Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

แรงงานไทยในอิสราเอล ครวญอยากกลับบ้าน หลังเกิดการปะทะใกล้แคมป์แรงงานไทย แต่ติดขัดต้องลงทะเบียนจองคิว ระหว่างนี้ ได้รับคำเตือนหากได้ยินเสียงเตือนภัย ต้องหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติของนายวิชิต สาลีหอม อายุ 35 ปี แรงงานชาวอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งทำงานเก็บพืชผลอยู่ในนิคมเกษตรกรรมโอฮัด (Ohad) ในเมืองเอชโคล (Eshkol) ประเทศอิสราเอล ได้วีดีโอคอลพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ หลังแคมป์คนงานในนิคมเกษตรกรรมดังกล่าว ถูกโจมตีด้วยจรวด จนมีแรงงานไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ

ระหว่างพูดคุยนายวิชิต ได้เล่าถึงสถานการณ์ในนิคมเกษตรกรรมที่ทำงานอยู่ และแคมป์แรงงานที่อยู่ใกล้กัน ยังมีแนวโน้มความรุนแรงจากการปะทะของกองกำลังทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ จึงได้รับคำเตือนจากผู้ดูแลนิคมเกษตรกรรมว่า หากได้ยินสัญญาณเตือนต้องรีบหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะนิคมตั้งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาจุดปะทะ จึงอยากกลับประเทศไทย เพราะตัวเองก็เพิ่งจะมีลูกอ่อนด้วย

ทั้งนี้นายจ้างของนิคมเกษตรกรรมโอฮัด ได้ให้ไปลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ต้องรอคิว เนื่องจากต้องทำเอกสารขอเดินทางกลับและต้องรอเครื่องบิน ซึ่งสัปดาห์หนึ่งมีเพียง 2 เที่ยวบิน หากมีทางช่วยเหลือให้เดินทางกลับได้เร็วขึ้น ก็อยากให้ทางการไทยช่วยดำเนินการให้ด้วย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการปะทะกันของกองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์ในขณะนี้

สำหรับพื้นที่ ต.นาพิน อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี มีชายหนุ่มในตำบลนาพิน เดินทางไปทำงานที่นิคมเกษตรกรรมในประเทศอิสราเอลจำนวนหลายครอบครัว แต่ละรายมีอายุทำงานตั้งแต่ 1-3 ปี

 

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000048639


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ช่องทางรวย ชี้ตลาดอาหารเสริม-สมุนไพรไทยมาแรง 

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มความต้องการบริโภคอาหารเสริมและวิตามินในไทยและทั่วโลกมีทิศทางเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากการแพร่ระบาดของโควิดได้ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น รวมถึงจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่ม ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายมากกว่าเดิม จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารเสริมวิตามินของไทย จะเข้ามาขยายตลาดภายในประเทศ และส่งออกได้เพิ่มขึ้น  

ทั้งนี้ผู้บริโภคทั่วโลกยังคงนิยมรับประทานอาหารเสริมและวิตามินในรูปแบบเม็ดแคปซูลมากสุด รองลงมา คือ แบบเม็ด แบบผง และแบบน้ำ รวมทั้งให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ มีฉลากชัดเจน ซึ่งผู้บริโภคชาวอเมริกันถึง 27% ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น หากสินค้านั้นเป็นอาหารเสริมที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง   

ปัจจุบันไทยเป็นแหล่งสมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติที่หลากหลาย ในปี 63 มีสถิติการส่งออกอาหารเสริมและวิตามิน 1,616 ตัน คิดเป็นมูลค่า 794 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปเวียดนามและเมียนมารวมกันถึง 50% แต่ยังน้อยกว่าการนำเข้าที่มีมากถึง 11,942 ตัน มูลค่า 5,504.93 ล้านบาท โดยนำเข้าจากจีนมากสุด 40% รองลงมา ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี

สาธารณสุข แจ้งเปลี่ยนเบอร์หาเตียงผู้ป่วยโควิด

กระทรวงสาธารณสุข ขอแจ้งเปลี่ยนเบอร์ Call Center ในการหาเตียง ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ จากปกติเบอร์โทรศัพท์ 02-079-1000 เป็นเบอร์โทรศัพท์สายด่วน 1668 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับการให้บริการหาเตียงผู้ป่วยโควิด-19 จะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น. ทั้งนี้ การบริการผู้ป่วยโควิด-19 ในส่วนอื่น ๆ ที่อาคารนิมิบุตร ยังคงดำเนินการเช่นเดิม


