Saturday, 18 May 2024
LITE

‘อัจฉราพร’ วอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย พูดทั้งน้ำตา ตั้งใจกับทุกแมตช์ แม้มันไม่ได้ดั่งใจ ชวนคนไทยให้สู้ไปด้วยกัน

เฟซบุ๊ก วอลเลย์บอลไทยแลนด์ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ   วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย หลังจากที่ได้พ่ายไป 4 เกม โดยระบุว่า ...

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ไร้ชัยในสนามที่ 2 ที่ประเทศบราซิล หลังจากแพ้ 4 เกม เกมสุดท้ายแพ้ โครเอเชีย 0-3 เซต
หลังจบเกม อัจฉราพร คงยศ ได้เปิดเผยพร้อมขอให้แฟนวอลเลย์บอลไทยเป็นกำลังใจ โดยมีช่วงหนึ่งที่อัจฉราพร ร้องไห้ออกมาด้วย

"อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพวกเรา คือพวกเราสู้กันมาขนาดนี้ หนูอยากให้ทุกคน มองเราครั้งแรกเหมือนที่มองเรา ทุกคนไม่ได้มาคาดหวัง ไม่ได้มากดดันในตัวพวกเรา
“อยากให้ทุกคนให้กำลังใจ ติได้ ด่าได้ แต่กำลังใจมันก็สำคัญกับพวกเรา พวกเราตั้งใจมากกับทุกการแข่งขัน แต่มันอาจจะไม่ได้ดั่งใจเราทุกแมตช์

อยากให้ทุกคนสู้ไปกับเรา เป็นกำลังใจให้กับเรา ค่อยๆ ดูเราเติบโต และก้าวผ่านอุปสรรคที่เราเจอไปด้วยกัน อันนี้หนูคิดว่าเป็นความสุขระหว่างทางมากกว่า มากว่าที่คุณจะไปรอเราตรงนู้น แล้วเราไปหาคุณตรงนั้น หากเดินไปด้วยกัน เห็นสิ่งที่เราเจอ หนูว่าจะรู้สึกอุ่นใจกันมากกว่า"

‘แพทริเซีย’ คลอดลูกสาวแล้ว ‘โน้ต วิเศษ’  ตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องเอลิเซีย’ เพื่อให้คล้องจอง กับชื่อของดาราสาว

หลังจากอุ้มท้องมาได้กว่า 38 สัปดาห์ ล่าสุด แพทริเซีย กู๊ด ก็ได้คลอดลูกสาวคนแรกแล้ว แถมตั้งชื่อน่ารักว่า น้องเอลิเซีย ซึ่งชื่อนี้ โน้ต วิเศษ เป็นคนตั้งให้คล้องจองกับ แพทริเซีย 
โดยล่าสุด แพทริเซีย ได้โพสต์ภาพสุดอบอุ่น พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก พาลูกสาวตัวน้อยมารายงานตัวผ่านโลกโซเชียลเป็นครั้งแรก น้องเอลิเซีย แก้มยุ้ยน่ารักน่าชังมากๆ และลืมตาดูโลกตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยคุณแม่ป้ายแดงได้เขียนแคปชั่นไว้ว่า 

"Welcome to the world, Alicia our sweet baby girl born on the 16th of June at 38 weeks + 2 days we are so grateful to hold you healthily in our arms.
น้องเอลิเซียมาแล้วค่าทุกคนนน ปะป๊าตั้งชื่อให้คล้องจองกับมามี๊เลย หนูเกิดวันที่ 16.06.66 ทำน้ำหนักได้ 3,160 กรัม แล้วตอนนี้หนูกินเก่ง นอนเก่งสุดๆเลยค่ะ"

‘ยิปซี คีรติ’ เล่าประสบการณ์ จากการหักโหม ‘ลดน้ำหนัก’ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต เพราะเอาความสุขของชีวิต ไปผูกติดกับตัวเลขตาชั่ง

นับเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่มักจะถูกทักเข้ามาถามไถ่อยู่บ่อยๆ สำหรับ เคล็ดลับการลดน้ำหนัก หรือเทคนิคดูแลรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่ตลอด สำหรับ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ นักแสดงสาวมากความสามารถ วัย 35 ปี ที่ยืนหนึ่งเรื่องความแซ่บจนแฟนๆ ต่างยกให้เป็นไอดอล

แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เจ้าตัวเองก็เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากการหักโหมลดน้ำหนักมาแล้ว ถึงขนาดส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเพราะเอาความสุขทั้งชีวิตไปผูกติดกับตัวเลขบนตาชั่ง!?
ซึ่งเรื่องราวที่ว่านี้ ยิปซี คีรติ ได้ตัดสินใจนำมาถ่ายทอดผ่านคลิปวิดีโอบนอินสตาแกรม @gypsykeerati เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน พร้อมกับระบุแคปชั่นว่า "ขอฝาก ปสก. ของเราไว้ เป็นอีกทางเลือกนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก / ดูแลตัวเองนะคะ.. ถ้ารู้สึกว่าคลิปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ฝากแชร์กันน้า"

