Sunday, 19 May 2024
LITE

‘ก้อย อรัชพร’ เลิกกับ ‘นิกกี้ ณฉัตร’ แต่ก็ยังช่วยกันดูแล ‘น้องไนล่า’ ย้ำ ไม่ได้เลี้ยงแบบหมา แต่เลี้ยงแบบลูก

แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้ว แต่อดีตคู่รักอย่าง นิกกี้ ณฉัตร และ ก้อย อรัชพร ก็ตัดสินใจช่วยกันดูแลน้องหมา “ไนล่า” เหมือนเดิม เพราะรักและผูกพันเหมือนลูกคนหนึ่ง แต่ไม่วายเจอดราม่า คนมาว่า สาวก้อย กั๊กความสัมพันธ์ นิกกี้ ไม่ยอมคืนน้องหมาไปทั้งที่เลิกกันไปแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว

ดราม่าเรื่องน้องหมา ที่หลายคนมองว่ายังไปเจอ “นิกกี้” ถูกตีความไปเองโดยที่ยังไม่ได้ฟังเรา? “อ๋อ จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ก้อยคุยกับพี่นิกกี้ชัดเจนตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจแยกกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง คิดว่าไม่ได้ดราม่าอะไร ก้อยคิดว่ามันเป็นเรื่องปัจเจกมาก บางคนอาจจะมองว่าความสัมพันธ์ยื้อยึง”

“แต่ก้อยกับพี่นิกกี้ได้คุยกันชัดเจนมากๆ แล้วว่านี่คือทางร่วมและการตัดสินใจร่วมกัน อย่างที่บอกคือก้อยไม่ได้เลี้ยงน้องหมาตัวนึงแบบหมา ก้อยเลี้ยงเขาแบบลูกและเราทั้งคู่ต่างมีความสุขที่ให้เขาได้อยู่กับเราทั้งคู่ ถึงแม้ผ่านวันที่ดราม่ามาก็ยังได้คุยกันว่า เราก็เดินต่อทางนี้แหละเพราะนี่คือเส้นทางที่เราทั้งคู่ตัดสินใจแล้ว”

เราทั้งคู่ทำใจแล้วว่าต้องมีเรื่องทำนองนี้ออกมา? “ใช่ๆ เราเลือกสิ่งที่เรารักเป็นที่ตั้ง นั่นคือ “ไนล่า” อาจจะมีคนที่ไม่ได้เข้าใจในความสัมพันธ์ของเราซึ่งนั่นก็ไม่เป็นไร พอเกิดดราม่าเรามาคุยกันมันก็ยังเป็นในรูปแบบเดิม มันคือสิ่งที่เราตัดสินใจกันถึงความรักที่เรามีต่อน้อง มันก็เลยไม่ได้มีอะไรที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจในความสัมพันธ์แบบนี้ แต่ละคนก็มีแนวทางที่ไม่เหมือนกัน ก็เข้าใจได้ค่ะ”

จริง ๆ มันกระทบไหมกับคอมเมนต์ด้านลบที่มาวิจารณ์เรา? “ตอนนั้นที่หนูเลือกที่จะพูดออกไป เพราะปกติคอมเมนต์ด้านลบมันมีมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ทีนี้มันจะมีไอจีของน้องหมา ซึ่งสำหรับหนูมันเป็นไอจีบริสุทธิ์ น้องหมาก็วิ่งเล่นทุกวันก็จะมีคนเข้ามารุมใส่ลบๆ แต่ก็คือรุมด่าหนูแหละส่วนใหญ่ แต่มาลงในช่องไอจีนี้ คือพลังลบในชีวิตมันมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว”

“แต่เรารู้สึกว่าพื้นที่นี้มันเป็นพลังบวกของเรา มันเหมือนไปโดนเส้นเรา จริงๆ พลังงานลบเข้ามาในชีวิตหนูมันไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ ณ เส้นนั้นมันคือพลังบวกของหนู เราก็เลยเอาซะเลย เป็นแค่โมเมนต์เดียว แค่พอผ่านโมเมนต์นั้นมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หนูคือคนที่เข้าใจได้ว่าหนูทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ทำไปทำไม ถ้าคนที่เรารู้จัก เรารัก เราเคยคุยสิ่งนี้ไปแล้วมันก็ตามนั้น”

