12 หน่วยงานลงนามความเชื่อมโยงบริการสุขภาพคนไทย “บิ๊กตู่” ย้ำ คนไทยทุกคนต้องได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงและเที่ยงธรรม “ลั่น” เจ็บป่วยที่ไหนแพทย์สามารถตรวจสอบประวัติและทำการรักษาได้ทันท่วงที

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ"โครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล" กับ 12 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขไทย ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลและแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่เราต้องเร่งพัฒนาระบบบริการและการบริหารจัดการของประเทศในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการบริการสุขภาพประชาชนซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบบริการ จัดการ ระบบสาธารณสุขของประเทศคือเทคโนโลยีในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กเดต้า โดยการนำข้อมูลขนาดใหญ่ มาช่วยในการบริหารจัดการและการวิเคราะห์เพื่อพัฒนางานบริการจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ 

“ ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงกลาโหมกระทรวงการคลังกระทรวงแรงงานและในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้นำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพผ่านระบบ เฮลท์ลิ้งค์ (HealthLink)ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง ที่เข้าร่วมและสามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเจ็บป่วยไปรักษาที่ได้ แพทย์สามารถตรวจสอบประวัติการรักษาและให้การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เพิ่มมากขึ้น ขอขอบคุณคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันการปฏิรูประบบบริหารจัดการฐานข้อมูลและการสื่อสารของประเทศให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งหวังว่าระยะต่อไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันให้เกิด แพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างรากฐานระบบสาธารณสุขของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากข้อตกลงความร่วมมือทั้ง 12  หน่วยงาน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างฐานข้อมูลทั้งด้านสาธารณสุขขนาดใหญ่ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพในการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนเพื่อให้ทุกคนในภูมิภาคของประเทศได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงและเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างเที่ยงธรรม ได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน 

“ในนามของรัฐบาลต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและขอให้ความพยายามและความร่วมมือร่วมใจในครั้งนี้นำพาไปสู่การปฏิรูปประเทศตามเจตจำนงที่ตั้งใจไว้และสร้างการบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคตต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว