Thursday, 3 July 2025
POLITICS NEWS

‘เต้น ณัฐวุฒิ’ ออกโรงค้านคำวินิจฉัยศาลรธน. ซัดแรงอำนาจตุลาการทำลายประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ (1 ก.ค. 68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ผมไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  การปลดนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง การยุบพรรคการเมืองไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นโดยง่าย อย่างที่เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศนี้ ที่มาและขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ ความจริงย่อมอธิบายได้

รัฐธรรมนูญนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระกำหนดมาตรฐานจริยธรรมขึ้น แม้ต้องฟังความเห็นทั้งสภาผู้แทนฯ วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี แต่ดาบอยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญซึ่งใช้ปลดนายกรัฐมนตรีมาแล้วหนึ่งคน และตัดสิทธิ์นักการเมืองบางคนด้วย จะเรียกว่านิติสงคราม หรือ ตุลาการภิวัฒน์ก็ตาม ความหมายโดยนัยของสองคำนี้คือ เส้นแบ่งระหว่างการเป็นกรรมการกับการเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของอำนาจตุลาการ บางลงจนแทบไม่เห็นช่องว่าง ที่กำลังเป็นอยู่ ไม่ส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตย ไม่เคารพอำนาจอธิปไตยของประชาชนเลยครับ

‘หมอตุลย์’ ขย่มซ้ำ ส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ชี้ช่องสว. ลงชื่อถอดถอน ‘อิ๊งค์’ พ้นรมว.วัฒนธรรม

(1 ก.ค. 68) นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงประธานวุฒิสภา โดยมีข้อความว่า 

เนื่องจากบัดนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นรมว.ก. วัฒนธรรม และในวันนี้ ศาล รธน. ได้มีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในข้อหาขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจาก ไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จึงขาดคุณสมบัติที่จะเป็นรมว.ก.วัฒนธรรมด้วย 

ดังนั้น กระผมจึงขอเสนอให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ร่วมกันลงชื่อให้ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องต่อศาลรธน. เพื่อถอดถอนน.ส. แพทองธาร ชินวัตรออกจากตำแหน่ง รมว.ก.วัฒนธรรมอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ในระหว่างการพิจารณาไต่สวน ขอให้ศาล รธน.มีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรมว. ก. วัฒนธรรม ทันทีที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ตามรธน. แล้ว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ

ขอแสดงความรับถืออย่างยิ่ง

พรรคการเมืองแอบหลังเด็ก ท่องจำแต่เกลียดรัฐประหาร แต่กลับรับได้กับรัฐบาลไร้ฝีมือที่ส่อทำไทยเสียดินแดน

(1 ก.ค. 68) พรรคการเมืองเน่า ๆ พรรคหนึ่ง ณ แดนสยามยุคใหม่ อ้างตนว่าจะทำการเมืองแบบ “คนรุ่นใหม่” จะช่วยกันกำจัด “นักการเมืองน้ำเน่า” ที่คอยโกงชาติ โกงแผ่นดิน โกงประชาชนให้หมดสิ้นไป 

แต่ก็เป็นได้เพียงการโกหกคำโต ตลบตะแลง กลิ้งกลอก หลอกต้มได้เพียงเหล่า ”สาวกผู้เบาปัญญา” ให้หลงคล้อยตามเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาทำเป็นขบวนการมาโดยตลอดคือการเดินหน้า “ล้มล้างการปกครอง” กับ “ก่นด่าการรัฐประหารในอดีต” แต่กลับไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ของการเป็นนักการเมืองที่ดีช่วยพยุงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนให้พ้นความทุกข์ยากได้เลย 

ยิ่งหลังจากที่มี “คลิปเสียง” ระหว่าง “นายกไอแพด” กับ “อดีตเขมรแดงผู้แปรพักตร์” ออกมาให้โลกได้ยินถึงความชั่วร้ายในใจ ก็ยิ่งเห็น “สันดานดิบ” ของพรรคการเมืองล้มสถาบันได้อย่างชัดเจน ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ที่มีจิตปกติ ไม่ได้เป็นคนโง่ บ้า หรือกินอคติเป็นอาหาร จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ทันทีว่าควรแสดงออกต่อเหตุการณ์ “นายกขายชาติ” อย่างไร 