หนียังไงก็ไม่พ้น? “ทุกคนแหละ ไม่ใช่แค่ก้อย ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในวงการ ทุกคนไม่สามารถทำให้ใครเข้าใจเราได้เสมออยู่แล้ว ตอนนั้นมันองค์ประธานไง มันคือความน่ารักแต่ก็มีมาแบบแน่นๆ แน่นเดียวไม่พอ แน่นไม่หยุด เราก็เลยคิดในหัวว่าหรือเขาต้องการ การสื่อสารบางอย่างจากเรา ก็เลยสื่อสารบางอย่างกลับไป แต่เราสื่อสารสิ่งนั้นไปก็ไม่ได้ช่วยอยู่ดี เราไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจได้ ก็โนพอยท์อยู่ดี แต่ก็อาจจะทำให้บางคนเข้าใจมากขึ้น”

เราทั้งคู่มองข้ามดราม่า? “โห เราเจอกันมาไม่น้อยอ่ะ ทั้งหนู ทั้งพี่นิกกี้ ยิ่งผ่านมาเราก็ยิ่งได้รู้ว่าพื้นที่ไหนคือพื้นที่ที่เรารัก พื้นที่ไหนที่เราหวังดีต่อกัน เราคิดดี คิดทุกอย่างบวก แล้วเราเลือกแล้วว่ามันคือการตัดสินใจของเรามันก็แค่นั้นเอง”

แม่ค้ายิ้ม!! เมนู ‘ตำมะม่วง’ ขายดีจนทำแทบไม่ทัน หลังคนแห่สั่งซื้อเพียบ ตามรอย ‘ลิซ่า BLACKPINK’

วันที่ (29 มิ.ย. 66) ถือเป็นอีกหนึ่งพลัง Soft Power ของเมืองไทย จากกรณีที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ศิลปินชื่อดัง ได้โพสต์ภาพตำมะม่วงพร้อมข้อความระบุว่า “ตำมะม่วงส่งตรงจากไทยแลนด์” จนได้กลายเป็นกระแสอีกครั้ง จากที่ครั้งก่อนๆ ไม่ว่าลิซ่าจะโพสต์เมนูไหน เมนูนั้นก็ขายดีในชั่วข้ามคืน อย่างเช่น ที่ร้านโกเปี๊ยกคาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองท์ ซอยเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ 16 (หลัง สภ.นาโยง) อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ขณะนี้เมนูส้มตำถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี หลังจากมีภาพและข่าว ‘ลิซ่า BLACKPINK’ รับประทานตำมะม่วง ทำให้ทางร้านต้องเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงเมนูส้มตำเพิ่มจากปกติ เช่น มะม่วงเบา มะละกอ ปลาร้า มะเขือเทศ เป็นต้น เพื่อรองรับการสั่งของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

น.ส.สุนิสา อินจุ้ย อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน บอกว่า หลังจากที่ลิซ่าได้โพสต์เมนูตำมะม่วง ทำให้ต้องเตรียมวัตถุดิบไว้รับตามกระแสทันที เพราะตอนนี้ลิซ่า รีวิวอะไรก็สะเทือนทันที และปังทุกอย่าง จนตอนนี้มีลูกค้าสั่งตำมะม่วงมากขึ้น ซึ่งปกติที่ร้านมีพวกเมนูส้มตำ และอาหารอีสานอยู่แล้ว โดยเฉพาะซิกเนเจอร์ของทางร้านคือ ตำมะม่วงเบา ด้วยการเก็บมะม่วงสดๆ จากต้นที่ปลูกไว้หลังร้านมาตำแบบสไตล์บ้านๆ แล้วใส่กะปิลงไปด้วยนิดหน่อย ซึ่งถือว่าเป็นสูตรดั้งเดิม แต่หากหมดฤดูมะม่วงเบาไปแล้ว จะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ หรือมะม่วงแก้วขมิ้นมาตำแทน โดยเมนูตำมะม่วงจะขายในราคาจานละ 60 บาท ดังนั้น ตนจึงอยากขอบคุณลิซ่า ที่ช่วยชูอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ข้าวเหนียวมะม่วง ลูกชิ้นทอด หมูกระทะ มาถึงตำมะม่วง จนทำให้อาหารไทยขายดีขึ้น

