Monday, 7 July 2025
NEWS

ผู้ว่าเมืองช้าง!!! แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ 'คชสาร ขจัดสิ้นยาเสพติด'

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.30 น.  ที่ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ภายใต้การอำนวยการของนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พลตำรวจตรีชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พลตรีวีรยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พันเอกกิตติพงษ์ พุทธิมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์(ฝ่ายทหาร) พันตำรวจเอกธรรมนูญ ฉิมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์(ปส) และพันตำรวจเอกชัยณรงค์ บุญด้วง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและระดมสรรพกำลังร่วมกัน สืบสวนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ห้วงตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา และในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 04:00 น จังหวัดสุรินทร์ได้เปิดยุทธการ 'คชสารขจัดสิ้นยาเสพติด'

โดยสนธิกำลังทุกหน่วยงานเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย เน้นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด แหล่งพักยาเสพติดและอาวุธปืน พร้อมกันทุกพื้นที่รวมทั้งสิ้น 55 เป้าหมายโดยผลการดำเนินการมีดังนี้ จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 242 คดี ผู้ต้องหาร่วมรวมกันทั้งสิ้น 270 คน แบ่งเป็น ผู้ค้าจำนวน 105 ราย ผู้เสพครอบครองเพื่อเสพ จำนวน 137 ราย ผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัด จำนวน 110 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติด แบ่งออกเป็น ยาบ้า(เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 27,630 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 6.16 กรัม ของกลางอาวุธปืน 80 กระบอก แบ่งออกเป็นอาวุธปืนยาว จำนวน 25 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 23 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปากกา) จำนวน 31 กระบอก วัตถุระเบิด จำนวน 1 ลูก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 207 ลูก โดยผู้ค้าผู้สมคบผู้สนับสนุนได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยไม่มีข้อยกเว้น สำหรับผู้เสพได้ส่งเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายตามกระบวนการบำบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป  เพื่อให้จังหวัดสุรินทร์ของเราเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากยาเสพติด 

สกัดขาหนุ่มแดนภารตะ ตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ผงะ Overstay กว่า 1000 วัน

กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.จว.สุรินทร์ ได้จับกุมนาย KAMALESH (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติอินเดีย ข้อหาอยู่ในราชอาณจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต 1,084 วัน เหตุจากได้รับร้องเรียนกรณีมีคนต่างด้าวสัญชาติอินเดียเข้ามาในพื้นที่ และแสดงตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ก่อความเดือดร้อนรำคาญ อันทำให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ ขยายผลทราบว่า คนต่างด้าวรายดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ จึงวางแผนสนธิกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าจับกุม 

ตม.3 กวาดล้างขยายผลจับกุมขบวนการขนคนเข้าเมือง

กก.สส.บก.ตม.3 ได้จับกุมคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมา 6 ราย ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ขยายผลทราบว่า กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวเดินทางเข้ามาทางจว.กาญจนบุรี และ จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทางช่องทางธรรมชาติ โดยนัดหมายกันทางโซเชียลมีเดีย จากการสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มคนต่างด้าวอีกประมาณ 200 – 300 คน รอขบวนการเครือข่ายขนคนส่งรถมารับเพื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่กรุงเทพ และเขตปริมณฑลกก.สส.บก.ตม.3 จึงได้ประสานกับตม.จว.กาญจนบุรี และ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อวางแผนดำเนินการสกัดกั้นจับกุมไม่ให้มีการขนคนลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยจับกุมขบวนการขนคนได้ 3 ราย ดังนี้

PCT ร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และ บช.สอท. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งเว็บพนันจีน ลักลอบใช้เมืองไทยเป็นฐานการพนัน จับกุมพนักงานเว็บจีนกว่า 56 คน

ด้วยเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ร่วมกับ สตม., บช.ทท.และ บช.สอท.สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวต่างชาติชาวจีนได้ลักลอบใช้เมืองไทยเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ชื่อ เห่อชิง (HengXin) และ คายยุน (Kaiyun) มีพนักงานกว่า 50 คน อยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ สวนหลวง และหัวหมาก กทม.จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทำการขออนุมัติหมายค้นหอพักดังกล่าว และศาลอาญาพระโขนงอนุมัติหมายค้นให้เข้าทำการตรวจค้นในวันที่ 28 ต.ค. 2565