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ชีวานนท์’ มอบชุด PPE ให้บุคลากรทางการแพทย์ ป้องกันติดเชื้อช่วงสถานการณ์โควิดระบาด

นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย ‘นายโกสินธ์ จินาอ่อน’ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ‘นางสาวทัศนี ศรศิริ’ ผู้นำจิตอาสา มอบชุด PPE จำนวน 100 ชุด ให้กับ บุคคลากรทางการแพทย์ ‘สถาบันราชประชาสมาสัย’กรมควบคุมโรค ณ หมู่ 7 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เนื่องด้วยการระบาดระลอก 3 ของ ‘เชื้อไวรัสโควิด-19’ จึงทำให้มีผู้ป่วยในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน และยิ่งโดยเฉพาะกับบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นหน้าด่าน และเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะต้องสัมผัสกับผู้ป่วย ให้การรักษา ผู้ป่วย รวมทั้งยังป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 ไปสู่ประชาชนอื่นได้

อีกทั้งยังเสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ ในการผลัดเวรประจำการ เพื่อดูแลประชาชนคนไทย อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล และ คณะ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นกำลังใจ และขอเป็นตัวแทนประชาชนคนไทยคนหนึ่งขอขอบคุณ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทุกภาคส่วน รวมถึงจิตอาสาทุกท่าน ที่ได้เสียสละเวลามาดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทย และมนุษยชาติ เป็นอย่างดี

ท้ายนี้ขอเชิญชวนพี่น้อง ประชาชนคนไทย เจ้าของสถานประกอบการ ห้าง ร้าน ภาคเอกชนได้โปรดมาร่วมกัน ‘คนละไม้-คนละมือ’ ส่งกำลังใจ และเป็นกำลังใจสนับสนุนตามกำลังที่พึงมีให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกภาคส่วน เพื่อคนไทยต้องปลอดภัยจากภัยร้าย โควิด-19 นี้ ไปด้วยกัน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ข่าวดีสำหรับคนฉีดวัคซีน AstraZeneca ป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดียได้สูงถึง 97.38%

สำนักข่าวหลายแห่ง รายงานอ้างอิงการศึกษาเบื้องต้นจากโรงพยาบาล Indraprastha Apollo ในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย พบว่า หลังจากจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 (ตามข่าวบอกว่าเป็นวัคซีนของ AstraZeneca แต่บางข่าวก็ไม่ระบุ) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล จำนวน 3,235 คน มีผู้ติดเชื้อเพียงแค่ 85 คน หรือไม่ถึง 3% และป่วยแบบมีอาการต้องเข้าโรงพยาบาลเพียง 0.06% และไม่มีใครป่วยหนักหรือเสียชีวิตเลย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า AstraZeneca ป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดียได้ดีมาก

ส่วน Sinovac นั้นไม่มีการศึกษาที่อินเดีย (เพราะฉีดแต่ AstraZeneca) แต่ผู้เชี่ยวชาญชาวอินโดนีเซียได้ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่า Sinovac น่าจะป้องกันสายพันธุ์อินเดียได้เช่นกัน (หรืออย่างน้อยก็ไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต)

 

ที่มา : https://www.birminghammail.co.uk/.../astrazeneca-vaccine

https://voi.id/.../ahli-sebut-vaksin-sinovac-masih-dapat

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4601520763196860&id=100000169455098&sfnsn=mo


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เปลี่ยนแล้ว! ไม่เรียก "วอร์คอิน" ให้เรียก "ออน ไซด์" แทน ย้ำ! 3 ช่องทาง ลงทะเบียนฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องการเน้นย้ำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ

1.) ระบบหมอพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาเปิดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคลงทะเบียน ขณะนี้มียอดลงทะเบียนแล้ว 7.4 ล้านคน โดยเป็นการลงทะเบียนในกรุงเทพมหานครแล้วกว่า 8 แสนคน และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งข้อดีคือประชาชนสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ได้เอง

2.) การลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration ช่องทางนี้ปรับจากการเรียกว่า วอร์คอิน (Walk in) เนื่องจากหากใช้คำว่าวอร์คอินแล้ว อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทุกคนที่เดินทางไปจะได้ฉีดในวันนั้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาได้ แต่การลงทะเบียน ณ จุดบริการ จะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีดแต่วัคซีนไม่พอในวันนั้นก็สามารถทำการลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามารอฉีดอีกในวันต่อไปแต่สามารถมาฉีดได้เลยตามที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว และขอย้ำว่าช่องทางนี้เป็นการบริการเสริม และสำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทางกทม.ได้จัดให้มีการกระจายจุดบริการวัคซีนทั่วพื้นที่ในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงาน จำนวน 231 แห่ง 