ส่วนบรรยากาศตามร้านขายส้มตำที่ จ.สงขลา หลังจากที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ไอดอลสาวชาวไทยแห่งวง BLACKPINK โพสต์ IG Story เป็นภาพ ‘ตำมะม่วง’ พร้อมข้อความ “ตำมะม่วง ส่งตรงจากไทยแลนด์” ปรากฏว่าฮิตติดกระแส เพราะลูกค้าพากันสั่งตำมะม่วงแบบลิซ่า เช่น ที่ร้านเจ๊รุ่งตำแซ่บเวอร์สงขลา ตั้งอยู่หัวมุมถนนศรีสุดาตัดถนนปละท่า ในเมืองสงขลา ซึ่งเป็นร้านของ น.ส.รุ่งรัศมี เชาวลิต หรือ ‘เจ๊รุ่ง’ อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งบรรยากาศในร้านคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น หลังจากที่ลิซ่าโพสต์ IG Story สั่งตำมะม่วงจากเมืองไทยไปกิน

เจ๊รุ่ง บอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกค้าที่มากินในร้านจะสั่งเมนูปกติทั่วๆ ไป เช่น ตำไทย ตำปูปลาร้า แต่มาวันนี้เปลี่ยนเป็นสั่งตำมะม่วงแบบลิซ่าแทน เพราะอยากลอง และจะต้องเอาสูตรตำมะม่วงแบบลิซ่าเท่านั้น ไม่เอาสูตรของร้าน นั่นคือ ‘ตำมะม่วงสูตรแบบลิซ่า’ จะไม่ใส่ถั่วฝักยาว แต่ใส่มะเขือเทศหรือแครอทแทน รวมทั้งใส่น้ำปลาร้าด้วย และมีทั้งสั่งกินที่ร้าน และใส่ถุงกลับไปกินที่บ้าน 

ทำให้ทางร้านต้องเตรียมมะม่วงไว้รองรับมากขึ้นจากปกติ เพราะกระแสตำมะม่วงลิซ่ากำลังมาแรง ทำให้เมนูนี้มียอดขายเพิ่มขึ้น มาแล้วต้องได้กิน ขาดไม่ได้ สำหรับตำมะม่วงสูตรลิซ่า ทางร้านยังคงขายราคาปกติคือจานละ 40 บาท ตอนนี้เวลาลูกค้าสั่งตำมะม่วง จะต้องถามว่าเอาแบบธรรมดา หรือว่าตำมะม่วงแบบลิซ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะบอกว่าเอาแบบลิซ่า

เรือดำน้ำชุดแรก 4 ลำ ที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อ เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมาถึงประเทศไทย

รู้หรือไม่ ในอดีตประเทศไทยเคยมีเรือดำน้ำที่สั่งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น มาแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2481 

29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เรือหลวงสินสมุทร, เรือหลวงพลายชุมพล, เรือหลวงมัจฉาณุ (ลำที่ 2) และ เรือหลวงวิรุณ ซึ่งเป็นเรือดำน้ำชุดแรกที่รัฐบาลไทยสั่งต่อมาจากประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย

เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ได้รับการต่อที่อู่ต่อเรือ บริษัท มิตซูบิชิ ที่เมืองโกเบ เมื่อปี พ.ศ. 2479 ในสนนราคาลำละ 882,000 บาท วางกระดูกงูและปล่อยลงน้ำไล่เลี่ยกันคือระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม พ.ศ. 2479  ดังนี้ 

พิธีวางกระดูกงู ร.ล.มัจฉาณุ และ ร.ล.วิรุณ โดยพระมิตรกรรมรักษา เมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479

พิธีวางกระดูกงู ร.ล.สินสมุทร และ ร.ล.พลายชุมพล โดยพระมิตรกรรมรักษา เมื่อ 1 พ.ศ. ตุลาคม 2479

ปล่อยลงน้ำ ร.ล.มัจฉาณุ และ ร.ล.วิรุณ โดยนางมิตรกรรมรักษา เมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2479

ปล่อยลงน้ำ ร.ล.สินสมุทร และ ร.ล.พลายชุมพล โดยพระมิตรกรรมรักษา เมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 (มีการถ่ายทำภาพยนตร์โดย ร.ท.นิตย์ สุขุม)

ทำพิธีมอบเรือ ร.ล.มัจฉาณุ และร.ล.วิรุณ เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2480 ถือวันนี้เป็น “วันที่ระลึกเรือดำน้ำ”

พิธีมอบเรือ ร.ล.สินสมุทร และ ร.ล.พลายชุมพล เมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2481 เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ถอนสมอเคลื่อนที่ออกจากท่าน้ำประเทศญี่ปุ่น สู่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2481 และเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2481 