ต่อมาวันที่ 28 ต.ค.2565 เวลา 12.00 น.เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกับ สตม., บช.ทท.,บช.สอท.
ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจค้นอาคารเป้าหมายตามหมายค้น ปรากฏว่าพบคนจีนและคนมาเลเซียจำนวนหนึ่งกำลังทำงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ โดยทำหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยและดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ ต่อมาได้ขยายผลและพบว่ากลุ่มคนร้ายอีกจำนวนหนึ่งไปทำงานที่หอพักอีกแห่งหนึ่งบริเวณ แขวง หัวหมาก เขต บางกะปิ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาบางส่วนเข้าขยายผล ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นพบกลุ่มคนจีนอีกกว่า 56 คน ทำงานเป็นแอดมินเว็บไซต์พนันออนไลน์ทำหน้าที่ชักชวนลูกค้าชาวต่างชาติให้เข้าเล่นผ่านแอพพลิเคชั่นโซเชียล Let’s Talk และ Telegram

รอง โฆษก ตร. เผย กองทะเบียนประวัติอาชญากร ขยายเวลา เปิด - ปิด ตรวจสอบประวัติบุคคล เริ่ม 7 พ.ย. นี้

วันนี้ (4 พ.ย.65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า กองทะเบียนประวัติอาชญากร ตร.ได้ขยายเวลา เปิด-ปิด ศูนย์บริการตรวจสอบประวัติบุคคล จากเวลาเดิมตั้งแต่ 08.30 – 15.30 น.เป็นเวลา 07.30 – 16.30 น. 

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ศูนย์บริการตรวจสอบประวัติบุคคล กองทะเบียนประวัติอาชญากร เป็นสถานที่ให้บริการประชาชน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มาติดต่อขอตรวจสอบประวัติบุคคลและขอดูข้อมูลข่าวสารราชการท่านสามารถ ตรวจสอบประวัติด้วยชื่อ-ชื่อสกุลโดยทำการยื่นคำร้องขอตรวจสอบประวัติผ่านทางเว็บไชต์ www.crd-check.com หรือตรวจสอบประวัติด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือ กรณีในเขต กทม. สามารถมาใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการฯ กองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยจองคิวผ่าน www.crdqonline.com  ก่อนเข้ามาใช้บริการ กรณีพื้นที่ต่างจังหวัด สามารถใช้บริการได้ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1-10 หรือ พิสูจน์หลักฐานจังหวัดได้ทั่วประเทศ

รวบผู้ต้องหาออสเตรียก่อคดีหนีซุกไทย

ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กรณี สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรีย ประจำประเทศไทย ขอความอนุเคราะห์ ในการติดตามตัว นายมาร์โก้ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี สัญชาติออสเตรีย ซึ่งเป็นบุคคลที่สาธารณรัฐออสเตรียต้องการตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับสหภาพยุโรป ภายใต้หมายเลขคดี 6St 211/20f สำนักงานอัยการประจำเมืองซาลซ์บูร์ก ในความผิดฐาน ยักยอกเงินสมทบประกันสังคมของพนักงาน ความผิดฐานละเมิดผลประโยชน์ของเจ้าหนี้อย่างร้ายแรง ความผิดฐานฉ้อฉลล้มละลาย และความผิดฐานฉ้อโกงประกันสังคม รวมความผิดทั้งสิ้น 7 กระทง กก.1 บก.สส.สตม.

จับผู้ต้องหาชาวเกาหลี OVERSTAY หนีคดีฉ้อโกงเพื่อนร่วมชาติ ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย.2565 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สตม. ดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ 

อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณรอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวานกุล รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส. สตม., พ.ต.อ.อุกฤต กัลยาณมิตร ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ จึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในห้วงระหว่างวันที่ 5 - 31 ต.ค.65 โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น ๆ ได้แก่ หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay), การนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม และการให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อสนับสนุนให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542เป็นต้น และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว ให้ขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป

ผลการดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 5 – 31 ต.ค.65 สตม. สามารถ จับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ได้ทั้งสิ้น 719 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 779 คน เมื่อเปรียบเทียบสถิติการจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนอนุญาต (Overstay) ห้วงเดือนตุลาคม ปี 2564 กับเดือนตุลาคมปี 2565 ผลปรากฏว่ามีสถิติเพิ่มขึ้น 584 คดี คิดเป็น ร้อยละ 432.59 และเมื่อเปรียบเทียบสถิติการจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ห้วงเดือนกันยายน 2565 กับเดือนตุลาคม 2565 ปรากฏว่ามีสถิติเพิ่มขึ้น 563 คดี คิดเป็น ร้อยละ 360.90

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ จึงสั่งการให้ สตม. มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างต่อเนื่อง และให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยมีเป้าหมายหลักเป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเฉพาะข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และกฎหมายอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและคณะบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมภารกิจการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคตลอดระยะเวลาการประชุมในครั้งนี้ 

