Monday, 21 July 2025
NEWS FEED

นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ เผย เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาด

จากกรณีพบการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ที่โรงงานน้ำแข็งที่จังหวัด สมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี ทำให้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของการบริโภคน้ำแข็งอยู่ไม่น้อย นายแพทย์นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกมาเตือนประชาชนควรงดการบริโภคน้ำแข็งโดยตรง เช่น ใส่กับเครื่องดื่ม หรือขนมหวาน เพราะมีความเป็นไปได้ที่เชื้อจะอาศัยอยู่ในน้ำแข็งได้นานกว่าอุณหภูมิปกติ หากน้ำแข็งนั้นมีการปนเปื้อน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่ชาวบ้านกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะติดมากับน้ำแข็งได้นั้นขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางอาหารและน้ำ แต่อาจจะติดเชื้อจากบรรจุภัณฑ์ที่ใส่น้ำแข็งมากกว่า หากกระบวนการผลิตไม่สะอาดก็อาจจะมีเชื้อโควิด-19 ติดมากับน้ำแข็งได้ ซึ่งเชื้อโควิด-19 นั้นมีโอกาสอยู่ในน้ำแข็งได้นาน 2-3 วัน

ล่าสุด นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เคยระบุไว้ว่า โรคโควิด-19 ไม่ติดต่อทางการกินอาหาร เหมือนกับ โรคติดต่อทางการกินอาหาร หรือการดื่มน้ำ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ A, โรคท้องร่วงจากโนโรและโรตาไวรัส ทั้งนี้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อหลักๆ ทางการหายใจ ดังนั้น คลัสเตอร์ โรงงานต่างๆ รวมถึงเรือนจำ ที่อยู่อย่างแออัดและไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อโควิด-19 ได้ง่าย ส่วนอาหารแช่แข็ง อาหารสด อาหารญี่ปุ่น เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จะปลอดภัยจากทุกเชื้อโรค

 

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/regional/469483


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สหรัฐฯ มีแผนสำหรับบริจาควัคซีนโควิด-19 ในเบื้องต้น 7 ล้านโดส จากทั้งหมด 80 ล้านโดส แก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย ในนั้นรวมถึงมาเลเซีย และไทย รัฐบาลอเมริการะบุในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มีแผนแบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ของอเมริกาแก่ทั่วโลก อย่างน้อย 80 ล้านโดส ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน โดยชุดแรกจะมีประมาณ 25 ล้านโดส

เอกสารระบุว่า เกือบ 19 ล้านโดส หรืออย่างน้อย 75% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส จะเป็นการแบ่งบันผ่านโครงการโคแว็กซ์

แผนการจัดสรร 19 ล้านโดสของสหรัฐฯ นั้น ในนั้นราวๆ 7 ล้านโดสจะมอบแก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ มาเลเซีย อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน มัลดีฟ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ลาว ปาปัวนิวกินี ไต้หวันและหมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหลาย

นอกจากนี้แล้ว เอกสารข้อเท็จจริงระบุด้วยว่า อีกจำนวน 6 ล้านโดสในวัคซีนเกือบ 19 ล้านโดส จะมอบแด่ประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง และราว 5 ล้านโดส มอบแก่ชาติต่างๆ ในแอฟริกา ซึ่งจะเป็นการเลือกภายใต้ความร่วมมือกับสหภาพแอฟริกา

ส่วนที่เหลืออีกเกือบๆ 25% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส หรือคิดเป็นราวๆ 6 ล้านโดส มีเป้าหมายส่งมอบแก่ภูมิภาคต่างๆ ตามลำดับความสำคัญและความเป็นพันธมิตร โดยผู้ได้รับจะรวมไปถึง เม็กซิโก แคนาดา เกาหลีใต้ เวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา ยูเครน โคโซโว เฮติ จอร์เจีย อียิปต์ จอร์แดน อินเดีย อิรัก และเยเมน เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่แนวหน้าของสหประชาชาติ

เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า โครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ชุดแรก 25 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ มีแผนแบ่งปันกับทั่วโลก เวลานี้เหลือเพียงขั้นตอนเห็นชอบทางกฎหมายและผู้ควบคุมกฎระเบียบเท่านั้น

