Wednesday, 2 July 2025
POLITICS

‘ทิพานัน’ ยก รธน.แจง ‘ประยุทธ์’เป็นนายกฯ ตามรธน.60 สวน ฝ่ายค้านอย่าทำสังคมสับสน เหน็บ กลัวปชช.เลือกพรรค ชง ‘บิ๊กตู่’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในเลือกตั้งสมัยหน้า 

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านอ้างมาตรา 158 วรรค 4 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี มาปลุกปั่นกระแสสังคมเพื่อลดทอนความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ฝ่ายค้านถนัดและดิ้นรนจะทำ เพราะไม่สามารถหาจุดบกพร่องในการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ได้ จึงต้องไปเอากฎหมายมาตีความกระท่อนกระแท่น เอามาบางส่วนในแต่ละมาตรามาโจมตีนายกฯ เพราะถ้าอ่านมาตรา 158 และมาตรา 264 ทั้งมาตราจะเข้าใจได้ว่า การนับอายุดำรงตำแหน่งนายกฯ เริ่มขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลบังคับใช้ เมื่อพล.อ. ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่บุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า บทบัญญัติของมาตรา 158 ทั้งมาตรา มี 4 วรรค คือ วรรคหนึ่ง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบกันเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

วรรคสอง นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคสาม ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และวรรคสี่ นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาคือมาตรา 158 วรรค 2 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 และเมื่อประกอบมาตรา 272 แล้วต้องให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ดังนั้นความมุ่งหมายของมาตรา 158 ทั้งมาตราเป็นการบัญญัติพระราชอำนาจในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในการนับเวลา 8 ปีตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่ว่าจะนับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแต่ต้องเป็นตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้และเป็นนายกฯ ที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่ต้องผ่านขั้นตอนการเสนอชื่อโดยกระบวนการตั้งแต่ประชาชนตามมาตรา 159 ซึ่งรัฐธรรมนูญปีไหนก็ยังไม่มี เมื่อจะใช้กฎหมายมาตรานี้ก็ต้องอ่านทั้งมาตรา จะเอาวรรค 4 วรรคเดียวมาอ้างแบบกระท่อนกระแท่นบางส่วนไม่ได้ การนับเวลา 8 ปีตามมาตรา 158 วรรค 4 ต้องนับจากนายกรัฐมนตรีที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ด้วย

รัฐบาล เปิดยอดจ่ายเงินเยียวยานักเรียนใกล้ครบตามเป้า 11 ล้านคน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้า การเยียวยานักเรียนทุกคน ทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยให้ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ล่าสุดได้จ่ายเงินเยียวยาครอบคลุมเด็กนักเรียนทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วทั้งสิ้น 10,952,000 ล้านคน จากเป้าหมาย 11 ล้านคน คิดเป็น 87.80% โดยโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับทั้งหมด 97.75% ที่เหลือได้ทยอยดำเนินการส่งมอบต่อเนื่อง 

ส่วนของการฉีดวัคซีนก็คืบหน้าไปอย่างมากเช่นกัน โดย ศธ.ได้วางแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน นักศึกษาในสังกัดทั้งของรัฐและเอกชน ที่มีอายุ 12-18 ปี โดยล่าสุด (27 ก.ย.) พบว่ามีผู้สมัครใจฉีดวัคซีนจำนวน 3.61 ล้านคน จากทั้งสิ้น 5,048,081 คนคิดเป็น 71.67% ทั้งนี้ ยังจะได้รวบรวมจำนวนเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองให้ความยินยอมแล้วเพิ่มเติม และจะจัดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีน เพิ่มเติมต่อไป 

