Friday, 29 March 2024
SPECIAL

'เพื่อไทย' เตรียมปราศรัย เชียงใหม่-เชียงราย 24-25 ก.พ.นี้ แง้ม!! ประกาศ 'นโยบายชุดใหญ่' หลังจากยุบสภาฯ

(23 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงข่าวการลงพื้นที่ปราศรัย จ.เชียงรายและเชียงใหม่ในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ว่า ในวันที่ 25 ก.พ. พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดปราศรัยใหญ่ที่จ.เชียงราย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และตน โดยในช่วงเช้าจะไปพบปะผู้ประกอบการในพื้นที่ และประชาชนที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่รร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง จ.เชียงราย โดยเวทีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 18.30 น. โดยหลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.เมือง จ.เชียงรายด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 26 ก.พ.เดินทางไปยังจ.เชียงใหม่ โดยในช่วงเช้าจะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5  ช่วงเย็นจะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

ทั้งนี้ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การตอบรับอย่างเนืองแน่นล้นหลาม จากการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา มีผู้คนที่มาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนไม่มากหน้าเวที หรือพี่น้องออกจากเวทีขณะที่เวทียังไม่จบนั้น ขอเรียนให้ทราบว่าเราเล็งเห็นและเข้าใจความพยายามนี้ แต่ความจริงต้องเป็นความจริง ทุกเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลการสำรวจของสำนักโพลที่ได้มาตรฐาน ชี้ตรงกันว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ยกระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ พรรคพท.เชื่อมั่นว่าหลังยุบสภาเมื่อประกาศนโยบายชุดใหญ่ คะแนนนิยมของทั้งพรรคและว่าที่แคนดิเดตนายกฯ จะพุ่งทะยานสูงขึ้นมากขึ้นไปกว่านี้

ส่อง ‘13 พรรคการเมือง’ ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. มากกว่า 40 จังหวัด

ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 22 ก.พ.66 ระบุว่า พรรคกการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. มากกว่า 40 จังหวัด มีด้วยกันทั้งหมด 13 พรรค ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ 77 จังหวัด, พรรคก้าวไกล 76 จังหวัด, พรรคประชาธิปัตย์ 75 จังหวัด, พรรคภูมิใจไทย 75 จังหวัด, พรรคเพื่อไทย 75 จังหวัด, พรรคเสรีรวมไทย 68 จังหวัด, พรรคคลองไทย 59 จังหวัด, พรรคเศรษฐกิจไทย 56 จังหวัด, พรรคไทยสร้างไทย 47 จังหวัด, พรรคโอกาสไทย 45 จังหวัด, พรรคพลังประชารัฐ 44 จังหวัด, พรรคไทยภักดี 42 จังหวัด และพรรคยุทธศาสตร์ชาติ 42 จังหวัด

'ลุงหนู' ควง 'บี พุทธิพงษ์' ลงพื้นที่เขตวังทองหลาง ขายนโยบาย 'ดูแลคนกรุง' ทุกเพศทุกวัย ตลอด 24 ชม.

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.และอดีตเลขาธิการผู้ว่ากทม. กษิดิ์เดช ชุติมันต์ ว่าที่ผู้สมัครของพรรค เขตลาดพร้าว ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์โครงการ 1 เขต 12 ลาดพร้าว วังทองหลาง กทม. 

โดยระหว่างที่คณะทักทายประชาชนบริเวณสวนสุขภาพภายในชุมชน ได้พบกับนายพิเชฎฐ์ ศุขแพทย์ ซึ่งมาแนะนำตัวว่า ขอเป็นตัวแทนผู้สูงวัยในพื้นที่ และเป็นอดีตนักดนตรีวงรอยัลสไปรท์ เข้ามาสอบถามเรื่องเนื้อหาของนโยบายกองทุนประกันชีวิต ซึ่งทางพรรคเคยหาเสียงไปก่อนหน้านี้

นายอนุทิน ได้ชี้แจงรายละเอียดของกองทุน ว่าเป็นการให้สิทธิกู้เงินแก่ผู้มีอายุ 60 ขึ้นไป ใช้ดูแลตัวเอง ในวงเงิน 20,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่จะใช้กรมธรรม์ประกันชีวิต ที่รัฐบาล จัดทำให้ ค้ำประกันตัวเอง ซึ่งในวันที่จากไป ผู้สูงวัยจะได้ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท หลังการพูดคุยประมาณ 15 นาที อดีตสมาชิกวงดนตรีชื่อดังได้กล่าวชื่นชมนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ที่มีนโยบายซึ่งให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ

จากนั้น นายอนุทิน ขึ้นเวทีปราศรัย ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย แม้จะไม่เคยมี ส.ส.ใน กทม. แต่เราก็ทำงานให้คนกรุงเทพมาตลอด ตอนที่กรุงเทพมีปัญหาเรื่องการรับวัคซีน ก็ได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดให้ ตอนที่ ชาว กทม. มีปัญหาเรื่องจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ได้สร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม มาแบ่งเบาภาระ กทม. นอกจากนั้น ในเรื่องคมนาคม ก็ได้เชื่อมต่อเครือข่ายรถไฟทั้งบนดิน และใต้ดิน จนครอบคลุมการให้บริการ เมื่อมีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ก็ได้จัดหารถเมล์ไฟฟ้ามาให้บริการนับพันคัน 

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องค่าโง่ ที่เราพยายามสางปัญหา นำงบมาใช้ดูแลประชาชน

นายอนุทิน ย้ำว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำ กับกรุงเทพฯ ทางพรรคภูมิใจไทยเราต้องการจะเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เราไม่เคยมองข้ามพวกท่านเลย แต่ขอให้พวกท่านให้โอกาส และเราจะทำงานรับใช้ท่านอย่างเต็มที่แน่นอน เรามีประสบการณ์ เรามีความสามารถ เรามีผลงานทั่วประเทศ และเราอยากนำความรู้ของเรามาอาสารับใช้ชาวกรุงเทพฯ พรรคเรา ถ้าไม่มีอะไรเลย คุณพุทธิพงษ์ ไม่มีทางมาร่วมงานกับเรา แต่เพราะพรรคเราพูดจริง ทำจริง มีผลงาน คุณบีถึงมาอยู่ตรงนี้ กับภูมิใจไทย

นายอนุทิน ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย ขอไม่เข้าร่วมกับความขัดแย้ง จะมุ่งทำงาน การหาเสียง ก็จะนำเสนอนโยบาย ไม่พูดกระทบกระเทียบใคร ขอนำเสนอผลงานดีกว่า ซึ่งมั่นใจว่ามีมากพอให้พี่น้องประชาชน ชาว กทม. ได้พิจารณา

ด้านนายพุทธิพงษ์ ได้ย้ำถึงผลงานความสำเร็จของนายอนุทิน โดยเฉพาะการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในช่วงที่ผ่านมา พร้อมย้ำถึงนโยบายดูแลคนกรุงเทพมหานคร ทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย หรือ ‘ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7’ เพื่อแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดยยึดหลักการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้โอกาส

'ชูวิทย์' เร่งเดินหน้าปิดเกม 'สารวัตรซัว' แฉ!! ไม่เคยทำงาน แต่เบิกเบี้ยเลี้ยง-โอที

(22 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน ซึ่งเป็นผู้ออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับ 'ทุนจีนสีเทา' และเว็บพนันออนไลน์จนแตกกระเจิง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' มีเนื้อหาดังนี้...

แนวรับพนันออนไลน์

หลังจากผมจัดลำดับประเภท 'พนันออนไลน์' โดยจำแนกเงินทุนหมุนเวียนของแต่ละเจ้า เกิดอาการวงแตกกระเจิงคนละทิศคนละทาง บรรดาโปรแกรมเมอร์ไปพักร้อนต่างประเทศกันเป็นแถว ต้องขออภัย ผมไม่ได้ 'ตีกิน' ระดับผมไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินพนันยังชีพ

แต่หากใครจะกิน 'ตามน้ำ' ผมก็รู้ว่ามันเป็น 'ธรรมเนียม' ไทย ๆ จะให้จัดการทีเดียวคงยาก เช่น ของไอ้ซัว ทำทั้งเว็บพนัน สล็อต คอลเซ็นเตอร์ มีในเครือข่ายประมาณ 300 เว็บ เอากันง่าย ๆ จ่ายเว็บละ 30,000-50,000 บาท แล้วแต่เว็บไหนเป็นที่นิยม เดือนนึงตกประมาณ 10 กว่าล้าน

ค่าธรรมเนียมนี้จ่ายถึงใคร แผนกใด แม้ไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง แต่รู้อยู่ว่าแบ่งกันอย่างไร ใครรับ? ซัวดูแลทุกเดือน จะยอมละชามข้าวเดือนละ 10 ล้านไหวหรือ?

