Sunday, 19 May 2024
LITE

26 มิถุนายน วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 

พระองค์ผนวชเป็นสามเณร ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เมื่อ พ.ศ.2483 โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ต่อมาได้ทรงเข้าพิธีผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2491 ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักเรียนวัดราชบพิธฯ จน พ.ศ.2491 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค และ พ.ศ.2493 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค ต่อมา เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย เป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 จบศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปี พ.ศ.2500 และได้เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banaras Hindu University) ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2512 ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ปี พ.ศ.2552 สภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ ปี พ.ศ.2553 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยนิมนต์สมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เข้าร่วมพระราชพิธี

‘บังสรร’ ประมูลกางเกง-นวม นำเงินไปทำบุญ ได้ยอดทะลุเป้า ปิดไปที่ 30,000 บาท

เพจเฟซบุ๊ก มวยสดได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการประมูลกางเกงมวยและนวม ของเสกสรร อ.ขวัญเมือง โดยได้ระบุว่า ...


"คนไม่ยอมคน" เสกสรร อ.ขวัญเมือง ล่าสุดโชว์ฟอร์มเดือดไม่เลิก ถล่ม นาธาน แบรนดอน ฟาดโบนัสชนิดดับเบิ้ลจาก บอสชาตรี หลังจากที่คว้าโบนัสมาแบบสวยงามสุดประทับใจ บังสรร ได้ประกาศประมูล กางเกงและนวม ที่ใส่ในวันชก เพื่อนำยอดเงินไปทำบุญตามที่ตั้งใจเอาไว้

โดยสถาการณ์ปัจจุบัน  กางเกงและนวม ของบังสรร ได้ถูกประมูลไปในมูลค่าถึง 30,000 บาท จาก Panich Settapongpanich แฟนมวยตัวยง

"กางเกงมวยและนวมที่ผมได้ทำการเปิดประมูลไปเมื่อวานผมขออนุญาติทำการปิดประมูลก่อนเวลาที่กำหนดไว้ เพราะยอดที่ประมูลกันเข้ามามันเกินเป้าที่ผมตั้งไว้มาก ผมต้องขออภัยทุกท่านที่มาร่วมประมูลประมูลด้วยนะครับ และยอดที่ผมปิดประมูล 30,000 บาทครับ ขอบคุณครับน้องที่ประมูลมา 30,000บาท" บังสรร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

‘ปุ๊ก อาภัสรา’ เปิดภาพล่าสุด ‘หม่อมโจ้’ ลูกชายคนแรก พาหลานขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์เที่ยว

เรียกได้ว่านานๆจะออกมาเผยโฉมหน้าอันหล่อเหลาออกสื่อบ้าง สำหรับ “หม่อมโจ้” หรือ “มล.รุ่งคุณ กิติยากร” ลูกชายคนแรกของคุณแม่คนสวย “ปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล” นางสาวไทย พ.ศ. 2507 และนางงามจักรวาล ค.ศ. 1965

ล่าสุดคุณแม่ “ปุ๊ก อาภัสรา” ได้ออกมาโพสต์รูปภาพของลูกชายหม่อมโจ้ ที่ได้พาลูกชาย “น้องกัสสป” ขึ้นรถเมล์ไปนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวอย่างเรียบง่าย โดยระบุแคปชั่นเอาไว้ว่า “กัสสปะนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวกับ คุณพ่อครับ”
 

25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงเปิด สถานีรถไฟกรุงเทพ

วันนี้ เมื่อ 107 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด สถานีรถไฟกรุงเทพ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า ‘สถานีรถไฟหัวลำโพง’

25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด สถานีรถไฟกรุงเทพ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า สถานีรถไฟหัวลำโพง ตามชื่อคลองและฝูงวัววิ่งกันอย่างคึกคะนองอยู่กลางทุ่งจึงเรียกว่า ‘ทุ่งวัวลำพอง’ และได้เพี้ยนเสียงมาเป็น ‘หัวลำโพง’ ในภายหลัง บ้างก็สันนิษฐานว่าเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งคือ ‘ต้นลำโพง’ ซึ่งเคยมีมากในบริเวณนี้ 

สถานีรถไฟหัวลำโพงเริ่มก่อสร้างในปี 2453 ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมกับศิลปะเรอเนซองซ์ มีความคล้ายคลึงกับสถานีรถไฟฟรังค์ฟูร์ท ที่เมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ ตามานโญ มีพื้นที่ประมาณ 120 ไร่ 

ด้านหน้ามี ‘อนุสาวรีย์ช้างสามเศียร’  ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีหัวลำโพงมีสวนหย่อมและน้ำพุสำหรับประชาชน โดยข้าราชการรถไฟได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างอนุสาวรีย์น้อมเกล้าฯ อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระพุทธเจ้าหลวง อนุสาวรีย์ที่ว่านี้เป็นรูปช้างสามเศียร มีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แกะสลักเป็นภาพนูนสูงประดิษฐานอยู่ด้านบน

ภายในประดับด้วยหินอ่อน เพดานมีการสลักลายนูนต่าง ๆ จุดเด่นอย่างหนึ่งคือ กระจกสีที่ช่องระบายอากาศ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งประดับไว้อย่างผสมผสานกลมกลืนกับตัวอาคาร โดยมีนาฬิกาขนาดใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 160 เซนติเมตรซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษ ติดตั้งอยู่อย่างกลมกลืน นับเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุด เป็นสถานีรถไฟหลักของประเทศไทย รองรับรถไฟประมาณ 200 ขบวนต่อวัน จากรถไฟสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ ก่อนจะรถไฟทางไกล สายเหนือ อีสาน และใต้ จะเปลี่ยนไปให้บริการที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา
 