บิ๊กป้อม นั่งหัวโต๊ะ ถก กกท. ไฟเขียว 9 แผนงาน ปี65 เน้น สมาคมกีฬา ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาพัฒนาศักยภาพ นักกีฬาไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยที่ประชุมเห็นชอบ แผนงานของผู้ว่ากกท. 9 แผนงานประจำปี65 สอดคล้องยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20ปีได้แก่ 1.แผนยกระดับการให้บริการ 2.แผนยกระดับการบริหารจัดการองค์กรทั้งระบบ ตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ 3.แผนการพัฒนาข้อมูลดิจิทัลด้านการกีฬา 4.แผนยกระดับกิจกรรม และการแข่งขันกีฬาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 5.แผนการจัดตั้งเมืองกีฬา (Sport City)  6.แผนการพัฒนานักกีฬาคนพิการ อย่างครบวงจร  7.จัดทำแผนธุรกิจ (Business plan) ของศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ แต่ละพื้นที่ 8.แผนงานศูนย์ความเป็นเลิศด้านเวชศาสตร์การกีฬา และ9.แผนส่งเสริมกิจกรรมกีฬา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่ประชุมรับทราบรายงานแผนปฏิบัติงานโครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. Smart National Sports Park  ตามแผนงานนโยบายผู้ว่ากกท.ประจําปี64 และรายงานผลการแข่งขันกีฬา พาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่16 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทัพนักกีฬาไทย ทำผลงานได้ 5 เหรียญทอง 5เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และให้ใช้เงินสะสมของ กกท. "กองทุนสงเคราะห์ฯเพื่อสวัสดิการพนักงาน ลูกจ้าง และครอบครัว" เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ 

นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยได้รับทราบรายงานผลการสนับสนุนเงินรางวัล มหกรรมกีฬา ให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล ตามหลักเกณฑ์ทั้งจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 16 รวมทั้ง ได้เห็นชอบ หลักเกณฑ์ทุนการศึกษาของนักกีฬาและบุคลากรกีฬา ประจำปี64 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา และแบ่งเบาภาระของครอบครัว 

 

"ราเมศ" เผย ปชป. เตรียม “จุรินทร์ออนทัวร์” ภาคเหนือ พร้อมช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ระหว่างวันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน ถึง วันที่ 1 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้มีกำหนดการลงพื้นที่ “จุรินทร์ออนทัวร์” ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย และเพชรบูรณ์ เพื่อพบปะและให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงน้ำใจบรรเทาทุกข์ พร้อมติดตามโครงการประกันรายได้จะมีการพบปะพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ข้าว ทั้งที่จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสุโขทัย นอกจากนี้จะมีการมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดสุโขทัยด้วย 

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่มีสถานการณ์น้ำท่วมทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง นายจุรินทร์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน นับตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์น้ำท่วม ก็ได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้บุคลากรของพรรค ไม่ว่าจะเป็น กรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี ส.ส. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อดีต ส.ส.ตัวแทนพรรค สาขาพรรค เฝ้าติดตามและให้ความช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมและให้มีการตั้งศูนย์ติดตามและประสานงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในทุกเขตพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมกับมีการประสานการทำงานกับส่วนกลางอย่างเป็นระบบ คือการจัดถุงยังชีพเพื่อให้ ส.ส. อดีต ส.ส.และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้ง เพื่อลงพื้นที่มอบให้กับประชาชนที่ประสบภัย นายจุรินทร์ย้ำว่า ขณะนี้ให้ทุกคนในพื้นที่ระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่และให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ในยามที่ประชาชนลำบากในฐานะพรรคการเมืองต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี 

'รมว.ดีอีเอส' เสนอทบทวนแบนบุหรี่ไฟฟ้า อ้างนักสูบนิยมมาก เมินแบบมวน เก็บภาษีต่ำกว่าเป้า เกษตรกรปลูกใบยาสูบกระทบหนัก ฟุ้งอนาคตตั้งโรงงานส่งออกได้ ยกต่างประเทศไม่ฝืนเปลี่ยนให้ถูก กม. นายกฯ เบรกหัวทิ่ม ยันหมอชี้อันตรายต่อสุขภาพ

มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ก.ย. แจ้งว่า ระหว่างการพิจารณาโครงสร้างภาษีบุหรี่ช่วงหนึ่ง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุมว่าควรพิจารณาให้บุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไอคอสถูกกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคบุหรี่มวนลดลง หันไปบริโภคบุหรี่รูปแบบใหม่ๆ ส่งผลให้จัดเก็บภาษีของรัฐน้อยลงตามไปด้วย และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในประเทศก็ได้รับผลกระทบจากราคาใบยาสูบตกต่ำ ทำให้รัฐต้องจ่ายชดเชยช่วยเหลือ

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้โครงสร้างภาษีของประเทศไทย ทำให้บุหรี่ไทยหลายยี่ห้อที่โรงงานยาสูบผลิตและจำหน่ายในประเทศราคาสูงกว่ายี่ห้อต่างประเทศที่นำเข้ามาค่อนข้างมาก ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงหันไปสูบบุหรี่ต่างประเทศ ตรงนี้ทำให้โรงงานยาสูบขาดทุนและบุหรี่ไทยจะตาย

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายชัยวุฒิได้นำเสนอที่ประชุมด้วยว่า หากทำให้บุหรี่ไอคอสถูกกฎหมายจะช่วยลดการขาดทุนของโรงงานยาสูบ เป็นการช่วยเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชยอีกต่อไป และจะทำให้รัฐจัดเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคบุหรี่ประเภทนี้เป็นจำนวนมาก และในอนาคตอาจมีการตั้งโรงงานเพื่อส่งออก เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรใบยาสูบด้วย

นายกรัฐมนตรี ชื่นชมโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ถือเป็นจุดร่วมระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อสร้างความผาสุกให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านคลิปวิดีโอ เนื่องในพิธีเปิดการสัมมนาการดำเนินโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564  ภายใต้หัวข้อ “ครบรอบ 2 ปี สว. พบประชาชน ประชาชนได้อะไร”  เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้แก่สมาชิกวุฒิสภา และผู้แทนประชาชน ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข 402 – 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยรองประธานวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารส่วนราชการ และผู้แทนภาคประชาชน เข้าร่วมงาน และมีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live เพจ วุฒิสภา และทางวิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา ให้ประชาชนทั่วไปและผู้สนใจร่วมรับฟังการเปิดสัมมนาครั้งนี้ด้วย

รองโฆษกรัฐบาล เผย ไฟเซอร์ถึงไทย 2 ล้านโดส เริ่มฉีดสัปดาห์หน้า อนุทิน ยัน มีวัคซีนเพียงพอดูแลประชาชน 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.00น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางไปตรวจรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 04.35น. ที่ผ่านมา โดยสายการบิน DHL เที่ยวบิน 3L 350  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินเปิดเผย ภายหลังเป็นประธานรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ ว่า วัคซีนที่มาถึงประเทศในวันนี้ เป็นล็อตแรกจากทั้งหมดที่รัฐบาลจัดซื้อมา 30 ล้านโดส  ซึ่งทางไฟเซอร์จะจัดส่งในเดือนต.ค.อีก 6 ล้านโดส รวมถึงสิ้นเดือนต.ค.จะมีวัคซีนเข้ามา 8 ล้านโดส และครบทั้ง 30 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้แน่นอน “วัคซีนทั้ง 30 ล้านโดสจะมีการจัดส่งได้ภายในปีนี้ ส่วนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้ จะมีทั้งหมด 8 ล้านโดส โดยจะเข้ามาทุกวันพุธของทุกสัปดาห์และไฟเซอร์จะทำการจัดส่งไปยังที่หมายตามที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้ทั่วประเทศ เพราะราคาที่จัดซื้อมานี้รวมค่าจัดส่งแล้ว การจัดส่งจะเป็นแบบ door to door” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว 

