Monday, 7 July 2025
POLITICS

“ประวิตร” ตรวจสถานการณ์น้ำ เมืองแปดริ้ว สั่ง ปรับปรุงเขื่อนทดน้ำบางปะกง ป้องน้ำเค็มรุก 

ที่ศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กนช.)พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผล มาตรการรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูฝนปี2564/2565ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออก และแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง 

โดยลุ่มน้ำบางปะกง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 1,571 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำปัจจุบัน 699 ล้าน ลบ.ม.ยังเพียงพอต่อการใช้ในพื้นที่ สำหรับปัญหาน้ำที่ผ่านมา มีทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง  ซึ่งกำลังได้รับการแก้ไขแล้วตามแผนงาน อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันมีปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำเพื่อการดำรงชีวิตของประชาชน และภาคการเกษตร ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า เร่งรัดการดำเนินงาน บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จากปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในการใช้น้ำอุปโภคบริโภค และผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำจืดมากขึ้น ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับภาคการลงทุนอีอีซี โดยบูรณาการร่วมกับทุกส่วนราชการ เพื่อขับเคลื่อนแผนหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว อย่างเป็นระบบให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดซ่อมแซมเขื่อนทดน้ำบางประกง ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นกลไกหลักควบคุม การป้องกันน้ำเค็มรุกให้เต็มประสิทธิภาพ และพร้อมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำและจากวิกฤตโควิด-19 ด้วย และพร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ 

12 หน่วยงานลงนามความเชื่อมโยงบริการสุขภาพคนไทย “บิ๊กตู่” ย้ำ คนไทยทุกคนต้องได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงและเที่ยงธรรม “ลั่น” เจ็บป่วยที่ไหนแพทย์สามารถตรวจสอบประวัติและทำการรักษาได้ทันท่วงที

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ"โครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล" กับ 12 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขไทย ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลและแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่เราต้องเร่งพัฒนาระบบบริการและการบริหารจัดการของประเทศในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการบริการสุขภาพประชาชนซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบบริการ จัดการ ระบบสาธารณสุขของประเทศคือเทคโนโลยีในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กเดต้า โดยการนำข้อมูลขนาดใหญ่ มาช่วยในการบริหารจัดการและการวิเคราะห์เพื่อพัฒนางานบริการจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ 

“ ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงกลาโหมกระทรวงการคลังกระทรวงแรงงานและในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้นำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพผ่านระบบ เฮลท์ลิ้งค์ (HealthLink)ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง ที่เข้าร่วมและสามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเจ็บป่วยไปรักษาที่ได้ แพทย์สามารถตรวจสอบประวัติการรักษาและให้การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เพิ่มมากขึ้น ขอขอบคุณคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันการปฏิรูประบบบริหารจัดการฐานข้อมูลและการสื่อสารของประเทศให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งหวังว่าระยะต่อไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันให้เกิด แพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างรากฐานระบบสาธารณสุขของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”นายกรัฐมนตรีกล่าว

"นายกฯ" ปฏิบัติตามมาตรการป้องโควิด ขั้นสูงสุด ชมหน่วยงานรัฐ-เอกชน จับมือ ฉีดวัคซีนฟรี ให้ปชช.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวย้ำว่าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ระดับอาการไม่รุนแรงแต่ขอทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ส่วนบุคคลขั้นสูงสุดและเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข้มกระตุ้นโดยเร็ว เพื่อลดอาการความรุนแรงจากการติดเชื้อและลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต พร้อมขอบคุณและชื่นชมขณะนี้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันสนับสนุนและสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยบริการฉีดวัคซีนฟรี ให้แก่ประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในการที่จะร่วมกันสร้างภูมิคุ้มหมู่ของประเทศให้มากขึ้น เช่น บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ร่วมกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ร่วมกันบริการฉีดวัคซีน “Moderna” ฟรี ให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 3,000 คน ภายใต้โครงการ “BEM ห่วงใย สู้ภัยโควิด-19”  