หลังจากมาถึงประเทศไทยก็ได้ขึ้นระวางประจำการพร้อมกันคือวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 และปลดระวางประจำการพร้อมกันคือวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส หลังจาก เรือหลวงธนบุรี และ เรือตอร์ปิโด ถูกเรือฝรั่งเศสยิงจมแล้ว เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพล ได้ไปลาดตระเวนเป็น 4 แนวอยู่หน้าบริเวณฐานทัพเรือเรียมของอินโดจีนฝรั่งเศส ใช้เวลาดำอยู่ใต้น้ำทั้งสิ้นลำละ 12 ชั่วโมง ขึ้นไปนับเป็นการดำที่นานที่สุด ตั้งแต่ได้เริ่มมีหมวดเรือดำน้ำมาจนกระทั่งได้ถูกยุบเลิกไป ปัจจุบันเรือหลวงมัจฉานุได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ

‘แน็ก ชาลี’ พระเอกหน้าหล่อ ควงแม่จัดเต็ม ไลฟ์สด ขาย ‘ซินไฟเบอร์’  ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ สาวคู่จิ้น เข้ามาดู-กดไลค์ ทำให้เขิล ไปไม่เป็น

เก็บทรงไม่อยู่เลยทีเดียวสำหรับพระเอก หนุ่ม แน็ก ชาลี พระเอกหน้าฟ้าประทาน ที่ล่าสุด ไลฟ์ขาย SYN FIBER ที่หนุ่มแน็ก ขนมาไลฟ์ช่วยกันทั้งบ้าน ในขณะที่กำลังขายกันอย่างเมามันส์ ก็ดันต้องเสียอาการเมื่อสาวคู่จิ้น "เก๋ไก๋ สไลเดอร์" เข้ามาชมไลฟ์แถมกดไลค์ให้อีกด้วย งานนี้แฟนคลับก็เม้นท์แซวกันแบบรัวๆ จนทำให้หนุ่มแน็ก พูดจาตะกุกตะกักเก็บทรงไม่อยู่ พูดชื่อสินค้าผิดอีกด้วย เพราะความเขิล อร้าย! ไลฟ์หน้า Syn Fiber ต้องชวนน้องเบ๋ไบ๋ (เก๋ไก๋ สไลเดอร์) มาด้วยแล้วน้า แฟนคลับจะได้ไปฟินแลนด์ด้วยกันให้ถ้วนหน้า

ส่วนใครที่พลาดไลฟ์แล้วอยากได้สินค้าดีๆอย่าง  SYN FIBER  ก็ไม่ต้องเสียใจ สามารถไปหาซื้อกันได้ที่ Tiktok ช่อง synfiber.official อยากสุขภาพดี  ผิวสวย หุ่นแซ่บ ไปตำกันได้เลย  ถ้าเอ็นดูความน่ารักของคู่นี้ ก็อย่าลืมไปอุดหนุน SYN FIBER กันเยอะๆนะ

เปิด 10 อันดับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง รายการกีฬาต่อสู้ รายใหญ่ที่สุดของโลก

จากการจัดอันดับฐานข้อมูลด้านสมาชิกของ 10 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีการถ่ายทอดสดรายการกีฬาการต่อสู้สู่บรรดาสมาชิกทั่วโลก ปรากฏว่า Prime video (ไพร์มวิดีโอ) สัญชาติอเมริกัน นำมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนสมาชิกมากถึง 200 ล้านแอ็กเคานต์ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ONE เริ่มถ่ายทอดสดรายการ ONE Fight Night นัดแรก ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.65 เป็นต้นมาจนปัจจุบัน 

ตามมาด้วยสองค่ายยักษ์จากจีนคือ Tencent (เทนเซนต์) และ iQIYI (อ้ายฉีอี้) ซึ่งมีฐานสมาชิกทั่วโลก 124 ล้านแอ็กเคานต์ และ 108 ล้านแอ็กเคานต์ ต่างก็เป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดรายการของ ONE เช่นเดียวกันกับอันดับ 4-7 อันได้แก่ ABEMA (อะเบมา) จากญี่ปุ่น, beIN Sports (บีอิน สปอร์ตส) จากกาตาร์, Disney+ Hotstar (ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์) จากอินเดีย, Globoplay (โกลโบเพลย์) จากโปรตุเกส ซึ่งมีฐานสมาชิกรวมกัน 218 ล้านแอ็กเคานต์ 