"แชร์ประสบการณ์การไดเอทจนกลายเป็นโรคทางจิตค่ะ โอเคทุกคนก็คือยิปอ่ะมีทำคลิปนึงไปก่อนหน้านะคะ ซึ่งเนื้อหาในคลิปนั้นได้มีการเมนชั่นเกี่ยวกับการที่ยิปไม่ชั่งน้ำหนัก ไม่คุมแคล อะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยิปก็พูดว่ายิปไม่เอา เพราะว่ายิปอ่ะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ซึ่งวันนี้ยิปก็จะมาพูดขยายความถึงประสบการณ์นั้นนั่นแหละ

ก็เอ่อ... ทุกคนก็สามารถที่จะไปกูเกิ้ลได้นะคะ คือคือมันเป็นอาการที่เรียกว่า Eating disorder นะคะ มันก็จะมีหลายประเภทมากเลย พวกแบบ Anorexia, Bulimia, Bing eating และเดี๋ยวนี้มันก็คงมีอะไรมาอีกเยอะมาก

ประสบการณ์ส่วนตัวของยิป อันนี้ก็คืออยากจะมาเล่าเพื่อที่จะเรียกว่าให้เป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังไดเอท หรือพยายามที่จะดูแลรูปร่างตัวเองอยู่ละกัน

สิ่งที่เราเคยทำก็คือ งดแป้ง งดแบบงด ไม่ใช่ลดนะคะ งดแบบไม่กินแป้งเลย และก็อดข้าวเย็น ก็คือตั้งกฎนั่นแหละค่ะว่าหลัง 6 โมงฉันจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคล เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเคยคุมแล้ว พยายามที่จะแบบวันนึงต้องกินไม่เกิน 800-900 แคล หรือแม้กระทั่งมีช่วงหนึ่งตอนนั้นย้ายไปอยูอเมริกา และก็กลัวมากเพราะว่าแบบของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า ตอนนั้นก็เลยพยายามกินแต่แอปเปิ้ล และก็ผอมมาก คือป่วยแหละ

ทีนี้ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง ก็คือเมื่อก่อนยิปจะพยายามอดข้าวเย็น ออกกำลังกายหักโหมแบบหนักๆ คือเรียกได้ว่าเอาแบบเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และก็ออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่อยากที่จะชั่งน้ำหนัก ให้ตื่นมาแล้วแบบตัวเลขลดลง

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็คือ จิตเรามันไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า 'เฮ้ย วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วเหยียบไปบนตาชั่งเลขจะลดลงมั้ย ถ้าฉันพยายามขนาดนี้' อย่างสมมติวันนี้ฉันอดอาหารแบบอย่างดีอ่ะ พรุ่งนี้มันต้องลดลงสิ แต่ทุกคนเชื่อป่ะ บางทีมันไม่ลด และแย่ไปกว่านั้นคือ บางวันข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน แต่ตัวเลขมันเพิ่ม

ซึ่งพอมันมาถึงจุดนั้น มันก็เลยกลายเป็นจุดที่เราแบบ... คือเรากลายเป็นประสาทอ่ะ กลายเป็นเครียดมาก และด้วยความที่เราเป็นแบบ Perfectionist คือ คือเราอยากที่จะเอาชนะมัน เราก็เลยคิดไปว่า หรือเราต้องลดอาหารเพิ่ม หรือเราต้องออกกำลังกายเพิ่ม คือตอนนั้นมันแบบ Messed up! ไปหมดเลย แล้วก็นั่นแหละ ก็คือเป็นป่วย

ทั้งเรื่องของการทำอาหารกินเองทุกมื้อ กินคลีนแบบจัดๆ คือเราคิดว่าเราผ่านมาค่อนบ้างเยอะมากๆ ช่วงที่ทำอาหารกินเองทานคลีน มันก็จะมีปัญหาของการที่เราเข้าสังคมไม่ได้เลย เพราะเหมือนเรากลายเป็นคนกลัวอาหารปกติ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ความคิดที่ดีต่อสุขภ่พแล้วอ่ะ เพราะคนเรายังต้องได้ใช้ชีวิต ต้องได้ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ต้องเข้าสังคมบ้าง คือช่วงนั้นเราเหมือนเรากลายเป็นว่าเราไม่อยากเข้าสังคม เวลาเพื่อนนัดเรารู้สึกอึดอัดเพราะเรารู้สึกว่าเราต้องไปกินอาหารข้างนอกที่มัน Out of my comfort zone ไม่ใช่อาหารที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย เพราะเราควบคุมไม่ได้