‘กรณ์’ ชี้!! คนรุ่นใหม่ อยากเห็นระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ไม่ทุ่มซื้อคุณภาพด้วยเงินล้าน - เรียนเรื่องไม่มีประโยชน์

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องการเติมพลังคนรุ่นใหม่ ว่า เมื่อคืนนี้ล้อมวงคุยนิสิตจุฬาฯ สนุกมากครับ แว่บเดียวเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง หลายคนเป็นสายเทค แทบทุกคนเป็นนักกิจกรรม บางคนเคยร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น

เราคุยกันถึงความเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นปรัชญาหลักของ พรรคกล้า – KLA Party ที่เน้นการยอมรับความหลากหลาย และการเคารพสิทธิของทุกคนในการเลือกวิธีใช้ชีวิต โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าจะ ‘ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น’

ผมบอกกับน้องๆ ว่า แต่ละพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องที่ต่างกัน เรามองว่าเรื่องที่ต้องมาก่อนคือเรื่อง #เศรษฐกิจปากท้อง โอกาสในการทำมาหากิน และโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัว เรา #ลงมือทำ ด้วยหลัก #ปฏิบัตินิยม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

และผมอธิบายอุดมการณ์ของพรรคที่ให้ความสำคัญกับ ชาติ ศาสนา และสถาบันกษัตริย์ ว่าหมายความว่าอย่างไร และเป็นเพราะอะไร

“บิ๊กตู่” ห่วงสุขอนามัยประชาชนในช่วงฤดูร้อน แนะบริโภคน้ำแข็ง-น้ำดื่มอย่างระมัดระวังปฏิบัติตามคำเตือนกรมอนามัย พร้อมสั่งคุมเข้มการลักลอบขนสัตว์เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดในสัตว์ 

วันที่ 18 มี.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในช่วงหน้าร้อนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนเนื่องจากสภาพอากาศร้อน เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่สามารถนำไปสู่โรคอาหารเป็นพิษได้หากบริโภคอย่างไม่ระมัดระวัง โดยแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัย บริโภคน้ำแข็งและน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย ส่วนการรับประทานอาหารให้ยึดหลัก สุก ร้อน สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถิติการเฝ้าระวังโรคในปี 2564 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยที่มีภาวะอาหารเป็นพิษจำนวนกว่า 53,540 ราย เสียชีวิต 1 ราย ชี้ให้เห็นถึงอัตราการเกิดโรคที่ยังสูง ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก สุก ร้อน สะอาด คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน เลือกซื้อวัตถุดิบที่สด และล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนปรุงประกอบและรับประทานอาหาร ซึ่งอาการอาหารเป็นพิษยังเกิดได้กับผู้ที่นิยมบริโภคน้ำดื่มหรือน้ำแข็งที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอีกด้วย โดยกรมอนามัยแนะนำให้เลือกน้ำแข็งหรือน้ำดื่ม จากแหล่งผลิตที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และน้ำแข็งที่มีคุณภาพ เมื่อละลายจะต้องใส ไม่มีตะกอนขาวขุ่น ๆ อยู่ก้นแก้ว สถานที่เก็บรักษาและภาชนะบรรจุภัณฑ์ต้องสะอาด ส่วนน้ำดื่ม ภาชนะบรรจุต้องปิดสนิท สะอาดทั้งภายในและภายนอก พลาสติกปิดรอบฝาปิดต้องอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด มีชื่อผู้ผลิต และสถานที่ผลิตชัดเจน เป็นต้น ซึ่งขอแนะนำประชาชนให้ใส่ใจเรื่องความสะอาด ถูกสุขลักษณะเพื่อลด และควบคุมอัตราการเกิดโรค

นายธนกร กล่าวว่า นอกจากความกังวลด้านโรคติดต่อในคนแล้ว โรคในสัตว์ยังเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญวางมาตรการอย่างเข้มงวดรัดกุม โดยนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานการลักลอบนำเข้าสินค้ามีชีวิตประเภทโค ผ่านเรือบรรทุกจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านสู่ประเทศไทยในเขตพื้นที่ชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการขนย้ายสัตว์ชนิดอื่นเข้า-ออกราชอาณาจักรแบบไม่มีใบอนุญาต ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ควบคุม บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งเพื่อดูแลพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัย เป็นไปตามกฎหมาย และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการกักกันสัตว์และโรคระบาดที่ส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรในภาคอุตสาหกรรมปศุสัตว์ 