‘พิม พิมประภา’ แจงประเด็นดราม่า ไม่อยากให้พ่อเครียด เชื่อแม่ยังรักมาก มีวันนี้ได้เพราะแม่ผลักดัน พาเรียนร้องเพลง-การแสดง 

หลังจากที่วันก่อน “พิม พิมประภา ตั้งประภาพร” ถึงขั้นร้องไห้ หลังถูกแม่โพสต์ฉะแรง ทั้งอกตัญญู ตัดแม่ตัดลูก ไม่ขอเจอกันอีกในชาติหน้า ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าขอไปเคลียร์กันหลังบ้านดีกว่า ต่อมา “แม่ศศิกานต์” ก็ออกมาโพศต์สยบดรามา ขอทุกคนอย่าไปถามลูกๆ ถึงเรื่องนี้อีก ยอมรับที่โพสต์เพราะน้อยใจลูก

ล่าสุดในงานประกาศรางวัล MAYA TV AWARDS 2023 พิม พิมประภา ก็เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้พยายามเข้มแข็งให้มากที่สุด ไม่อยากลงลึกรายละเอียดกับสิ่งที่แม่โพสต์ล่าสุดแล้ว แต่เชื่อแม่ก็ยังรักตนมาก

“ก็พยายามที่จะเข้มแข็งมากที่สุดค่ะตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าก็พิมได้รับกำลังใจที่ดีมากๆ จากทุกคน รวมถึงจากคนที่บ้านด้วย ก็ถือว่าเราก็พยายามที่จะเข้มแข็งให้ได้ แล้วก็พยายามที่จะมองคนที่เรารักให้เยอะๆ เลยตอนนี้ คือเราใช้เวลากับคนที่เรารักให้มากที่สุด พยายามรับพลังบวกจากคนในครอบครัวเยอะๆ

ที่ได้เห็นน้ำตา จริงๆ มันก็ถือว่าเป็นแผลสดเนอะ เราไม่ได้เอฟเฟกต์ว่าจะต้องตอบคำถาม ในเวลาอันใกล้ขนาดนั้น ไม่รู้สิ มันก็สดมาก ถามว่าหลังจากวันนั้น คนในครอบครัวตอนนี้ พยายามที่จะไม่พูดเรื่องเครียดกันเลย คือเราพยายามที่จะให้กำลังใจกัน พูดกันแต่สิ่งดีๆ เรื่องนี้มันสร้างบาดแผลให้กับทุกคนในบ้านเลย พิมก็คือเป็นพี่คนโต เราก็อยากที่จะให้ทุกคนแฮปปี้ และเป็นปกติให้ได้ไวที่สุด”

ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เซนซิทีฟที่สุดในชีวิต
“ก็ยอมรับตรงๆ ว่ามีผลกับสภาพจิตใจเรามากๆ เลย จริงๆ เรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องเซนซิทีฟที่สุดสำหรับชีวิตพิมแล้ว พิมก็มองนะ ว่าถ้าพิมผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาอีก พิมจะผ่านมันไปได้ทุกเรื่อง”

เชื่อมีทางออกสำหรับครอบครัว
“พิมเชื่อว่าครอบครัวทุกครอบครัว ยังไงก็คือครอบครัวค่ะ มันจะมีทางออกเสมอ แล้วตอนนี้พิมโฟกัสแค่ความสุขของคนในครอบครัวเลย อะไรก็ตามมีที่ทำให้เขามีความสุขและแฮปปี้ พิมทำได้ทุกอย่างเลย”

อ่านสิ่งที่แม่โพสต์แล้ว ไม่อยากพูดถึงอีก สร้างบาดแผลให้ทุกคนในบ้านมากแล้ว
“ได้อ่านแล้วค่ะ พิมรู้สึกว่าพิมไม่อยากที่จะลงรายละเอียด และไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพิมว่าเรื่องนี้มัน…อย่างที่บอกคือมันสร้างแผลให้กับคนในบ้านมากแล้ว พิมเป็นพี่คนโต ตอนนี้พิมอยากจะที่นำ และเป็นเสาให้กับทุกคนๆ ให้ได้ ก็พยายามที่จะเข้มแข็งให้มากที่สุด”

แม่ยังฝากให้ติดตามผลงาน เชื่อยังรักมาก
“ถูกต้องค่ะ คืออย่างที่พิมบอก ครอบครัวก็คือครอบครัว ถึงจะมีการไม่เข้าใจกันอะไรก็แล้วแต่ แต่พิมเชื่อเสมอว่าคุณแม่รักพิมมาก อันนี้คือเรื่องที่พิมเชื่อมาตลอด แล้วตั้งแต่เด็กพิมก็ได้รับความรักจากแม่มาเสมอ พิมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ แม้กระทั่งวันนี้พิมได้เข้าชิงรางวัลที่มันเป็นเกียรติขนาดนี้ ส่วนใหญ่ๆ เลยก็เพราะแม่พิมผลักดันพิมมาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่งั้นพิมจะไปเรียนร้องเพลง ไปเรียนการแสดงยังไง ถ้าเกิดเขาไม่พาพิมไป”