‘กรุงเทพมหานคร’ ยังยืนหนึ่ง เมืองน่าพักผ่อนมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

กรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 เมืองน่าพักผ่อนมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (Best Leisure time city in Asia-Pacific) 6 ปีซ้อน

อีกหนึ่งข่าวน่ายินดี! นิตยสารธุรกิจและท่องเที่ยว Business traveller จัดอันดับให้ 'กรุงเทพมหานคร' เป็นอันดับ 1 เมืองที่น่าพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (Best Leisure time city in Asia-Pacific) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากการสำรวจของ Business Traveller Asia-Pacific Awards 2022 ซึ่งสะท้อนว่าไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ

นอกจากนี้ ไทยยังคว้ารางวัลอันดับ 3 ในประเภทเมืองสำหรับธุรกิจที่ดีที่สุด (Best Business Cities in Asia) ขณะที่สายการบินประจำชาติอย่างการบินไทย (Thai Airways) ติด Top 3 ประเภทสายการบินที่ดีที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก (Best Airline of Asia-Pacific) อีกด้วย

พลิกบทบาทใหม่ 'พีเค' พัสกร (The Face Men Thailand) สู่นักชวนคุยใน 'TIME TO TALK' by THE STATES TIMES

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหนุ่มเท่เสน่ห์เหลือร้ายกับ 'พัสกร วรรณศิริกุล' หรือ 'พีเค' จากเวทีการประกวด The Face Men Thailand ปี 2017 

แต่หลังจากนั้น บทบาทของพีเค ก็ไม่ได้หยุดแค่เวทีประกวด เขามุ่งมั่นและเสาะแสวงหาเส้นทางใหม่ๆ ให้กับชีวิตแบบไม่หยุดนิ่ง จนมีโอกาสได้โลดแล่นในฐานะศิลปินเต็มตัว ได้เป็นทั้งนักแสดง และนายแบบงานที่ถนัด อีกทั้งยังขยายโอกาสให้ชีวิตด้วยเปิดกิจการของตัวเอง ในรูปแบบของรับงานที่ปรึกษา และเปิดแกลเลอรี่ 2 แห่ง

'ดร.สมคิด' กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุบลก่อนพบประชาชน 5 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 พ.ย.) ช่วงเช้าดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมผู้บริหารพรรคฯ ได้เดินทางไปกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนารามวรวิหาร หรือวัดป่าใหญ่หลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ (วัดป่าใหญ่) ซึ่งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับร่วมพิธีเสริมสิริมงคลโดยหลวงพ่อเจ้าคุณพระวชิรกิจโกศล เจ้าอาวาสทำพิธี

หลังจากนั้นคณะผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เดินทางไปยังวัดหนองป่าพง เพื่อกราบสักการะพระอัฐิธาตุ พระโพธิญาณเถรหรือหลวงปู่ชา พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อันเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งในและต่างประเทศ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน รุดเริ่มโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสาน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ 'สร้างชีวิต' พร้อมมอบจักรยาน ในโครงการ 'จักรยานเพื่อน้องสัญจร' ครั้งที่ 3 นำหน่วยแพทย์ ออกบริการประชาชนฟรี..ที่จ.สุรินทร์

วานนี้ (3 พ.ย.65) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์  กรรมการ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นางทรงลักษณ์ วรภัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะมูลนิธิสุรินทร์สามัคคีกุศลสถานสงเคราะห์ ร่วมในพิธี  ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์ ร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดบุรีรัมย์  อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ รวมมูลนิธิฯ มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนทั้งสิ้น 2 จังหวัด 31 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น จำนวน 456,140 บาท (สี่แสนห้าหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสี่สิบบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ "บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ" ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี ทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวาทิต โสภา (วิน-วาทิต) อาสาสมัครศิลปิน ร่วมในพิธี

นอกจากนี้  ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบรถจักรยาน ในโครงการจักรยานเพื่อน้องสัญจร ครั้งที่ 3 จำนวน 100 คัน หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น แอลกอฮอล์ 5 แกลอน และค่าพาหนะเดินทางแก่โรงเรียนๆละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 174,867.50 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสี่พันแปดร้อยหกสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์) ให้กับโรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมถึง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำโดย นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสา เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น คัดกรองเบาหวาน และบริการตัดผม โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

‘หลวงตาบุญชื่น’ สั่งปิดบัญชีรับบริจาคแล้ว ขอประชาชนมารอรับไม่ต้องนำอะไรมาถวาย

หลวงตาบุญชื่นสั่งปิดบัญชีรับบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยโรงพยาบาล ตั้งเป้า 1,300 ล้านบาทแล้ว พร้อมขอให้ขบวนการขายน้ำเปล่า- พวงมาลัย หยุดพฤติกรรม เอาเปรียบประชาชน ย้ำประชาชนที่เดินทางรอรับไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวมา 