'อภิชัย เตชะอุบล' ทิ้ง ปชป. ซบพลังประชารัฐ เล็งยื่นใบลาออก พร้อมเปิดตัวกับพรรคใหม่พรุ่งนี้

16 มี.ค. 65 นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยอมรับว่าเป็นความจริง โดยวันที่ 17 มี.ค. ในเวลา 09.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นจะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับเปิดตัวในเวลา 16.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัชดาวัน ถนนรัชดาภิเษก

ที่มา : https://www.thaipost.net/politics-news/105420/

“บิ๊กตู่” ห่วงใยสถานการณ์ความรุนแรงใต้ สั่งคุมเข้มความปลอดภัยประชาชนและให้การช่วยเหลือดูแลเจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตต่อเนื่องไป 

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ได้มีแสดงความเสียใจกับญาติและเจ้าหน้าที่ทหารพราน จากร้อย 4204  ฉก.ทพ.42 ที่เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย จากเหตุลอบวางระเบิดโดยกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ บ้านเมาะโง ม.5 ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อ 0900 ของวันนี้ที่ผ่านมา

โดย นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการ กอ.รมน.ภาค 4 ประสานให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการรักษาเป็นการเร่งด่วนและให้การดูแลต่อเนื่องไป จนกว่าสภาพร่างกายและจิตใจเป็นปกติ สำหรับผู้ที่เสียชีวิต ขอให้สนับสนุนร่วมประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติและให้การดูแลช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตตามสิทธิ์อันสมควร 

พร้อมกันนี้ ได้แสดงความห่วงใย ถึงเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จชต.ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ประชาชนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บหลายราย  ซึ่งต่อมามีหลายกลุ่มทางสังคมและญาติของผู้ได้รับผลกระทบ ออกมาประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงว่า เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง  

'นายกฯ' สั่งคลอดมาตรการลดค่าครองชีพ ช่วยค่าก๊าซหุงต้ม-ตึงเอ็นจีวี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพประชาชน เบื้องต้นจะช่วยค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจะช่วยค่าก๊าซหุงต้มให้กับร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมในโครงการคนละครึ่ง รวมทั้งยังมีการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายน้ำมันเบนซินให้กับกลุ่มผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พร้อมทั้งยังขอความร่วมมือกับทางผู้ค้าก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี ได้ตรึงราคาขายปลีกเอ็นจีวี ในช่วงที่เกิดวิกฤตพลังงานในช่วงนี้ไปก่อนชั่วคราว ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันยังคงผันผวนหนักโดยที่ผ่านมาได้หารือถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย และราคาพลังงานสูง ซึ่งในเรื่องน้ำมันดีเซล รัฐบาลพยายามตรึงไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรไปก่อน โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาในการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ได้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปช่วยตรึงราคาจนทำให้ตอนนี้สถานะของกองทุนติดลบ จึงต้องหาเงินอื่นมาเติมให้ตรงนี้ โดยจะทำจนถึงที่สุดตามงบประมาณที่มีอยู่ และต้องมีมาตรการอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันในช่วงภาวะวิกฤตนี้ด้วย

'รัฐบาล' เดินหน้า โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ-เอกชน (PPP) ขยายตัว ต่อยอด สร้างโอกาสด้านการลงทุนในภูมิภาค

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า รัฐบาลเดินหน้าผลักดันการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อการพัฒนาประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ปรับปรุงแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน พ.ศ. 2563 - 2570 ทั้งหมดรวม 110 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 67 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 9.97 แสนล้านบาท โดยโครงการที่ปรับเพิ่มส่วนใหญ่เป็นโครงการในกิจการจัดการน้ำเสีย กิจการท่าอากาศยาน และกิจการด้านการศึกษา โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการ จะเร่งรัดโครงการที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน (High Priority PPP Project) มูลค่าลงทุนรวม 4.77 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดเพื่อกระตุ้นการลงทุนของประเทศในภาพรวมน