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่ารายการ ONE มีศักยภาพที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้สูงถึง 650 ล้านแอ็กเคานต์ จากฐานสมาชิกของแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่เป็นพันธมิตร
ส่วนอีก 3 ค่ายที่ติดอันดับท็อป 10 ได้แก่ ESPN+ (อีเอสพีเอ็นพลัส) สัญชาติอเมริกัน, CANAL+ (เคเนลพลัส) จากฝรั่งเศส ซึ่งมีฐานสมาชิกรวมกัน 49 ล้านแอ็กเคานต์ เป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดรายการ UFC ด้านสตรีมมิงสัญชาติอังกฤษอย่าง DAZN (ดะโซน) ก็เพิ่งประกาศเป็นพันธมิตรกับรายการ RWS เมื่อไม่นานมานี้ 

ข้อมูลอ้างอิงจาก Nielsen และ FlixPatrol

28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ถือเป็นวันกำเนิด ‘รัฐสภาไทย’ 

วันนี้ เมื่อ 91 ปีก่อน เป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม ถือเป็นวันกำเนิด ‘รัฐสภาไทย’

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปีพุทธศักราช 2475 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ประเทศไทย (สยาม) ได้เปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่นั้นมา ประเทศไทยก็ขับเคลื่อนไปด้วยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่เรียกว่า ‘ผู้แทนราษฎร’ ทำหน้าที่ใช้สิทธิออกเสียงในการบริหารปกครองบ้านเมืองแทนประชาชน

เวลา 14 นาฬิกา ของวันที่ 28 มิถุนายน 2475 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยจัดห้องประชุมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมตามระนาบพื้นห้อง การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อหลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) อ่านรายนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง จำนวน 70 คน และเป็นผู้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิญาณตนในที่ประชุม จากนั้น เจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอ่านเปิดประชุม เสร็จแล้วจึงได้ดำเนินการประชุมต่อไป จึงถือว่าวันนั้นเป็นวันก่อกำเนิดของรัฐสภาไทยมาจนถึงทุกวันนี้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนั้น ที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และเห็นชอบให้หลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก รวมทั้งมีมติเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (นายกรัฐมนตรี) คนแรก จึงถือว่าคณะรัฐมนตรีได้ถือกำเนิดขึ้นในวันเดียวกันด้วย

แม้จะล่วงเลยผ่านตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา รัฐสภาชุดต่าง ๆ ยังคงทำหน้าที่ในฐานะองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายนิติบัญญัติแทนประชาชน โดยออกกฎหมายมาใช้บังคับในสังคม ควบคุมและตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร และให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ ของประเทศ รวมทั้งแสดงบทบาทในฐานะผู้แทนประชาชนในกิจการต่าง ๆ และเป็นสิทธิเป็นเสียงแทนประชาชนทั้งประเทศต่อเนื่องตลอดมา

จากวันนั้น...ถึงวันนี้...เป็นระยะเวลา 91 ปี ที่รัฐสภาได้เกิดขึ้นเคียงคู่กับการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีสมาชิกรัฐสภาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ รวม 25 ชุด มีประธานรัฐสภาทำหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและดูแลการบริหารราชการของข้าราชการฝ่ายรัฐสภาอย่างมีประสิทธิภาพ รวม 31 คน มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่เป็นกลไกหลัก ในการควบคุมตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร รวม 8 คน รวมทั้งได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการควบคุมตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจกับคณะรัฐมนตรี รวม 52 คณะ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี รวม 29 คน

ตัวเลขเหล่านี้ ย่อมบ่งบอกถึงการผ่านร้อนผ่านหนาว สั่งสมประสบการณ์และสร้างสรรค์ประโยชน์แก่บ้านเมืองมาเป็นระยะเวลาพอสมควร เผชิญเหตุการณ์มากมายทั้งที่เป็นปัญหาอุปสรรค และส่งเสริมสนับสนุนต่อวิถีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เข้มแข็ง พัฒนาและก้าวหน้าขึ้น

‘ปาล์มมี่’ ขึ้นแท่น ‘เซียนพระ’ คนใหม่ หลังส่งเข้าประกวด แล้วคว้ารางวัลชนะเลิศ

เป็นนักร้องไม่พอ ยังเป็นเซียนพระเครื่องด้วย สำหรับ “ปาล์มมี่ – อีฟ ปานเจริญ” นักร้องสาวมากความสามารถ ที่มักจะชอบไหว้พระทำบุญแล้ว