พ่อเครียดเพราะเห็นตนเครียด จากนี้จะเข้มแข็งและแฮปปี้ให้พ่อดู
“ท่านก็เครียดค่ะ ก็ต้องบอกว่าเขาเครียด แต่ว่าอย่างที่บอก ถ้าพิมเครียด เขาเครียดตาม เพราะฉะนั้นตอนนี้พิมจะเข้มแข็งและแฮปปี้ให้เขาดูให้มากที่สุด เพราะถ้าพิมแฮปปี้ เขาแฮปปี้แน่นอน ไม่ใช่แค่ปาป๊าอย่างเดียว ที่พิมร้องไห้ออกไปจากการสัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว พิมไม่ได้แฮปปี้กับสิ่งนั้นที่พิมทำไปนะ พิมเชื่อว่าคุณแม่ดู คุณแม่ก็ไม่แฮปปี้ พิมเชื่อว่าคุณแม่ดู คุณแม่ก็เครียด อย่างน้อยๆ พิมรู้จักเขาดี เขาน่าจะต้องร้องไห้ตามพิมแน่ๆ แล้วพิมไม่อยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว พิมอยากที่จะเข้มแข็งให้ได้มากที่สุดค่ะ”

‘เบส คำสิงห์’ ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ขัดผิวทุกวัน อยากให้ดูดีเพื่อคนใหม่ ไม่ได้มีสเปกตายตัว ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง นิสัยดี

โสดแล้วสวย โสดแล้วแซ่บ สำหรับ “เบส คำสิงห์” หรือ รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ลูกสาวคนเก่งของ “สมรักษ์ คำสิงห์” โดยในงานประกาศรางวัล MAYA TV AWARDS 2023 เจ้าตัวเผยสวยขึ้นเพราะอยากดูแลตัวเองให้ดูดีเพื่อแฟนใหม่

“เราก็ดูแลตัวเองค่ะ เพราะว่าว่าง ตอนไม่โสดไม่ว่างเพราะอยู่กับแฟนไง เราเป็นผู้หญิงติดแฟน แต่ตอนนี้หนูตื่นมาออกกำลังกายทุกเช้า แล้วก็ดูแลผิว สครับ ขัดผิวทุกวัน (อยากให้ดูดีขึ้นเพื่อคนที่เข้ามาใหม่?) เพื่อเขาด้วย คนใหม่ก็ต้องภูมิใจที่มีแฟนเป็นเรา (หัวเราะ) เราต้องพัฒนาขึ้นไง เขามาคบเราแล้ว เราก็ต้องพัฒนาในเรื่องของความคิด ทัศนคติ รูปร่างด้วย หุ่นด้วย”

โสดแล้วแซบได้ ชินโดนแซะ คงไม่หนักเท่าปีก่อนแล้ว
“ตอนนี้โสดก็แซบได้ สเปกเหมือนเดิมค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยน จริงๆ หนูก็ไม่ได้มีสเปกตายตัวนะ แค่คุยกันรู้เรื่อง นิสัยดีก็โอเคแล้ว ส่วนคนคอมเมนต์แซะก็ปกติค่ะ เป็นเรื่องปกติมาก เพราะว่าเราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องโดนอยู่แล้ว คือก่อนหน้านี้เราโดนมาหนักมาก ช่วงปีที่แล้ว ไปออกรายการ ทำอะไรก็โดนไปหมด ความรู้สึกเรามันอยู่ตัวแล้ว ก็คงไม่มีอะไรหนักเท่าปีที่แล้วแหละ
ตอนนี้ก็ยังอ่านคอมเมนต์นะ แต่ว่าถ้าใครว่าเรา เราก็ไปอ่านคนที่ชมเรา เราไม่ได้อิกนอร์นะ ถ้าเกิดเขาบอกว่าเราอ้วน เราก็จะลดน้ำหนัก แต่ถ้าด่าว่าเราไม่สวย เราก็จะไปส่องกระจกที่บ้าน ถ้าส่องแล้วรู้สึกว่าก็ดูดีนะ ก็ไม่ได้ไม่สวยขนาดนั้น เราก็ข้ามไป เวลาอ่านเจอคอมเมนต์ไม่ดีก็ไม่โกรธ เพราะว่าหนูเจอมาหนักมากเลยค่ะปีที่แล้ว ปีนี้ก็เลยไม่ค่อยเท่าไหร่ ปีที่แล้วกว่าจะผ่านมาก็ยาก ก็หนักเหมือนกัน”

เคยถามคนเคยฟ้อง แต่ไม่เคยทำ และยังไม่เคยคิด
“ก็เบาๆ ค่ะ คอมเมนต์กันเบาๆ (หัวเราะ) แต่เรื่องฟ้องร้องไม่มีค่ะ ไม่เคยคิดเลย แต่ถามพี่ๆ นักแสดงเหมือนกัน ว่ามันได้เงินจริงเหรอคะ ใช้เวลานานไหม ก็ถามเฉยๆ แต่ไม่เคยทำค่ะ”

