Monday, 7 July 2025
POLITICS

'นายกฯ' กำชับ อนุกรรมการแก้ปัญหาลอตเตอรี่แพง เร่ง บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน มั่นใจเห็นผล พค.นี้

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลัง เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม กำชับให้คณะทำงานเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ตรงจุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ประชุมอนุกรรมการจึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงแก้ไขสัญญาการรับสลากไปจำหน่ายของตัวแทนจำหน่ายทุกประเภท ให้มีสภาพบังคับทางแพ่งด้วยการกำหนดเบี้ยปรับสำหรับตัวแทนที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ให้วางแนวทางพิจารณาโทษทางอาญารวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในกรณี ผู้กระทำผิดซ้ำหรือกรณีนำสลากไปรวมชุด หรือมีพฤติกรรมเป็นนายทุนกว้านซื้อสลากแล้วจำหน่ายในราคาสูงกว่าที่กำหนด 

พบว่าปัญหาอย่างหนึ่งคือสลากเป็นสินค้าที่เปลี่ยนมือได้ ใครต้องการขายสลากก็สามารถไปซื้อมาขายต่อได้ ทำให้มีผู้ขายสลากหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ฉะนั้นนอกจากมาตรการและแนวทางต่างๆของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เร่งดำเนินการในระยะสั้น ได้แก่ โครงการสลาก 80 โครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้า โครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

สำหรับแผนระยะยาว คือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้การออกใบอนุญาตให้กับผู้จำหน่ายสลาก สามารถตรวจสอบได้อย่างสม่ำเสมอนั้น น่าจะเป็นแนวทางที่นำมาประกอบการแก้ไขปัญหาได้

ซึ่งข้อเสนอแนะเหล่านี้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการ จะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ได้พิจารณา

“บิ๊กตู่” มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ อสม.สาธารณสุข ดีเด่น “ชู” เป็นกลไกสำคัญแบ่งเบาภาระ ก่อนพบหมอประจำบ้าน “วอน” ช่วยสร้างการรับรู้ประชาชน หวั่นตกเป็นทาสตลาดอาหารเสริมออนไลน์ พร้อมฝากประชาสัมพันธ์งานรัฐบาลไปพร้อมกัน 

ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่น เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2565 สำหรับรางวัลที่ได้รับไปในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะตัวเองแต่เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว บุตรหลาน ในการทำงานที่เสียสละและมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในปัจจุบัน ทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยได้มีการวางรากฐานทางด้านระบบสาธารณสุขมาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง เห็นได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมโลกในปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถบริหารจัดการ ในการบริหารจัดการโรคระบาดในครั้งนี้ ซึ่งกลไกที่สำคัญที่สุดของเราคือ อสม. ที่ทำงานด้วยใจด้วยความรักโดยเฉพาะการรักคนไทยด้วยกันมีการเสียสละช่วยกันทำงาน สร้างความทึ่งให้กับต่างชาติ  ซึ่งประเทศไทยยินดีที่จะให้คำแนะนำกับประเทศต่างๆ เพราะประเทศที่มีรายได้น้อยซึ่งในอาเซียนก็ยังมีอยู่ก็อยากมี อสม. เหมือนกับไทย เพราะบางประเทศการสัญจรไปมาไม่เหมือนกับบ้านเราการเดินทางมีความยากลำบาก จึงต้องการที่จะมีบุคลากรดำเนินการในชั้นประฐมภูมิ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลักให้ได้มากที่สุดหรือบรรเทาความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้นเพราะถ้าปล่อยประละเลยไปก็จะเกิดความเจ็บปวดมากขึ้นจนกระทั่งถึงการเสียชีวิต