ล่าสุด เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ปาล์มมี่เผยอีกมุมที่หลายคนยังไม่รู้ ด้วยการไปลงประกวดพระเครื่อง แถมไม่ได้เข้าร่วมธรรมดา แต่คว้ารางวัลที่ 1 มาครองได้สำเร็จ
โดยนักร้องสาว ได้โพสต์ภาพกล่องพระเครื่อง ซึ่งเป็นเหรียญหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ที่มีสติ๊กเกอร์หมายเลข 1 ผ่านทางโซเชียลฯ ทุกช่องทาง พร้อมแคปชั่นแบบเขิน ๆ ว่า
“เลขหนึ่งไทยตรงหน้ากล่องนั้น..เขินนะคะเนี่ยย มาถึงจุดจุดนี้แล้วค่ะมิตรคะ #งานประกวดพระเครื่องศูนย์ราชการ”

‘หนุ่ม กะลา’ ศิลปินเสียงนุ่ม ที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย

ถ้าอยากจะฟังเสียงนุ่มๆ แบบสดๆ ของหนุ่ม กะลา ก็มีราคาเริ่มต้นที่ 195,000 บาท โดยสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ ค่ายจีนี่ เรคคอร์ด

‘ชมพู่ อารยา’ เล่านาทีหนีตาย กลางดึก  รีบใส่ กกน. คว้าพาสปอร์ต ทิ้งเพชรทิ้งเงิน

เกิดเหตุการณ์ระทึกในต่างแดนกับ ชมพู่ อารยา ขณะไปเฉิดฉายบนพรมแดงเทสกาลหนังเมืองคานส์ในรอบ 4 ปี กับเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 76 Festival de Cannes 2023 โชว์ลุกส์สวยแซ่บ 3 วัน 3 ลุกส์จัดเต็ม ขณะกลับเข้าห้องพักที่โรงแรมมีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นสุดระทึก 

โดยชมพู่เล่าว่า ขณะกำลังจะทิ้งตัวลงนอน เพราะงานจบแล้ว อาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปมาหมดแล้ว รื้อผม ถอดกิ๊บ ล้างหน้าอะไรหมดแล้วทิ้งตัว เสียง Alarm (สัญญาณเตือนภัย) ก็ดัง เราก็ False Alarm (สัญญาณเตือนที่ผิดพลาด) หรือเปล่า แต่มันก็ไม่เงียบสักที เราจะเอาอะไรออกไปดี พลอย ชวพร เพื่อนสนิทก็บอก พาสปอร์ต

เราก็อยู่ในชุดนอนไม่ได้ใส่กางเกงใน เพราะกำลังจะทิ้งตัว เลยขอใส่กางเกงในก่อน ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรแต่เพื่อความอุ่นใจ แล้วใส่แจ๊กเก็ตคลุม เราจะใส่ตัวไหนไป เพราะดารานอนในโรงแรมเยอะ เผื่อเราลงไปเจอ แอล แฟนนิ่ง อะไรแบบนี้เพื่อนดารา ก็ถือตะกร้าเชี่ยนหมากเราใส่พาสปอร์ต 2 เล่ม

แล้วมานึกถึงฉากในหนัง คนไปรอกันหน้าโรงแรม แบบชุดนอนแล้ว เราใส่สูทมันไม่คือ เราก็เลยไปเปลี่ยนแล้วลงไป เราอยู่ชั้น 6 แต่เราก็มานึกถึง Ocean’s Eleven ที่โรงแรมดาดฟ้าเป็นเพนเฮาส์ที่เพชรยี่ห้อหนึ่งจะเหมาทุกปี จะมีเพชร มีเซฟ ซีอีโอก็นอนอยู่บนนั้น เรานึกว่าหรือมันมีการขโมยกัน มองขึ้นไปเห็นการ์ดยืนกันอยู่ ไม่มีใครลง แต่เราก็ลงวนไปเรื่อยๆ

ลงไปจะถึงชั้นล่างอยู่แล้ว คนก็เดินสวนขึ้นมา คือ พวกที่ลงไปก่อนหน้าเรา แล้วก็บอก False Alarm ก็เดินกลับห้องไปนอน แล้วระหว่างทางลงไปจะถึงแล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า เพชร เงิน อยู่ในเซฟหมดเลย ไม่ได้เอาออกมาเลย

