‘รังสิมันต์ โรม’โพสต์ข้อความ!! ผ่านโซเชียล หลังได้รับเอกสารจาก ‘ป.ป.ช.’ ยัน!! ไม่มีทางที่จะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม คดี 44 สส.ผิดจริยธรรมร้ายแรง
(15 ก.พ. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย หลังได้รับเอกสารจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงวันที่ 11 ก.พ. 2568 ที่เชิญเขาเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีการเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยกล่าวหาว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายรังสิมันต์ ระบุว่าไม่เข้าใจว่าการเสนอกฎหมายที่เป็นหน้าที่ของ สส. จะเป็นความผิดได้อย่างไร พร้อมยืนยันว่าไม่มีบทกฎหมายใดห้ามการเสนอแก้ไขมาตรา 112 และการกระทำนี้ก็เป็นการทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
“ผมยืนยันว่าไม่มีทางที่เราจะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม”
อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ ได้บอกว่า “ส่วนตัวผมทราบดีว่าเวลาของผมคงจะมีอีกไม่มาก” ซึ่งแสดงถึงการยอมรับว่าอาจจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยเขาจะทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ระหว่างที่ยังมีเวลา
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ที่เขามองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยข้อกล่าวหาต่อ สส. ทั้ง 44 คนจากพรรคประชาชนในกรณีนี้มีความรวดเร็วในการดำเนินการ ขณะที่ข้อร้องเรียนจากฝ่ายค้านกลับไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน
เขายังตั้งคำถามถึงมาตรฐานของ ป.ป.ช. และการทำงานที่ดูจะมีความไม่โปร่งใสโดยเฉพาะข้อครหาที่ ป.ป.ช. บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวิ่งเต้น ให้หลุดพ้นจากการถูกร้องถอดถอน
ในตอนท้าย นายรังสิมันต์ กล่าวถึงการได้รับข้อกล่าวหาภายในวันมาฆบูชา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุบังเอิญ พร้อมแสดงความยินดีให้กับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ที่ได้รับการโปรดเกล้าขึ้นเป็นประธาน ป.ป.ช. และกล่าวว่าจะติดตามความคืบหน้าของคดีนี้เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ป.ป.ช. ได้ทยอยส่งข้อกล่าวหาให้ 44 สส.แล้ว โดยแต่ละคนได้รับแจ้งไม่เหมือนกันตามฐานความผิดในชั้นสอบสวน
ทั้งนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าว สืบเนื่องจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 2 ก.พ.2567 เพื่อขอให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับ สส.พรรคก้าวไกล (ขณะนั้น)จำนวน 44 คน
ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมกันเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