นอกจากนี้ยังได้เตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลอีก 25 แห่ง โดยเตรียมความพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางมาสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทดลองระบบแล้ว 4 แห่ง ได้แก่

(1.) เซ็นทรัล ลาดพร้าว

(2.) สามย่านมิตรทาวน์

(3.) เดอะมอลล์ บางกะปิ และ

(4.) บิ๊กซี บางบอน 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า ถ้าหากในแต่ละจุดที่บริการ มีวัคซีนเพียงพอในแต่ละวัน และมีวัคซีนสำรองเนื่องจากมีคนที่นัดแล้วแต่ไม่ได้มาฉีดตามนัดอยู่บ้าง รัฐบาลก็มีแผนในการเปิดการฉีดวัคซีนแบบวอร์คอินได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและความรุนแรงนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งมีการระบาดในหลายคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ และเป็นสาเหตุให้นายกรัฐมนตรีมีความจำเป็นต้องตัดสินใจปรับแผนเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนบริการหลักยังเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม และการวอร์คอินจะเป็นการบริการเสริมในช่วงนี้

3.) การจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ หรือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เน้นจัดสรรวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจและนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการอาหารและยา และกลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด

โดยประชาชนกลุ่มนี้สามารถติดต่อนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. ได้โดยตรง หรือหากเป็นกลุ่มบุคคลหรือสมาคมที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมีนโยบายให้เตรียมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชนจะร่วมมือกัน สนับสนุนให้บุคลากรกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรม การผลิต และภาคบริการ ฟื้นตัวได้โดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมในกทม. ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ (มิ.ย.-ก.ค.64) และฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศให้ครบ 50 ล้านคนภายในปี 2564

สมาคมประกันฯ ดึงเอกชนแจกประกันแพ้โควิดฟรี 11.5 ล้านสิทธิ

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดโครงการฉีดช่วยชาติ หมอพร้อมฉีด ประกันวินาศภัยพร้อมดูแล โดยมีการมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการแพ้วัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปฟรี 11.5 ล้านสิทธิ เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยสามารถเลือกลงทะเบียนรับสิทธิฟรี ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ และมีเงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่แต่ละบริษัทกำหนด

ทั้งนี้บริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วม ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.ทิพยประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.เมืองไทยประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.วิริยะประกันภัย 2 ล้านสิทธิ, บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.สินมั่นคงประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.อาคเนย์ประกันภัย 1 ล้านสิทธิ, บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ 500,000 สิทธิ
 
“สมาคมประกันวินาศภัยไทย และภาคธุรกิจประกันวินาศภัย มีความเชื่อมั่นว่าการมอบกรมธรรม์ประกันภัยแพ้วัคซีน จำนวน 11.5 ล้านสิทธิ์ในครั้งนี้จะกระจายไปสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนของสังคมและสร้างความมั่นใจในการเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด”

รัฐบาลไต้หวันวอนประชาชน ‘อย่าเลือกฉีดวัคซีน’ มีอะไรฉีดไปก่อน รับรองว่าดีทุกตัว

หลังจากที่ Covid-19 ระลอกล่าสุด ตีเมืองแตกที่ไต้หวัน จากประเทศที่เคยเป็นเบอร์ 1 ด้านการสกัดการแพร่ระบาดได้ดีที่สุดในโลก มาวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งขึ้นมากกว่า 300 คนต่อวัน ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่พบการติดเชื้อ Covid-19 ในไต้หวัน

การระบาดรอบใหม่ที่ร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สร้างความแตกตื่นในไต้หวันอย่างมาก ชาวไต้หวันต่างออกไปกว้านซื้ออาหารมากักตุนจนหมดชั้นวางสินค้า และรัฐบาลไต้หวันต้องงัดมาตรการสุดเข้ม ทั้ง Lockdown และห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกลับมาใช้ใหม่

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่รัฐบาลไต้หวันเป็นห่วงก็คือ ชาวไต้หวันยังมาฉีดวัคซีนกันน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องการรอวัคซีนตัวที่เชื่อว่าดีกว่า เข้ามาก่อนแล้วค่อยไปฉีดกัน

สาเหตุที่ชาวไต้หวันไม่คอยกระตือรือร้นที่จะออกไปฉีดวัคซีน แม้ว่าจะเริ่มมีวัคซีนฉีดให้แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็เพราะมาตรการป้องกันการระบาดที่ได้ผลดีเยี่ยม ที่กลายเป็นจุดบอดของโครงการวัคซีนไต้หวัน เพราะคนไต้หวันส่วนใหญ่ก็วางใจ ในเมื่อแทบไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศเลยมาเกือบครึ่งปี ดังนั้นการฉีดวัคซีนก็อาจไม่จำเป็นก็ได้