‘วัดอินทาราม’ ขึ้นป้ายเป็นที่สะดุดตา ชวนนักท่องเที่ยว แวะขอพร-ลอดซุ้ม ไล่สิ่งอัปมงคล

จากกรณี ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ที่ได้ไปเที่ยวอยุธยา กับ 3 วัดสวย วัดมหาธาตุ-วัดหน้าพระเมรุ-วัดแม่นางปลื้ม

แต่งานนี้วัดอินทาราม ก็ไม่พลาดขึ้นป้ายชวนเช็คอิน "วัดนี้ลิซ่าผ่าน" ซึ่งเป็นที่สะดุดตา โดยทำเป็นแผ่นป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ ติดเอาไว้ที่ซุ้มประตูทางเข้าวัด มีรูปลิซ่า ศิลปินชื่อดัง พร้อมกับข้อความ "วัดนี้ลิซ่าผ่าน แวะมาไหว้พระขอพรได้จ้า"

ซึ่งท่านพระครูปลัดยุทธนา ธนปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม เปิดเผยถึงความเป็นไปเป็นมาของป้าย เนื่องจากเป็นความคิดของลูกศิษย์เนื่องจากที่มีกระแส ลิซ่า Black Pink มาเที่ยววัดอยุธยา โดยเฉพาะที่วัดแม่นางปลื้มที่ ลิซ่ามีการถ่ายภาพแล้วโพสต์ จนมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงมีความคิดว่าวัดอินทาราม ก็เป็นวัดหนึ่งที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์ความเป็นไปเป็นมาที่น่าสนใจ

วัดอินทารามก็เป็นวัดทางผ่านก่อนจะถึงวัดแม่นางปลื้มเพียง 500 เมตร ซึ่งเป็นวัดที่ลิซ่าขับรถผ่านจึงมีแนวความคิดทำป้ายเพื่อให้ประชาชน แวะเข้ามากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดก่อนจะเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแม่นางปลื้ม สำหรับวัดอินทาราม มีโบสถ์ที่สวยงามและมีการปรับแต่งภูมิทัศน์รอบโบสถ์ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในวรรณคดีไทย

โดยเฉพาะซุ้มหน้าอุโบสถ์ สร้างเป็นพระสมเด็จองค์ปฐม  พญาครุฑ เชื่อว่าหากรอดผ่านประตูซุ้มก่อนเขาอุโบสถ์ จะทำให้สิ่งไม่ดีหรือสิ่งอัปมงคลเสื่อมหายไป ส่วนบริเวณในอุโบสถ์ มีหลวงพ่อโตเป็นพระประธานและ หลวงพ่อธรรมจักร ขจัดภัย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด มีอายุกว่า 600 ปี และเชื่อได้ว่าหากผู้ใดเข้า มากราบไหว้ขอพร หลวงพ่อธรรมจักรขจัดภัยก็จะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป

GMMTV ประกาศข่าวดีของ ‘ฟ้า ยงวรี อนิลบล’ นักแสดงสาวในสังกัด ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เซอร์ไพรส์แฟนๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่เฟซบุ๊ก GMMTV ได้ประกาศข่าวดีของ “ฟ้า ยงวรี อนิลบล” นักแสดงสาวชื่อดัง วัย 24 ปี ที่ก่อนหน้านี้โด่งดังจากซีรีส์ ด้วยรักและหักหลัง และเป็นนางเอกละครเรื่องทะเลแปร โดยเผยว่าตอนนี้เจ้าตัวตั้งครรภ์ลูกคนแรกเรียบร้อยแล้ว

“บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ขอประกาศข่าวดีของนักแสดงสาว 'ฟ้า ยงวรี อนิลบล' ว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก ซึ่งขณะนี้ฟ้าพำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา "

‘ก้อย นัตตี้ ดรีม’ ร่ำไห้ ประกาศเลิกทำรายการ ‘ถ้าหนูรับพี่จะรักป่ะ’ โดยเตรียมจัดงานแฟนมีตครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อส่งท้าย 13 ส.ค. นี้