“เดี๋ยวชูวิทย์ก็หมดแรงไปเอง”

นี่ไม่ใช่คำพูดที่ผมไปเสกสรรปั้นแต่ง แต่เป็นคำพูดของซัวส่งไลน์ผ่านคนใกล้ชิด ได้เห็นได้อ่านกับตา รู้ซึ้งว่าเกมนี้ไม่ธรรมดา แม้ผมจะเข้าวัยเลยเกษียณ แต่ยังมีเขี้ยวเล็บ แต่ก่อนสังคมไม่เคยได้ยินชื่อ 'สารวัตรซัว' ผมจี้เอามันมาขึ้นเขียงว่าเป็น 'นายตำรวจ' และเป็น 'นายบ่อน' ด้วย ควบสองตำแหน่งอย่างนี้ไม่ไหว จนท่าน ผบ.ตร. เด่นเห็นด้วยกับผม จัดการฟันให้ออกจากราชการทันที

ผมเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่า 'ซัว' ไม่เคยไปทำงานตำรวจ แต่ยังเสือกเบิกเบี้ยเลี้ยงโอทีอีกต่างหาก จะไปยกให้ใครไม่ทราบได้ แต่เป็นภาษีของประชาชนอย่างผมแน่นอน ที่ผมพูดเพราะไม่มีใครพูด

TIME TO CHANGE เมื่อประเทศเปลี่ยนไป

หากใครเคยผ่านไปบริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร คงคุ้นเคยกันดีว่า ยังมีอีกหนึ่งสะพานที่ตั้งอยู่คู่ขนานกัน นั่นคือ สะพานพระปกเกล้า หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า สะพานพระปก 

บริเวณสะพานพระปกเกล้า ยังมีสะพานที่ถูกสร้างมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2527 เพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน แต่ต่อมาเมื่อโครงการถูกระงับ สะพานจึงไม่ถูกสร้างต่อ ไม่มีทางขึ้นและทางลง และถูกปล่อยร้างไม่ได้ใช้งานมากว่า 30 ปี จนถูกเรียกขานว่าเป็น 'สะพานด้วน'

ต่อมากรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางสัญจรบนโครงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้บริเวณช่องกลางสะพานพระปกเกล้า หรือที่เรียกว่า สะพานด้วน ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ กระทั่งกลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่เชื่อมการสัญจรฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งพระนคร

และถูกเรียกขานกันภายใต้ชื่อว่า 'พระปกเกล้าสกายปาร์ค' หรือสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ซึ่งเหมือนเป็นการ 'ชุบชีวิต' สะพานร้างที่ไร้ประโยชน์ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังกลายเป็นแลนด์มาร์คของคนกรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง ให้ได้มาใช้ประโยชน์ ทั้งการสัญจร การออกกำลังกาย หรือแม้แต่ได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา

'มิ่งขวัญ' ผุดไอเดีย 'น้ำมันปชช.' หวังปรับลดราคาน้ำมัน แบ่งเบาภาระคนไทย ลั่น!! ทําทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค พปชร. แถลงผลประชุมคณะกรรมการฯ ถึงแนวคิดเรื่อง ลดราคาพลังงาน ว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบให้ตนมาพูดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเบื้องต้นก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว พล.อ.ประวิตร จะแถลงให้ทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้ ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้ไปศึกษาในเรื่องราคาพลังงาน ว่าจะสามารถปรับลดลงเพื่อช่วยประชาชนได้ในทางใดบ้าง เพราะราคาน้ำมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้กับคนไทยได้ โดยจะใช้ชื่อนโยบาย ว่า 'น้ำมันประชาชน'

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีแนวคิดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า ที่สำคัญที่สุดคือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าทุกขั้นตอน ลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

'พปชร.' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. อีสาน-เหนือ-กลาง-ใต้ เสริมฐาน 4 ภาค หวังเชื่อมพรรคกับประชาชน

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร ภาคอีสาน, ภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคใต้ 10 จังหวัด 15 คน

ภาคอีสาน
จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ 1.) นายเข็มทอง แก้วเนตร เขต 5 2.) นายนิวัฒน์ จำปาทอง เขต 9 3.) นายศุภโชค ฐานเจริญ เขต 10 4.) นายยิ่ง ภูผา เขต 11
จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ 5.) นายมานพ แสงดำ เขต 2 
จังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ 6.) นางศรัณยา สุวรรณพรหม เขต 1