“องอาจ” ฝากนายกฯ เร่งฉีดวัคซีนวันละล้านโดส เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในไทยว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มลดลงตามตัวเลขที่ทาง ศบค. แถลงออกมา จนทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจนทำให้หลายกิจการสามารถกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงสภาวะปกติมากขึ้นแต่การเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่นายกฯ เคยประกาศไว้ ซึ่งน่าจะเปิดทั้งประเทศ ประมาณกลางเดือนตุลาคมก็ยกเลิกไป รวมถึงการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว 10 จังหวัด รวมถึง กทม. ด้วยก็เลื่อนออกไปเป็น 1 พฤศจิกายน ก่อให้เกิดการชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้การทำมาค้าขายเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุดต้องเคลื่อนออกไป ซึ่งเงื่อนไขสำคัญส่วนหนึ่งของการที่จะทำให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติคือการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครอบคลุมมากที่สุด

แต่การฉีดวัคซีนก็ยังเดินหน้าไปเรื่อยๆ เฉลี่ยวันละ 1 แสนโดส ยกเว้นวันที่ 24 ก.ย. วันมหิดลที่ผ่านมาที่ทางราชการฉีดวัคซีนได้มากกว่า 1 ล้านโดสตามเป้าหมายในวันเดียว ซึ่งแสดงว่าการบริหารจัดการสาธารณสุขไทย มีศักยภาพสามารถฉีดวัคซีนวันละมากกว่าล้านโดสได้ 

“โฆษกรัฐบาล” เผย เยียวยานักเรียน คืบ จ่ายเกือบ11ล้านคน ด้าน ศธ.-สธ.เตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้า การเยียวยานักเรียนและลดผลกระทบทางการศึกษา ให้กับสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครอง โดยเยียวยานักเรียนทุกคน ทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564  โดยจ่ายเงินเยียวยาครอบคลุมเด็กนักเรียนทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วทั้งสิ้น 10,952,000 ล้านคน จากเป้าหมาย 11 ล้านคน คิดเป็น 87.80เปอร์เซ็นต์  โดยโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับทั้งหมด 97.75 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือได้ทยอยดำเนินการส่งมอบต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการช่วยลดภาระค่าใช้ผู้ปกครองในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้

“บิ๊กตู่”ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมชัยภูมิ วันนี้ สั่งปรับแผนจัดการน้ำให้เหมาะกับสถานการณ์    ขณะที่ สทนช. ยืนยันสถานการณ์น้ำต่างจากปี 2554 ระดับน้ำตอนบนของประเทศต่ำกว่าร้อยละ 50 ขณะที่กรมชลประทานปรับแผนเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงสายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดเดินทางไปจังหวัดชัยภูมิ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน เนื่องจากมวลน้ำป่าไหลหลากมาจากเทือกเขาภูแลนคา และน้ำล้นตลิ่งจากมวลน้ำจากลำแม่น้ำชี ส่งผลให้น้ำหนุนเข้าในพื้นที่ 16 อำเภอ และได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและคณะรับฟังรายงานสรุปจากผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย อ.เมืองชัยภูมิ ณ ตลาดสดเทศบาลเมือง และจะเดินทางต่อ เพื่อไปให้กำลังใจบุคลากรโรงพยาบาลและมอบสิ่งของที่จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลชัยภูมิ  จากนั้น จะรับฟังรายงานจากนายอำเภอจตุรัสและผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดชัยภูมิ เพื่อเร่งการระบายน้ำ และเตรียมแผนป้องกันหากยังมีฝนตกต่อเนื่อง พร้อมมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอำเภอจตุรัส ขณะนี้มีน้ำท่วมขังและระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และไหลท่วมเข้ามายังพื้นที่เศรษฐกิจบางส่วนแล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้บูรณาการแผนบริหารจัดการน้ำวโดยการทำงานอย่างต่อเนื่องซึ่งได้มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 กำหนด 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2564 เพื่อทุกส่วนราชการทุกระดับ เตรียมความพร้อมในการรับมือและป้องกัน เพื่อลดความเสียหายจากการเกิดภัยพิบัติในฤดูฝนนี้  สถานการณ์น้ำขณะนี้ยังแตกต่างจากอดีต โดยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  ยืนยันว่าขณะนี้ น้ำบริเวณตอนบนของประเทศอยู่ในระดับต่ำน้อยกว่าร้อยละ 50 ประกอบกับสถานการณ์อุทกภัยขณะนี้เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ตกเกิน 90 มิลลิเมตร/วัน พ้องกับระดับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงสิ้นเดือนกันยายนเท่านั้น