คนไทยรับไม่ได้ อยากรักษาแผ่นดินของชาติเอาไว้ จึงนัดรวมพลในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสะท้อนว่าพวกเราคนไทยไม่นิยม “นายกทรยศแผ่นดิน” สมควรต้องขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่ง ไปรับโทษทางกฎหมาย หรือออกจากแผ่นดินไทยไปให้พ้น ๆ

ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน แม้เพียงสักหนึ่งตารางนิ้วเดียวก็ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ได้จริง ๆ นี่คือ “สัจจะสำนึก” ของคนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนโดยแท้ 

แต่ขณะที่คนไทยผู้รักชาติ เสียสละเวลาออกไปช่วยกันปกป้องแผ่นดิน “พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่” กลับไม่สนว่าประเทศไทยจะมีนายกโง่ รัฐบาลจะขายชาติก็ไม่ว่า ไม่แคร์แม้แผ่นดินไทยจะถูกเขมรโกงไป พรรคการเมืองไทยพรรคนี้รับได้ทั้งหมด ในสมองกลวง ๆ ท่องจำเพียงไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาทหาร และไม่เอาปฏิวัติ

การเกลียด “การปฏิวัติรัฐประหารโดยทหาร” นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เลว แต่การรับได้ที่ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดน รับได้ที่เรามีนายกโง่ที่แอบขายชาติ ต้องพูดว่า “เลวยังน้อยเกินไป” 

คนไทยเช่นนี้ ปล่อยอยู่ไปก็รกแผ่นดินของเรา 

ส่องประวัติ ‘6 รัฐมนตรีคนรุ่นใหม่’ ความหวังคนไทยใน ครม.แพทองธาร 1/2

(1 ก.ค. 68) ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หรือ “ครม.แพทองธาร1/2” โดยมีรัฐมนตรีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความหวังของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต และหลายคนเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ส่วนจะมีใครกันบ้างไปติดตามกันเลย

1. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม
การศึกษา:
•ปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา ม.ธรรมศาสตร์
•ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ม.รังสิต
ประวัติการทำงาน: เริ่มการทำงานด้วยตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริษัท อาทิ บริษัท จีเดค จำกัด, บริษัท ไออีซี กรีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท ไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัด และบริษัท ไออีซี สระแก้ว 1 จำกัด
เส้นทางการเมือง: เริ่มต้นจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปี 2561 เป็น สส.บัญชีรายชื่อในปี 2562 ก่อนย้ายมายังพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม และเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

2. นาย อรรถกร ศิริลัทธยากร 
ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
สายตรงมือทำงาน ของ รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า  ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม 

การศึกษา:
ปริญญาตรี ด้าน Communication Arts ม.กรุงเทพ 
ปริญญาโท Marketing Management จาก MIDDLESEX UNIVERSITY ประเทศอังกฤษ

ก่อนหน้า อรรถกร ศิริลัทธยากร เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ในยุครัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน 

3. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ลูกสาวนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม และ รมช.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การศึกษา : 
ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 

เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในสมัยรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 1 

4. นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ลูกชายของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย
การศึกษา:

ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จาก London School of Economics and Political Science สหราชอาณาจักร
ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก Columbia University สหรัฐอเมริกา
ประวัติการทำงาน: เป็นคนรุ่นใหม่ ในแวดวงเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร มีประสบการณ์หลากหลายในการวิเคราะห์และเสนอแนะนโยบายการเงิน รวมถึงการวิเคราะห์ภาวะการเงินและภาวะเศรษฐกิจ

5. นายชัยชนะ เดชเดโช
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

การศึกษา:
ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เส้นทางการเมือง: เข้าสู่วงการการเมืองตั้งแต่อายุ 27 ปี เป็น สจ.เขตอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2556-2561 จากนั้นตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2562 วัยเพียง 34 ปี สส.แทน และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.นครศรีธรรมราช เป็นสมัยที่ 2 ปี 2566

6. น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

การศึกษา:
ปริญญาตรีและปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่
ปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง

: เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก และเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยนเรศวร เคยได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย จากนั้นเป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กระทั่งการเลือกตั้งปี 2566 ลงรับสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 29 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยแรกในครั้งนี้

‘สุริยะ’ นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี หลัง ‘แพทองธาร’ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

(1 ก.ค. 68) ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รับไม้ต่อ นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และรมว.คมนาคม หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณี สว. ยื่นถอดถอน แพทองธาร ชินวัตร และมติ 7 : 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

