Saturday, 27 April 2024
POLITICS

‘บิ๊กตู่’ เรียกประชุม ศบค.ด่วนพรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ลือหึ่ง ขอความร่วมมือปิดห้าง พิจารณาเรื่องการล็อกดาวน์ หากตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานถึงหลักหมื่น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แจ้งว่าจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกวัน ส่งผลให้มีกระแสข่าว แพร่สะพัดเรื่องการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ รวมถึงการประกาศเคอร์ฟิวส์มาใช้อีกครั้ง ทำให้พ่อค้า แม่ค้าตื่นตระหนก ว่าสถานการณ์จะต้องกลับไปเหมือนเดิมอีกครั้ง คือต้องหยุดกิจการ ร้านค้าอีก ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวเตรียมความพร้อมในการปรับวิถีชีวิต รวมกันทั้งเริ่มมีการตุนเสบียงอาหารสดกัน

ล่าสุดมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เรียกประชุมด่วนศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ผ่านระบบ Video Conference เพื่อประเมินสถานการณ์ และคาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องล็อกดาวน์ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 13 ก.ค ทันที โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการพิจารณาในส่วนของห้างสรรพสินค้าที่อาจจะขอความร่วมมือให้ปิดบริการระยะหนึ่ง

ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบตามปกติ เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงเดินทางมาเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ที่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันไป


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กป้อม”โยน รอฟังศบค.เคาะ “ล็อก? ไม่ล็อกดาวน์”

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากเวลานี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตสูงต่อเนื่อง ว่า"รอประชุมๆ" เมื่อถามว่าจะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. ในวันที่ 9 ก.ค.นี้เลยหรือไม่ พล.อ.กล่าวว่า "ก็ไม่รู้"  ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีแนวโน้มจะล็อกดาวน์ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายศีรษะก่อนจะเหลียวมามองผู้สื่อข่าว และกล่าวว่า "ก็ไม่รู้" 

“บิ๊กตู่”เรียกประชุม ศบค.ด่วนพรุ่งนี้ 10 โมงเช้า “ลือหึ่ง” ขอความร่วมมือปิดห้าง พิจารณาเรื่องการล็อกดาวน์ หากตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานถึงหลักหมื่น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด 19 หรือ ศบค.แจ้งว่าจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกวัน ส่งผลให้มีกระแสข่าว แพร่สะพัดเรื่องการประกาศล็อคดาวน์ประเทศ รวมถึงการประกาศเคอร์ฟิวส์ มาใช้อีกครั้ง ทำให้พ่อค้า แม่ค้าตื่นตระหนก ว่าสถานการณ์จะต้องกลับไปเหมือนเดิมอีกครั้ง คือต้องหยุดกิจการ ร้านค้าอีก ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวเตรียมความพร้อมในการปรับวิถีชีวิต รวมกันทั้งเริ่มมีการตุนเสบียงอาหารสดกัน 

ล่าสุดมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เรียกประชุมด่วนศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) 
ผ่านระบบ Video Conference เพื่อประเมินสถานการณ์ และคาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องล็อคดาวน์ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 13 ก.ค ทันที โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการพิจารณาในส่วนของห้างสรรพสินค้าที่อาจจะขอความร่วมมือให้ปิดบริการระยะหนึ่ง

ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบตามปกติ เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงเดินทางมาเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล  พร้อมกัน 

“สนธิญา” ร้อง กกต.ยุบเพื่อไทย กรณีให้ข้อมูลเท็จ  สร้างความเข้าใจเรื่องวัคซีนโควิดไม่ถูกต้อง ผิด ม.45 กม.พรรคการเมือง  

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสนธิญา  สวัสดี เดินทางมายื่นหนังสือต่อกกต. เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย จากการกระทำการที่ฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560  มาตรา 45  ของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย 3 คน ที่กระทำผิดมาตรา 45  และเป็นไปตามบทกำหนดโทษ ในมาตรา 92  (3) และ(4)  โดยขอให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิทางด้านการเมืองของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งหมด  

นายสนธิญา กล่าวว่า การแถลงข่าวของ 3 คน  ประกอบด้วยการแถลงข่าวของ  น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย  ที่ระบุถึงวัคซีนแอสต้าเซเนก้าว่าขยะเขาคือสมบัติของเราในการแถลงข่าว ว่าวัคซีนแอสต้าเซนเนก้า ต่างประเทศเขาไม่ใช้แล้ว เป็นขยะที่เขาไม่รับ  แต่ทั้งที่วัคซีนแอสต้าเซนเนก้ายังเป็นวัคซีนหลักของประเทศเรา ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนไปแจ้ง ปอท.แล้ว  ซึ่งในเรื่องนี้ทางกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ระบุว่าวัคซีนแอสต้าเซเนก้า  มีคนจองมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมากว่า 3 พัน 9 ล้านโดส   การที่โฆษกพรรคเพื่อไทยแถลง ถือเป็นการใช้ความเท็จ ขัดต่อ  พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อร้ายแรง  ทำให้ประชาชนเกิดความกลัวในการที่จะไปฉีดวัคซีน

การแถลงของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานะหนี้ของประเทศ 9 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนร้อยละ 60  แต่จาการแถลงของกระทรวงการคลังระบุว่าหนีสาธารณะของประเทศไทยอยู่ที่ 8.8 ล้านล้านบาท และหนี้ครัวเรือนร้อยละ 8.1 การที่นายพิชัยพูด ที่พบว่าหนี้อีกกว่า 1 ล้านล้านบาท  เอามาจากไหน  เพราะอย่าลืมว่า 1 ล้านล้านบาทเท่ากับ ร้อยละ 40 ของรายจ่ายประเทศไทยทั้งประเทศ 1 ปี  การแถลงไม่ตรงกับความเป็นจริง ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้จึงถือว่าเป็นการก่อกวน ทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยในประเทศ  

และการที่นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด  แถลงว่ารัฐบาลชุดนี้จะปราบโกง  แต่พบพวกตัวเองโกงมากกว่าอีก  จึงขอถามกลับไปที่นายอนุสรณ์ว่าที่เคยแถลงมาเคยไปฟ้อง ไปร้อง ป.ป.ช หรือหน่วยงานไหนหรือไม่   หากพบทุจริตจะต้องไปร้องกับหน่วยงานต่างๆ ทุกแห่งอย่างที่ตนทำ  ไปร้องจนนายกฯอยู่ประเทศไทยไม่ได้เหมือนนายกฯทักษิณ และ นายกฯยิ่งลักษณ์  แต่เรื่องที่แถลงไม่เคยเห็นนำไปสู่การแจ้งความหรือดำเนินคดี  รวมทั้งข้อมูลการอภิปรายในสภาฯ ก็ไม่สามารถนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลได้ 
เพราะฉะนั้นการแถลงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งการแถลงของทั้ง 3 คน ที่แถลงในนามนักการเมืองและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา  45   และบทลงโทษตาม มาตรา 92  กกต.พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค   และในเรื่องลักษณะเช่นนี้จะใช้ตรวจสอบพรรคก้าวไกลต่อไปที่ให้ข้อมูลเท็จ   

นายสนธิญา  ยังเรียกร้องทุกพรรค ทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.โรคติดต่อ การจะให้ข้อมูลไปสู่ประชาชนน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์  และเมื่อ 2 วันที่แล้วตนยังไปฉีดแอสต้าเซนเนก้า สิ่งเล่านี้อยากให้การแถลงข่าวเป็นประโยชน์ประชาชน อย่าก่อกวน แต่อ้างรัฐธรรมนูญให้สิทธิ 

“วันนี้การกระทำนั้นเป็นการก่อกวน แล้วทำให้ประชาชนคนไทย ไม่สงบเรียบร้อย และบางส่วนจึงเป็นที่มาของการไม่เข้าไปฉีดวัคซีน และเรียกร้องวัคซีนใหม่ แต่วัคซีนทุกๆตัวก็ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และผ่าน อย. และกรมการแพทย์ เพื่อให้เป็นวัคซีนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน  ซึ่งผมก็ฉีดมาแล้ว ไม่มีผลกระทบ หรือฟี๊ดแบ๊คใดๆ”  นายสนธิญา กล่าว

“ชวน” เมิน ล็อกดาวน์สภา รอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้มีการล็อกดาวน์สภา ว่า ตนได้ไปเยี่ยมห้องอนุกรรมาธิการงบประมาณ 2565 พบว่ามีข้าราชการมารอชี้แจงจำนวนมาก ซึ่งก็น่าเป็นห่วงจึงมอบหมายให้เลขาสภาผู้แทนราษฎรไปติดตามเรื่องนี้ พร้อมกำชับว่าผู้ที่มาชี้แจงหรือผู้ติดตามให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสภาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงได้แต่ย้ำให้ระมัดระวัง รวมถึงสื่อมวลชนก็จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่าสภาผู้แทนราษฎรยังเดินหน้าการประชุมใช่หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า มีการประชุมตามปกติแต่จะมีปัญหาอยู่หนึ่งเรื่องคือ การประชุมกฎหมายที่ค้างอยู่ เช่น พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จซึ่งก็จะนำไปหารือกับทุกฝ่าย ทั้งวุฒิสภา รัฐบาล และฝ่ายค้านว่าจะพร้อมในช่วงใด เพื่อขอเวลา 1 วัน ในการพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพราะมีผู้รอใช้กฎหมายอยู่

เมื่อถามว่าศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำลังพิจารณาให้มีการล็อกดาวน์กทม. นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้จะพิจารณาเป็นระยะไป ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ที่วัคซีนไม่สามารถกระจายได้ทั่วประเทศ ตนจึงบอกตลอดว่าพวกเราต้องปฏิบัติตามมาตราการอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและลดจำนวนผู้ติดเชื้อ เพื่อลดภาระให้กลุ่มด่านหน้า แพทย์ และพยาบาล