สุดท้ายก็คือ ทำไม่ได้ ก็คือเคยโยโย่เพราะว่ากินคลีนจัดๆ ด้วยนะ ร่างกายเรามันช็อก เหมือนพอเรากินคลีนสะอาดมากเลยโนโซเดียมอะไรก็ตาม แต่พอกินอาหารปกติแค่ไม่กี่มื้อ... บวม โยโย่ขึ้นมาเลย
เราก็เลยรู้สึกว่า โอเค อะไรก็ตามที่มันเป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป อะไรก็ตามที่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดชีวิตจริงๆ เราว่าอย่าทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดันหรือความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป เราไม่ค่อยแนะนำ

มีคน DM มาเรื่องนี้เยอะมาก 'พี่ยิปต้องกินนั่นเท่าไหร่ ต้องโปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่ ' คือมันทำให้เรารู้แหละว่า โอเค คนยุคปัจจุบันนี้สนในเรื่องการดูแลตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากให้เขาจะต้องมาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่จุดที่ดีเลยอ่ะทุกคน

เราใช้เวลานานมากกว่าที่จะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้ง เพราะว่าเราติดมาก ติดดูตัวเลขมาก ทุกเช้าถ้าเหยียบขึ้นไปแล้วเลขไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองพอใจเราร้องไห้นะ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข เริ่มต้นทั้งวันไม่มีความสุขเลยเพราะว่าตัวเลขไม่ใช่แบบที่เราต้องการ
เราไม่อยากให้ความสุขของคุณมันมาถูกกำหนดเอาไว้ด้วยตัวเลขบนตาชั่ง หรือแม้กระทั่งรูปร่างหรืออะไรก็ตาม หาจุดสมดุลให้ดี เลือกอะไรที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองจริงๆ และสุดท้ายดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย สำคัญมากๆ นะคะ

‘ดาว ณัฐภัสสร’ โพสต์หวาน ถึงแฟนหนุ่ม ‘แกงส้ม ธนทัต’  คอยเคียงข้างให้กำลังใจ แต่สุดท้ายทำช็อตฟีลมาก

เป็นคู่ที่โบ๊ะบ๊ะเข้าขากันสุดๆ สำหรับดีเจสาว ดาว-ณัฐภัสสร สิมะเสถียร กับแฟนหนุ่ม แกงส้ม-ธนทัต ชัยอรรถ มักจะมีโมเมนต์หยอกล้อกันเป็นคอนเทนต์ ชวนหลายคนอมยิ้มตามอยู่ตลอด
ล่าสุดในอินสตาแกรมส่วนตัว ดาว ได้โพสต์ภาพเซ็ตคู่อวดโมเมนต์น่ารัก แฟนหนุ่มคอยเคียงข้างดูแลไม่ห่าง พร้อมเขียนแคปชั่นชวนอมยิ้มว่า “คุณ @kangsomks แต่งตัวหล่อเพื่อมาเป็นdresser ช่างภาพ คนยกของ คนส่งข้าว ยันคนขับรถ คุณคนนี้คอยซัพพอร์ตดาวทุกทาง โดยเฉพาะทางใจ ดาวขาดความมั่นใจในตัวเองมาตลอด แบบแก้ไม่หายซักที แบบถ้าเป็นคนอื่นคงรำคาญ

แต่ก็จะมีเค้าคอยช่วยรับฟัง คอยพยุงดาวไว้เสมอ มีอยู่วันนึงดาวไม่แน่ใจว่าดาวตีความตัวละครตัวนี้ถูกต้องมั้ย เค้าก็รับฟังและให้คำปรึกษาดาวอย่างดีมากๆ แบบเป็นชั่วโมงๆ จนดาวตกตะกอนอะไรได้มากขึ้น แล้วจบท้ายด้วยการให้กำลังใจว่า “คุณจะเป็น “นพนภา” ได้ดีแน่ๆที่รัก”
พร้อมกุมมือแบบอบอุ่น…. แต่…. “ที่รักคะ ชั้นชื่อทิพอาภา….” นพนภามันคนละเรื่องงงงงงงงงงงง นี่นะหรอนพนภา… นกเป็นกำลังใจให้นะคะพี่ตา… ขอโทษที่จบแบบช๊อตฟีลค่ะ

‘ป๊อบ ปองกูล’ ทดลองใช้ ChatGPT ค้นหาชื่อของตน ดันพบข้อมูลว่า ตัวเองเป็นสมาชิกวงไอดอลหญิง BNK48