เนื่องจากประกาศโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีคำสั่งให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่ง และไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการ,

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ที่พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และนายเดชอิชม์ ทองขาว ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ทำให้ทั้ง 4 คน จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ถึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากหากมีการปรับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แม้อีกตำแหน่งไม่ได้ปรับ ตามหลักก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งเดิม

ขณะเดียวกันสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เตรียมแผนรองรับ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง สว. และมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน

โดยรองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามานั่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งจะมีอำนาจเต็ม จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีให้สามารถสั่งการเกี่ยวกับแต่งตั้งบุคลากรและงบประมาณได้

‘อ.ไชยันต์’ ขอบคุณ ‘ทักษิณ-พรรคร่วม’ ฟื้นคืน ‘การเมืองเน่าๆเก่าๆ’ ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น

เมื่อวันที่ (30 มิ.ย.68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า "ขอบคุณทักษิณและพรรคร่วม ที่ช่วยกันทำให้การเมืองเน่าๆเก่าๆกลับมา ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น"

นายกฯ เชิญ ‘ประธานาธิบดี มาครง’ เยือนไทย ย้ำชัดพร้อมหารือกัมพูชาแก้ปมชายแดนด้วยสันติวิธี

นายกฯ เผยเชิญ ‘มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทย ย้ำพร้อมหารือกัมพูชา แก้ปมชายแดนสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีของสองประเทศ 

(30 มิ.ย. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก 'Ing Shinawatra' ระบุว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อ และกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศ และระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ” 

“ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทย ในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทย และพร้อมให้การสนับสนุน” 

“ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ”

ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือ พรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรม โน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต

(29 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊กของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่าการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเปิดทางให้กับการทำรัฐประหาร และปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต ว่า "ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรมโน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต ด่าฮุนเซนเป็นบิดาแห่งสแกมเมอร์ ใช่ การเมืองต้องมีสีสัน แต่มึงต้องมีสาระด้วย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมืองล่าสุด พรรคส้มได้ตั้งโต๊ะแถลงหรือยัง ได้ออกแถลงการณ์ประนามกัมพูชาหรือยัง ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเขมรหรือยัง ได้ reach out ไปถึงอาเซียนขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายปัญหาไหม หรือแม้แต่ยกหูโทรศัพท์คุยกับทูตเขมรหรือเปล่า (ถ้าเค้าไม่คุยกับมึงก็อีกเรื่องนึง)

นอกจากนี้ มีการตั้งโต๊ะแถลงให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม รับผิดชอบอย่างไร หาทางออกให้สังคมอย่างไร รวมถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้าน ตัวแทนภาคประชาสังคม NGOs เรื่องนี้อย่างไร ส่ง สส ให้ไปดู/สังเกตการณ์ชายแดนกัมพูชาไหม หรือสาระแนแต่จับแรงงานต่างด้าวทางภาคเหนือเท่านั้น

แล้วการชุมนุมเมื่อวาน ท่าทีพรรคส้มคืออะไร มีการประนามการเรียกร้องรัฐประหารทันทีไหม หรือแค่รอดูทิศทางลม อีกเรื่อง ในวิกฤตนี้ พรรคส้มได้ให้การศึกษาสังคมแค่ไหน มี สส คนไหนพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่นอกเหนือจาก official statement ของรัฐบาลไหม มีใครรู้จริงเรื่องข้อพิพาทล่าสุดไหม หรือข้อมูลเชิงลึกเรื่องผลประโยชน์ฮุนเซนในธุรกิจชายแดนหรือเปล่า

...ที่เขียนมาซะยาว อาจจะดูเยอะ แต่ถ้าพรรคประชาชนไม่ทำ/ทำไม่ได้ เราจะมีหวังให้อีพรรคนี้เข้าไปเป็นรัฐบาลในอนาคตได้อย่างไร เพราะเข้าไป ก็คงเข้าไปนั่งประดิษฐ์คำพูด รอทิศทางลม หรือจนในปัญญาตัวเองที่แก้ไขสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้"

‘เพื่อไทย’ ไม่ตกใจ!! ผลโพล ‘นายกฯ’ คะแนนร่วง เผย!! ตจว.เข้าใจคลิปคุย ‘ฮุนเซน’ เป็นเทคนิคการทูต