จัดระเบียบครั้งใหญ่!! เกาหลีใต้ สั่งปรับ Google เป็นเงิน 5,800 ล้านบาท | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

จัดระเบียบครั้งใหญ่!
คณะกรรมการป้องกันการผูกขาดของเกาหลีใต้  
สั่งปรับ Google เป็นเงิน 5,800 ล้านบาท

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ​ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

'ชวน' เผยยื่นร่างแก้ไข ‘รัฐธรรมนูญ-บัตร 2 ใบ’ ให้นายกฯ แล้ว ชี้หมอวรงค์ ยื่นทบทวน แค่เรื่องส่วนตัว

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่ผ่านการประชุมร่วมรัฐสภาในวาระ 3 ให้นายกรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 64 หลังจากครบกำหนด 15 วันที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 จากที่ประชุมรัฐสภา โดยไม่มี ส.ส. เข้าชื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

อย่างไรก็ตาม แม้ร่างรัฐธรรมนูญถึงมือนายกฯ แล้ว แต่นายกฯ มีเวลาพิจารณาช่วงหนึ่งในการพิจารณาตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกันในกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่องการเลือกตั้งจากบัตรหนึ่งใบไปสู่บัตรสองใบ ซึ่งอาจเป็นการทำลายสิทธิของประชาชนและเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้ง และขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้น นายชวน เผยว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่กระบวนการของสภาฯ ถือว่า ทำตามกรอบกฎหมายแล้ว หลังจากนี้เป็นภารกิจของรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ครม.ถกภาษีบุหรี่​ "ชัยวุฒิ" ชงไอเดีย ดัน "บุหรี่ไอคอส" ถูกกม. หลังพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันหลังให้ "บุหรี่มวน" จนเก็บภาษีต่ำเป้า ยกตัวอย่างยุโรป-ญี่ปุ่น เดินหน้าปรับตัว ไม่ฝืนธรรมชาติ​ ด้าน นายกฯเบรก อ้าง "หมอ" บอก ยังอันตราย 

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ระหว่างการพิจารณาโครงสร้างภาษีบุหรี่​ ช่วงหนึ่งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิดัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุมว่า​ ควรพิจารณาให้บุหรี่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไอคอส ถูกกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคบุหรี่มวนลดลง หันไปบริโภคบุหรี่รูปแบบใหม่ๆ ส่งผลให้จัดเก็บภาษีของรัฐน้อยลงตามไปด้วย และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในประเทศ ก็ได้รับผลกระทบจากราคาใบยาสูบตกต่ำ ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายชดเชยช่วยเหลือ อีกทั้ง โครงสร้างภาษีของไทย ทำให้บุหรี่ไทยหลายยี่ห้อที่โรงงานยาสูบผลิตและจำหน่ายในประเทศ ราคาสูงกว่ายี่ห้อต่างประเทศที่นำเข้ามาค่อนข้างมาก ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงหันไปสูบบุหรี่ต่างประเทศ ตรงนี้ทำให้โรงงานยาสูบขาดทุน และบุหรี่ไทยจะตาย 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายชัยวุฒิ ได้นำเสนอที่ประชุมด้วยว่า หากทำให้บุหรี่ไอคอสถูกกฎหมาย จะช่วยลดการขาดทุนของโรงงานยาสูบ เป็นการช่วยเกษตรผู้ปลูกใบยาสูบ​ รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชยอีกต่อไป และจะทำให้รัฐจัดเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคบุหรี่ประเภทนี้เป็นจำนวนมาก และในอนาคตอาจมีการตั้งโรงงาน​ เพื่อส่งออก​ เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรใบยาสูบด้วย