สหรัฐฯ บอกว่า จะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายใต้การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายและกฎระเบียบของทั้งสหรัฐฯ เองและเหล่าประเทศเจ้าบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งมอบวัคซีนแก่นานาชาติอย่างปลอดภัยและวางใจได้

แม้กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลา แต่ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งการรัฐบาลอเมริกาให้ใช้ทุกหนทางปกป้องผู้คนจากไวรัสโควิด-19 เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำมากกว่าการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการโคแว็กซ์ และจะบริจาคเสบียงวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขาแก่ทั่วโลก และจะสนับสนุนประเทศอื่นๆ ให้บริจาควัคซีนแบบเดียวกัน รวมถึงจะทำงานกับบรรดาผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ ในการเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนโควิด-19 เพื่อส่วนอื่นๆ ของโลก และจะช่วยประเทศต่างๆ เพิ่มเติมในการขยายศักยภาพด้านการผลิตวัคซีน

ทั้งนี้ ในรายละเอียดแผนแบ่งปันวัคซีนแก่ทั่วโลก 80 ล้านโดสของสหรัฐฯ เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า 75% จะเป็นการจัดสรรผ่านโครงการโคแว็กซ์ ส่วนที่เหลืออีก 25% จะเป็นการแบ่งปันตามความจำเป็นเร่งด่วน และช่วยชาติต่างๆ ที่กำลังเผชิญเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง

 

ที่มา: มาเลเซียเมล์

https://mgronline.com/around/detail/9640000054662


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลายเป็นอีกประเด็นที่น่าติดตามเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน หลังจากผู้คนกว่า 3 หมื่นรายในสิงคโปร์ หันมารอฉีด Sinovac เนื่องจากพบผู้ที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงกว่า 2 พันคน จากผู้ฉีดเข็มแรกของ Pfizer และ Moderna

จากเฟซบุ๊ก Pat Sangtum ของคุณแพท แสงธรรม นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication Facilitator และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในอีกหลายแขนง ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

ภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis)

ผู้คนกว่า 3 หมื่นในสิงคโปร์ รอฉีด Sinovac หลังจากพบผู้ที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงกว่า 2 พันคน จากผู้ฉีดเข็มแรกของ Pfizer และ Moderna ไปแล้ว

สิงคโปร์ มีวัคซีนของ Sinovac ร่วม 2 แสนโดส แต่ยังไม่ผ่านการรับรองของสาธารณสุขสิงคโปร์ หรือกรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ ถึงกระนั้นก็จะปล่อยสต็อก Sinovac ให้นำไปใช้ได้ ผ่านมาตรการพิเศษ โดยไม่คิดค่าวัคซีน แต่อนุญาตให้โรงพยาบาลและคลินิกเรียกเก็บเงินค่าบริการการฉีดได้ โดยจะจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้รับวัคซีนในภายหลัง

สำหรับอาการที่พบในผู้มีอาการแพ้หลังจากฉีด mRNA ได้แก่ อาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ที่มีอาการภูมิแพ้รุนแรงอยู่แล้ว จึงต้องเลี่ยงการใช้วัคซีนชนิด mRNA

แต่ต่อมาไม่นาน สาธารณสุขสิงคโปร์ ก็ได้ยกเลิกคำสั่งนี้ไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ของ Pfizer และ Moderna ไปแล้วเข็มแรก และเกิดอาการภูมิแพ้ จะไม่ถูกบังคับให้ฉีดเข็มที่สอง และเปลี่ยนไปใช้ Sinovac แทนได้

ทั้งนี้ เดิมที Sinovac ไม่ได้อยู่ในแผนวัคซีนของสิงคโปร์ และผู้ที่เลือก Sinovac จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง แต่เมื่อ WHO รับรอง Sinovac แล้ว ทางสาธารณสุขสิงคโปร์ จึงบรรจุ Sinovac เข้าไว้ในแผนวัคซีนของชาติ และจ่าย Sinovac ให้ฟรี

สำหรับอาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) คือ อาการภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงอย่างเฉียบพลัน เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง เช่น อาหารหรือยาบางชนิด แมลงกัดต่อย หรือสารอื่นๆ เนื่องจากระบบภูมิต้านทานของบุคคลนั้นไวต่อสารกระตุ้นดังกล่าวมากกว่าคนปกติ

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4138315072873291&id=100000845184675


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ผบ.ตร.'​ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม 'สถานีตำรวจส่วนแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ'​ ตามโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยกเพื่อบริการประชาชนและลดความแออัด

ตามนโยบายของ พลตํารวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายให้แก่ คณะทํางานนโยบายการพัฒนางานป้องกันและปราบปราม โดยมี พลตํารวจเอก มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะทํางาน และมี พลตํารวจโท รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทํางาน

โดยให้ดําเนินการโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยก เพื่อเป็นหน่วยบริการประชาชนนอกสถานที่และกระจายการบริการสู่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความแออัด ของสถานีตํารวจหลัก ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชนอย่างทั่วถึง อีกทั้งเพื่อเป็นการควบคุม การเกิดอาชญากรรมบ่อยครั้งและเป็นการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล/โฆษกกองบัญชาการตํารวจนครบาล เปิดเผยว่า วันที่ 4 มิ.ย. 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจเยี่ยม 'สถานีตํารวจส่วนแยก อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ'​ ซึ่งเป็นสถานีตํารวจส่วน แยกของสถานีตํารวจ​นครบาลพญาไท

โดยได้พิจารณาจากการเลือกพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลาง การคมนาคม พื้นที่ที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ ล่อแหลมต่อการเกิดปัญหาอาชญากรรม อยู่ใจกลางชุมขน และเป็นที่ตั้งของสถานที่สําคัญทางเศรษฐกิจ เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ร้านทอง และหน่วยราชการที่ สําคัญ รวมถึงพิจารณาสถิติคดีเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ในพื้นที่ของสถานีตํารวจนครบาลพญาไท จึงได้เลือกพื้นที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นสถานที่จัดตั้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถานภาพอาชญากรรม กับลักษณะทางกายภาพตรงกับเจตนารมณ์และแนวคิดในการจัดตั้งสถานีตํารวจส่วนแยก

ทั้งนี้ โฆษกกองบัญชาการตํารวจนครบาล ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของการเข้ารับการฉีด วัคซีนป้องโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของข้าราชการตํารวจผู้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนนั้น ในสถานีตํารวจนครบาลพญาไท ข้าราชการตํารวจทุกนายเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คิดเป็น อัตรา 100% เพื่อเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่ข้าราชการตํารวจและพี่น้องประชาชนผู้ที่มาใช้บริการ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบทุนการศึกษา ให้แก่ทายาทข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทุพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ ครั้งที่ 1 

วันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. 64 ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

ประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษา ให้แก่ทายาทข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทุพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ ครั้งที่ 1 

โดยสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี พ.ศ. 2564 ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ที่อยากให้ทางสมาคมแม่บ้านตำรวจ ช่วยเหลือ และดูแลครอบครัวทายาทของข้าราชการตำรวจผู้เสียสละ สมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้จัดทำโครงการมอบทุนการศึกษาให้แก่ทายาทของข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทุพพลภาพ จากการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและช่วยแบ่งเบาภาระทางการศึกษาของทายาทครอบครัวข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งการมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ได้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนทุนทั้งสิ้น 50 ทุน  ทุนละ 50,000 บาท รวม 2,500,000 บาท  มีผู้แทนเข้ารับทุนจำนวน 10 ครอบครัวในวันนี้ ได้แก่

ครอบครัวและทายาทของ
พล.ต.ต.อิสระพงศ์ กุลจินดา
พล.ต.ต.วิรัตน์ชัย น้อมระวี
พ.ต.ท.ชัชวาล แท่งทอง
ร.ต.อ.จิระศักดิ์ อดทน
ร.ต.อ.เชาว์ พิมพะกุล
ร.ต.อ.สุชิน แดนไธสง
ร.ต.อ.ภาสวี ศรีชัย
ร.ต.ต.ชัยรัตน์ ผิวงาม
ด.ต.ภาสวี ศรีชัย
จ.ส.ต.อาสาฬ เกตุจำปา