“บิ๊กตู่” ถกแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจ จับมือต่างชาตินำเข้าพลังงานไฟฟ้ารองรับภาคอุตสาหกรรม

ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า การประชุมวันนี้มีหลายเรื่องต้องมีการหารือกันบางประการ ว่าจะทำอย่างไรให้การปฏิบัติงานของเราเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งการลงทุนต่างๆที่มีปัญหามาโดยตลอดทั้งอดีตและปัจจุบัน ไม่อยากให้เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต โดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ ซึ่งผลประโยชน์ต้องตกกับประชาชนและประเทศชาติโดยตรงทั้งสิ้น 

 

'เอกนัฏ' ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสร่วมสิบกว่าปี

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง)" ระบุว่า ขอบคุณและขอกราบลาพรรคประชาธิปัตย์… 

ขอกราบขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาสผมได้แจ้งเกิดทางการเมืองกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตในกรุงเทพมหานคร กว่าสิบปีที่ผมได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และได้มีโอกาสเรียนรู้ ฝึกฝน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมือง ได้รู้จักกับผู้ใหญ่และพี่ๆ นักการเมืองมากมายหลายท่าน ที่คอยให้การสนับสนุน แนะนำ จนผมได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง ได้ทำงานการเมืองที่ผมรัก อย่างสุดเต็มความสามารถ ทั้งหมดคงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ดีที่ผมจะจดจำไว้ตลอดไป

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ซาอุฯ ให้คน 2 ประเทศไปมาหาสู่ได้ พร้อมไฟเขียวนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกจากไทย

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข่าวที่น่ายินดีว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกการห้ามบุคคลสัญชาติซาอุฯ เดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้าซาอุฯ ได้

นายธนกรกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ได้แน่นอน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ให้มาเที่ยวไทย 200,000 คน โดยเน้นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคู่รักฮันนีมูน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เป็นกลุ่มที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าหลายๆ ชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยเดินทางมาไทย

‘ทักษิณ’ ปล่อยเพลงใหม่ "เกิดมาเป็นนักสู้" หวังปลุกใจสาวก ฝันขอแทนคุณแผ่นดิน

วันนี้ (16 มี.ค.) "โทนี่ วู้ดซั่ม" หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดซิงเกิลใหม่ "เกิดมาเป็นนักสู้" ระบุใครจะรักจะเกลียดยังไงช่างมัน ตราบที่ยังหายใจ เกิดมาเป็นนักสู้ก็สู้กันไป ขอแทนคุณแผ่นดิน

สำหรับเนื้อหาเพลง "เกิดมาเป็นนักสู้" มีเนื้อร้องดังนี้

สายตายังจับจ้องมองที่ดวงดาว สองเท้ายังคงเดินดินเหมือนกับวันนั้น
ทุกข์และสุขหลั่งไหลผ่านชีวิตฉัน ผ่านพบเจอประสบการณ์ไม่ซ้ำใคร
ถามว่ามันเหนื่อยไหมกับที่ผ่านมา ทุกๆ ก้าวมันมีราคาที่ต้องจ่ายไป
รักและเกลียด ก้อนหินกับช่อดอกไม้ สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ช่างมัน

* จะต้องทำทุกอย่าง บนหนทางข้างหน้า ต้องฟันฝ่าไม่ว่าจะเจอสิ่งไหน

** ตราบในวันที่ฉันยังหายใจอยู่ เกิดมาเป็นนักสู้ก็สู้กันไป
ขอแทนคุณแผ่นดิน สุดความหวังและความตั้งใจ
เมื่อมีฝันก็ต้องเดินไปให้สุดทาง

ยุติธรรมจะหาฉันเจอบ้างไหม ฉันสู้ก็เพื่อคนไทยที่ฝากความหวัง
ถึงจะเจ็บปวดใจอยู่ในบางครั้ง ได้รับน้ำใจรายทางก็ชื่นใจ

(ซ้ำ *, **)