เพราะความอยากรู้อยากลองระบบ AI ของแอปพลิเคชั่น ChatGPT นักร้องชื่อดังอย่าง ป๊อบ ปองกูล เจ้าของเพลงสลักจิต จึงได้ทดลองค้นหาชื่อของตัวเอง แต่ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นบอกว่า ป๊อบเป็นหนึ่งในสมาชิกวงไอดอลหญิง BNK48

งานนี้คำตอบที่ได้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับไปไม่เป็น โดยนักร้องหนุ่มได้ออกมาโพสต์ภาพจากในแอปพลิเคชั่นพร้อมระบุข้อความบอกว่า 'เมื่อฉันลองหาชื่อฉัน ใน Chat GPT #วงในบอกมา รู้แล้วเหยียบให้มิด' ด้านแฟนๆ พอได้รู้คำตอบก็แห่เข้ามาคอมเมนต์แซว เช่น แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ เต้นคุกกี้เสี่ยงทายให้ดูหน่อยพี่ป๊อบBNK48

‘เนย โชติกา’ ประกาศขายหั่นราคา รถสปอร์ตสุดรัก เหตุเพราะมีลูก 2 คน อยากให้นั่งได้อย่างสะดวกสบาย 

คุณแม่คนสวยลูกสองอย่าง เนย โชติกา ล่าสุดได้ใช้อินสตาแกรมในการรีวิวรถหรู Aston Martin Vantage ที่เจ้าตัวประกาศตัดใจขายด้วยการหั่นราคาแบบว้าวมากๆ โดยเธอได้เขียนแคปชั่นไว้ว่า "ขายรถเนยเองค่าา aston martin vantage หล่อมากใหม่มากก สภาพใหม่มาก รถไม่เคยชน  ขับน้อย 8,xxx km ราคาซื้อมา 16.xx ล. + ล้อแม็ก5แสน ราคาขาย 12.5 ล."

ทั้งนี้ แม่เนย ได้เปิดใจถึงเหตุผลที่ต้องขายรถสุดที่รักเพราะมีลูกสองคนอยากได้เป็นรถ 4 ประตูที่ลูกๆ สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย 

หลายคนเห็นแล้วต่างเข้ามาคอมเมนต์อยากเป็นเจ้าของกันยกใหญ่เลยทีเดียว อาทิ เปิ้ล นาคร ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์แซวว่า "ยืมขับก่อนได้มั้ยคะ" หรือจะเป็น ไอซ์ ศรัณยู ที่ได้เข้ามาบอกว่า "อุ๊ย! เคยสวนทางกับคันนี้บนถนน แอบมองอยู่ว่าใครน้า ของแม่เนยคนสวยนี่เอง" และอื่นๆ อาทิ หูยราคาโครตคุ้ม คนเล่นรถเท่านั้นจะรู้ นี่เดียวตามโชว์รูมก็มาตามจีบแน่ค่ะแม่!, อยากได้อะแม่ คุณเนยนำเข้ากับบริษัทอะไรรีวิวหน่อยได้มั้ยคะ เป็นต้น 

‘จอร์จ Sevendogs’ โปรดิวเซอร์ชื่อดัง เผยความประทับใจ จากการร่วมงาน อัดเสียงให้กับ ศิลปินนักร้อง ดารานักแสดง

จอร์จ Sevendogs โปรดิวเซอร์ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลงไทยมาอย่างยาวนาน ได้โพสต์คลิปสั้น ลงใน TikTok ที่ชื่อ georgesevendogs  เล่าถึงการทำงานในห้องอัด กับศิลปินนักร้อง ดารานักแสดง หลายท่าน โดยมีใจความว่า ...

คนที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ผมสามารถหยิบคำว่านักร้องให้เขาได้เลย คนแรกก็คือ คุณป๊อด โมเดิร์นด็อก เวลาที่เขาจะมาร้องเพลง เขาก็จะทำการบ้านมาในระดับหนึ่ง แล้วเขาก็จะพยายามร้องให้ได้ตามที่ไกด์ไว้ จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมาอัดเพลงการ์ตูนเรื่องไอ้มดแดง ที่เอามาฉายในเมืองไทย ร้องรอบแรกเสร็จแล้ว เขาก็ร้องใหม่ให้อีกรอบโดยใส่ความเป็นตัวเองลงไปในเพลง ได้ฟังที่ร้องครั้งแรกก็งงแล้วนะ พอมาร้องอีกรอบ ก็งงขึ้นไปอีก เพลงมันยกระดับขึ้นไปอีกเลย ลูกค้าที่มานั่งฟังด้วยกันก็ชอบมาก 