ภาคเหนือ
จังหวัดเชียงราย ได้แก่ 7.) นายพิษณุ เขื่อนเพชร เขต 1 8.) นายวัชรพงศ์ ปิโย เขต 2
จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ 9.) นายบดินทร์ กินาวงศ์ เขต 8
จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ 10.) นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ เขต 1
จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ 11.) นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยช่วงนี้ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) กลับมาระบาด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์เตือนภัยระวังตกเป็นเหยื่อ Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ดังนี้

ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ในอีกมุมหนึ่งมิจฉาชีพก็พัฒนาการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ๆ และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเช่นกัน Ransomware หรือที่เรียกกันว่า มัลแวร์เรียกค่าไถ่ เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่จะเข้ามาล็อกข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ จนทำให้ไม่สามารถเปิดไฟล์ใดๆ ได้ โดยหากต้องการกู้ข้อมูลคืนมา จะต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามที่ผู้โจมตี หรือมิจฉาชีพเรียกร้อง จำนวนเงินค่าไถ่ก็จะแตกต่างกันไป และการชำระเงินจะต้องชำระผ่านระบบที่มีความยากต่อการตรวจสอบ หรือติดตาม เช่น การโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์, การชำระเงินออนไลน์แบบเติมเงินโดยใช้บัตรกำนัล (Paysafecard), เงินสกุลดิจิทัล เป็นต้น

ในช่วงที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากการถูมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ถูกล็อกไฟล์ข้อมูล ไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ มีการเรียกค่าไถ่เป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) มูลค่าหลายล้านบาท กรณีดังกล่าว บช.สอท. ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่า คอมพิวเตอร์บริษัทของผู้เสียหายถูกโจมตีด้วย Faust Virus หรือ Ransomware ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อเข้าถึงข้อมูลของตนเอง โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายจะ สร้างมัลแวร์ที่มีลักษณะการทำงานแบบเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ได้ จนกว่าจะได้รับรหัส หรือคีย์ที่ใช้ในการปลดล็อกไฟล์

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวน่าจะมาจากช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแฝงมาในรูปแบบเอกสารแนบมากับอีเมล โดยการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรืออีเมลปลอม แล้วส่งข้อมูลมาในรูปเอกสารที่ใช้ไฟล์ .doc หรือ .xls แต่ความจริงคือเป็นไฟล์ '.doc .exe' หรือแฝงตัวมาในรูปแบบของโฆษณา (Malvertising) โดยการโฆษณาไปยังบริษัทเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินค่าไถ่ หรืออาจจะเกิดจากบุคคลในองค์กรเองที่ไปคลิกลิงก์ที่คนร้ายส่งมา ทำให้มัลแวร์ดังกล่าวติดตั้งตัวเองในระบบแล้วทำการเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ทั้งหมด จากนั้นจะมีข้อความเตือนที่หน้าจอให้ติดต่อกลับไป คนร้ายมักจะเรียกเป็นสกุลเงินดิจิทัล หากไม่ยอมจ่ายคนร้ายจะข่มขู่ว่าจะทำลายไฟล์ทั้งหมด หรือนำไปเปิดเผยต่อไป

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การเรียกค่าไถ่ทางคอมพิวเตอร์ (Ransomware) โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน หน่วยงานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง”

'แก๊งขนเขมร' ห้าว ยิงปืนสกัด 'ทหารพราน' ขณะบุกรวบแรงงานเถื่อน จนท.เร่งล่าตัวด่วน

(22 ก.พ. 66) พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 (ผบ.ชค.กรม.ทพ.12) นำกำลังกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 112 (ฉก.ร.112) ออกลาดตะเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณท้ายหมู่บ้านกุดผือ ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังสืบทราบว่า จะมีแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ

ต่อมาชุดปฏิบัติการ ร่วมฯ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่ เดินเท้าฝ่าความมืดลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.ส. 41 - จต.ส. 42 แล้วเดินลัดเลาะมาตามไร่อ้อยของชาวบ้าน เพื่อข้ามถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ แต่ถูกบุคคลคาดว่าเป็นคนไทยแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนที่นำพาแรงงานกัมพูชา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงขึ้นฟ้าประมาณ 3-4 นัด