(พูด) เขาเนี่ย ไม่รู้จนหรือรวยไม่รู้ แต่เขาวาง 30 บาทมาซื้อบริการสาธารณสุขจากโรงพยาบาลของคุณ ฉะนั้นคนจนหรือคนรวยคุณไม่รู้หรอก รู้ว่าเขาจ่าย 30 บาทเท่ากัน คุณก็มีหน้าที่ดูแลเขาเท่ากัน นี่คือสิ่งที่ผม นี่คือหัวใจของประชาธิปไตย"

ตราบใดชีวิตฉันนั้นยังคงอยู่ เกิดมาเป็นนักสู้ สู้เพื่อคนไทย
ขอแทนคุณแผ่นดิน สุดความหวังและความตั้งใจ
เมื่อมีฝันก็ต้องเดินไปให้สุดทาง

ฉันจะเคียงข้างเธอ มอบความหวังสร้างชีวิตใหม่ นี่คือฝันยิ่งใหญ่ของฉัน


ที่มา : https://youtu.be/EBmMqyVkmv8

“บิ๊กตู่” ปลื้มข่าวดี ซาอุดีอาระเบียยกเลิกข้อห้ามคนซาอุดีฯ เดินทางเข้าไทย อนุญาตคนไทยเข้าซาอุดีฯ ได้ และยกเลิกข้อห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากไทย เชื่อมั่นต่อยอดสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจมหาศาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข่าวที่น่ายินดีว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกการห้ามบุคคลสัญชาติซาอุดีฯ เดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้งอนุญาตให้บุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้าซาอุดีฯ ได้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีฯ ได้แน่นอน โดย ททท. ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ ให้มาเที่ยวไทย 200,000 คน โดยเน้นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มคู่รักฮันนีมูน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เป็นกลุ่มที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าหลาย ๆ ชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยเดินทางมาไทย 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ อีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดี คือทางการซาอุดีฯ พิจารณายกเลิกห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย ซึ่งไทยถูกระงับและห้ามการนำเข้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดยมีสถานประกอบการส่งออกของไทยที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนกว่า 11 แห่ง ถือเป็นข่าวดีด้านการส่งออกปศุสัตว์ไทย โดยเฉพาะในการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะครัวโลก เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากซาอุดีฯ ถือเป็นประเทศผู้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์แปรรูปรายใหญ่ของโลก ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบีย มีการนำเข้าไก่ปีละ 5.9 แสนตัน ถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ

“ข่าวที่น่ายินดีทั้งสองข่าวดังกล่าว เป็นผลมาจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่เป็นไปตามลำดับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี”นายธนกรกล่าว

‘ครม.’ ไฟเขียว 3.45 หมื่นล้าน ให้ ‘สปสช.’ นำจ่ายสถานพยาบาลเป็นค่าบริการสาธารณสุขโควิด-19 ช่วง ธ.ค.64 – ก.พ.65  พร้อม อนุมัติ งบกลาง 172 ล้านบาท สงเคราะห์ค่าทำศพผู้สูงอายุรายละ 3พัน กว่า 5.74 หมื่นคน 

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2565 รอบที่ 2 วงเงิน 34,528 ล้านบาท ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเป็นค่าบริการสาธารณสุขโรคโควิด-19 และบริการอื่นที่เกี่ยวข้องของหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลที่ให้บริการแล้วระหว่างเดือนธันวาคม 2564 - กุมภาพันธ์ 2565 โดยใช้งบประมาณจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ซึ่งโครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในไทย หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลที่จัดบริการสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชนและผู้ให้บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สปสช. ประมาณการค่าบริการสาธารณสุขในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ UCEP Plus และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารการเบิกจ่ายค่าบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการให้สอดคล้องกับการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นจริง และเร่งประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ UCEP Plus ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 16 มีนาคมนี้ 

นอกจากนี้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 172.36 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสงเคราะห์ค่าทำศพผู้สูงอายุตามประเพณี รายละ 3,000 บาท ในปี 2564 เพิ่มเติม จำนวน 57,455 คน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เนื่องจากในปี 2564 ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีจำนวนผู้สูงอายุเสียชีวิตสูงถึง 127,168 คน ซึ่งมากกว่าจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 69,713 คน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนงบดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top