โดยมี พล.ต.อ. ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. คุณสุมนา กิตติประภัสร์ อุปนายกสมาคมฯ และ พ.อ.หญิง อรัญญา ทรัพย์พ่วง ให้เกียรติร่วมในพิธี

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ใน กทม. มีประชาชนประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 6 ล้านคน 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ใน กทม. มีประชาชนประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 6 ล้านคน 

จึงจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อยับยั้งการระบาด รวมแล้วต้องให้บริการฉีดวัคซีน 12 ล้านโดส เราควรฉีดให้เสร็จใน 4 เดือน หรือ 120 วัน (ถ้าช้ากว่านี้ อาจจะมีปัญหาในการยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ) ดังนั้น ในกรุงเทพมหานคร เราต้องบริการฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 100,000 โดส การเปิดจุดบริการฉีดน้อยแห่งจะทำให้เป็นไปได้ยากมากถึงมากที่สุด ขณะนี้ กทม. มีจุดบริการฉีดวัคซีน ไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง คิดว่ายังไม่รวมของมหาวิทยาลัยต่างๆ  คำนวณง่ายๆ เอาตัวเลขกลมๆ แต่ละจุดบริการควรฉีดได้ 3,000 ถึง 5,000 ราย ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด

ในการเริ่มต้นแรกๆ แต่ละจุดอาจจะฉีดได้ไม่ถึงเป้าและควรต้องปรับระบบไปทุกๆ วัน พร้อมกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไม่ลังเลที่จะฉีดและอำนวยความสะดวกในการไปรับการฉีด 

การกระจายวัคซีน ของกรมควบคุมโรคติดต่อ สธ. กทม. และมหาวิทยาลัยในสังกัด อว. ในขณะนี้ถูกต้องเหมาะสมแล้วครับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ก็ทำมาพักหนึ่งกว่าจะปรับระบบได้ ดังนั้น ในช่วงนี้ที่ปริมาณวัคซีนกำลังทยอยเข้ามา จึงเหมาะแล้วที่ควรให้เริ่มไปช่วยกันหลายๆ แห่งเพราะทุกๆ ที่ต้องใช้เวลาพัฒนาขบวนการให้ได้เร็วและใช้คนประจำให้น้อยให้ได้เพราะต้องทำกันอีกนานมากๆๆ….. …ถึงตรงนี้แหละครับ (ร่ายที่มาที่ไปเสียยาว) ทั้งสามส่วนงานข้างต้นและราชวิทยาลัย / โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มีการหารือคุยกันใกล้ชิดตลอดเวลา และเห็นพ้องต้องกัน ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน คือทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยต้องได้รับวัคซีนโดยเร็วครับ และทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะได้รับการจัดสรรวัคซีนหลักมา เมื่อมีปริมาณวัคซีนหลักมากขึ้นนะครับ

สำหรับ หกแสนกว่าคนที่ได้ลงทะเบียนรอมารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์บริการวัคซีนของราชวิทยาลัยฯ และได้รับหมายเลข ID ที่ไปแล้ว ผู้ที่ได้รับหมายเลข ID มากกว่า 250,000 ขึ้นไปที่สามารถหาจุดฉีดวัคซีนที่อื่นๆ ใน กทม.ได้ ผมขอแนะนำว่าให้ไปลงทะเบียนและหาที่ฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงถ้าติดเชื้อและผู้ที่เสี่ยงสูงในการได้รับเชื้อและแพร่เชื้อได้ง่าย ส่วนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และผู้ด้อยโอกาสที่เข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ตหรือการจองออนไลน์ รวมถึงผู้ที่ไว้วางใจโรงพยาบาลจุฬาภรณ์โรงพยาบาลจะทยอยเรียกเข้ามารับวัคซีนต่อไปโดยเร็ว เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีนัดรับวัคซีนเข็มที่สองยังเข้ามารับตามนัดได้ครับ……และเมื่อมีวัคซีนมาเพิ่มปรับแผนใหม่จะแจ้งอีกครั้ง????????????