“อสม. ถือเป็นนักรบในด่านหน้าของเรา ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง อะไรที่จะสามารถดูแลได้รัฐบาลก็จะดูแลให้อย่างเต็มที่ โดยขอให้เข้าใจว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะดูแลได้มากยิ่งขึ้นในวันข้างหน้า วันนี้ขอให้ทำงานไปด้วยใจให้ผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปก่อน ผมยืนยันว่า จะดูแลให้ดีที่สุด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่เรามี อสม. ที่เข้มแข็งและทุ่มเท  องค์การอนามัยโลกเห็นพ้องและกล่าวชื่นชม ว่า อสม.ถือเป็นพลังสำคัญในการจัดการกับปัญหาทางด้านสุขภาพ ปัจจุบันแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 มาเป็นเวลายาวนานเป็นปีๆ ที่ผ่านมา ก็ยังสร้างความเชื่อมั่นในระบบบริการสาธารณสุขของไทย บุคลากรด้านการแพทย์ และ อสม.ทุกคน ที่มีความพร้อมรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องยึดถือ คือความปลอดภัยของคนในชาติ ส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดีวิถีใหม่ รองรับการเปิดและพัฒนาประเทศในอนาคต รัฐบาลและตนได้วางนโยบายไว้หลายอย่างในการปฏิรูปประเทศเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างทัดเทียมและเข้มแข็งกับนานาประเทศ การเพิ่มรายได้จีดีพีของประเทศทั้งด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในเศรษฐกิจใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ ในหลายพื้นที่ซึ่งทำให้เราเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ เป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายหลัก ในการลงทุน เพราะประเทศไทยมีความสงบสุขร่มเย็น มีการดูแลอย่างดียิ่งจากบุคลากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เรามีคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้าง เป็นเจ้าภาพที่ดีกริยามารยาทเรียบร้อย อาหารอร่อย มีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก เป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่นอกเหนือจากทรัพยากรธรรมชาติเรายังมีทรัพยากรบุคคล ที่มีอัตลักษณ์และความงดงาม 

“ วันนี้ถ้าพูดถึงสัดส่วนการดูแลของแพทย์พยาบาลเมื่อเทียบกับสัดส่วนของประชาชนก็ยังอยู่ในจำนวนที่ไม่มากนัก แต่เรามี อสม.เข้ามาช่วย ลดภาระการไปโรงพยาบาล ขอฝากคำขอบคุณไปถึง อสม.ทั่วประเทศ รัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าและความดีของทุกคน ที่เข้ามาทำงานด้วยจิตอาสา ทำให้เกิดความแข็งแกร่งในระบบปฐมภูมิของเรา วันนี้ต้องยอมรับว่าประชาชนเราเข้าไม่ถึงภาคบริการประชาชนเพราะเกิดความไม่เข้าใจไม่รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง จึงขอฝากหน้าที่นี้ไว้ด้วย ไหนๆ ก็ไปดูแลในเรื่องของโรค คนเจ็บป่วยอยู่แล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่เล่าและชี้แจงให้ประชาชนฟังว่า การเข้าถึงการบริการนั้นทำอย่างไร การใช้ระบบออนไลน์ของการบริการภาครัฐที่ไม่ต้องเดินทางหรือเป็นภาระ ขอให้ทำงานเพื่อสังคม

‘ธรรมนัส’ นำทีมจัดทัพ "พรรคเศรษฐกิจไทย" ชู สโลแกน  “มั่นคง มั่งคั่งทั้ง แผ่นดิน”

สุดคึก!! ‘ธรรมนัส’ นำทีมจัดทัพ ‘เศรษฐกิจไทย’ เปิดตัวพรรค อดีตส.ส.-ดาราร่วมงาน จ่อไหลเข้าอีก ชู สโลแกน “มั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดิน” ด้านพล.อ.วิชญ์ ยันยังรัก ‘พี่ป้อม’ เหมือนเดิม

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่อาคารประชุมยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเศรษฐกิจไทย (ศ.ท.) ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 โดยมีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา สมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย และว่าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น พร้อมส.ส.พรรค และสมาชิกพรรคจากทุกภาคทั่วประเทศ เข้าร่วม 

ต่อมาเวลา 09.58 น. พล.อ.วิชญ์ และร.อ.ธรรมนัส ได้นำส.ส.พรรคทำพิธีบวงสรวงเจ้าที่ เนื่องในโอกาสเปิดที่ทำการพรรค เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นสิริมงคล ขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรคจากทุกภาคทั่วประเทศ รวมถึงอดีตส.ส.และบุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักในสังคมร่วมประชุมในฐานะสมาชิกพรรค อาทิ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย และอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 นายไพร พัฒโน อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายปีเตอร์ ไมอ๊อกชิ นักแสดง 