(29 มิ.ย. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดผลสำรวจความเห็นประชาน ที่คะแนนนิยม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หล่นไปอยู่อันดับ 5 และคะแนนนิยมพรรค พท.ตกไปอยู่ที่ 3 ว่า ไม่น่าตกใจ เป็นผลพวงจากคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่บางกลุ่มยังไม่เข้าใจว่าเป็นเทคนิคทางการทูต แต่ประชาชนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ยังเข้าใจการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ผลโพลที่ออกมาดังกล่าวสะท้อนอารมณ์ประชาชนที่สอบถามความรู้สึกในช่วงขณะนั้น แต่อีก 3 - 4 วันต่อมาอาจเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากรัฐบาลได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลมากขึ้น หลังจากนี้เป็นหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ต้องทำงานแก้ปัญหาเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน มั่นใจว่าคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี และพรรค พท.จะกลับมาดีขึ้นแน่นอน ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ควรให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สส.เพื่อไทย ยังมั่นใจในคะแนนพรรคว่ายังมั่นคงอยู่

เมื่อถามถึง การชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คนขึ้นเวทีมีแต่คนหน้าเดิมๆ เป็นพวกขาประจำ แถมแกนนำบางคนยังยุให้ทำรัฐประหาร มีที่ไหนทำกัน อยากให้ประเทศเกิดรัฐประหาร ใช้วิธีโคตรโบราณ พวกที่ขึ้นเวทีอยากกลับมาเป็น สว.หรือมีตำแหน่งทางการเมือง หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เชื่อว่าม็อบไม่น่าจะจุดติด แม้แต่ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนยังคิดได้ เราไม่เอาด้วยกับการรัฐประหาร อย่าไปตกใจมากมาย

เมื่อถามว่า หลังปรับ ครม.ยังมั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะยังมีเสถียรภาพ จะไม่ถูกพรรคร่วมรัฐบาลกดดันการทำงานในช่วงที่มีเสียงปริ่มน้ำ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกพรรคต้องขยันทำงานมากขึ้น เอาสภาฯ เป็นตัวตั้ง การประชุมสภาฯ ในวันพุธ - พฤหัส ควรอยู่ที่สภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนับองค์ประชุม ไม่ควรไปอยู่ตามสนามบิน หรืออยู่ในพื้นที่ตัวเอง เพราะสภาฯ คือที่ทำงานของ สส.หากพรรคร่วมรัฐบาลใช้วิธีกดดันรัฐบาล จนต้องยุบสภาหรือรัฐบาลเจ๊ง โดยที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ยังไม่ผ่านวาระ 3 ยิ่งเป็นการทำร้ายประเทศ มั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ไม่ขัดแย้งถึงขั้นนายกฯ ต้องยุบสภาหรือลาออก

‘ศ.ดร.ไชยันต์’ จี้!! ‘พรรคส้ม’ ยื่นซักฟอก สลัด!! ปมอิงแอบลับๆ กับตระกูลชินวัตร

(29 มิ.ย. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า … 

เรียน พรรคประชาชน

สภาจะเปิด 3 ก ค นี้ หากพรรคประชาชนไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร  ทั้งๆที่พรรคมีจำนวน สส มากพอที่จะขอเปิด

ก็แปลว่า พวกคุณยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร

ในอนาคต หากพวกคุณจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯคนใด ที่ไม่ได้ทำงานแย่อย่างนายกฯ คนนี้  คุณจะมีคำอธิบายอย่างไร ?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่ได้ลงเอยอย่างที่คุณคาดหวัง

นายกฯอาจจะยังได้เสียงเกินครึ่ง

อาจไม่มีการยุบสภา

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย สส ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ คือ การทำหน้าที่แทนประชาชนในการซักถาม ติติงสิ่งที่นายกฯได้ทำลงไป

เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาชนเลือกทำตามหน้าที่และครรลองของผู้นำฝ่านค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพ ตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก

พรรคประชาชนจะได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า ไม่เล่นการเมืองแบบอิงผลประโยชน์ของพรรคเหนือมาตรฐานทางการเมืองสากล

แม้อาจจะไม่มีการยุบสภาโดยเร็วตามที่พรรคต้องการ

แต่เชื่อว่า หากทำตามหน้าที่แล้ว ยุบสภาเมื่อไร พรรคท่านจะได้คะแนนนิยมมากขึ้นโดยไม่มีใครคิดว่า ท่านแอบเป็นพันธมิตรแบบลับๆกับตระกูลชินวัตร!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top