อันดับ 2 คุณแสตมป์ อันดับ 3 คุณส้มมารีครับ วันนั้นเขามาร้องเพลง หรือฉันคิดไปเอง เป็นเพลงของตัวเอง ตอนนั้นดัง 40 ล้านวิว เขามาร้องในเวอร์ชั่นที่ผมทำดนตรีให้เขาใหม่ เขาขอ Backing Track ล่วงหน้า 2 วัน เขาขอไปซ้อม พอมาถึงเขาขอวอร์มเสียง ร้องวอร์มเสียงไป 1 รอบแล้วเขาก็บอกพร้อมอัด แต่ Sound engineer มาบอก พี่ครับเมื่อกี้ผมกดอัดไปแล้ว เอาเลยไหม ไอ้สิ่งที่บอกว่าวอร์มเสียงหน่ะนึกว่าเปิด Track ที่ร้องเสร็จแล้ว ก็เลยให้ส้มมารี ลองร้องอีกรอบนึง มันออกมาไม่เหมือนเดิม มันดีกว่าเดิม ร้องเสร็จ ส้มมารีถามพี่เอาอะไรอีกไหม ให้แก้อะไรอีกไหม ผมบอกส้มมารี ถอดหูฟังแล้วออกมาฟังตรงนี้จะเสียค่าไฟ เสียฮาร์ดดิสก์ทำไม พี่อัดไป มันใช้ได้แล้ว ต่อมาก็คือคุณญาญ่าหญิง พอเพลงเข้ามาปุ๊บกรู๊ฟมาทันที คนต่อมา โอ๊ต ปราโมทย์ ร้องเลื้อยให้ด้วยเลื้อยแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน อีก 2 คนต่อมาเป็นนักแสดงคุณอาจจะไม่เชื่อ ว่าเขาสามารถร้องออกมาได้ดีมากณเดชน์กับญาญ่าเขาร้องออกมาได้ดีมาก เพราะเขาทำการบ้าน บางอันยากมาก หยุดตรงนั้น 3 วินาที 4 วินาที เขาสามารถร้องออกมาได้เป๊ะมาก จำได้เหตุการณ์วันที่ณเดชน์จะมาอัดเสียงร้อง ผมไม่ได้เปรียบเทียบนะ แต่ผมรู้สึกอาการเหมือนกับความรู้สึกที่ผมเคยอัดให้พี่เบิร์ด คุณกำลังนั่งในห้องอัด แล้วคุณได้ยินเสียง คนเดินร้องเพลง ที่กำลังจะอัดเข้ามา เขาอาจจะไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเทพ 100% แต่เขามีความตั้งใจ มาก ถึงไม่แปลกใจเลยที่ณเดชน์และญาญ่าเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ จอร์จ Sevendogs กล่าวทิ้งท้าย

หนุ่มเศรษฐีกัมพูชา ควง ‘วิษณี เทพเจริญ’ ไฮโซไทย นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ทัวร์ยุโรป

ช่วงนี้หลายคนเมื่อมีเวลาว่างก็มักจะเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศ เช่นเดียวกับ “หนุ่มบอส-ยิม ลีก” นักธุรกิจ บุตรชายนักการเมืองกัมพูชาที่ควงสวีตหวาน “สาวบีท-วิษณี เทพเจริญ” ทายาทอสังหาริมทรัพย์ณุศาศิริที่มูลค่านับหมื่นล้าน ไฮโซไทยที่มีลุคสุดโฉบเฉี่ยวเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปเที่ยวยุโรป ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีลูกน้อยที่กำลังโตวันโตคืน กับคุณแม่ของฝ่ายชายหนีบไปเที่ยวด้วย

สำหรับหนุ่มบอสกับสาวบีทเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการขับรถหรูไฮเปอร์คาร์ Bugatti Chiron Sport 110 ANS ราคาประมาณ 300 ล้านบาท มาวิ่งอยู่ในมหานครกรุงเทพ ซึ่งเป็นรถลิมิเต็ดเอดิชั่น มีเพียง 20 คันในโลกเท่านั้น เพื่อฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์

ทั้งคู่นับว่าเป็นดาวเด่นในแวดวงสังคมทั้งในกัมพูชาและในไทย เพราะต่างเป็นทายาทนักธุรกิจและนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลตระกูลหนึ่ง เมื่อคบกันแล้วไม่ว่าจะขยับทำอะไรจึงเป็นที่สนใจเสมอ ที่สำคัญฝ่ายหญิงที่เป็นสาวหุ่นเพียวราวกับนางแบบ บวกกับมีรูปหน้าเรียวสวยจึงส่งให้เธอไม่ว่าจะแต่งตัวลุคไหนก็ปังไม่ไหว 

17 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก ร่วมปลูกจิตสำนึกให้คนทั่วโลกใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น

องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 17 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้คนทั่วโลกตระหนักและหันกลับมาใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น 