“ทำดีไว้แล้วก็จะดี”

“ทำดีไว้แล้วก็จะดี”

นิธิ มหานนท์ 
เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
4 มิถุนายน 64
#ความดีต้องช่วยกันทำ
#สามัคคีกันไว้เราต้องสู้กับมันไปอีกนาน
#วัคซีนช่วยฟื้นชีวิตชีวาสังคมไทย


ที่มา : https://www.facebook.com/755523894/posts/10159298700433895/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเดนมาร์กในวันจันทร์ ได้เรียกร้องเจ้าหน้าที่สาธารณสุของประเทศ ให้ทบทวนการตัดสินใจไม่ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซนเนก้า หลังประสบปัญหาในการขับเคลื่อนโครงการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเดนมาร์กในวันจันทร์ ได้เรียกร้องเจ้าหน้าที่สาธารณสุของประเทศ ให้ทบทวนการตัดสินใจไม่ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซนเนก้า หลังประสบปัญหาในการขับเคลื่อนโครงการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ เดนมาร์กหยุดใช้วัคซีนทั้ง 2 ตัวเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเคสลิ่มเลือดอุดตันรุนแรงที่เกิดขึ้นน้อยมากในผู้รับวัคซีนบางราย 

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เดนมาร์กกำลังเผชิญกับปัญหาความยุ่งยากเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นาจากสหรัฐฯ ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนแผนฉีดวัคซีนแก่ทุกคนในเดือนกันยายน ณ ตอนนี้ คาดหมายว่าปัญหาล่าช้าน่าจะกินเวลาราว ๆ 2 สัปดาห์

แมกนัส ฮิวนิกเก้ รัฐมนตรีสาธารณสุขเดนมาร์ก เปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐว่า ด้วยบริบทนี้รัฐบาลกำลังร้องขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพิจารณาทบทวนใหม่ 

“ตอนนี้เราถลำเข้าสู่การแพร่ระบาดมากกว่าเดิม วัคซีนจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซนเนก้า ตอนนี้ถูกใช้ในยุโรปมาแล้วระยะหนึ่ง” ฮิวนิกเก้กล่าว “มีข้อมูลมากขึ้นบนพื้นฐานทั่วโลกสำหรับประเมินประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงของวัคซีน” เขากล่าว

เจ้าหน้าที่เดนมาร์กถอนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกจากโครงการฉีดวัคซีนของประเทศในช่วงกลางเดือนเมษายน และหยุดใช้งานวัคซีนของจอห์สันแอนด์จอห์นวันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ไม่ใช่แค่ความกังวลด้านสุขภาพ แต่การระงับใช้วัคซีนทั้ง 2 ตัวของเดนมาร์กยังมีเหตุผลจากข้อเท็จจริงที่ว่า โรคระบาดใหญ่ดูเหมือนอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีอุปทานวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้อย่างเพียงพอ นั่นก็คือวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา

ทั้งนี้ เดนมาร์กเป็นชาติแรกของยุโรปที่หยุดใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ในโครงการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการ แต่ในวันที่ 20 พฤษภาคม พวกเขาผ่อนปรนข้อจำกัดต่าง ๆ สำหรับทุกคนที่ต้องการฉีดวัคซีนทั้งสองตัว

อย่างไรก็ตามจากข่าว ก็ยังมีอีกมุมที่น่าสนใจที่ไม่ได้ระบุไว้ ซึ่งทาง ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เพิ่มเติมอีกเหตุชวนคิดไว้ว่า... 

"อีกสาเหตุที่ไม่ได้ระบุในนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เริ่มจะพบว่าวัคซีนซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna ที่ส่งผลข้างเคียงต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจในหมู่เด็กวันรุ่น ระหว่างอายุ 16-19 ปี" 

 

ที่มา:
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/denmark-reconsider-exclusion-jj-astrazeneca-shots-2021-05-31/

https://www.facebook.com/100001625041497/posts/4183493018381492/

https://mgronline.com/around/detail/9640000052645


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เฟซบุ๊ก​ Thailand​ FACT Today​ ได้เผยภาพผู้แทนองค์การอนามัยโลก​ (WHO) หลังได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา​ พร้อมระบุ...