รวมเรื่องน่ารู้ 'พรรคพลังประชารัฐ'

ศึกเลือกตั้งใหญ่ 2566 กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หนึ่งในพรรคการเมืองที่ถูกจับจ้องมากไม่แพ้ใคร ๆ คงต้องยกให้กับ 'พรรคพลังประชารัฐ' ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อคราวเลือกตั้งใหญ่ 2562 นี่คือพรรคการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานั้น แม้อายุของพรรคจะไม่มากมาย แต่สมาชิกภายในพรรค ล้วนเต็มไปด้วยเหล่าคนทำงานทางการเมืองที่มากไปด้วยประสบการณ์ของแท้

กับการเลือกตั้งใหญ่หนล่าสุดนี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดยหัวเรือใหญ่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเต็มไปด้วยพลังของความมุ่งมั่นสร้าง 'ประเทศ' ให้เป็นปึกแผ่น ตามสโลแกน 'พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย' แถมยังพร้อมเดินหน้า 'สานต่อ' ภารกิจที่ลงมือทำเอาไว้ในสมัยเป็นรัฐบาลที่ผ่านมา อาทิ สวัสดิการประชารัฐ, เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ

‘ณัฐชา’ นำทีม 'ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี' เดินหน้าหาเสียง พร้อมลุยเลือกตั้ง ลั่น!! ผู้แทนไม่จำเป็นต้องนามสกุลดัง

(21 ก.พ. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี ทั้ง 5 เขต เดินพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เพื่อขอความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ทำนโยบายให้เป็นจริง สร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

นายณัฐชา กล่าวว่า มีความมั่นใจในจังหวัดราชบุรี เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครของพรรคมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องอายุและอาชีพ เมื่อเทียบกับกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์บ้านแตกสาแหรกขาด หาทางย้ายพรรคไปต่อในทางการเมือง

ส่วนผู้สมัครของก้าวไกลมุ่งเดินหน้า เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และอยากสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีทราบว่า การเป็นผู้แทนประชาชนไม่จำเป็นต้องนามสกุลโด่งดัง หรือมีบ้านใหญ่หลังโต แต่มีความตั้งใจมุ่งมั่น ก็สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนได้

อดีต ส.ส.11 สมัย ซบ ‘รทสช.’ ปักธง 4 เขต ฟาก ‘เพื่อไทย-พปชร.’ เตรียมพร้อมท้าชน

‘เลย’ แข่งเดือด!! อดีต ส.ส. 11 สมัยโผซบ ‘รทสช.’ ลั่นปักธงแน่ ฟาก ‘พท.-พปชร.’ พร้อมท้าชน

(21 ก.พ.66) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย 11สมัย อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตนได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชนขึ้น แต่ปัจจุบันโครงสร้างของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หันมาใช้สูตรหาร 100 ตนมองว่าพรรคเล็กเดินต่อไม่ได้ จึงหันเข้ามาสมัครเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเป็นแกนนำพรรคปักธงส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 4 เขตของ จ.เลย โดยได้ฟอร์มทีมครบแล้วทุกเขต พร้อมมั่นใจว่า จ.เลย มี ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนจะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อจะกลับมาทวงพื้นที่คืน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ได้แก่ ดร.เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีตวุฒิสมาชิกเลย และอดีต ส.ส.เลย 3 สมัย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้ นายอุดร แสวงผล อดีต พัฒนาการอำเภอ อดีต ผอ.ส่วนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค5 ซึ่งเป็นหลานเจ้าพ่อกวนด่านซ้ายคนปัจจุบันมาร่วมทัพ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 เป็น น.ส.นภาพร ยาบุษดี

สำหรับการหาเสียงตนจะเน้นนโยบายพรรคเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนด 3 ล้านครอบครัว 30 ล้านไร่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะเร่งรัดออกเป็นโฉนดชุมชน จำนวน19 ล้านไร่ทั่วประเทศ และยกฐานะทุกหมู่บ้านเป็นนิติบุคคล จัดสรรงบประมาณให้ทุกปีตามขนาดของหมู่บ้านเล็ก 500,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลาง 700,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 1ล้านบาททั่วประเทศ