นอกจากนั้นนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักธรรม เดินทางมาแสดงความยินดีในนามส่วนตัว ทั้งนี้สมาชิกของพรรคที่เดินทางมาประชุม จะได้รับการแจกเสื้อยืด สกรีนชื่อพรรคเศรษฐกิจไทย “มั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดิน” โดยมีโลโก้เป็นลูกศรสามเส้นชี้ขึ้น ใช้สีธงชาติ

จากนั้นสมาชิกทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุม โดยมีวาระปรับแก้ข้อบังคับพรรค และตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหญ่ ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ จะมีการประชุมใหญ่พรรคอีกครั้ง และจะเปิดตัวบุคลากรที่จะมาร่วมงานอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซึ่งก่อนการเริ่มประชุมได้เปิดวีดิทัศน์ที่มาของพรรคร่วมถึง วิสัยทัศน์ “สร้างเศรษฐกิจไทยให้มั่งคั่ง สร้างชีวิตคนไทยให้มั่นคง ก้าวสู่แนวหน้าทางเศรษฐกิจในเวทีโลก” 

สำหรับโลโก้พรรคเศรษฐกิจไทยลูกศรสีธงชาติทะยานขึ้น หมายถึงพรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมจะนำพาพัฒนาประเทศไทย พุ่งทะยานสู่ความเจริญรุ่งเรือง แถบเงาสีเทาหมายถึงปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ที่บอบช้ำมานานจะต้องได้รับการแก้ปัญหา และนำพาประชาชนไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดิน

'เทพไท'​ ปวดใจ!! ส.ส.ยุคกินกล้วย ไม่ต่างจาก ส.ส.โสเภณีในอดีต ชี้!! ทำการเมืองถอยหลังลงคลองไป 50 ปี

18 มี.ค. 65​ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า... 

ตนเห็นบรรยากาศการจัดเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับกลุ่มส.ส.พรรคเล็ก ที่สโมสรราชพฤกษ์แล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ทำให้ย้อนถึงบรรยากาศการเมืองในยุคการเลือกตั้งปี 2512 ของจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งส.ส.ในยุคนั้นรัฐธรรมนูญ ปี 2511 บัญญัติให้ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรค ซึ่งไม่ต่างอะไรกับรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่มีส.ส.ปัดเศษ ทำให้เกิดสภาพ ส.ส.พรรคเล็กจำนวนมาก ที่มีอำนาจการต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาลสูงมาก จนทำให้คนระดับนายกรัฐมนตรี จะต้องแคร์ความรู้สึก และเอาใจกลุ่มพรรคเล็กกลุ่มนี้ และมีการตั้งเงื่อนไขต่อรอง เรียกร้องการดูแลเป็นพิเศษ ทำให้การเมืองไทยถอยหลังเข้าคลองไปอีก 50 ปี

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าในพ.ศ. นี้ เรายังได้เห็นบรรยากาศการแจกล้วยให้กับส.ส. หรือส.ส.กินกล้วย ไม่ต่างอะไรกับ ส.ส.โสเภณีในยุคปี 2512 เพียงแต่มีการเปลี่ยนถ้อยคำเป็น ลิงกินกล้วย ให้ฟังแล้วดูดีกว่า ส.ส.โสเภณีขายตัวในอดีต” นายเทพไท ระบุ

ไทยเกือบเหมือน 'ยูเครน' หากไร้ 'ปราชญ์แห่งสยาม' พลิกเกม!! หลังพลาดตามก้นเมกา ปล่อยตั้งฐานทัพบินถลาถล่มเพื่อนบ้าน