โดนด่าเพราะจริต เป็นคนตรงๆ
“อาจจะเป็นจริตหนูด้วย เราเป็นคนตรงๆ อาจจะบอกว่าหนูออกตัวแรงด้วย หลายๆ อย่างค่ะ แต่ตอนนี้ก็ปรับตัวเองลงมาเยอะมากแล้ว หนูแทบไม่ลงสตอรี่เลยด้วยซ้ำ คือเวลามีปัญหาถ้าเกิดเป็นปัญหาเล็กๆ มันก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่บางทีเรื่องเล็กๆ แต่ทำไมปัญหามันใหญ่จัง เราก็ซีเรียสนิดหนึ่ง เลยระวังตัวเอง”

แฟนใหม่จะเปย์เหมือนเดิม เปรยขำๆ อาจดาวน์รถให้ก็ได้ แถมไม่เอาคืน
“ก็เปย์นะ ก็แฟนเรา ก็เป็นคนคลั่งรัก มันไม่ได้ให้ถึงขั้นหมดตัว แบบไปกินข้าว เราก็เลี้ยงได้ แต่ถ้าเขาอยากได้รถ ก็ใหญ่ไป แต่หนูอาจจะดาวน์ให้ก็ได้ (หัวเราะ) หนูว่าการเป็นแฟนกันมันเป็นเรื่องปกติมาก ซึ่งหนูให้หนูก็ไม่ได้จะเอาคืน ให้ก็คือให้ ให้แล้วก็จบไป ส่วนคนมองว่าน่าจะเป็นผู้ชายเปย์ มันก็อยู่ที่เขา เราไม่สามารถพูดได้ ว่าพี่จ่ายอันนี้ให้หน่อย แต่ถ้าเกิดเขาอยากให้เรา เราก็รับ แต่เราอยากให้มากกว่า เราดูเหมือนเราอยากให้มากกว่า (หัวเราะ)”

ไม่หวั่นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ผู้ชายคนใหม่ต้องดีกว่าเดิม
“ไม่ค่ะ เรายังพัฒนาขึ้นเลย ผู้ชายคนใหม่ต้องดีกว่าเดิม ลิมิตในการให้ของใครก็มี ก็ไม่ใช่ว่ามีล้านจะให้ล้านขนาดนั้น ก็บอกอยู่ว่าให้ครึ่งหนึ่ง(หัวเราะ) เดี่ยวเราหาใหม่ ถามว่ากลัวเขาหลอกไหม ไม่หรอกๆ เหมือนคนที่เข้ามาเขาไม่ได้หวังอย่างนั้น”

มั่นใจดูคนเป็น
“เราก็ดูคนเป็นอยู่ เราดูคนออกอยู่ ก่อนที่จะมาเป็นแฟนมันก็ต้องคุยกันมาก่อน ตอนคุยกันเราก็ดูออกประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ต้องเป็นแฟนถึงเปย์ ต้องมีสถานะแฟน ทำไมไม่มีใครถามหนูว่ามีใครมาเปย์หนูหรือยัง
(แล้วมีหรือยัง?) ยังค่ะ (หัวเราะ)”

ลุ้นไม่ขึ้น “ซิม คิวเท โอปป้า” แค่เพื่อน แรงเชียร์ไม่เคยได้ผล
“เป็นเพื่อนกัน แต่เขาสายเปย์อยู่แล้ว หนูไปกับเขาไม่ต้องพกกระเป๋าตังค์เลยนะ คิวเทจ่ายให้หมด ถามว่าลุ้นขึ้นไหม ไม่ค่ะ เป็นเพื่อนกันเลย ถามไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะว่าคนเชียร์มาก่อนหน้านี้นานแล้ว ก็ไม่เคยได้ผล หนูว่าให้เป็นความน่ารักแบบเพื่อนกันดีแล้ว เป็นเพื่อนกันค่ะ”

ไม่บอกโสด
“ไม่บอก (หัวเราะ) โสดค่ะ แต่ไม่อยากบอกเฉยๆ”

ที่มา :  https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000057346

24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทย จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ประชาธิปไตย

24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับเป็นสำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย เพราะเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ตรงกับวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก จุลศักราช 1294 ในรัชสมัยของสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในพระราชวงศ์จักรี คณะราษฎรอันประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ พลเรือน และราษฎร นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้นำกำลังทหารและพลเรือนมาชุมนุม ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อประกาศแถลงการณ์ของคณะราษฎรและยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ

เมื่อสามารถระดมกำลังทหารมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าได้เป็นจำนวนมากจากหลายกองพันในกรุงเทพ ตลอดจนกุมตัวพระบรมวงศานุวงศ์และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของรัฐบาลมาไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมแล้ว คณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารก็ได้มีหนังสือและส่ง น.ต. หลวงศุภชลาศัย ไปยังพระราชวังไกลกังวล กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จกลับพระนคร ดังมีความสำคัญว่า

“คณะราษฎรไม่ประสงค์จะแย่งราชสมบัติแต่อย่างใด ความประสงค์อันยิ่งใหญ่ก็เพื่อที่จะมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จึงขอเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกลับคืนสู่พระนคร ทรงเป็นกษัตริย์ต่อไป โดยอยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน”

วันรุ่งขึ้น 25 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร มีความตอนหนึ่งว่า