ครม.เห็นชอบ บริหารแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ขยายเวลาขึ้นทะเบียน อยู่ไทยได้ถึง ก.พ. 66 พร้อมเคาะร่างพ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินในกทม.เดินหน้าสร้างสะพานเกียกกายลดปัญหาจราจร ไฟเขียว แผนก่อหนี้ใหม่ปีหน้า อีก 1.34 ล้านล.

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ 1.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติผิดกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย และ 2.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ดำเนินการขออนุญาตทำงานตามมติครมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค 63 แต่กระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้ 1.กลุ่มแรงงานผิดกฎหมาย ที่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและให้ทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยนายจ้างต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ซึ่งจะสามารถทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 28 ก.พ.2566 ให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตรวจโรคต้องห้าม และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล ภายในวันที่ 31 มี.ค. 2565 หากไม่ดำเนินการดังกล่าว การอนุญาตทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง 
เมื่อแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตรวจโรคต้องห้าม และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ให้ดำเนินการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ภายในวันที่ 1 ส.ค.2565 ซึ่งจะอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ได้ถึง 13 ก.พ. 2566 หากไม่ดำเนินการจะอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 1 ส.ค. 2565

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 2.กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ รัฐขยายระยะเวลาการยื่นคำขออนุญาตทำงาน จากภายในวันที่ 16 มิ.ย. 2564 เป็นภายในวันที่ 13 ก.ย. 2564 ให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2565 หากแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวต้องการจะทำงานในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 28 ก.พ. 2566 ต้องดำเนินการตรวจโรคต้องห้ามภายในวันที่ 18 ต.ค. 2564 และปรับปรุงทะเบียนประวัติภายในวันที่ 31 มี.ค. 2565

นอกจากนี้น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 

โดยสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย เชื่อมต่อกับการสร้างและขยายถนน เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนให้ถูกต้องและชัดเจน โดยที่ดินที่จะเวนคืนมีส่วนแคบที่สุด 50 เมตร และส่วนที่กว้างที่สุด 1,250 เมตร ลักษณะของโครงการเป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย ตามแนวถนนทหาร ซึ่งกรุงเทพมหานคร(กทม.)พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พร้อมทั้งได้ปรับรูปแบบสะพานเกียกกายไม่ให้กระทบพื้นที่รัฐสภาแห่งใหม่ สะพานมีความยาว 320 เมตร 6 ช่องจราจร เชื่อมต่อฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมา กทม. จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วรวม 4 ครั้ง พร้อมจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในกรณีพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในระยะทาง 2 กิโลเมตร เรียบร้อยแล้ว เมื่อสะพานเกียกกายและถนนเชื่อมต่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะรองรับปริมาณการสัญจรที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่โดยรอบรัฐสถาแห่งใหม่ ได้ประมาณ 1แสนคันต่อวัน จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายเส้นทางคมนาคมในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนบน

ครม. ไฟเขียว 3.8 พันล้านบาท ให้ “กรมราชทัณฑ์”เหตุค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขังไม่เพียงพอ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 3,810 ล้านบาท ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ เนื่องจากค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ระบุว่ากรมราชทัณฑ์ ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ไม่เพียงพอต่อการเบิกจ่ายจริง ทำให้ยังคงมีหนี้ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน 3,810 ล้านบาท ซึ่งการมีหนี้ค้างชำระดังกล่าวเป็นเวลานาน จะสร้างความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจกับผู้ขาย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของส่วนราชการ กรมราชทัณฑ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top