เป็นที่รู้กันว่า เหตุที่ยูเครนถูกรัสเซียถล่มในตอนนี้ ก็เพราะหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในสมัยประธานาธิบดี มิคาอิล กอร์บาชอฟ แตกเป็นรัฐเล็กๆ ถึง ๑๕ รัฐ หลายรัฐได้หันเข้าไปหาชาติตะวันตก หวังจะให้ช่วยคุ้มกัน ยอมร่วมสนธิสัญญานาโต้ จึงค่อยๆ ขยายตัวโอบล้อมรัสเซียเข้ามา จนกระทั่งยูเครนที่รัสเซียหวังให้เป็นกันชน เมื่อประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่มาจากคนดังแต่ยังอ่อนประสบการณ์ทางด้านการเมือง ก็จะเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ด้วย รัสเซียจึงยอมไม่ได้ที่จะให้นาโต้ที่ตั้งขึ้นมาก็เพื่อจะเล่นงานรัสเซียโดยเฉพาะ เอาอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาตั้งจ่อคอ

ไทยเราก็เกือบเหมือนยูเครน เมื่อรัฐบาลยุคหนึ่งใช้นโยบาย “ตามก้นอเมริกา” ส่งทหารไปร่วมรบในเวียดนามแล้ว ยังยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพที่อู่ตะเภา, อุดรธานี, นครพนม, อุบล, โคราช, ตาคลี รวมทั้งดอนเมือง ส่งเครื่องบินรบทรงอานุภาพที่สุดเท่าที่มี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามเหนือและลาว สัปดาห์ละ ๘๗๕-๑,๕๐๐ เที่ยว เครื่องบินทิ้งระเบิด B-๕๒ เที่ยวหนึ่งขนได้ ๓๒ ตัน รบกันถึง ๑๙ ปี ๖ เดือน ไม่รู้ว่าถล่มระเบิดไปกี่ล้านตัน แต่ก็แพ้ ต้องถอนทหารกลับไป

แต่เมื่อสหรัฐต้องถอนทหารออกจากเวียดนามใต้ในเดือนเมษายน ๒๕๑๘ ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๓ คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้เป็นปราชญ์ที่ลึกซึ้งทั้งประวัติศาสตร์และการเมือง ไม่ใช่มือใหม่หัดขับ อ่านสถานการณ์ได้ทะลุว่า ขืนล่มหัวจมท้ายกับอเมริกันต่อไปต้องถูกเวียดนามคิดบัญชีแน่

ในการแถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๘ นายกรัฐมนตรีจึงประกาศว่าปรารถนาจะสถาปนาการทูตระหว่างไทยจีนขึ้นใหม่ เป็นการส่งสัญญาณไปถึงจีนก่อน

ต่อจากนั้นในวันที่ ๓๐ มิถุนายน นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็บินเงียบฝ่ากฎหมายป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปพบผู้นำจีน ซึ่งทำให้โลกเสรีต้องตกตะลึง

การต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรีไทยนั้น เป็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์อย่างที่จีนไม่เคยต้อนรับใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจหรือมุขบุรุษของประเทศใด นอกจากได้เข้าพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโจวเอนไล และรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิงแล้ว ประธานเหมาเจ๋อตุงในวัยชรา ยังเพิ่มรายการพิเศษแหวกคิวกะทันหันให้ไปพบขณะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และคุยกันอย่างเป็นกันเองเป็นเวลายาวนาน ซึ่ง สละ ลิขิตกุล นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ผู้ติดตามคึกฤทธิ์บันทึกไว้ว่า

"ถึงใจพระเดชพระคุณ" อย่างผู้ใหญ่พูดกับลูกกับหลาน ถาม พล.ต.ชาติชายว่า “ไอ้หนูนี่เคยมาเมืองจีนแล้วไม่ใช่หรือ” ส่วน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็เรียก “ไอ้หนู” เหมือนกัน เข้ามากอดและตบบ่า เป็นการทูตแบบตะวันออกที่ตะวันตกไม่มีทางเข้าใจ
ก่อนหน้าที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์จะพาทีมไปจีนนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญขึ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ไทยได้ประกาศเปลี่ยนนโยบาย

ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๘ หลังจากที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์แถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ ๑๙ มีนาคม ก็เกิด “กรณีมายาเกซ” ขึ้น เมื่อเรือสินค้าของสหรัฐอเมริกาชื่อ มายาเกซ บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงจะมาท่าเรือสัตหีบ ขณะแล่นผ่านเข้าไปใกล้ชายฝั่งกัมพูชา ได้ถูกเรือปืนเขมรแดงยึดและจับลูกเรือเป็นประกัน สหรัฐจึงส่งนาวิกโยธินจำนวน ๑,๐๐๐ นายจากโอกินาวามายังฐานทัพอู่ตะเภา และเข้าไปชิงลูกเรือที่ถูกควบคุมอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งโดยมีเครื่องบินจากฐานทัพอุดรธานีและนครราชสีมาเข้าร่วม หลังจากรบกัน ๓ วันก็สามารถช่วยลูกเรือกลับมาได้ แต่ทหารสหรัฐเสียชีวิตไป ๔๐ คนและสูญหายไปอีกจำนวนหนึ่ง

เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก รัฐบาลไทยเห็นว่าสหรัฐใช้ดินแดนไทยไปปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จึงได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ ประท้วงอย่างเป็นทางการต่อการกระทำของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐถอนกำลังกลุ่มนี้ออกไปทันที

ต่อมาในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ยังได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลไทยจะทบทวนความร่วมมือและข้อผูกพันระหว่างไทยกับสหรัฐทั้งหมด และในวันเดียวกันก็มีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันเดินทางกลับกรุงเทพฯ แสดงความไม่พอใจในการกระทำในครั้งนี้

ศบค.ถกเคาะ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน เม.ย.-พ.ค. พร้อมปรับพื้นที่สีคุมโรคใหม่ สีส้ม 21 จังหวัดยังห้ามดื่มน้ำเมาในร้าน  ส่วนสีเหลือง 47 จังหวัด ก๊งได้ถึง 5 ทุ่ม สีฟ้า 9 จังหวัด   

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 18 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล รายงานข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด 19 (ศบค.) ระบุว่าในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. มีการพิจาณาขยายระยะเวลา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 17 ) เพื่อเอื้อต่อการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข และควบคุมการติดเชื้อโรคโควิด 19 ไม่ให้เกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมอยู่กับโรคโควิด 9 ในระยะยาว

รวมถึงการบริหารจัดการการเดินทางสัญจรข้ามจังหวัด และการรวมกลุ่มทางสังคมของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงการบริหารจัดการชายแดน การป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านจึงมีการพิจารณาขยายระยะเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คราวที่ 17 ออกไปอีก 2 เดือน จากวันที่ 1 เม.ย. -31 พ.ค. 2565 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาปรับลดระดับพื้นที่โซนสีจากพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เดิม 44 จังหวัด ปรับลดเหลือ 21 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เดิม 25 จังหวัด เพิ่มเป็น 47 จังหวัด พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) จาก 8 จังหวัด เพิ่มเป็น 9 จังหวัด ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. เป็นต้นไป โดยพื้นที่สีส้มอนุญาตให้ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหารสามารถรังรับประทานในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ แต่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ส่วนพื้นที่สีเหลือง สามารถรับประทานอาหารในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านจำกัดเวลาไม่เกิน 23. 00 น.  

สำหรับพื้นที่ สีส้ม 21 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา  นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก ระนอง ระยอง ราชบุรี  สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี อุดรธานี อุตรดิตถ์ 

รองปลัด ก.แรงงาน เปิดโครงการสัมมนาการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565    

วันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมโครงการสัมมนาการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565  เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงานให้สามารถปฏิบัติงานได้ตรงตามแนวทางการประเมิน ITA และสามารถนำข้อเสนอแนะจากผลการประเมินฯ มาปรับปรุงเพื่อยกระดับการประเมินด้านธรรมาภิบาล และการบริหารจัดการภาครัฐของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานอย่างต่อเนื่อง

หัวหน้าพรรคเล็ก เปิดเผยหลังร่วมดินเนอร์ 3 ป.บรรยากาศชื่นมื่น ใจถึงใจ ด้านหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ระบุ นายกฯ เปรย "หากพวกเราร่วมมือกันทำงาน ก็ไม่มีเหตุผลต้องยุบสภา"

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เปิดเผยหลังร่วมดินเนอร์กับนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการหารือแบบใจถึงใจ เป็นกันเอง นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดคุย นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า เมื่ออยู่ด้วยกันต้องมั่นใจกัน มีอะไรเสนอนายกรัฐมนตรีได้เลย ซึ่งก็ได้มีการเสนอไปแล้ว