เฟซบุ๊ก​ Thailand​ FACT Today​ ได้เผยภาพผู้แทนองค์การอนามัยโลก​ (WHO) หลังได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา​ พร้อมระบุ...

คนไทย

ไม่แพ้ใครในโลก

โดยมีภาพบรรยากาศ​ ท่านรองนายกและรัฐมนตรีสาธารณสุข กับ ดร. แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก​ (WHO) ประจำประเทศไทย หลังรับวัคซีนโควิด19 จากแอสตร้าเซนเนกา ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ประเทศไทย

ซึ่ง ดร.แดเนียล กล่าวว่า... 

"มั่นใจในประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ของวัคซีน และอยากเชิญชวนให้คนไทยมารับวัคซีนกันให้มากๆ"

ทั้งนี้ในวันเดียวกัน ที่ศูนย์ฉีดวัคซีน​ สาธารณสุขเริ่มมีการให้บริการวัคซีนแอสตราฯ ฝีมือคนไทย ให้กับประชาชน และกลุ่มเสี่ยงตามเกณฑ์แล้ว

 

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=5994546647252579&id=3080161418691131


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยันคนลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด ผ่านแอปฯ ‘หมอพร้อม’ ได้ฉีดตามนัดหมายวันที่ 7, 8, 9 มิ.ย.นี้ แน่นอน พร้อมเผยข่าวดีสัปดาห์หน้าเตรียมเซ็นต์สัญญาจอง ‘ไฟเซอร์’

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยแผนการกระจายวัคซีนว่า ในเดือนมิ.ย. จะมีการฉีดวัคซีนตามแผนหลัก สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนกับระบบหมอพร้อม และได้รับการนัดหมายฉีดวัคซีนในวันที่ 7, 8, 9 มิ.ย.นี้ จะได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน ไม่เลื่อน ขอให้ไปติดต่อกับสถานพยาบาลที่จองรับวัคซีนไว้

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า วัคซีน 2 ชนิด ที่ฉีดให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวก หรือแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการรับรองแล้วจากทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าเป็นวัคซีนที่ใช้ได้ในภาวะฉุกเฉินเหมือนกันทั่วโลก และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ ยังระบุว่าวัคซีนทั้ง 2 ชนิด สามารถฉีดได้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จนถึงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปได้ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลให้สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ตามแผนการจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสในปีนี้ตามเป้าหมายนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้มีวัคซีนจากซิโนแวกแล้ว 6 ล้านโดส และได้ลงนามในสัญญากับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) อีก 61 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้ส่งมอบแล้ว 2 ล้านโดส รวมที่จัดหาได้แล้ว 67 ล้านโดส ยังขาดอีก 33 ล้านโดส ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายไว้ว่าให้จัดหาเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการลงนามในสัญญาคำสั่งจองวัคซีนกับบริษัท ไฟเซอร์ ซึ่งคาดว่าจะได้ลงนามกันในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ สำหรับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมร่างสัญญาลงนามจองวัคซีน ซึ่งคาดว่าจะได้รับมาอีก 25 ล้านโดส ดังนั้นเมื่อรวมกับแผนการจัดหาวัคซีนซิโนแวกอีก 8 ล้านโดส ก็จะทำให้ครบ 100 ล้านโดสตามแผนที่กำหนด ซึ่งภายในเดือนมิ.ย.นี้น่าจะมีข่าวดี


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลขาฯ ศาลยุติธรรม เเจงไทม์ไลน์คดีภาษีโตโยต้า เร่งประสานหาข้อมูล ข้อเท็จจริงทุกมิติ เตรียมประสานขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ไต่สวนที่อเมริกา

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 64  ที่ชั้น12 สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นาย พงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เเถลงข่าวกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวการสอบสวนเกี่ยวกับคดีภาษีของ บริษัท ในเครือโตโยต้าในประเทศสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งมีการกล่าวอ้างถึงชื่อข้าราชการและอดีตข้าราชการตุลาการผู้ใหญ่ว่าอาจมีส่วนพัวพันธ์กับเรื่องนี้