โฆษก ตร. แจง การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ไพบูลย์ สว.เก็บกู้วัตถุระเบิด จชต. เป็นตำแหน่งเฉพาะทาง ไม่สามารถนับรวมอาวุโสทั่วไปได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่จะเร่งวางหลักเกณฑ์ เปิดโอกาสให้ก้าวหน้าในสายงานเสี่ยงภัยต่อไป พร้อมเปิดรับหลักฐานข้อมูลแต่งตั้งมิชอบ

(20 ก.พ.66) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “กรณีปรากฎข่าว พ.ต.ท.ไพบูลย์ พูนมะณี  สว.กก.เก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.สส.จชต. มีหนังสือร้องทุกข์ กรณีไม่ใด้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2565

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทุกระดับ แม้ว่าการแต่งตั้งระดับ รอง ผกก.- ส.ว. จะเป็นอำนาจ ผบช. แต่ได้กำชับให้พิจารณาตามความเหมาะสม ยึดทั้งหลักอาวุโส ผลงาน ความรู้ความสามารถ เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย โดยหลังจากทราบเรื่องได้ให้ ภ.9 ชี้แจงการแต่งตั้งของ พ.ต.ท.ไพบูลย์ ให้ชัดเจน

โดย ภ.9 แจ้งว่า พ.ต.ท.ไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งอยู่ในกลุ่มงานเทคนิค ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น 'ตำแหน่งเฉพาะทาง' โดยตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 28(2) ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ รอง ผบก. ลงมา ถึงระดับ สว. ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่าง แต่ให้ใช้บังคับกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจซึ่ง ดำรงตำแหน่งทั่วไป ที่มิใช่ตำแหน่งเฉพาะทาง 

แม้ พ.ต.ท.ไพบูลย์  จะมีรายชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีลำดับอาวุโสระดับ สว. ลำดับที่ 12 ของ ภ.9 แต่เนื่องจาก พ.ต.ท.ไพบูลย์ อยู่ในกลุ่มงานเทคนิค ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น 'ตำแหน่งเฉพาะทาง' และไม่สามารถนำมารวมในกลุ่มอาวุโส 33% ของตำแหน่งทั่วไปได้ ต้องนำไปคิดในกลุ่มสายเทคนิคด้วยกัน ซึ่งในวาระประจำปี 2565 ไม่มีตำแหน่ง สายงานสรรพาวุธในระดับ รอง ผกก.ว่าง จึงไม่สามารถแต่งตั้ง พ.ต.ท.ไพบูลย์ พูนมะณี ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.สายงานสรรพาวุธ ในกลุ่มอาวุโสได้ 

ส่วนข้าราชการตำรวจระดับ สว. ที่ดำรงตำแหน่งทั่วไป ที่จะต้องเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็น รอง ผกก. ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 33 ตามกฎ ก.ตร.ฯ จำนวน 16 ราย จากตำแหน่งว่างทั้งหมด 50 ราย  ภ.9 ได้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับอาวุโสทุกราย (ลำดับที่ 1 – 11และลำดับที่ 13-17 ) 

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดจับยาบ้า 6 คดี ขณะลำเลียงส่งออก ยึดยาบ้ารวม 12 ล้านเม็ด!! เร่งขยายผลหาเครือข่าย

(21 ก.พ. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติจับคดียาเสพติดรายสำคัญ 6 คดี รวมผู้ต้องหา 24 ราย ยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด, ยาไอซ์  200 กิโลกรัม, เคตามีน 290 กิโลกรัม, เฮโรอีน 7 กิโลกรัม และรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด 13 คัน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีแรกตั้งด่านตรวจริมถนนเพชรเกษมบริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบรถยนต์กระบะตู้ทึบ (สงวนทะเบียน) พบนายณัฐวุฒิ หรือนัท เป็นผู้ขับขี่ นายปิยะวัฒน์ หรือ 'มิว' และ น.ส.โนราฟาซีรา หรือ 'โนรา' (ทั้งหมดสงวนนามสกุล) โดยสารมาด้วยมีพิรุธ ให้ขับรถเข้าไปในด่านตรวจ เพื่อ X-Ray รถ พบยาบ้า 3,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาวห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 7 ใบ ผู้ต้องหาให้การว่า รับการติดต่อจาก น.ส.นารี ชาวจังหวัดนราธิวาส ไม่ทราบนามสกุลให้ขนยาบ้าจากกรุงเทพฯ ไปส่งปลายทางจังหวัดนราธิวาส