ซึ่งรัฐบาลไต้หวันก็ได้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้ว 20 ล้านโดส ส่วนใหญ่เป็นวัคซีน AstraZeneca และบางส่วนเป็นวัคซีน Moderna และ กำลังรอคิววัคซีน 1 ล้านโดสจากโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก

แต่สิ่งที่ทางไต้หวันไม่คาดคิดคือ การแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของ Covid-19 ในอินเดีย ที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตวัคซีน AstraZeneca ให้กับบริษัทแม่ที่อังกฤษ และเข้าโครงการ COVAX จึงทำให้กำหนดส่งวัคซีน AstraZeneca ล่าช้าอย่างมาก ยิ่งเป็นวัคซีนโควต้าจากโครงการ COVAX ยิ่งไม่รู้กำหนดเลยว่าจะได้เมื่อไหร่

เลยทำให้ไต้หวันได้วัคซีนมาน้อยมาก จนถึงตอนนี้เพิ่งฉีดให้กับประชาชนไปได้แค่ 3 แสนคน คิดเป็นอัตราส่วนไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งประเทศ

และจากการระบาดระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องรีบเดินหน้าเร่งการจัดส่งจากบริษัทผู้ผลิต ที่น่าจะได้วัคซีนทั้ง AstraZeneca และ Moderna ทยอยส่งได้ในเดือนมิถุนายน ศกนี้

แต่กลับกลายเป็นว่าชาวไต้หวันบางส่วนเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดซื้อมาให้ เพราะกังวลใจในเรื่องผลข้างเคียงจากลิ่มเลือดอุดตัน อยากฉีดวัคซีนยี่ห้อที่ดีกว่านี้ แต่ของยังไม่มี นั่นก็คือ Pfizer

และทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นการเมืองในไต้หวัน ที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีรัฐบาลเรื่องการจัดซื้อวัคซีนที่ล่าช้า และใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือปลุกกระแสชาตินิยมในเวลาที่ไม่สมควร เนื่องจากรัฐบาลไต้หวันภายใต้การนำของ ไช่ อิงเหวิน ปฏิเสธการนำเข้าวัคซีนของจีน และยังโจมตีนโยบาย ‘การทูตวัคซีน’ ของจีนในต่างประเทศอีกต่างหาก

เลยทำให้ไต้หวันต้องรอวัคซีนจากชาติตะวันตกเพียงอย่างเดียว ที่มาช้า และจำนวนจำกัด และทางรัฐบาลไต้หวันก็ยังรอความหวังจากโควตาวัคซีนของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เคยประกาศว่าจะบริจาควัคซีน AstraZeneca ในประเทศจำนวน 60 ล้านโดสให้แก่ประเทศอื่น ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะจัดส่งให้ประเทศไหนบ้าง และหากมีบางส่วนส่งมาที่ไต้หวันจริง ก็ต้องรอจนถึงเดือนมิถุนายนเช่นกัน

กว่าจะได้วัคซีนมาก็ยากเย็น แต่จากผลสำรวจความเห็นบางส่วนของชาวไต้หวันกลับพบว่า AstraZeneca ไม่เอา จะเอาแต่ Pfizer

ทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องออกมาสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อว่า จะ AstraZeneca หรือ Pfizer ก็มีประสิทธิภาพดีเหมือนกัน ป้องกัน Covid-19 ได้ดี และผลข้างเคียงจากวัคซีนก็มีทั้งคู่ แต่พบในจำนวนน้อยมาก ๆ แทบไม่แตกต่างกัน และเปรียบเทียบว่า ในเวลานี้ มีรองเท้าให้ใส่ 1 คู่เพื่อออกจากบ้าน แต่บางคนกลับยอมเลือกที่จะรอจะสวมแต่รองเท้าหรู ๆ ระดับ Christian Louboutin แล้วยอมเดินเท้าเปล่าออกจากบ้าน ทั้ง ๆ ที่เสี่ยงติดเชื้อโรคกว่ามากไปเพื่ออะไร

ทางรัฐบาลไต้หวันย้ำหนักแน่นว่า การฉีดวัคซีนเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดที่ถูกทางแล้ว และขอให้ประชาชนออกมารับวัคซีนไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม

ก็หวังว่าการรณรงค์ในครั้งนี้ จะทำให้ชาวไต้หวันเลิกกังวล ออกมาฉีดวัคซีนกันให้เยอะๆ เรื่องบางอย่างรอได้ แต่บางอย่างก็รอไม่ได้นะค้า

 

อ้างอิง:

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4201781

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/taiwan-scrambles-vaccines-domestic-covid-19-cases-rise-2021-05-17/

https://www.abc.net.au/news/2021-05-18/taiwain-covid-19-vaccine-astrazeneca-hong-kong/100147462

https://taiwaninsight.org/2021/02/25/kmt-begins-to-call-for-tsai-administration-to-accept-chinese-covid-19-vaccines/


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สมาคมแม่บ้าน บก.ทท. สนับสนุนสิ่งของอุปโภคบริโภค มอบให้ชาวชุมชนรถไฟมักกะสันที่เดือดร้อนจากโควิด-19

พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นั้น

กองบัญชาการกองทัพไทย โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร จัดกำลังพล และจิตอาสาพระราชทาน นำสิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภค จำนวน 600 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย นำไปแจกจ่ายให้กับชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน จำนวน 600 ครัวเรือน ณ จุดประสานงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19)

กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน โดยจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมทั้งจะดำเนินการช่วยเหลือในพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย


 

กองทัพเรือ จัดงานวัน “อาภากร” ประจำปี 2564

วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันอาภากร ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร ซึ่งภายหลังพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ กองทัพเรือ และราชสกุลอาภากร ได้จัดให้มีพิธีทักษิณานุประทานอุทิศถวาย ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม และมีพระจริยวัตรที่งดงามเป็นที่รักใคร่ของ ครู อาจารย์ เป็นที่ยอมรับนับถือของชาวอังกฤษที่ได้ศึกษาอยู่ในคราวเดียวกัน เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในราชนาวีอังกฤษแล้ว ได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ในปีพุทธศักราช 2443 รับพระราชทานยศเป็น “นายเรือโทผู้บังคับการ” ในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ปีพุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และเป็นผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ

ในปีต่อมาทรงมีพระดำริ ในการจัดตั้งโรงเรียนนายช่างกล เพื่อรับผิดชอบเครื่องจักรในเรือ และในโรงงานบนบกแทนชาวต่างประเทศที่จ้างไว้ ในปีพุทธศักราช 2450 ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่สิงคโปร์และเปลี่ยนสีเรือมกุฎราชกุมาร จากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือ ตราบจนปัจจุบัน 

นอกจากจะคุณูปการอเนกอนันต์แก่กองทัพเรือแล้ว พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย โดยในปีพุทธศักราช 2454 ขณะทรงออกจากราชการเป็นเวลา 6 ปีเศษ เพื่อทรงศึกษาตำราหมอยาไทยอย่างจริงจัง จนมีความรู้แตกฉาน ทรงเป็นหมอยาไทย รับรักษาประชาชนโดยทั่วไปด้วยน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จนได้รับพระสมัญญานามว่า “หมอพร”
     
ในปีพุทธศักราช 2460 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กลับเข้ารับราชการทหารเรืออีกครั้ง และในปีพุทธศักราช 2462 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษให้ดำเนินการจัดซื้อเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษ และทรงเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือหลวงพระร่วง เดินท างจากประเทศอังกฤษกลับมายังประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกล
ข้ามทวีป ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2465 พระองค์ได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานที่ดินพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และหน่วยกำลังรบต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งมาจนถึงปัจจุบัน

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลออกจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2466 เนื่องจากพระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย โดยทรงประทับอยู่ทางใต้ของปากน้ำเมืองชุมพร ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 สิริพระชนมายุ 43 พรรษา

ด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ ส่งผลให้กองทัพเรือ มีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่
19 พฤษภาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณของพระองค์ท่านเป็นประจำทุกปี

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในปีนี้  จึงได้มีการปรับลดจำนวนผู้ร่วมงานและการเพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง จาก จากเดิมที่มีผู้ร่วมพิธีประกอบด้วย  หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ องค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เหลือเพียงในส่วนของ กองทัพเรือ โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร โดย หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิ ราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสมาคมภริยาทหารเรือ โดย นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาร นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ทั้งนี้ ยังคงไว้เฉพาะพิธีการสำคัญ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ ตลอดจนถวายเป็นพระกุศลแด่ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  องค์บิดาของทหารเรือไทย ที่ทรงมีพระกรุณาคุณต่อกองทัพเรือเป็นอเนกอนันต์


กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top