เมื่อถามถึงการเสนอให้ตรวจสวอปบุคลากรในสภา นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่ได้มอบให้เลขาสภาฯ ไปประเมินว่ามีความจำเป็นหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สิระ’ ตื่นมาน้ำตาไหล เห็นข่าวคนตายจากโควิดเพิ่ม เสนอ ล็อกดาวน์สภา เหตุเป็นที่รวมคนหมู่มากในการประชุม หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์การคนติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ตนตื่นขึ้นมาเห็นข่าวคนไทยมีผู้ติดโควิด-19 7 พันกว่าราย เสียชีวิต 75 ราย ตนในฐานะผู้แทนราษฎรตื่นมาน้ำตาไหล เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ไม่ได้รับการเข้าถึงสาธารณสุขใช่หรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่ศบค.ต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะบริหารเรื่องนี้อย่างไร จะประกาศล็อกดาวน์หรือไม่ หากไม่ล็อกดาวน์มีเหตุผลอะไร จะยับยั้งความสูญเสียของประชาชนคนไทยได้อย่างไรบ้าง ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ต้องเกรงใจใคร เมื่อคืนนี้มีคนไปนอนรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่ 21.00 น. เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ ปล่อยให้คนไทยไปนอนรอกว่าจะได้ตรวจไม่รู้กี่โมง และวันนี้จะได้ตรวจหรือไม่ สภาผู้แทนราษฎรก็ได้ผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้วก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

‘ผมขอเสนอให้ล็อกดาวน์สถานที่แห่งแรกควรจะเป็นที่รัฐสภา เพราะมีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาจำนวนมาก จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่หรือไม่ เอาแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาก็เพียงพอ ที่ผ่านมาวิป 3 ฝ่าย มีข้อสรุปแล้วว่าให้งดประชุม โดยให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบประมาณ แต่เมื่อวานนี้ก็มีกมธ.บางคณะที่ประชุมอยู่ วันนี้ก็ยังมีอีกที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่ประชุมจะสร้างความเสียหายถึงล่มสลายหรือไม่’ นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่าสำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ของวันนี้ มีอะไรอยากฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า นายอนุทินตนไม่ฝาก เพราะมีคนไปหาที่กระทรวงหลายคณะแล้ว การเป็นสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้บริหารต้องฟังเสียงประชาชน และนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลและตัดสินใจบริหารประเทศ

เมื่อถามว่าล็อกดาวน์ที่สภาหมายความว่าอย่างไร นายสิระ กล่าวว่า หากไม่มีญัตติที่สำคัญและหากเว้นการประชุมไปสัก 2-3 สัปดาห์แล้วไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็เลื่อนประชุม แต่กมธ.งบประมาณมีเวลาจำกัดอยู่แล้วก็ให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบ 65 ก็เพียงพอ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีความเห็นให้ ส.ส. ส.ว. สละเงินเดือนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน นายสิระ กล่าวว่า ตนเห็นด้วย และกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตนกับเพื่อน ๆ ได้รวบรวมเงินก้อนหนึ่ง โดยจะไปติดต่อบริษัทที่นำเข้าวัคซีนเพื่อขอซื้อวัคซีนทางเลือกเหมือนที่โรงพยาบาลเอกชนนำเข้า ซึ่งจะนำมาฉีดให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กป้อม’เร่งแก้ปัญหาจราจร เห็นชอบโครงการก่อสร้าง"สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แยกเกียกกาย"  มุ่งเลี่ยงผลกระทบ/เสริมภูมิทัศน์ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ครั้งที่ 1/2564  โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มท. เข้าร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ  ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ซึ่งกทม.ได้ดำเนินโครงการ โดยทำการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียด พร้อมรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน และจากประชาชนแล้ว  เนื่องจากปัจจุบัน กทม.มีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 สะพาน มีผู้ใช้ยวดยาน วันละประมาณ 8 แสนคันในชั่วโมงเร่งด่วนเวลาเช้า มีความต้องการเดินทางมากถึง 36,000 คัน/ชั่วโมง แต่ความจุสะพานรองรับได้เพียง 30,000 คัน/ชั่วโมง ทำให้ปริมาณการจราจรที่ต้องการสัญจร เกินความจุของสะพานที่จะรองรับได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็น ที่จะต้องสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มเติม ซึ่งสะพานดังกล่าว นับเป็น 1 ใน 8 โครงการของการพิจารณาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพการจราจร และรองรับการเข้า-ออก อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยจะสามารถช่วยให้การจราจรในภาพรวมมีความคล่องตัว มากยิ่งขึ้น

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณา เห็นชอบการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ซึ่ง กทม.ได้เสนอรูปแบบการก่อสร้าง(ทางเลือกที่ 1) โดยคำนึงถึงความพยายามหลีกเลี่ยงการบดบังความสง่างาม และส่งเสริมภูมิทัศน์ ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมปฏิบัติตามผลการศึกษาในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญเร่งด่วน ลำดับแรก ของรัฐบาล เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการจราจร/การขนส่ง ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จึงกำชับให้ กทม.เร่งนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน ต่อไป

"สิระ" ตื่นมาน้ำตาไหล เห็นข่าวคนตายจากโควิดเพิ่ม เสนอ ล็อกดาวน์สภา เหตุเป็นที่รวมคนหมู่มากในการประชุม หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์การคนติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ตนตื่นขึ้นมาเห็นข่าวคนไทยมีผู้ติดโควิด-19 7 พันกว่าราย เสียชีวิต 75 ราย ตนในฐานะผู้แทนราษฎรตื่นมาน้ำตาไหล เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ไม่ได้รับการเข้าถึงสาธารณสุขใช่หรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่ศบค.ต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะบริหารเรื่องนี้อย่างไร จะประกาศล็อกดาวน์หรือไม่ หากไม่ล็อกดาวน์มีเหตุผลอะไร จะยับยั้งความสูญเสียของประชาชนคนไทยได้อย่างไรบ้าง ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ต้องเกรงใจใคร เมื่อคืนนี้มีคนไปนอนรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามตั้งแต่ 21.00 น. เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ ปล่อยให้คนไทยไปนอนรอกว่าจะได้ตรวจไม่รู้กี่โมงและวันนี้จะได้ตรวจหรือไม่ สภาผู้แทนราษฎรก็ได้ผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้วก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 