‘วันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก World Day to Combat Desertification and Drought’ ตรงกับวันที่ 17 มิถุนายนของทุกปี เพื่อให้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงภาวะวิกฤตของโลกที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ความเป็นมาของวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก เนื่องจากพบว่า ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของทั่วโลกถูกทำลาย และกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งเห็นได้จากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือสภาพอากาศแปรปรวน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่าง ๆ ในภาคคมนาคมขนส่ง การอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า รวมถึงพฤติกรรมในการดำรงชีวิตประจำวันที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างสิ้นเปลือง 

ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งสร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศวิทยาและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์โดยตรง ดังนั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ร่วมใจกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น องค์การสหประชาชาติจึงประกาศให้วันที่ 17 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้ประชากรโลกตระหนักและหันกลับมาใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น

รายงานล่าสุดของคณะกรรมการขององค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ออกคำเตือนว่า วิกฤตสภาพอากาศโลกได้เข้าสู่ระดับสีแดง โดยภายในปี 2573 อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาฯ และผลกระทบที่คาดว่าจะตามมาคือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง และปัญหาภัยแล้ง

ปัญหาภัยแล้งไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะภัยแล้งไม่ใช่แค่ปัญหาความแห้งแล้ง แต่คือภัยพิบัติที่เป็นบ่อเกิดของปัญหาอีกมากมาย อาจเพิ่มความรุนแรงมากและขยายวงกว้างไปทั่วโลก
 

16 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ในหลวง ร.9 เสด็จฯ บ้านปอน อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ทรงเยี่ยมทหาร - ตำรวจ ในเขตต่อสู้ผู้ก่อการร้าย

วันนี้ เมื่อ 53 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ บ้านปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ทรงเยี่ยมให้กำลังใจทหาร-ตำรวจ ที่ปฏิบัติการต่อสู้ผู้ก่อการร้าย

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง บ้านปอน อำเภอทุ่งช้าง และบ้านน้ำยาว อำเภอปัว จังหวัดน่าน เพื่อทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ และราษฎรที่ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้าย

นอกจากนั้น ยังได้เสด็จ ทอดพระเนตรรถแทรกเตอร์ตีนตะขาบที่ผู้ก่อการร้ายลอบยิงจนชำรุดในพื้นที่เขตทางหลวง และทอดพระเนตรความเสียหายของเส้นทางที่ถูกผู้ก่อการร้ายคุกคาม บนถนนหมายเลข 1080 สายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น

ภายหลังได้ตรวจเยี่ยมบริเวณฐานปฏิบัติการ มีพระราชปฏิสันถารกับทหารและเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงทุกคนแล้ว จากนั้นเสด็จฯ ยังเขื่อนภูมิพล เพื่อประทับแรม ณ เขื่อนภูมิพล

CR. คนสร้างทาง 99 สู่100 ปี กรมทางหลวง 

‘แพทริเซีย กู๊ด’ เผยภาพอัลตราซาวด์ อวดโฉมหน้าลูกสาว สุดดีใจ อีกไม่นานจะได้เจอหน้าทายาทคนแรกแล้ว

พี่ป้าน้าอาตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อ ‘แพทริเซีย กู๊ด’ เผยโฉมหน้าลูกสาวคนแรก กับภาพอัลตราซาวด์ ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่าเห็นหน้าสาวน้อยชัดๆ พร้อมกับเผยถึงชื่อทายาทคนแรก อีกด้วยจ้า

สำหรับสาวแพทริเซีย และสามีหนุ่ม ‘โน้ต วิเศษ’ ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเมื่อปลายปี 65 ที่ผ่านมา พร้อมบอกเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ขอเดินหน้าปั๊มทายาทเต็มที่ เพราะอยากเป็นคุณพ่อคุณแม่กันเต็มที่แล้ว ซึ่งไม่นานหลังจากแต่งงาน แพทริเซีย ก็ออกมาประกาศข่าวดีว่ามีเบบี๋ ซึ่งทายาทคนแรกเป็นลูกสาว ทำเอาเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงรวมถึงแฟนๆ ต่างร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก

บอกเลยว่าพี่ป้าน้าอาต่างตื่นเต้นไปกับ ‘แพทริเซีย กู๊ด-โน๊ต วิเศษ’ บอกเลยว่า เวลาผ่านไปไวจริงๆ เพราะอีกไม่นานใกล้จะได้เห็นหน้าแล้วจริงๆ สำหรับทายาทคนแรกของทั้งคู่

ล่าสุด ทางด้านแพทริเซีย กู๊ด เผยโฉมหน้าลูกสาวคนแรก กับภาพอัลตราซาวด์ ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่าเห็นหน้าสาวน้อยชัดๆ พร้อมกับเผยถึงชื่อทายาทคนแรกว่า “เป็นคำถามที่คนถามเยอะมาก มีอยู่ 2-3 ชื่อที่คิดไว้ค่ะ แต่คงตัดสินใจตอนเห็นหน้าน้องอีกที”

‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ ประกาศยุติความสัมพันธ์ ‘ ท็อป Lazyloxy’ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยบอก ‘เข้ากันได้ดี’ แต่ตอนนี้บอก ‘เราต่างกันมาก’

เลิกกันแล้วอีกหนึ่งคู่สำหรับนักร้องสาว เบียร์ เดอะวอยซ์ และ ท็อป Lazyloxy โดยสาวเบียร์เป็นคนประกาศเองผ่านสตอรี่อินสตาแกรมว่า "เบียร์กับท็อปเรากลับมาเป็นเพื่อนกันแล้วนะคะ ถึงเราจะรักกันหรือพยายามกันมากแค่ไหน แต่ Lifestyle ของเราต่างกันมาก

และเราต่างมีหน้าที่และความฝันต้องไปตามหา ถึงเราจะอยู่ในฐานะแฟนไม่ได้แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ค่ะ ถึงจะเสียใจมาก แต่เราต้องทำเพื่อตัวเราเองทั้งสองคน เราทั้งคู่เต็มที่แล้วจริงๆ ไม่ว่าทั้งดีและร้ายอย่างน้อยเราก็ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมทุกข์และสุขด้วยกัน และเป็นบทเรียนให้กันค่ะ @reallazylife"

หากย้อนบทสัมภาษณ์ สาวเบียร์ เคยเปิดใจเรื่องรักครั้งนี้ เธอเคยเผยถึงตัวตนของ หนุ่มท็อป และไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันเข้ากันได้ จนตัดสินใจคบ โดยเผยในรายการ ยังไงไหนเล่า EP. 58 บอกว่า "พอได้รู้จักกันจริงๆ พบว่าเขาดีอย่างไม่น่าเชื่อ อ่อนโยนกว่าที่ทุกคนคิดมาก

เวลาเขาอยู่ด้วยกัน เขาจะดูแลเหมือนเราเป็นเด็ก รู้สึกว่าอยู่กับเขาไม่ค่อยเหนื่อย เขาดูแลเราดี ความสัมพันธ์ของเบียร์กับท็อป เริ่มจากเป็นเพื่อนกันได้ ชอบไปเที่ยวเหมือนกัน ชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลง ไลฟ์สไตล์มันเข้ากันได้ จนมันค่อยๆ จนกระทั่งอยากเป็นแฟนก็พัฒนามาเป็นแฟนกัน"

จากบทสัมภาษณ์ ที่ผ่านมา ทำหลายคน งง!! ตอนแรกบอกเข้ากันได้ แต่ทำไมตอนเลิกบอกไลฟ์สไตล์ต่างกันมาก 

เปิดมุมมืดในอเมริกา อันตราย ต้องระวังตัวไว้  ต้องมีสติในการท่องเที่ยว และต้องดูแลตัวเองให้ดี

ผู้ใช้ TikTok ที่มีชื่อว่า bemolibeam (เบโมลิบีม) ได้โพสต์คลิปสั้น เกี่ยวกับ ประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีใจความว่า ...

รวมมุมมืดในอเมริกา 
1 ทุบรถคือเรื่องปกติ สามารถพบเจอเศษกระจกได้โดยทั่วไปแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ความคืบหน้า ไม่ค่อยจะได้อะไรเท่าไหร่ ที่ท่องเที่ยว แม้จะคนเยอะแต่ก็ไม่ปลอดภัย อาจจะต้องจ้างคนเฝ้ารถไว้ตลอดเวลา เราจึงไม่ควรเลือกขับรถเที่ยวที่ซานฟรานซิสโก 
2 คนไร้บ้านคือเรื่องปกติ สามารถพบเจอคนไร้บ้านทะเลาะกับคนกวาดถนนได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะทำอะไรเราเท่าไหร่ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพราะบางคนอาจจะมาตื้อขอเงิน 
3 รถไฟฟ้าใต้ดินเก่าและน่ากลัวมากๆ เป็นที่เสียขวัญของเรามากที่สุด จากประสบการณ์ที่ได้เข้าเมืองมาจากสนามบิน ก็ได้พบเจอกับแก๊งคนผิวสีที่ถือวิทยุและเปิดเพลงดังๆ กำลังรีดไถเงินคนอเมริกา อยู่ 
4 ถนนไม่ค่อยสะอาด สามารถเจอเศษอาหาร คราบขนม หรือบางครั้งก็เป็นรอยของสีที่คนเอามาสาดเล่น 
5 บางครั้งย่านอันตรายก็อยู่ติดกับย่านที่ปลอดภัยแค่เพียง 1 ช่วงตึก 
6 ป้ายรถเมล์ไม่มีบอกว่าเป็นป้ายรถเมล์ มีแค่กระดาษติดไว้แค่แผ่นเดียว ถ้าไม่มองให้ดีก็จะไม่เห็น 
7 อย่าเดินคนเดียวตอนกลางคืนเพราะยิ่งดึกยิ่งไม่ปลอดภัย 
8 เจอรถตำรวจเปิดไซเรนวิ่งอยู่ตลอดเวลา สำหรับที่นี่คือเรื่องปกติเพราะอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ต้องดูแลตัวเองให้ดี 
9 ตามสถานที่ท่องเที่ยวชอบมีคนมาพ่นสี เลยทำให้สถานที่สวยงามต้องเสียไปหมด 

