เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.66) ที่หาดแหลมเจริญ จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมเปิดโยบายส่งเสริมศักยภาพจังหวัดภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด ‘คิดนำ ทำจริง’ ที่สอดคล้องกับการเป็นส่วนหนึ่งของ EEC พร้อมเปิดตัว ‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก’ พรรคประชาธิปัตย์ ในนาม ‘ทีมสาธิต’
โดยนายสาธิต ขึ้นเวทีเปิดใจการเมืองท่ามกลางการจับตาไปที่ทิศทางการเมือง ว่า 20 ก.พ.เป็นวันที่เรานัดหมายกันผมทราบดีว่าคอการเมืองทั้งประเทศ กำลังติดตามว่าการตัดสินใจทางการเมืองของผมวันนนี้ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างที่สุด
ผมเรียนกับทุกท่านว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันไม่ว่าผมจะอยู่พรรคการเมืองไหนมีคำถามมากมายทำไมต้องเป็น 20 ก.พ.จะย้ายพรรคหรือไม่ ถ้าย้ายไปอยู่พรรคอะไร มีสื่อสารมวลชนได้พยายามสื่อสารไปสร้างความสับสนให้กับคนทั้งประเทศรวมทั้งคน จ.ระยอง เป็นอย่างมาก บางสื่อบอกว่านายกช้าง (ปิยะ ปิตุเตชะ) ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย บางสื่อบอกว่าแบ่ง 2 คนลงอีกพรรคหนึ่ง แล้วอีก 3 คนจะลงอีกพรรคการเมืองหนึ่ง
“ผมไปที่ไหน บอกใครว่าไม่ย้ายพรรค คนเขาไม่เชื่อ เพราะเขาได้ซึมซับข้อมูลผ่านสื่อสารมวลชนที่เข้าเชื่อเกิดความลังเลขึ้นในสังคมเป็นจำนวนมากนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องบอกกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศว่าผมจะต้องมีความชัดเจน และความชัดเจนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่บนพื้นฐานของการตัดสินใจบนข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้านมีความจำเป็นอย่างที่สุดที่เราจะพยายามให้พี่น้องทั้งในพื้นที่จ.ระยองและพื้นที่ต่าง ๆ ได้เข้าใจสถานการณ์” นายสาธิต กล่าว
- ผนึก ‘ทีมสาธิต’ สู้เพื่อ 8 จังหวัดตะวันออก
นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า ผมทราบว่าทุกคนรอคอยคำตอบว่าผมจะตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญนี้อย่างไร ขอย้ำว่าการตัดสินใจของครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของเพื่อนร่วมทีม อยู่บนพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ในจ.ระยอง คน จ.ระยอง ให้โอกาสผมมา 20 ปีเต็ม ผมไม่ตัดสินใจภายใต้ความคิดผม วันนี้จะมีความชัดเจนที่สุดและเราจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมย้ำว่าผมร่วมตัดสินใจกับ ‘ทีมสาธิต’
“ผมอยู่ไหนไม่สำคัญเท่าทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนภาคตะวันออก ทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนประเทศนี้ และทีมสาธิตจะต้องทำอะไรให้กับ 8 จังหวัด โดยเฉพาะคนระยองที่ไว้วางใจผมมาตลอดระยะเวลา 20 ปี” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต ยังกล่าวว่า มีคำถามว่าทำไมตะวันออกต้องพิเศษ? ขอย้ำว่าไม่ได้หมายความว่าภาคอื่นไม่สำคัญ ทุกภาคมีความสำคัญ แต่ภาคตะวันออกสำคัญที่สุดมันจึงต้องพิเศษกว่าที่อื่น ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นบ้านหลังหนึ่งพื้นที่ตะวันออกเปรียบเสมือนห้องครัวของบ้านหลังนั้น
คนภาคตะวันออก 8 จังหวัดมีอัตราการเสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งสูงขึ้น ขณะที่การลงทุนของบีโอไปในพื้นที่ EEC 3.8 แสนล้านบาท มีภาษีที่เก็บไปเลี้ยงคนทั้งประเทศจุด 5 ของจีดีพีของประเทศ แต่คนที่นี่กลับได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนา การถมทะเล การทำท่าเรือแต่เราไม่สามารถปฏิเสธการพัฒนาได้
ฉะนั้นประชาชนที่อาศัยใน 8 จังหวัดจะต้องได้รับการดูแลดีกว่าที่อื่นให้สมกับที่แบกรับผลกระทบ เหล่านี้คือสิ่งที่ทีมสาธิตจะร่วมกันเรียกร้องถ้าเป็นรัฐบาลต้องทำให้ได้ที่สำคัญจะต้องทำให้ภาคการลงทุนมาช่วยประชาชน เกษตรกร และผู้ที่ไม่มีงานทำ
วันนี้ข้อเสนอต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควรทั้งปัญหาช้าง ปัญหาผลไม้ รวมถึงคุณภาพชีวิตแต่ต้องทำให้ได้ภายใต้ ‘ทีมสาธิต’
>> ชูธง ‘ระยอง’ เป็นจังหวัดจัดการตนเองเป็นแห่งแรก ดัน ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ’
นายสาธิต กล่าวว่า “ถ้าผมได้กลับไปเป็นรัฐบาลภายใต้ทีมสาธิต สิ่งที่จะต้องทำคือเก็บภาษีส่วนกลางกลับมาที่บ้านเราให้มากกว่านี้ นั่นคือจังหวัดจัดการตัวเอง ‘ทีมสาธิต’ ต้องทำและอาจนำไปสู่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ผ่านประชาชนจังหวัดแรก จังหวัดที่ 2 และจังหวัดที่ 3 ต้องเกิดขึ้นให้ได้ภายในพื้นที่ 8 จังหวัด”
นายสาธิต ยังกล่าวต่อว่า ผมยืนยันว่าคนที่ยืนอยู่กับผมวันนี้ไม่มีสีเทา ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าภายใต้ทีมสาธิตเพื่อแก้ไขปัญหาคนภาคตะวันออก โดยชี้แจงให้คนทั้งประเทศเห็นว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ
“สถานการณ์การเมืองวันนี้ผมมีความกดดันสูงมากมันเป็นรอยต่อของการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทางการเมืองหลายปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาพรรคการเมืองอ่อนแอทุกพรรค การเมืองอ่อนแอหมด ผมไม่แน่ใจว่ามีความตั้งใจหรือมันเกิดโดยธรรชาติ แต่ผมย้ำกับทุกท่านว่า ในฐานะที่ท่านไว้ใจผม ท่านทราบดี หลายคนที่มานั่งฟังรู้จักผมดี การเมืองสุจริตของผมย้ำกับทุกท่านว่านักการเมืองที่ชื่อสาธิตได้รับการเลือกตั้งจากพี่น้องคนระยองโดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแม้แต่บาทเดียว” นายสาธิต กล่าว