"ผมขอเสนอให้ล็อกดาวน์สถานที่แห่งแรกควรจะเป็นที่รัฐสภา เพราะมีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาจำนวนมาก จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่หรือไม่ เอาแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาก็เพียงพอ ที่ผ่านมาวิป 3 ฝ่ายมีข้อสรุปแล้วว่าให้งดประชุม โดยให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบประมาณ แต่เมื่อวานนี้ก็มีกมธ.บางคณะที่ประชุมอยู่ วันนี้ก็ยังมีอีกที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่ประชุมจะสร้างความเสียหายถึงล่มสลายหรือไม่" นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่าสำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19ของวันนี้ มีอะไรอยากฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า นายอนุทินตนไม่ฝาก เพราะมีคนไปหาที่กระทรวงหลายคณะแล้ว การเป็นสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้บริหารต้องฟังเสียงประชาชน และนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลและตัดสินใจบริหารประเทศ

เมื่อถามว่าล็อกดาวน์ที่สภาหมายความว่าอย่างไร นายสิระ กล่าวว่า หากไม่มีญัตติที่สำคัญและหากเว้นการประชุมไปสัก 2-3 สัปดาห์แล้วไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็เลื่อนประชุม แต่กมธ.งบประมาณมีเวลาจำกัดอยู่แล้วก็ให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบ65 ก็เพียงพอ 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีความเห็นให้ส.ส.-ส.ว.สละเงินเดือนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน นายสิระ กล่าวว่า ตนเห็นด้วย และกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตนกับเพื่อนๆ ได้รวบรวมเงินก้อนหนึ่งโดยจะไปติดต่อบริษัทที่นำเข้าวัคซีนเพื่อขอซื้อวัคซีนทางเลือกเหมือนที่โรงพยาบาลเอกชนนำเข้า ซึ่งจะนำมาฉีดให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด 

“รัฐบาล”แนะ ปชช. เช็คประกาศที่ดินผ่านอินเตอร์เน็ต ชี้ เพื่อรักษาสิทธิฯ-อำนวยความสะดวก

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำประกาศที่ดิน ว่า กระทรวงมหาดไทย รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรับทราบการจัดทำระบบเผยแพร่ประกาศสำนักงานที่ดินเพื่อการรักษาสิทธิในที่ดินของประชาชนผ่านอินเตอร์เน็ต ที่เป็นระบบให้ประชาชนสามารถค้นหาเรียกดูประกาศสำนักงานที่ดินทั่วประเทศ เกี่ยวกับงานจดทะเบียนสิทธิและนิติบุคคลบางประเภทที่กฎหมายกำหนดว่าต้องประกาศก่อนจดทะเบียน เช่น กรณีของมรดก ใบแทน ออกโฉนดที่ดิน รังวัดข้างเคียง การจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร อาคารโรงเรือน การจดทะเบียนอาคารชุด เป็นต้น 

ทั้งนี้ประกาศผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นการเพิ่มช่องทางการรับรู้และการเข้าถึงประกาศของสำนักงานที่ดินซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้ามาใช้บริการระบบเพื่อรักษาสิทธิในที่ดิน โดยสามารถใช้บริการผ่าน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ http://announce.dol.go.th หรือเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Smart Lands คลิกเมนูค้นหาประกาศที่ดิน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการใช้งานเมื่อเข้าไปในระบบแล้ว ให้เลือกจังหวัด เลือกสำนักงานที่ดินที่ต้องการ และเลือกประเภทประกาศ จากนั้นกดค้นหา เพียงเท่านี้ประชาชนก็สามารถตรวจสอบประกาศของสำนักงานที่ดินทั่วประเทศได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อเข้าไปดูประกาศของสำนักงานที่ดินด้วยตนเอง ช่วยประหยัด ลดการลดทาง ลดความเสี่ยงในช่วงที่เชื้อโควิด-19 ยังแพร่ระบาดด้วย ระบบดังกล่าวนอกจากกระเพิ่มความสะดวกและลดภาระให้กับประชาชน ภาครัฐ และภาคธุรกิจ เช่น ธนาคาร ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังตรวจสอบประกาศเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือการจัดตั้งนิติบุคคลได้โดยสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจด้วย นอกจากนี้ ยังจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้คะแนนเพื่อการจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจของเอกชน ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สินของประเทศให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากสิ่งที่กรมที่ดินพัฒนานี้จะเพิ่มความโปร่งใสมากขึ้น จากเดิมที่การประกาศจะปิดไว้เฉพาะที่สำนักงานที่ดินเท่านั้นนำมาประกาศเพิ่มในช่องทางอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงง่ายโดยสะดวก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สถานะการเข้าใช้บริการระบบอินเตอร์เน็ต นับแต่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 พบว่า ณ สิ้นปี 2563 มีประชาชนเข้าใช้ระบบจำนวน 115,248 ครั้ง และในปี 2564 วันที่ 7 มิ.ย. 2564 มีผู้เข้าใช้ระบบ 127,073 ครั้ง รวมตั้งแต่เปิดให้บริการมีประชาชนเข้าใช้งานระบบแล้ว 242,321 ครั้ง จำนวนประกาศที่นำขึ้นประกาศในระบบ ทั้งสิ้น 163,631 ฉบับ แยกเป็นประกาศอยู่ในสถานนะระหว่างประกาศ 11,380 ฉบับ และประกาศที่มีสถานะครบระยะเวลาประกาศ 30 วันแล้ว 152,251 ฉบับ