“…คณะทหารมีความปรารถนาจะเชิญให้ข้าพเจ้ากลับพระนครเป็นกษัตริย์อยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน ข้าพเจ้าเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อกัน ทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละมัยไม่ให้ขึ้นชื่อว่าได้จลาจลเสียหายแก่บ้านเมืองและความจริงข้าพเจ้าได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะช่วยเป็นตัวเชิดเพื่อให้คุมโครงการตั้งรัฐบาลให้เป็นรูปวิธีเปลี่ยนแปลงตั้งพระธรรมนูญโดยสะดวกฯ”

และในคืนวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จกลับพระนครโดยรถไฟพระที่นั่งที่ทางคณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารส่งไปรับ และในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ให้บุคคลสำคัญของคณะราษฎรเข้าเฝ้าและพระองค์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่คณะผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน

ต่อมาในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวให้เป็นกติกาการปกครองบ้านเมืองเป็นการชั่วคราวไปก่อน

คณะราษฎรนับเป็นกลุ่มบุคคลผู้มีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงในทางการเมืองและสังคมของประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี กระทั่งสิ้นสุดบทบาทในปลาย พ.ศ. 2490 จากการรัฐประหาร ของคณะนายทหาร ภายใต้การนำของพลโท ผิน ชุณหะวัณ

ข้อมูล : สถาบันพระปกเกล้า
 

‘ก้อง ห้วยไร่’ ถอดกางเกงกลางเวที เมื่อแฟนคลับทุ่มเงิน ‘ครึ่งแสน’ เพื่อประมูล

จัดเต็มทุกงานตลอดสำหรับนักร้องชายชื่อดัง ก้อง ห้วยไร่ ที่เจ้าตัวนั้นไปแสดงงานคอนเสิร์ตที่ไหนเจ้าตัวจัดเต็มตลอด ทั้งการร้องเพลง เอนเตอร์เทน ไม่มีบกพร่องกันเลยทีเดียว อีกทั้งเจ้าตัวไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไหนก็มันจะได้เหล่าบรรดาของขวัญแปลกๆ จากแฟนคลับอยู่บ่อยครั้งจนเป็นกระแสทุกครั้งเลยก็ว่าได้ เอาเป็นว่าเจ้าตัวนั้นเป็นที่รักของเหล่าบรรดาแฟนคลับมาโดยตลอด แต่ล่าสุดเป็นต้องอึ้งเหมือนเหล่าบรรดาแฟนคลับของเจ้าตัวทุ่มเงินถึงครึ่งแสนในการประมูลกางเกงตัวที่เจ้าตัวนั้นใส่แสดงคอนเสิร์ตอยู่นั่นเอง

ล่าสุดในเฟสบุ๊กส่วนตัวของนักร้องชายชื่อดังอย่าง ก้อง ห้วยไร่ ได้ออกมาโพสต์รูปพร้อมข้อความที่เจ้าตัวนั้นได้ไปแสดงคอนเสิร์ตในที่แห่งหนึ่ง โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความไว้ว่า “เมื่อ แฟนเพลงขอประมูลกางเกง 50,000 บาทกูจะเก็บไว้เพื่อ เอาไปเลยน้อง ภาพที่ท่านเห็นคือกล้ามขานะครับผมเป็นคนที่แข็งแรงมากอย่ามองเป็นอย่างอื่น” ซึ่งสำหรับรูปที่เจ้าตัวโพสต์นั้น “เป็นรูปด้านหลังที่เจ้าตัวกำลังก้มถอดกางเกงจนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นสีขาวนั่นเอง” จนเหล่าบรรดาแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์แซวสนั่น เช่น โอ้ยตกใจเหมิด ป๊าด ไข่ออกบ่พี่555 แว๊ปแรก นึกว่าย้อย55555 จ้วดๆ แว๊ปแรก เห็นเป็น…อิหลีนิหละจ้า
 

รู้จัก ‘Stüssy’ พี่ใหญ่แห่งวงการสตรีตแวร์ แบรนด์เก่าแก่แต่ครองใจศิลปิน-คนรุ่นใหม่

ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชัน นับว่าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งสูง เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดค่อนข้างสูง ตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชันราคาถูกจับต้องได้ ไปจนถึงเสื้อผ้าหรู แบรนด์เนม… งานหนักจึงมาตกอยู่ที่บรรดาเจ้าของแบรนด์ที่ต้องตาม ‘เทรนด์’ การแต่งตัวของผู้คนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งก็ต้องเทิร์นตัวไปเป็นผู้นำแฟชันเองซะเลยก็มี

อย่างไรก็ตาม แม้ในตลาดเสื้อผ้าแฟชันจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังโชคดีที่แบรนด์ต่าง ๆ ที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะ ก็มักจะเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นของตัวเองได้ไม่ยาก เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์ ‘Stüssy’ (อ่านว่า สตูซี) แบรนด์สตรีตแวร์สุดเก๋า ที่ถือกำเนิดมาแล้วกว่า 44 ปี หรืออาจเรียกได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็น ‘พี่ใหญ่แห่งวงการสตรีตแวร์’ นั้น...ยังยืนตระหง่านในเวทีนี้ได้แบบไม่ตกยุค

… และแน่นอนว่า เหตุผลที่อยากหยิบยก Stüssy แบรนด์สตรีตสัญชาติอเมริกามาเล่า เพราะล่าสุดเขาได้มาเปิดสาขาเป็นของตัวเองเป็นแห่งแรกในไทยแล้ว โดยมีพิกัดอยู่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 2 ซึ่งบอกเลยว่า วันเปิดขายวันแรกนี่ทำเอาห้างแตก ลูกค้าต่อคิวยาวล้นออกมานอกห้าง เพราะลูกค้าจำนวนมากต้องการเข้าไปซื้อสินค้าราคาป้ายไทย รวมถึงเสื้อยืดลายพิเศษ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สาขา Bangkok Chapter เท่านั้น

