือกับ โดนัลด์สัน ในการช่วยผ่าตัดตาให้กับผู้ป่วยชุดแรกๆ ในเมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐฟลอริดา เล่าว่า ตัวเขาเองมีส่วนร่วมในโครงการ ‘Gift of Sight’ ซึ่งให้บริการผ่าตัดต้อกระจกฟรีแก่ผู้ป่วยที่ไม่มีประกันสุขภาพ และจัดเป็นบุคคลตาบอดในทางกฎหมาย มานานกว่า 20 ปีแล้ว

“คนตาบอดราว ๆ ครึ่งหนึ่งของโลกสามารถกลับมามองเห็นได้ด้วยการผ่าตัดแค่ 10 นาที” เลเวนสัน ระบุในคลิปวิดีโอ

เขาเล่าว่าได้รับการติดต่อจากทีมงานของ โดนัลด์สัน เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว

“ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักเลยว่า MrBeast เป็นใคร และเกือบจะวางสายไปแล้ว แต่โชคดีที่ผมไม่ได้ทำแบบนั้น”

ทั้งสองเริ่มโทรศัพท์ติดต่อไปยังศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน และคลินิกรักษาฟรีต่างๆ เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อคนตาบอดในเมืองแจ็คสันวิลล์ที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดต้อกระจกแต่ไม่มีเงินรักษาตัว เมื่อรวบรวมผู้ป่วยได้ 40 คน เลเวนสันก็ได้ทำการผ่าตัดให้กับพวกเขาทั้งหมดภายในวันเดียว โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 7.00 น.ไปจนถึง 18.00 น.

‘กรุงเทพ’ ครองแชมป์หมุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ดัน ศก.ช่วงตรุษจีนคึก คาดลุ้นอีกระลอก 1 พ.ค.นี้

(30 ม.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย ทริปด็อตคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) รายงานว่านักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเดินทางสู่ต่างประเทศเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ขณะจีนผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางขาออกหลังปรับเปลี่ยนการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เมื่อไม่นานนี้

รายงานระบุว่าคำสั่งซื้อเพื่อการท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ ช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ระยะ 7 วัน เพิ่มขึ้น 640% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยคำสั่งซื้อบัตรโดยสารเที่ยวบินข้ามพรมแดนของนักท่องเที่ยวจีนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของทริปด็อตคอม กรุ๊ป เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์, เชียงใหม่, มะนิลา และบาหลี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top