‘พิธา’ ร่วมแต่งดำ รับหนังสือ ‘หมอไม่ทน’ ขอบคุณทุกบุคลากรด่านหน้า ยกเป็นปราการด่านสุดท้ายยามสังคมสิ้นหวัง จี้ รัฐบาลให้ความสำคัญ ‘ระบบสาธารณสุข’ อย่าปล่อยให้ล่มสลาย ตอกย้ำชัด สถานการณ์ความมั่นคงเปลี่ยนแล้ว เหตุใด กำลังพล-อาวุธ ยังมากกว่า พยาบาล-วัคซีน

วันที่ 7 ก.ค. 64 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนบุคลากรสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน แต่งชุดดำพร้อมนำรายชื่อกว่า 215,409 คน ที่รวบรวมจากภาคประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องผ่านพรรคก้าวไกลไปยังรัฐบาลและองค์การเภสัชกรรมให้เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA พร้อมกับต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า ลำดับแรกต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณะสุขกว่า 300,000 ชีวิตที่ดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงพวกเราในช่วงกว่า 400 วันที่ผ่านมาที่มีวิกฤติโควิด พวกท่านเป็นหัวใจสำคัญ เป็นลมหายใจของระบบสาธารณสุข เป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยในช่วงที่พวกเราสิ้นหวังและเป็นฮีโร่ตัวจริงในยามที่ประเทศไม่มีความหวังเหลืออยู่

“แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ทราบดีว่าทุกท่านก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน และก็ไม่ได้อยากจะเป็นฮีโร่ เพียงแค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เป็นมนุษย์ที่มีความอดทน มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีขีดจำกัด มีลูกของตัวเอง มีเพื่อนของตัวเอง แต่ท่านต้องเสียสละเพื่อมาดูแลพ่อของผม แม่ของผม ลูกของผม เพื่อนของผม นี่เป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงในสังคมน้อยเกินไปมาก ผมจึงต้องขอคารวะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนที่ช่วยให้ประเทศไทยยังอยู่ได้ถึงตอนนี้”

พิธา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่พวกเราพอทำได้คือ การยืนยันว่าเสียงของทุกคน เสียงของกว่า 200,000 คน ที่รวบรวมมาครั้งนี้มีค่า เป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ทุกคนจะได้กำหนดวาระของตัวเองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ตอนนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ตาม แต่นอกเหนือจากข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรทางสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน คือเมื่อรัฐบาลมีแผนงานแล้วก็ควรต้องทำตามแผน ไม่ใช่ย้ายวัคซีนไปมาตามสถานการณ์ระลอกต่าง ๆ ดังที่ผ่านมา...

...สิ่งที่พรรคก้าวไกลเรียกร้องมาตลอด และจะขอเรียกร้องแทนหมออีกครั้งก็คือ วัคซีนชนิด mRNA ซึ่งตามแผนเดิมคือการกระจายวัคซีนไปให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก่อนเพื่อให้ระบบสาธารณสุขไม่ล่ม เพราะถ้าพวกเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาเป็นทั้งบุคกรด่านหน้า และปราการด่านสุดท้าย จึงไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นความเสียสละเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือพวกเราได้ในยามที่การจัดการวัคซีนล้มเหลวเกือบทุกมิติ...

...ขณะนี้ แม้มีความคืบหน้าเรื่องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่ก็ยังมีการนำเข้าวัคซีนชิโนแวคอีก 10 ล้านโดส และวัคซีนโมเดอร์นาที่องค์การเภสัชฯ จะเป็นตัวกลางการซื้อ แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้จนกว่าวัคซีนจะมาถึงประเทศไทยจริง ๆ"

“อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นห่วง คือแผนจัดเก็บและกระจายวัคซีนชนิด mRNA แน่นอนว่าวัคซีนชนิดนี้มีข้อดีหลายอย่าง แต่มีข้อเสียเรื่องการจัดเก็บที่อุณหภูมิ -70 ถึง -80 องศา ซึ่งเมื่อไปดูงบประมาณใน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีงบประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับเรื่องวัคซีนและทางการแพทย์ แต่มีงบประมาณซื้อตู้จัดเก็บวัคซีนเพียงตู้เดียวที่เก็บได้ -80 องศา มูลค่า 1.6 ล้านบาท จึงขอตั้งเป็นคำถามดัง ๆ ผ่านสื่อมวลชนไปยังรัฐบาลว่า เมื่อวัคซีนมาถึง การจัดเก็บและการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงได้เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว รัฐบาลหรือ ศบค.ต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะเคยมีปัญหาในการจัดเก็บ แม้แต่วัคซีนชิโนแวคก็ยังจัดเก็บจนกลายเป็นเจล ในฐานะ ส.ส. เราจึงมีความห่วงถึงการจัดเก็บวัคซีน mRNA”