เอาล่ะ!! พักเรื่องคามร้อนแรงของ ‘Stüssy’ ในไทยไปก่อน และขอย้อนพาไปดูเส้นทางสู่ความร้อนแรงแห่งสตรีตแฟชันรายนี้ ที่ THE STATES TIMES จะลองขยายประวัติและต้นกำเนิดของแบรนด์นี้ให้ทราบกันพอสังเขป… ซึ่งขอบอกเลยว่าแบรนด์นี้ไม่ได้ขายเสื้อผ้าตั้งแต่แรก… แต่จะขายอะไรมาก่อน เชิญติดตาม!!

ย้อนกลับไปในปี 1979 แบรนด์ Stüssy ถือกำเนิดขึ้นจากชายที่ชื่อว่า ‘Shawn Stussy’ ผู้ที่หลงใหลในการเล่นกระดานโต้คลื่น หรือเซิร์ฟบอร์ด จึงตัดสินใจเปิดธุรกิจผลิตและออกแบบเซิร์ฟบอร์ดเป็นของตนเอง อยู่แถวชายหาดลากูนาบีช ที่แคลิฟอร์เนีย โดยเขาได้นำลายเซ็นนามสกุลของเขามาเป็นโลโก้ประจำแบรนด์ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและจดจำง่าย

ทั้งนี้ ดีไซน์โลโก้ของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากข้อความกราฟิตี ศิลปะการพ่นลวดลายบนกำแพง ตามสไตล์ชาวพังก์ร็อกและฮิปฮอปที่เขาชื่นชอบ และสื่อถึงจิตวิญญาณความเป็นศิลปินอันแสนขบถ ในช่วงแรก คุณ Stussy เน้นขายสินค้าเฉพาะเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น 

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดปิ๊งไอเดีย โดยลองนำโลโก้ Stüssy มาสกรีนลงบนเสื้อยืด และนำไปขายควบคู่กับเซิร์ฟบอร์ด ที่งาน Action Sports Retailer ในปี 1982 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ เจตนาแรกเขาแค่ต้องการใช้เสื้อยืดสกรีนมาเป็นตัวกระตุ้นยอดขายให้กับเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเสื้อยืดเป็นสินค้าที่ขายดีแทน โดยเพียงแค่ 3 วัน เขาสามารถขายเสื้อยืดไปมากกว่า 1,000 ตัว

เมื่อกระแสตอบรับเสื้อยืดดีเกินที่คาดไว้ คุณ Stussy จึงเพิ่มไลน์เสื้อผ้าแนวสตรีตแวร์ในร้านของเขา เป็นการขยายธุรกิจและสินค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
.
แม้ยอดขายเสื้อยืดจะดีเลิศ แต่ในความเป็นจริง คุณ Stussy ไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำการตลาดมากนัก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจชวน Frank Sinatra เพื่อนสนิทที่เล่นเซิร์ฟด้วยกัน มาเป็นหุ้นส่วนของร้าน การร่วมมือของพวกเขาทั้งสอง ทำให้แบรนด์ Stüssy ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทและเป็นที่รู้จักในวงกว้างกว่าเดิม หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ ลดการขายเซิร์ฟบอร์ดลง และหันมาพัฒนาเสื้อผ้าแทน

เวลาผ่านพ้นไปจนกระทั่งปี 1991 พวกเขาก็ได้เปิด Flagship Store แห่งแรกของแบรนด์ในเมืองนิวยอร์ก โดยได้ James Jebbia มาเป็นผู้จัดการร้าน แต่ภายหลังเขาลาออกไปสร้างแบรนด์ของตัวเองชื่อ ‘Supreme’

แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 ปี คุณ Shawn Stussy ก็ได้ตัดสินใจวางมือจากแบรนด์ Stüssy เพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว โดยได้ขายหุ้นของบริษัทให้กับคนตระกูล Sinatra ทำให้จวบจนถึงปัจจุบัน แบรนด์ Stüssy อยู่ภายใต้การบริหารงานของครอบครัว Sinatra

แม้ผู้ก่อตั้งแบรนด์คนแรกจะไม่ได้เป็นผู้บริหารแบรนด์เองแล้ว แต่โลโก้แบรนด์ Stüssy ที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ และได้รับความสนใจจากผู้มากมาย โดยมีร้านแบบ Stand Alone และตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้แตกไลน์สินค้ามากขึ้น เช่น หมวก เสื้อแจ๊กเก็ต กระเป๋า ถุงเท้า แว่นตา และอื่นๆ ด้วย