นั้นตนขอเรียนว่าคดีที่มีการอ้างถึงเป็นคดีที่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐที่จัดเก็บภาษีเป็นจำเลยต่อศาลภาษีอากรกลางซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษามีคำขอให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานที่จัดเก็บภาษีฟ้องคดีแรกวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ซึ่งศาลภาษีอากรกลางพิจารณาคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้แยกฟ้องโจทก์จึงยื่นฟ้องคดีเข้ามาใหม่อีก 9 คดีในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 และวันที่ 10 มิถุนายน 2559 มีการสืบพยานต่อสู้คดีกันเป็นระยะเวลาปีเศษ ศาลภาษีอากรกลางจึงมีคำพิพากษาทุกคดีในวันที่ 29 กันยายน 2560 พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นผลให้โจทก์ไม่มีความรับผิดทางภาษีอากร

ต่อมาจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษรับคดีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 และต่อมาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์โดยอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นผลให้โจทก์ต้องรับผิดชำระภาษีอากรตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานรัฐโจทก์จึงยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาและรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาโดยศาลภาษีอากรกลางได้อ่านคำสั่งคดีขออนุญาตฎีกาไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างศาลภาษีอากรกลางดำเนินการให้ฝ่ายจำเลยยื่นคำแก้ฎีกา ซึ่งจำเลยขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 หากยื่นคำแก้ฎีกาแล้วศาลภาษีอากรกลางจะรวบรวมสำนวนส่งคืนศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป

ดังนั้นในคดีนี้ศาลฎีกาจึงยังไม่ได้พิจารณาพิพากษาคดีเพียงพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาเท่านั้นซึ่งการอนุญาตให้ฎีกาเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26 ที่กำหนดให้ศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาเมื่อเห็นว่าปัญหาตามฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย

เมื่อคดีนี้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ขัดแย้งกันในสาระสำคัญทั้งเกี่ยวพันกับความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันกับประเทศไทยและยังเป็นกรณีที่ไม่มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกามาก่อนศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาได้โดยพิจารณาเพียงว่าปัญหาที่ ยื่นฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาสมควรอนุญาตให้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาหรือไม่ยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี แต่อย่างใด

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีภาษีอากรซึ่งเป็นคดีชำนัญพิเศษในการพิจารณาพิพากษาจะมีผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษีอากรตลอดทั้งสายตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนกระทั่งถึงศาลฎีกา 

โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีการวางระบบการทำงานในรูปแบบการประชุมคดีที่เข้มข้นขององค์คณะนับตั้งแต่เริ่มเปิดทำการเป็นต้นมาโดยองค์คณะจะร่วมกันพิจารณาคดีมีผู้ช่วยผู้พิพากษาทำหน้าที่เลขานุการคณะในการทำเอกสารสรุปข้อเท็จจริงประเด็นข้อพิพาทในคดีและข้อกฎหมายเมื่อประชุมแล้วท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนก็จะยกร่างคำพิพากษาตามมติการประชุมแล้วจึงส่งร่างคำพิพากษานั้นให้ผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือผู้ช่วยเล็กหลังจากผู้ช่วยเล็กตรวจสำนวนแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อผู้พิพากษาประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือเรียกว่าผู้ช่วยใหญ่เพื่อตรวจร่างคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อรองประธานเมื่อเห็นว่าเป็นคดีสำคัญจึงส่งให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษหรือประธานศาลฎีกาแล้วแต่กรณีพิจารณาหากเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายสำคัญก็จะสั่งให้นำปัญหานั้นเข้าสู่การพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาทุกท่านในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีประมาณ 70 คนส่วนศาลฎีกามี 176 คน
เมื่อร่างคำพิพากษาผ่านที่ประชุมแล้วจึงจัดทำคำพิพากษาเพื่อส่งให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังต่อไป