ทั้งนี้ พิธา ยังกล่าวต่อไปว่า การมารับหนังสือครั้งนี้ ยังหวังไปไกลกว่าเรื่องวิกฤติโควิด เพราะคิดเสมอว่าความมั่นคงในอนาคตไม่ใช่ความมั่นคงทางทหาร แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุข ทางสิ่งแวดล้อม หรือทางมลพิษ ดังที่เห็นในสัปดาห์ที่ผ่านมา การดูแลบุคลากรทางสาธารณสุข ถ้ารัฐบาลนึกไม่ออกว่าจะต้องดูแลอย่างไร ก็ให้คิดว่าการดูแลให้เหมือนทหารทำอย่างไร ปกติแล้วไม่ชอบเปรียบเทียบแบบนี้ แต่คิดว่าคงเป็นคำพูดเดียวที่ท่านอาจจะเข้าใจ จึงต้องพูดแบบนี้

“หนึ่ง ดูว่าบุคลากรพร้อมหรือไม่ ในปีที่มีโควิดแบบนี้ มีทหาร 360,000 คน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 300,000 คน เป็นไปได้อย่างไรที่ทหารยังเยอะกว่าพยาบาลในช่วงที่ความท้าทายเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้...

...สอง เมื่อบุคลากรพร้อม อุปกรณ์ต้องพร้อม งบประมาณอาวุธและเครื่องมือทางการทหารปีนี้ 26,000 ล้านบาท แต่งบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ทางการแพทย์ มี 10,000 ล้านบาท งบประมาณทางการทหารยังเยอะกว่า เครื่องช่วยหายใจ อ็อกซิเจน อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อพยุงชีวิตประชาชน...

...สาม จำนวนวัคซีนกับกระสุน เป็นไปได้อย่างไรที่กระสุนมีมากกว่าวัคซีน เรื่องนี้ต้องเปลี่ยน อย่าให้กลับตาลปัดเพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขไม่ถูกกดดันอย่างที่เป็นทุกวันนี้

“ไม่ว่าท่านจะเป็นหมอ พยาบาล หรือผู้ที่อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ท่านอาจเป็นคนทำความสะอาดห้องผู้ป่วย ท่านอาจจะเป็นบุคลากรแผนกซักฟอกในโรงพยาบาล ท่านอาจจะเป็น อสม. หรือ อสต. หรือท่านอาจเป็นอาสาแรงงานต่างด้าว ท่านมีความหมายอย่างยิ่งต่อพวกผม และพรรคก้าวไกลเวลานี้อย่างมาก”

สำหรับข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทน ต่อรัฐบาล และองค์การเภสัชกรรม มี 2 ข้อ ได้แก่

1.) เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานให้กระชับ เร็วที่สุด และพิจารณาเป็นวัคซีนหลักในการควบคุมโควิดในประเทศไทย และนำมาใช้กับประชาชนทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวมีหลักฐานยืนยันว่ามีประสิทธิภาพที่สุด และสามารถควบคุมสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในขณะนี้ได้

2.) ต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหา และกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

 "พายุ เนื่องจำนงค์" ทีมงาน”จุรินทร์” โบกมือลาปชป. ซบพรรคกล้า

นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณะทำงานนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศลาออกจากคณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ หลังจากลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ขอกราบขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ให้ความเชื่อถือและมั่นใจแต่งตั้งผมเข้าเป็นคณะทำงานรองนายกฯ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ผมได้ทำงานและเรียนรู้จากท่านรองนายกฯอย่างใกล้ชิด และดีใจที่มีโอกาสกลับมาทำงานในฝ่ายบริหารประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากที่ต้องออกมาเพื่อมาดูแลธุรกิจครอบครัวเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว 

“วันนี้ผมได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง คณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่ได้ทำการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเลือกเส้นทางการเมืองที่เหมาะสมของตัวผมต่อไป ผมยังเคารพรักท่านรองนายกฯและมีความปรารถนาดีให้กับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รวมถึงผู้ใหญ่ทุกๆท่านในพรรคสำหรับความทรงจำและความรู้สึกที่ดีที่มีให้ต่อกันมาเสมอครับ" ทั้งนี้มีรายงานว่านายพายุ เข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าแล้ว

"ผบ.นทพ." ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงานและจุดควบคุมที่พักแรงงานในพื้นที่เขตลาดกระบัง

พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ได้ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงาน นทพ. พื้นที่เขตลาดกระบัง และร่วมประชุมทำความเข้าใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และมอบแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นางสาวเบญจพร  ศักดิ์เรืองแมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง, ผู้แทน กรมควบคุมโรค, ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า, ศูนย์บริการสาธารณสุข 46 กันตารัติอุทิศ, สน.ลาดกระบัง, สน.จระเข้น้อย, สน.ฉลองกรุง, สน.ร่มเกล้า, หน.ฝ่ายโยธา, หน.ฝ่ายเทศกิจ, เจ้าพนักงานสาธารณสุข และชุดเฉพาะกิจความมั่นคง กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เข้าร่วมประชุม

พร้อมนี้ได้ร่วมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชุดควบคุมแคมป์คนงาน ณ จุดควบคุมที่พักแรงงาน นทพ. ซึ่งเป็นกำลังพลที่ นทพ. จัดสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กทม. ในการดูแลควบคุมแคมป์คนงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดกำลังพลจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.1 นทพ.), สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สทพ.นทพ.) และสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) สนธิกำลังกับตำรวจ เทศกิจ และเจ้าหน้าที่เขตลาดกระบัง เข้าดูแลควบคุมแคมป์คนงานในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง จำนวน 12 แห่ง เพื่อควบคุมเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งประสานการปฏิบัติในการส่งผู้ป่วยติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่เสี่ยง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยพลการหรือหลบหนี ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และสั่งการของ พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วต่อไป

กมธ.ฯป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจงเหตุโรงงานกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง ไฟไหม้ 14 ก.ค.นี้  ชี้ เป็นเป็นเรื่องด่วน ต้องรีบช่วยเหลือ

ที่รัฐสภา นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ไฟไหม้และระเบิด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งบ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง และเมื่อวันที่ 6 ก.ค.เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตน้ำหอมที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังด้วย ทางกมธ.ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องหาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนกับผู้ประสบภัย โดยที่ประชุมเสนอแนวทางดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ 1.แจ้งเตือนข้อความผ่าน sms ในระยะที่เกิดสาธารณภัยให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบและอพยพหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 2.ถอดบทเรียนเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานที่มีการกักเก็บสารเคมีหรือวัตถุอันตรายใกล้ชุมชน และ 3.เปิดช่องทางให้ผู้ได้รับผลกระทบแจ้งปัญหาความเดือดร้อนมายังกมธ.ฯและ 4.แนวทางการให้ความช่วยเหลือและบัญชาการเหตุการณ์ของหน่วยงานภาครัฐ และ 5.การจัดลำดับทีมเข้าให้ความช่วยเหลือและเตรียมพร้อมเผชิญเหตุฉุกเฉิน 

นายกัญจน์พงศ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกมธ.ฯจะมีหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามความชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่งเรื่องมายังกมธ.ฯเพื่อติดตามและประสานงานเร่งรัดให้ความช่วยเหลือต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการประชุมกมธ.ฯวันที่ 14 ก.ค.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ว่าฯสมุทรปราการ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และอธิบดีกรมโรงงานและอุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้า 

ศบค.ชุดเล็ก-กทม. จ่อ เปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร รับตรวจหาเชื้อโควิด-19 สั่ง ตจว. ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง เฝ้าระวังเข้ม โดยให้คิดว่าสายพันธุ์เดลต้าเข้าพื้นที่นั้นแล้ว

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ ยังมีประชาชนที่ร้องเรียนจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถหาที่ตรวจเชื้อ โควิด-19 ได้ เพราะไปโรงพยาบาลแล้วไม่รับตรวจ ศบค. จะปรับแผนอย่างไรเพื่อให้ประชาชนได้รับการตรวจหาเขื้อ ว่า การตรวจทางห้องปฏิบัติการมีประชาชนจำนวนมากที่มีความสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่จึงต้องการเข้ารับการตรวจ แต่ก็ได้เห็นจากข่าวว่าหลายคนไปถึงโรงพยาบาลแล้วได้รับการปฏิเสธ ซึ่งในความจริงรัฐบาลไม่ได้ห้ามการตรวจหาเชื้อ ที่ประชุมพูดย้ำเสมอ และมีการทบทวนว่าแต่ละแล็ปนั้น จะต้องเป็นห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน ซึ่งหลายห้องปฎิบัติการทำได้มาตรฐานและแม่นยำ 

ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการตรวจยืนยันผลเป็นบวก แล้วไปที่การจัดการเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจัดหาเตียงได้ทันทีเพราะผลแล็ปที่ถือมานั้นถูกต้อง แต่ก็จะได้ยินกันบ่อยว่ามีลักษณะการตรวจที่เรียกว่า แรพิดเทสต์ ซึ่งบางทีผู้ป่วยถือผลแล็ปไปโรงพยาบาลจัดเตียงให้ไม่ได้ ต้องให้ไปตรวจซ้ำใหม่เพราะถือว่า แรพิดเทสต์นั้น ยังมีข้อจำกัดในการยืนยันการติดเชื้อ บางแห่งเป็นการตรวจแบบเจาะเลือดปลายนิ้วมือ หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีเชื้อปริมาณมากการตรวจแบบแรพิดเทสต์สามารถตรวจจับได้จริงว่าเป็นผลบวก แต่ก็พบว่าความไวของการตรวจแบบแรพิดเทสต์นั้นค่อนข้างต่ำ 

หมายความว่าบางทีผลออกมาลบแต่คนๆนั้นอาจเป็นผู้ติดเชื้อ แต่การตรวจแบบแรพิดเทสต์ งั้นตรวจไม่เจอ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้บอกไว้ว่า สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วย ฉุกเฉินจะต้องผ่าตัดเร่งด่วนหลายโรงพยาบาลก็ใช้การตรวจแบบแรพิดเทสต์เหมือนกัน หรือ กรณีคนที่มีอาการหรือมีเชื้อจำนวนมากตรวจแล้วเจอแน่ แรพิดเทสต์ ก็จะรายงานผลได้แม่นยำ แต่ยังมีความ เป็นห่วงว่าการที่ไม่อนุญาตให้บางแล็ปตรวจนั้น เป็นเพราะเริ่มมาตรฐานของการตรวจมากกว่า