สำหรับความคืบหน้า ‘หลวงตาบุญชื่น’ อายุ 74 ปีเดินจาริก ธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าจากอำเภอหาดใหญ่ไปจังหวัดนครพนม ระยะทาง 3,415 กม.และมีข่าวการรับบริจาคตั้งกองทุนช่วย รพ.ขาดแคลน โดยมีการตั้งเป้ารับบริจาคไว้ที่ 1,300 กว่าล้านบาท พร้อมมีการไลฟ์สดขอบริจาคเงินเข้ากองทุนเพื่อพระนิพพาน-ชมรมคณะลูกหลานศิษย์ หลวงพ่อวัดวีระโชติฯ

 ผบ.ตร.สั่งการชุด PCT รวบแก๊งแขกดำตุ๋นขายเพชรเก๊ 16 ล้าน

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ ฝ15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง โดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม  21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า 'ใบเซอร์' ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียนจนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ 'เพชรปลอม' สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.
ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลัง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว , จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย คือ

1. Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 
2. นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม พร้อมตรวจยึด 
1. ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2. วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3. ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4. โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5. สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6. นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7. นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8. โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9. เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า 'LABGROWN' คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า “BGROW” ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ 'ใบเซอร์' ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง , บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า “LABGROWN” ให้เหลือเพียง “BGROW” , ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง , ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA  ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย  ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย – อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา  เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ  

‘คอนโดปะการัง’ ระบบนิเวศแห่งใหม่ใต้แท่นขุดน้ำมัน ที่พี่ไทยคิดไว้แล้ว ผ่านแนวคิด 'ทะเลเพื่อชีวิต'

(4 พ.ย. 65) เพจ Open Up ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับ ‘บ้านหลังใหม่ของเหล่าสัตว์ทะเล’ ที่สร้างระบบนิเวศแห่งใหม่ด้วยการเปลี่ยนแท่นขุดน้ำมันเป็นปะการังเทียมให้เหล่าน้อง ๆ ไว้ว่า...

ส่วนใหญ่คนมักจะคิดว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นเหมือนกับปราสาทของเหล่าตัวร้ายจากในการ์ตูนหรือหนัง เพราะคนยังติดภาพจำที่ว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันเหล่านี้อาจจะไปสร้างทับบ้านของเหล่าน้อง ๆ สัตว์ทะเลหรือไม่ก็ทำให้ระบบนิเวศในบริเวณนั้นเกิดความเสียหาย 

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ถ้าจะบอกว่าแท่นขุดน้ำมันเหล่านี้มันถูก ‘คิดค้น’ มาเพื่อเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตทางทะเลด้วยนะ 

เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนผมได้ไปเจอเข้ากับวิดีโอตัวหนึ่งในยูทูป เขาเล่าเกี่ยวกับเรื่องของโครงการ 'Rigs-to-Reef' หรือการเปลี่ยนแท่นขุดเจาะที่ปลดประจำการแล้วให้กลายเป็นปะการังเทียมเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทางทะเลได้เข้ามาตั้งรกรากใต้แท่นขุดเจาะ 

แล้วมันมีข้อดีอะไรหลาย ๆ คนอาจจะสงสัย เพราะถ้าพูดถึงของเทียมมันก็ต้องดีไม่เท่าของแท้อยู่แล้ว แต่ผมบอกเลยว่าไม่ใช่แบบนั้นถึงจะขึ้นชื่อว่าปะการังเทียมแต่จริง ๆ แล้วมันมีข้อดีมากกว่าปะการังแท้ ๆ อีกนะ ก็อย่างเช่น ...

รมว.สุชาติ เร่งขับเคลื่อนระบบประกันสังคมให้ทันสมัย ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกันตน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดงานประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ประจำปี 2565 (ภาคกลาง) Modernizing SSO 2022 : ก้าวสู่ระบบประกันสังคมที่ทันสมัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง 'นโยบายการพัฒนา และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน' โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานให้การต้อนรับ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

นายสุชาติ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจความสำคัญของงานประกันสังคมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการพัฒนางานประกันสังคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสำนักงานประกันสังคมสามารถนำไปใช้ขยายผลได้ในอนาคต โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็ว ภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตนมาโดยการลดอัตราเงินสมทบ การนำส่งเงินสมทบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ การปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ตลอดจนสิทธิประโยชน์และการให้บริการทางการแพทย์กรณีโรคโควิด-19 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top