ในส่วนของการพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกานั้นแม้จะเป็นเพียงชั้นขออนุญาตฎีกาก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็กำหนดจำนวนองค์คณะไว้อย่างน้อย 4 คนโดยหนึ่งในนั้นต้องเป็นรองประธานศาลฎีกาด้วยสำหรับคดีภาษีอากรนั้นคำร้องขออนุญาตฎีกาก็จะถูกพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่อยู่ในแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกาเป็นองค์คณะภายหลังจากองค์คณะพิจารณาแล้วในคดีนี้ได้นำเข้าประชุมแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกาเพื่อให้ผู้พิพากษาในแผนกทุกคนได้ร่วมกันพิจารณาและลงมติก่อนจะที่จะมีการส่งมาให้ศาลภาษีอากรกลางอ่านคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมในแต่ละชั้นศาลนั้นเป็นไปอย่างมีระบบโปร่งใสมีการปรึกษาคดีและตรวจทานความถูกต้องในทุกขั้นตอนยากที่จะมีการแทรกแซงหรือกระทำการใดที่จะก่อให้เกิดผลตามที่ใครต้องการได้

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะมั่นใจในระบบ แต่เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าอาจมีการกระทำที่แทรกแซงกระบวนการจนถึงขั้นอาจมีการเสนอให้สินบนขึ้นซึ่งต้องยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของประชาชนที่มีต่อศาลยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

สำนักงานศาลยุติธรรมจึงไม่นิ่งนอนใจนับตั้งแต่มีการรายงานข่าวจึงได้ดำเนินการส่งหนังสือประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านกระทรวงการต่างประเทศอย่างที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วต่อมาเมื่อในเนื้อหาข่าวปรากฏชื่อบุคคลในศาลยุติธรรมขึ้นสำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและติดตามผลโดยที่ผมเป็นประธานคณะทำงานด้วยตัวเองคณะทำงานชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ติตามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีนี้ซึ่งผมได้ดำเนินการส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศแล้ว ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท โตโยต้าอเมริกา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และกระทรวงการต่างประเทศรวมถึงส่งเมล์ติดต่อไปยังนักข่าวที่เขียนรายงานข่าวอันเป็นต้นทางของเรื่องนี้ และจะขอเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนของคณะลูกขุนในรัฐเท็กซัสสหรัฐอเมริกาด้วย

ต่อมาวันที่ 31 พฤษภาคม นาง เมทินี ชโลธรประธานศาลฎีกาได้อาศัยอำนาจตามพ. ร. บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง“ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” 4 ท่านประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการฯ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์เป็นกรรมการโดยให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต. ) กรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัยให้เสร็จโดยเร็วทั้งนี้ให้กรรมการชุดนี้เสนอความเห็นว่ากรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัย หากมีมูลความผิดทางวินัยก็ให้พิจารณาด้วยว่าเป็นความผิดวินัยตามบทมาตราใดและควรได้รับโทษสถานใดเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป 

และหากสอบสวนพบข้อเท็จจริงมีบุคคลอื่นใดเป็นผู้กระทำผิดหรือพบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่ระบุในคำสั่งนี้ก็ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ดำเนินการสอบสวนไปด้วยในคราวเดียวกันคณะทำงานติดตามข้อมูลที่ผมเป็นประธานจะทำงานสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต้องการให้ความกระจ่างปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็วและหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนสื่อมวลชนหรือหน่วยงานใดมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะช่วยให้เรื่องนี้กระจ่างชัดทุกท่านสามารถส่งข้อมูลมายังสำนักงานศาลยุติธรรมได้ตลอดเวลา

โดยคณะทำงานติดตามข้อมูลจะดำเนินการทุกวิถีทางให้เร็วที่สุดและสำนักงานศาลยุติธรรมจะเสนอผลความคืบหน้าของการทำงานต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นระยะ 

การพบปะสื่อมวลชนในวันนี้นอกจากจะยืนยันการตรวจสอบและดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดและจริงจังแล้วผมขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและสังคมว่าหากคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาคู่ความจะได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนองค์คณะในศาลฎีกาจะพิจารณาคดีอย่างไม่หวั่นไหวส่วนการให้สินบนตามข่าวหากมีจริงก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการและดำเนินคดีต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top