ขณะที่ทุกคนที่ถูกเชิญร่วมวงรับประทานอาหารกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็มาร่วมดินเนอร์ด้วยและไม่มีสัญญาใจต่อกัน ยืนยันไม่มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่ไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่า 30 เสียงพรรคเล็กจะสนับสนุนรัฐบาล แต่ทุกพรรคยังมีทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ ไม่มีการวางตัวผู้ประสานงานระหว่างพรรคเล็กร่วมรัฐบาล แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดูแลพรรคเล็กมาโดยตลอด ทั้งนี้หากมีโอกาสได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีบ่อยขึ้นก็จะเป็นเรื่องดี

ด้านนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เปิดเผยว่า ยังคงให้ความมั่นใจหนุนรัฐบาลไปตลอดรอดฝั่ง ไม่มีการพูดเรื่องยุบสภา หรือโควตารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีขอให้ร่วมทำงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนตัวมองว่าเมื่อพูดคุยกันแล้วเข้าใจกันดี สถานการณ์ชื่นมื่น เป็นกันเอง

“นายกรัฐมนตรีบอกไม่อยากอยู่หรอก เหนื่อยจะตาย จะไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ ไม่อยากตายคาเก้าอี้ และไม่ส่งสัญญาณอยู่ต่อสมัยหน้า ย้ำว่า ไม่ได้หวงตำแหน่ง”

ด้านนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ มองว่า นายกรัฐมนตรีมีความสามารถที่จะยังดูแลประเทศได้ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน

 “กอ.รมน.” โต้ ฝ่ายการเมือง แจง งบฯ เป็นไปตามระเบียบ เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการจัดกิจกรรมเสวนาของฝ่ายการเมือง ภายใต้ชื่อโครงการ “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” โดยเนื้อหาพบว่ามีผู้ร่วมเสวนาที่ได้กล่าวถึง เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของ กอ.รมน. ในลักษณะที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง อาทิ มีการกล่าวว่า “กอ.รมน. มีคนไม่ถึง 300 คน แต่มีงบประมาณไปเกือบหมื่นล้าน บางปีหมื่นกว่าล้าน พอเดินเข้าไปดูการใช้จ่ายเงินจะใช้เป็นงบลับ ปีละเกือบ 6,000 ล้าน แล้วงบลับตัวนี้ไม่มาเขียนในระบบงบประมาณแต่ไปซ่อนไว้ และคนใช้งบลับก้อนนี้ก็คือ นายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. กับ ผบ.ทบ.”

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า การกล่าวถึงตามเนื้อหาข้อความดังกล่าว มีความคลาดเคลื่อนมากจากความเป็นจริง สำหรับข้อมูลความจริงของ กอ.รมน. นั้น ในส่วนของข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานอยู่กับ กอ.รมน. ในแต่ละปีจะมีอยู่ประมาณ 64,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร ที่ปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จชต. ประมาณ 54,000 อัตรา และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10,000 อัตรา จะปฏิบัติงานในพื้นที่ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ สรุปได้ว่า กอ.รมน. ไม่ได้มีบุคลากรเพียงแค่ไม่ถึง 300 คน   

'น้องแรมโบ้' ซัด 'สุรทิน'  ไม่ไปกินข้าวร่วมนายกฯ ไม่มีใครว่า แต่อย่าหิวแสง เหน็บนายกฯให้เป็นประเด็นการเมือง ย้ำกินข้าวพรรคร่วมหารือแก้ปัญหาบ้านเมือง ส่วนนายสุรทินอยู่กับเจ้าของสวนกล้วยคนไหนใครก็รู้กันทั่วหมดแล้ว

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปไตยใหม่ ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯ พร้อมเหน็บว่าลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านมีประโยชน์มากกว่า
โดยระบุว่าหากนายสุรทินไม่อยากร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯก็ไม่เป็นไรและการลงพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่อยากให้นายสุรทินรู้เอาไว้ว่าการร่วมรับประทานอาหารของนายกฯก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ได้มีการพูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้เช่นเดียวกัน