ทุกโรงพยาบาลตอนนี้มีการรับตรวจแต่จะเน้นไปยังสองกลุ่มหลัก คือ ทุกโรงพยาบาลตรวจเป็นมาตรฐานในกลุ่มที่เตรียมการผ่าตัด การคลอดลูก ทำฟัน หรือจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เข้าห้องไอซียู แต่ละโรงพยาบาลมีมาตรฐานที่จะต้องตรวจกลุ่มนี้อยู่แล้ว

กลุ่มที่สองคือให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ถือได้ว่ามีประวัติเสี่ยงสูง เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น มีประวัติว่าสามีติดเชื้อเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วแจ้งประวัติกับบุคลากรทางการแพทย์ เขา ก็จะรับตรวจเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งการตรวจของโรงพยาบาลในสองกลุ่มนี้ตัวเลขอยู่ที่ 300-400 รายต่อวัน ถือว่าเป็นภาระหน้างานเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าคนที่วอล์คอินเข้าไปขอตรวจโดยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องผ่าตัดหรือไม่ได้มีประวัติเสี่ยงสูงใด ๆ บางครั้งโรงพยาบาลก็อาจจะบอกว่าขอให้สิทธิคิวกับผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องตรวจก่อน 

ที่ประชุมศบค.เล็กได้หารือกันว่าการที่กรุงเทพมหานครลงตรวจจะมีสองส่วนด้วยกันคือถ้าผู้ป่วยวอล์คอินเดินเข้ามาด้วยประวัติสัมผัสเสียงสูงกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันก่อนหน้านี้ พบว่าในจำนวนตรวจ 100 คน มี 90 คนเป็นผลบวก ถือว่าแม่นยำ 90% ขณะที่อีกส่วนหนึ่งทางกรุงเทพมหานครรายงานว่ามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่ตลาด โรงงาน เมื่อไปตั้งจุดตรวจตาม6กลุ่มเขต พบว่าอัตราการตรวจจับการระบาดในระบบเฝ้าระวัง พบผู้ติดเชื้อเพียง 10% ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงจะมีการปรับระบบการตรวจ คือเน้นย้ำไปในการค้นหาสองส่วนคือส่วนการระบาด และตรวจตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ เพื่อติดตามไปว่าอยู่ครอบครัวกับใครบ้าง ทำงานสัมผัสเสียงใกล้ชิดกับใครบ้าง แต่ประชาชนที่ไม่เข้าข่าย คือไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสียงสูง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แต่ต้องการตรวจเอง ในที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องนี้เหมือนกันว่าในระยะอันใกล้นี้จะเปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร เพื่อให้ไปตรวจได้ หากตรวจพบมีผลติดเชื้อก็จะมีการจัดการพิจารณาเป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง ก็จัดสรรไปยังศูนย์พักคอย 17 จุดของ กทม. และยังจะมีเพิ่มขึ้นอีก ส่วนสีแดง ก็หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลต่อไป จึงขอให้ติดตามข้อมูลในระยะนี้ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการตรวจหาเชื้อ และการจัดการเตียง หรือการแยกกักที่บ้านมาให้ติดตาม

ขอเน้นย้ำไปยังจังหวัดปลายทาง เพราะขณะนี้มีรายงานทุกวันว่าต่างจังหวัดมีการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น และในวันเดียวกันนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์เดลต้า จึงมีความเป็นไปได้ว่าแต่ละพื้นที่เหล่านั้นมีเดลต้าเข้าไปแล้ว ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังทีมสาธารณสุข มหาดไทย ในพื้นที่จังหวัดให้มีการเตรียมทีม และเตรียมพื้นที่รองรับ เตรียมเตียงรับ ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้เหมาะสมรวมทั้งทีมสอบสวนโรค ถ้าเจอหนึ่งคนจะต้องรีบตามไปว่าใครเป็นผู้ที่สัมผัสเสียงสูง และให้ประชาสัมพันธ์ต่อชุมชนนั้นเฝ้าระวังว่าขณะนี้มีบุคคลพื้นที่เสี่ยงเดินทางเข้ามาในพื้นที่พี่น้องประชาชนในละแวกนั้นจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังและพยายามที่จะเน้นย้ำมาตรการดูแลตนเอง เพื่อดูแลไปยังบุคลากรทางการแพทย์ด้วย

“วิษณุ” เผย “ผจว.-อปท.” ไม่ต้องมา เซ็นร่างงบ 65 ได้ ชี้ อยู่ที่สภาฯ ผ่อนสั้นผ่อนยาว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จากทั่วประเทศ ที่ต้องเดินทางเข้ากทม. เพื่อเซ็นลงนามในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สภาผู้แทนราษฎร แต่มีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีแผนรองรับหรือไม่ ว่า ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอย่างไร ส่วนวิธีการอื่นที่ไม่ต้องเดินทางมาเซ็นที่สภาฯสามารถทำได้ แต่กมธ. ไม่ยอมเท่านั้นเอง ตนก็ไม่รู้และไม่ทราบเรื่องว่ามาเซ็นอะไร แต่สามารถเซ็นผ่านทางช่องทางอื่นได้ เพราะไม่ได้ผิดข้อบังคับ หรือรัฐธรรมนูญ อยู่ที่จะผ่อนสั้นผ่อนยาวกันอย่างไร 
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top