อ่านมาถึงจุดนี้ ก็อาจจะพอรู้แล้วว่าสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Stüssy คือความเป็นพังก์ร็อก และฮิปฮอป เนื่องจากผู้ก่อตั้งอย่าง Shawn Stussy หลงใหลในวัฒนธรรมเหล่านี้ และเขารู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน หรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นแบบใด ส่งผลให้สินค้าของแบรนด์ Stüssy ที่ออกมาถูกใจคนกลุ่มนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งการรู้ใจผู้บริโภคและมีสินค้าตอบโจทย์ความต้องการ ทำให้แบรนด์ประสบความสำเสร็จและครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฐานลูกค้ายังชื่นชอบและเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ Stüssy ก็คือการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงในการผลิต อีกทั้งยังคงใส่ใจรายละเอียดการตัดเย็บ การดีไซน์ที่คงอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ แบรนด์ Stüssy ยังได้ออกสินค้ารุ่นลิมิติดอิดิชันร่วมกับแบรนด์ชื่อดังอื่นๆ ด้วย เช่น Nike Supreme, VANS, CONVERSE, Levi's®, New Balance, G-Shock, COMME des GARÇONS หรือแบรนด์หรูอย่าง Dior ซึ่งการร่วมมือกับแบรนด์อื่นออกสินค้า เสมือนเป็นการพาแบรนด์ออกแนะนำตัวสู่สาธารณะ เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ทำความรู้จักแบรนด์ และสร้างประสบการณ์ ไอเดียใหม่ๆ ให้กับแบรนด์

เท่านั้นยังไม่พอ เหล่าศิลปินไอดอล และคนดังระดับโลก เช่น ลิซ่า BLACKPINK, IU, Kendall Jenner, Travis Scott และ ศิลปินวง BTS ต่างก็เลือกสวมใส่เสื้อผ้าจากแบรนด์ Stüssy ด้วยเช่นกัน ยิ่งเป็นแรงเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ในโลกธุรกิจ โอกาสคือสิ่งสำคัญ เพราะในบางครั้ง Passion ที่หวังไว้ อาจจะไม่ได้พาเราไปถึงปลายทางที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ ฉะนั้นการคว้าโอกาสและต่อยอดโอกาสอย่างจริงจัง ในบางครั้งก็มีความจำเป็น เหมือนกับ ‘Stüssy’ ที่ใครจะคิดว่า ไอเดียจากการนำโลโก้เซิร์ฟบอร์ด ที่มาเพ้นต์ลงเสื้อยืดเพื่อสร้างแรงกระตุ้นยอดขายเซิร์ฟบอร์ด จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นตำนานสตรีตแฟชันแห่งยุคได้อย่างลงตัว 

วันก่อตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล จุดเริ่มต้นมหกรรมกีฬาโอลิมปิก

วันนี้ เมื่อ 129 ปีก่อน กำเนิด คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เพื่อฟื้นฟูโอลิมปิกยุคโบราณสู่กีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่

คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2437 โดยมี ปิแอร์ เดอ กูเบอร์แตง ชาวฝรั่งเศส เป็นผู้นำในการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งจัด ณ มหาวิทยาลัยปารีส เพื่อฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกยุคโบราณสู่กีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ 

ซึ่งเป็นระยะเวลาสองปีก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกที่ถูกจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2439 โดย IOC เป็นองค์กรอิสระระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาสังคมแห่งมวลมนุษยชาติให้ดียิ่งขึ้นผ่านการเล่นกีฬาระดับสากล IOC เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารจัดการการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกระดับสากล

ขณะเดียวกัน วันที่ 23 มิถุนายนของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น ‘วันโอลิมปิก’ หรือ ‘Olympic Day’ เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันก่อตั้งของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล 

นอกจากนี้ วันโอลิมปิกยังมีเป้าหมาย ต้องการให้ผู้คนทั่วโลกได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมกีฬาในแบบฉบับของตัวเอง โดยไม่จำกัดเพศ อายุ หรือแม้กระทั่งความสามารถทางกีฬา ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ หรือ National Olympic Committee (NOC) ในแต่ละประเทศได้พยายามจัดกิจกรรมในวันนี้เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเข้าถึงกีฬามากขึ้น
 

22 มิถุนายน ของทุกปี วันป่าฝนโลก (World Rainforest Day) กระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์และร่วมปกป้องป่า

‘วันป่าฝนโลก’ (World Rainforest Day) เริ่มต้นขึ้นในปี 2017 โดย Rainforest Partnership หรือ ‘พันธมิตรป่าฝน’ ที่รวบรวมบุคคลจากหลายประเทศทั่วโลกมาร่วมกันดูแลรักษาและฟื้นฟูป่าไม้ หวังให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของป่าฝน

‘ป่าฝน’ ป่าที่มีต้นไม้สูง,สภาพอากาศร้อน,และฝนตกเป็นจำนวนมาก ป่าฝนเขตร้อนคือป่าไม้ในแถบพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น ทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นป่าไม้ที่มีอุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี (ราว 20 ถึง 27 องศาเซลเซียส) ได้รับน้ำฝนเฉลี่ยอย่างน้อย 200 เซนติเมตรต่อปี ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ส่งผลให้พืชพรรณต่างๆ เจริญเติบโตได้ดี 

ป่าไม้เขตร้อนยังเป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ไว้มากที่สุด โดยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกมากกว่าร้อยละ 50 มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าไม้เขตร้อน

เห็นเขียวชอุ่มขนาดนี้แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีเนื้อที่เพียง 2% เท่านั้นจากพื้นที่ทั้งหมดบนโลก แม้จะมีน้อยแต่มันก็เป็นบ้านของสัตว์ และต้นไม้นานาพันธุ์ถึง 50% ของโลก รวมถึงยังเป็นสถานที่ที่เราจะสามารถชี้วัดอุณหภูมิ และช่วยคงสภาพภูมิอากาศโดยรวมของโลกได้ด้วย