นายชนะศักดิ์ยังระบุว่าไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เป็น ส.ส.นายสุรทินได้ลงพื้นที่บ้างหรือไม่ หรือว่ามาลงแค่ช่วงนี้เท่านั้น ทั้งนี้ยังขออย่านำมาเป็นประเด็นทางการเมืองให้เกิดความขัดแย้ง เพราะขณะนี้ไม่ใช่เวลามาเล่นการเมือง

“อยากลงพื้นที่ก็ลงไป แต่ไม่ควรเอามาเหน็บนายกฯแบบนี้ เพราะนายกฯ หรือรัฐมนตรีทุกคนก็เป็นห่วงประชาชนลงพื้นที่ช่วยประชาชนกันทุกคน ซึ่งตนมองว่าน่าจะทำมากกว่านายสุรทินอีก 

'สน.บางขุนนนท์' ล็อกเป้า!! ส่อสั่งขัง 'โรม' หวังให้หลุดสถานะ ส.ส. เจ้าตัวเผย!! เป็นผลพวงจากอภิปราย 'ป่ารอยต่อ - ค้ามนุษย์'

(17 มี.ค.65) รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เพิ่งได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ว่าหลังจากที่ตนได้อภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเป็นต้นมา ก็ได้มีความพยายามที่จะเร่งรัดกระบวนการของคดีต่างๆ ที่ยัดเยียดมาให้จากการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563

"จากกรณีที่เกิดขึ้น ผลที่ฝ่ายรัฐบาลคาดหวังจากความพยายามเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นการให้ผมได้ถูกศาลสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว แม้เพียง 1 วันก็พอ เพื่อให้หลุดพ้นจากความเป็น ส.ส. โดยล่าสุดผมทราบว่าทางตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ถึงขั้นมีการออกหมายจับผมในคดีนี้ โดยอ้างว่าไม่ได้ไปเข้าพบตามหมายเรียกที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมขอชี้แจงดังนี้..

“หมายเรียกแรกที่ออกมานั้น ออกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร จึงได้โต้แย้งไปแล้วว่าเป็นการออกหมายเรียกโดยไม่ชอบ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้ห้ามไม่ให้มีการออกหมายเรียกตัว ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุม

"ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทาง สน.บางขุนนนท์ก็ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งให้ไปพบในวันที่ 11 มีนาคม อย่างไรก็ตามตนติดภารกิจในฐานะ ส.ส. ในวันดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือต่อ สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงความไม่สะดวกและขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันอื่นที่ได้ระบุไว้ ทว่าทางตำรวจกลับมีคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนการนัดหมายดังกล่าว และอ้างเหตุนี้ในการขอศาลเพื่อออกหมายจับตน” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 กำหนดว่าหมายจับจะออกได้ก็ต่อเมื่อ (1) มีหลักฐานการกระทำความผิดอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือ (2) มีหลักฐานการกระทำความผิดและมีเหตุควรเชื่อว่าจะหลบหนี (ซึ่งให้สันนิษฐานกรณีไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรด้วย) กรณีของตนนั้นไม่ใช่ข้อ (1) แน่ๆ เพราะข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนตามข้อ (2) นั้น เมื่อมีหมายเรียกมาตนก็ได้ยื่นหนังสือชี้แจงถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไปแล้ว พร้อมทั้งระบุวันที่สะดวกเข้าพบอย่างชัดเจนด้วย ยังไม่นับว่าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อมีการแจ้งข้อหาแก่ตนในคดีนี้ ซึ่งตนก็ได้ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมายังมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อย่างสม่ำเสมอไม่หนีหายไปไหน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องออกหมายจับผมแต่อย่างใดเลย

คนไทยซม! ค่าไฟขึ้น ส่วนเอ็นจีวีตรึงราคาต่อ 3 เดือน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วย