และนี่คือตัวอย่างแต่ถ้ามีสติและดูแลตัวเองให้ดี ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก

เผย 5 จุดที่สกปรกที่สุด บนเครื่องบิน ของใกล้ตัว ที่เราต้องสัมผัสทุกครั้ง ที่ขึ้นเครื่อง

ผู้ใช้ TikTok ที่มีชื่อว่า pilotdeawairbus นักบินหมอเดียว ได้โพสต์คลิปสั้น เกี่ยวกับ บริเวณจุดที่สกปรกบนเครื่องบิน โดยมีใจความว่า ...

5 จุดที่สกปรกที่สุดบนเครื่องบิน ข้อมูลนี้ มาจาก Travelmath.com ซึ่งเขาได้ส่งนักจุลชีวะขึ้นไปส่ง ตรวจ บริเวณจุดต่างๆบนเครื่องบิน โดยไม่เปิดเผยสายการบิน ซึ่งมีหน่วยในการวัดเชื้อโรคนี้ เป็น CFUs (Colony Forming Unit)  ซึ่งก็คือดูว่า ความหนาแน่นของเชื้อโรคต่อตารางนิ้วนั้นมีเท่าไหร่ อันดับ 5 ก็คือบริเวณหัวของเข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีค่า 230 CFUs ต่อตารางนิ้ว อันดับ 4 ก็คือปุ่มกดชักโครกในห้องน้ำ มีค่า CFUs ที่ 265 CFUs ต่อตารางนิ้ว อันดับ 3 ช่องแอร์บริเวณเหนือศีรษะของผู้โดยสาร มีค่า CFUs ที่ 285 CFUs ต่อตารางนิ้ว อันดับ 2 ปุ่มกดน้ำอัตโนมัติในสนามบิน มันอยู่นอกเครื่องบินแต่มันก็อยู่ในสนามบิน มีค่า CFUs อยู่ที่ 1,240 CFUs ต่อตารางนิ้ว และอันดับ 1 ก็คือ โต๊ะพับขาดอาหารบนเครื่องบินที่อยู่ต่อหน้าเรา โดยมีค่า CFUs ที่ 2155 CFUs ต่อตารางนิ้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะขึ้นเครื่องบินก็ขอแนะนำ ให้มีแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย จะเป็นเจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์อะไรก็ได้ เพื่อเช็ดทำความสะอาดป้องกันเชื้อโรค  

15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตัดสินให้ ‘ปราสาทพระวิหาร’ เป็นของกัมพูชา

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลก หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พิพากษาชี้ขาด คดีปราสาทเขาพระวิหาร ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศกัมพูชา 

ปราสาทหินแห่งนี้เป็นศิลปะขอม สร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ราวปี 1545-1593 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ของขอม ภาษาเขมรเรียกว่า ‘เปรี๊ยะ วิเฮียร์’ (Phrea vihear) ตัวปราสาทสูง 657 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บนทิวเขาพมนดงรักซึ่งกั้นระหว่างประเทศกัมพูชากับไทย ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านหน้าและทางขึ้นอยู่ในเขตประเทศไทย แต่ตัวปราสาทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกัมพูชา 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี 2442 แล้วทรงจารึกพระนามของพระองค์และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า ‘118 สรรพสิทธิ์’ เนื่องจากเขาพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้

จนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร เจ้านโรดม สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด 73 ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ 

หลังจากแพ้คดี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ยินยอมให้นักศึกษาเดินขบวนประท้วงคำตัดสิน และปิดทางขึ้นปราสาทซึ่งอยู่ในเขตประเทศไทย เป็นการตอบโต้กัมพูชา เหลือเพียงทางขึ้นเป็นช่องเขาแคบ ๆ สูงชันและอันตราย ในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของกัมพูชา เขาพระวิหารก็ถูกสั่งปิด-เปิดให้เข้าชมอยู่หลายครั้งตามสถานการณ์ภายในประเทศ ก่อนจะเกิดความร่วมมือกันอีกครั้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบันนี้ เขาพระวิหารนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ. ศรีสะเกษ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top