ป่าฝนนั้นมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต อย่างป่าแอมะซอนมีความสำคัญเป็นปอดของโลกสร้างออกซิเจนให้เราถึง 20% รวมถึงน้ำสะอาดเช่นกัน ป่ายังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน การปกป้องและฟื้นฟูป่าเป็นการช่วยรักษาโลกนี้ไว้ได้

แต่ปัจจุบันป่าหายไปจำนวนมาก มีป่าหายไปขนาดราวสี่สิบสนามฟุตบอลทุก 1 นาที จากกิจกรรมต่างๆของเรา ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า เผาป่า ทำพื้นที่อาศัย พื้นที่เกษตร ปศุสัตว์ สิ่งก่อสร้าง และอื่นๆ ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวิต สุขภาพของโลก และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง 

‘วันป่าฝนโลก’ (World Rainforest day) มีขึ้นเพื่อให้เห็นความสำคัญและความสวยงามของป่าฝน รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการร่วมอนุรักษ์ ด้วยความร่วมมือของเราทุกคนจะช่วยรักษาป่าฝน และยับยั้งปัญหาโลกร้อนได้

พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ให้แง่คิด คติสอนใจ เรื่องการมองเห็นคุณค่าของชีวิต

“ดินก้อนหนึ่ง จะมีคุณค่ามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับใครเป็นคนปั้น เพราะฉะนั้น ขอให้เราแต่ละคนจงเพียรปั้นดินแห่งชีวิตของตัวเองให้ดี ให้งดงาม ให้มีคุณค่า ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคนกับเขาชาติหนึ่ง”
 

รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น หรือ ‘รัศมีแข’ นักแสดง พิธีกร และนักวอลเลย์บอลลูกครึ่งไทย-เซเนกัล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงวอเลย์บอลทีมชาติหญิง

“ขอบคุณมากครับสำหรับวันนี้…และยังคงเหมือนเดิมนะเด็ก….รักนะครับ และศรัทธาเคารพวอเลย์บอลทีมชาติหญิงเสมอ…ขอบคุณสำหรับความสุขก่อนนอน….เชียร์สนุกมากครับ…แล้วเจอกันนะ”

ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ

วันนี้เมื่อ 24 ปีก่อน ‘ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ’ (mai) เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ขึ้น โดยเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2542 เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่มีศักยภาพ ในการเติบโตสามารถระดมทุนผ่านตลาดทุนได้ โดยเน้นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดี ในอนาคต (Business for the Future) หรือธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 

สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการอื่นๆ หากมีคุณสมบัติ ครบตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีความยินดีรับเป็นบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีบริษัทจดทะเบียนในหลากหลายอุตสาหกรรมให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนได้ ตามความเหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สามารถรองรับธุรกิจได้ทุกขนาด ทุนจดทะเบียนชำระแล้วขั้นต่ำภายหลังกระจายหุ้น 50 ล้านบาทขึ้นไป และไม่มีการจำกัดทุนจดทะเบียนชำระแล้วขั้นสูง ซึ่งแตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่รองรับได้เฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งมีทุนชำระแล้วขั้นต่ำ 300 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น

ในปีแรกของการจัดตั้ง มีบริษัทเข้าจดทะเบียน จำนวน 3 บริษัท ขณะที่ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 มีบริษัทจดทะเบียนใน mai 206 บริษัท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 479,383 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,973 ล้านบาทต่อวัน  
 

ราชการไทยยุคใหม่ แก้ไขความล่าช้า เชื่อมโยงให้บริการประชาชน ใจกลางเมืองหลวง

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก แม่บ้านแคนาดา ได้โพสต์ข้อความถึง ระบบราชการไทยยุคใหม่ ที่ให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้ตั้งใจไปทำพาสปอร์ตใหม่ที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (MBK) ชั้น 5 โซน A แต่บัตรประจำตัวประชาชนเราหมดอายุเจ้าหน้าที่เลยบอกให้เราไปจุดบริการด่วนมหานคร (Bangkok Express Service)

ซึ่งอยู่ติดกัน เราก็กังวลเพราะไม่มีเอกสารอะไรติดมาด้วยเลย มีแค่พาสปอร์ตอันเก่าและบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุ

แต่ๆๆๆๆ เขาใช้แค่บัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุเรากับพาสปอร์ตเล่มเก่าเราแค่นั้นก็ทำบัตรประชาชนใบใหม่ได้แล้ว แถมรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดีมาก
เสียค่าปรับไป 100 บาท 

พอได้บัตรประจำตัวประชาชนใบใหม่เราก็กลับมาทำพาสปอร์ตต่อ เราจองออนไลน์มา ได้คิวเลย ทำแปปเดียวก็จ่ายเงินค่าพาสปอร์ต 10 ปี 1,500 บาท และค่าจัดส่ง EMS 40 บาท

วันนี้ประทับใจมากในการใช้บริการทั้งสองที่  กะไปทำแค่พาสปอร์ตแต่ได้ทำตั้งสองอย่างเลยในเวลาไม่ถึง30นาที เริ่ดเด้อ!!

เผื่อใครกลับมาไทยแล้วอยากทำเอกสาร ลองไปที่นี้ดูนะคะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top