คดีที่ 2 จับกุมนายยมนา หรือ 'หมี' (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี หลังสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.สระบุรี ส่งปลายทาง จ.นราธิวาส ใช้รถบรรทุก 12 ล้อ อีซูซุ (สงวนทะเบียน) กระทั่งติดตามจับกุมได้บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ตรวจสอบพบซุกซ่อนยาบ้าปะปนมากับกระสอบข้าวสาร 7 กระสอบ รวมยาบ้า 3,104,000 เม็ด

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 มีกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดหลบหนีการสืบสวน ตรวจสอบพบว่ามีความเคลื่อนไหวโดยเตรียมลำเลียงเคตามีน ไปประเทศที่ 3 ผ่านช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว กระทั่งวันที่ 20 ก.พ. 66 พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งมาด้วยความเร็วบนถนนทางหลวงใน ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มุ่งหน้าไป อ.คลองหาด ตรวจสอบพบ พบคีตามีน 7 กระสอบ น้ำหนัก 290 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเก๋งและตรวจยึดรถกระบะที่ใช้เป็นรถนำทาง รวมรถ 2 คัน ผู้ต้องหา 3 คน

พล.ต.อ.ชินภัทรกล่าวอีกว่า คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ที่ ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ปส.2 ขยายผลกระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 66 พบความเคลื่อนไหวของ 1 ในกลุ่มเครือข่ายเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ต่อเนื่อง อ.เมืองอุดรธานี และ อ.เมืองขอนแก่น ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 20 แท่ง น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ได้ที่แยกไฟแดงโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น

‘สาธิต’ ชัดเจน!! ยังอยู่ ‘ประชาธิปัตย์’ เช่นเดิม พร้อมเปิดตัว ‘ทีมสาธิต’ ทำงานเพื่อ 8 จว.ตะวันออก

เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.66) ที่หาดแหลมเจริญ จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมเปิดโยบายส่งเสริมศักยภาพจังหวัดภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด ‘คิดนำ ทำจริง’ ที่สอดคล้องกับการเป็นส่วนหนึ่งของ EEC พร้อมเปิดตัว ‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก’ พรรคประชาธิปัตย์ ในนาม ‘ทีมสาธิต’

โดยนายสาธิต ขึ้นเวทีเปิดใจการเมืองท่ามกลางการจับตาไปที่ทิศทางการเมือง ว่า 20 ก.พ.เป็นวันที่เรานัดหมายกันผมทราบดีว่าคอการเมืองทั้งประเทศ กำลังติดตามว่าการตัดสินใจทางการเมืองของผมวันนนี้ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างที่สุด 

ผมเรียนกับทุกท่านว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันไม่ว่าผมจะอยู่พรรคการเมืองไหนมีคำถามมากมายทำไมต้องเป็น 20 ก.พ.จะย้ายพรรคหรือไม่ ถ้าย้ายไปอยู่พรรคอะไร มีสื่อสารมวลชนได้พยายามสื่อสารไปสร้างความสับสนให้กับคนทั้งประเทศรวมทั้งคน จ.ระยอง เป็นอย่างมาก บางสื่อบอกว่านายกช้าง (ปิยะ ปิตุเตชะ) ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย บางสื่อบอกว่าแบ่ง 2 คนลงอีกพรรคหนึ่ง แล้วอีก 3 คนจะลงอีกพรรคการเมืองหนึ่ง

“ผมไปที่ไหน บอกใครว่าไม่ย้ายพรรค คนเขาไม่เชื่อ เพราะเขาได้ซึมซับข้อมูลผ่านสื่อสารมวลชนที่เข้าเชื่อเกิดความลังเลขึ้นในสังคมเป็นจำนวนมากนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องบอกกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศว่าผมจะต้องมีความชัดเจน และความชัดเจนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่บนพื้นฐานของการตัดสินใจบนข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้านมีความจำเป็นอย่างที่สุดที่เราจะพยายามให้พี่น้องทั้งในพื้นที่จ.ระยองและพื้นที่ต่าง ๆ ได้เข้าใจสถานการณ์” นายสาธิต กล่าว