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน

'พท.' ซัด 'ลุง' แก้ปัญหาตามเสียงด่า ปล่อยประชาสู้ตามยถากรรม แนะ 6 แนวมาตรการเก่า พปช.ไปใช้ ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ซ้ำซ้อน ต่อเนื่องและยาวนาน จากความผิดพลาด บกพร่องและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้คนไทยต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 แบบโงหัวไม่ขึ้นเข้าปีที่ 3 ต่อเนื่อง วันนี้เมื่อเกิดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าวัตถุดิบต่างๆ ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากโรคระบาด ยิ่งวิกฤติหนักกว่าเดิมซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กลับนิ่งเฉยต่อปัญหาความล่าช้า ไร้มาตรการที่ชัดเจน 7 ปีที่บริหารประเทศ ทำงานไล่ตามปัญหา แก้ปัญหาตามเสียงก่นด่าของประชาชน 

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2551 ได้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ สร้างผลกระทบไปทั้งโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลกยกระดับสูงขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ สร้างผลกระทบกับค่าครองชีพพี่น้องประชาชน รัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้เร่งรัดหาทางแก้ไขปัญหาในทันทีและรวดเร็ว โดยได้ประกาศ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ที่ครอบคลุมและชัดเจนในการแก้ไขสถานการณ์บรรเทาปัญหาค่าครองชีพพี่น้องประชาชนเมื่อวันที่ 15 ก.ค.51 ประกอบด้วย... 

>> ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภท โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเหลืออัตราการจัดเก็บเพียง 0.005 สตางค์ 
>> ชะลอการปรับราคาก๊าซหุ้งต้ม (แอลพีจี) ในภาคครัวเรือน 
>> ฟรีค่าน้ำประปาสำหรับผู้ใช้น้ำในประเภทที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณการใช้น้ำตั้งแต่ 0-50 ลูกบาศก์เมตร (คิว) ต่อเดือน 
>> ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน และจ่ายค่าไฟฟ้า 50% สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย 
>> รถเมล์ฟรีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
>> รถไฟฟรีทุกขบวนเป็นเวลา 6 เดือน 

‘ไพร พัฒโน’ ลาออกสมาชิกพรรคปชป.อีกราย เผยแจ้ง 'อภิสิทธิ์' รู้เป็นคนแรกในการตัดสินใจ

นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแนบหนังสือลาออก ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 มีรายละเอียดดังนี้... 

“กราบเรียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ผมได้ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่นานมาก ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์รวมตลอดถึงผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่านที่ผมทั้งรัก ทั้งเคารพ และสุดแสนจะเกรงใจครอบครัวของผมอยู่กับประชาธิปัตย์มากว่า 53 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคือนายไสว พัฒโน และผมเองก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 สมัย คือปีพ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2546 จึงเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่มากในชีวิตของผมต่อการตัดสินใจครั้งนี้….. พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ผมรัก และยังรักอยู่จนถึงตอนนี้ แต่เส้นทางทางการเมืองบางครั้งมันไม่มีทางเลือกให้แก่เรามากนัก”

'บิ๊กตู่' ห่วง เครือข่ายวิทยุชุมชน สั่ง อนุชา ประสาน กสทช. ขยายเวลาคงคลื่นความถี่ออกอากาศ 500 วัตต์ ถึงสิ้นปี 67 

วันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือแสดงความขอบคุณจากเครือข่ายวิทยุชุมชน ประกอบด้วย องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ สำนักงานสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากคณะทำงานนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน เข้าร่วม

นายอนุชา กล่าวว่า จากกรณีที่เครือข่ายวิทยุชุมชน เคยมีหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาระงับ หรือชะลอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 มาบังคับใช้ ซึ่งเครือข่ายวิทยุชุมชนจำนวน 3,884 สถานี ทั่วประเทศ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้ออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 

นายอนุชา กล่าวว่า และจากนั้นให้ออกอากาศด้วยกำลังส่งต่ำเหลือเพียง 50 วัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึงปี พ.ศ.2567 จากการลดกำลังส่งดังกล่าว ส่งผลต่อการนำข้อมูลข่าวสารภาคประชาชนออกอากาศในชุมชนต่างๆ ทำให้การสร้างการรับรู้ แก่ประชาชนไม่ทั่วถึง กลุ่มเครือข่ายจึงรวมตัวกัน และส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 

นายอนุชา กล่าวว่า จึงดำเนินการหารือ และประสานงานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังทาง กสทช. ได้พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม โดยให้วิทยุชุมชนผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ยังคงออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ได้ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top