- ผนึก ‘ทีมสาธิต’ สู้เพื่อ 8 จังหวัดตะวันออก

นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า ผมทราบว่าทุกคนรอคอยคำตอบว่าผมจะตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญนี้อย่างไร ขอย้ำว่าการตัดสินใจของครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของเพื่อนร่วมทีม อยู่บนพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ในจ.ระยอง คน จ.ระยอง ให้โอกาสผมมา 20 ปีเต็ม ผมไม่ตัดสินใจภายใต้ความคิดผม วันนี้จะมีความชัดเจนที่สุดและเราจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมย้ำว่าผมร่วมตัดสินใจกับ ‘ทีมสาธิต’

“ผมอยู่ไหนไม่สำคัญเท่าทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนภาคตะวันออก ทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนประเทศนี้ และทีมสาธิตจะต้องทำอะไรให้กับ 8 จังหวัด โดยเฉพาะคนระยองที่ไว้วางใจผมมาตลอดระยะเวลา 20 ปี” นายสาธิตกล่าว

นายสาธิต ยังกล่าวว่า มีคำถามว่าทำไมตะวันออกต้องพิเศษ? ขอย้ำว่าไม่ได้หมายความว่าภาคอื่นไม่สำคัญ ทุกภาคมีความสำคัญ แต่ภาคตะวันออกสำคัญที่สุดมันจึงต้องพิเศษกว่าที่อื่น ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นบ้านหลังหนึ่งพื้นที่ตะวันออกเปรียบเสมือนห้องครัวของบ้านหลังนั้น 

คนภาคตะวันออก 8 จังหวัดมีอัตราการเสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งสูงขึ้น ขณะที่การลงทุนของบีโอไปในพื้นที่ EEC 3.8 แสนล้านบาท มีภาษีที่เก็บไปเลี้ยงคนทั้งประเทศจุด 5 ของจีดีพีของประเทศ แต่คนที่นี่กลับได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนา การถมทะเล การทำท่าเรือแต่เราไม่สามารถปฏิเสธการพัฒนาได้  

ฉะนั้นประชาชนที่อาศัยใน 8 จังหวัดจะต้องได้รับการดูแลดีกว่าที่อื่นให้สมกับที่แบกรับผลกระทบ เหล่านี้คือสิ่งที่ทีมสาธิตจะร่วมกันเรียกร้องถ้าเป็นรัฐบาลต้องทำให้ได้ที่สำคัญจะต้องทำให้ภาคการลงทุนมาช่วยประชาชน เกษตรกร และผู้ที่ไม่มีงานทำ

วันนี้ข้อเสนอต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควรทั้งปัญหาช้าง ปัญหาผลไม้ รวมถึงคุณภาพชีวิตแต่ต้องทำให้ได้ภายใต้ ‘ทีมสาธิต’

>> ชูธง ‘ระยอง’ เป็นจังหวัดจัดการตนเองเป็นแห่งแรก ดัน ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ’

นายสาธิต กล่าวว่า “ถ้าผมได้กลับไปเป็นรัฐบาลภายใต้ทีมสาธิต สิ่งที่จะต้องทำคือเก็บภาษีส่วนกลางกลับมาที่บ้านเราให้มากกว่านี้ นั่นคือจังหวัดจัดการตัวเอง ‘ทีมสาธิต’ ต้องทำและอาจนำไปสู่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ผ่านประชาชนจังหวัดแรก จังหวัดที่ 2 และจังหวัดที่ 3 ต้องเกิดขึ้นให้ได้ภายในพื้นที่ 8 จังหวัด” 

นายสาธิต ยังกล่าวต่อว่า ผมยืนยันว่าคนที่ยืนอยู่กับผมวันนี้ไม่มีสีเทา ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าภายใต้ทีมสาธิตเพื่อแก้ไขปัญหาคนภาคตะวันออก โดยชี้แจงให้คนทั้งประเทศเห็นว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ 

“สถานการณ์การเมืองวันนี้ผมมีความกดดันสูงมากมันเป็นรอยต่อของการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทางการเมืองหลายปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาพรรคการเมืองอ่อนแอทุกพรรค การเมืองอ่อนแอหมด ผมไม่แน่ใจว่ามีความตั้งใจหรือมันเกิดโดยธรรชาติ แต่ผมย้ำกับทุกท่านว่า ในฐานะที่ท่านไว้ใจผม ท่านทราบดี หลายคนที่มานั่งฟังรู้จักผมดี การเมืองสุจริตของผมย้ำกับทุกท่านว่านักการเมืองที่ชื่อสาธิตได้รับการเลือกตั้งจากพี่น้องคนระยองโดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแม้แต่บาทเดียว” นายสาธิต กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top