เป็นรายการทางช่องยูทูบ  ที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ทุกแขกรับเชิญมักสร้างกระแสฮือฮา กลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ เสมอ แต่ล่าสุด สามสาว ก้อย อรัชพร โภคินภากร, นัตตี้ นันทนัท ฐกัดกุล และ ดรีม อภิชญา พานิชตระกูล ก็ทำเอาแฟนๆ ใจหาย หลังประกาศจะทำรายการ “ถ้าหนูรับพี่จะรักป่ะ” ทาง ช่อง GoyNattyDream Channel เป็นปีสุดท้าย โดยทั้งสามสาวได้อัดคลิปชี้แจงทั้งน้ำตาว่า

“ทุกคนคะ พวกเรามีเรื่องจะมาบอก ภายในปีนี้เราทั้งสามคน จะยุติการทำรายการ ถ้าหนูรับพี่จะรักป่ะ (ร้องไห้) ถามว่าทำไมถึงเลิกทำ ต้องบอกก่อนว่ารายการนี้สร้างพวกเรามาจริงๆ เป็นรายการแรกที่ทำให้พวกเรามีวันนี้ ดำเนินมาครบรอบ 3 ปีแล้ว เรารู้สึกว่ารายการนี้เติบโตไปตามเรา ถึงเวลาที่เราออกจากเซฟโซนแล้ว บวกกับตี้เองจะแต่งงาน เราจะส่งตี้ไปแต่งงานเป็นปีสุดท้าย

ถึงจุดนึงของชีวิต จะมาทำตัวน่ารักกับผู้ชายไปตลอดไม่ได้ วันนึงต้องจากรายการนี้ไป และก้าวออกจากเซฟโซน เพื่อไปใช้ชีวิต เราก็โตขึ้นด้วย ไทม์มิ่งนี้น่าจะเป็นไทม์มิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและซัพพอร์ตมาเสมอ เรามีวันนี้ได้เพราะรายการนี้จริงๆ ขอบคุณแขกรับเชิญ และคนดูทุกคนด้วย ก็ปลายปีนี้แหละ จะส่งนัตตี้แต่งงานเป็นการอำลารายการด้วย

ที่รีบมาบอก เพราะเราจะจัดก้อย-นัตตี้-ดรีม แฟนมีตคอนเสิร์ตเป็นการฉลอง ที่เราจะก้าวไปอีกสเต็ปข้างหน้า เราตั้งใจทำเพื่อบอกลาและเฉลิมฉลองเส้นทางหลังจากนี้อีกยาวๆ ไปด้วยกัน จะไม่เหมือนที่เราทำมา จะเป็นการเฉลิมฉลองและอำลา เป็นรูปแบบคอนเสิร์ต แสงสีเสียงทุกอย่าง ซ้อมกันสุดใจจริงๆ เพื่อตอบแทนทุกคน อยากรวมทุกคนมาอยู่ในโมเมนต์เดียวกัน อำลาสิ่งที่เราเติบโตมาด้วยกันและจะเริ่มบางสิ่งบางอย่างมาด้วยกัน โดยแฟนมีตจะมีในวันที่ 13 ส.ค. และกดบัตร 12 ก.ค. นี้นะคะ” โดยทั้งสามสาวยังได้แจ้งข่าวในอินสตาแกรมของแต่ละคนอีกด้วย ซึ่งมีแฟนๆ เข้ามาเมนต์เสียดายกันเป็นจำนวนมาก

27 มิถุนายน พ.ศ. 2475  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญ ‘ฉบับชั่วคราว’

วันนี้เมื่อ 91 ปีที่แล้ว เป็นวันประกาศใช้บังคับ พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นฉบับแรก ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 โดยเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกแห่งราชอาณาจักรสยาม ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 

โดยเป็นผลพวงหลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) ซึ่งในขณะที่เกิดการปฏิวัตินั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประทับ ณ พระตำหนักวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยพระราชบัญญัติธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกในประวัติศาสตร์ไทย ร่างขึ้นโดยแกนนำสำคัญภายในคณะราษฎร โดยในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ กลับพระนคร และในวันเดียวกันนั้นก็โปรดเกล้าฯ ให้คณะราษฎรเข้าเฝ้าฯ และทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาสมาชิกคณะราษฎร 

นอกจากนี้คณะราษฎรยังถวายร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามด้วย แต่พระองค์ทรงขอตรวจร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวก่อน ซึ่งพระองค์ก็ทรงลงพระปรมาภิไธยในวันรุ่งขึ้น โดยทรงพระอักษรกำกับต่อท้ายชื่อพระราชบัญญัตินั้นว่า 'ชั่วคราว' สืบเนื่องมาจากพระองค์ทรงเห็นว่าหลักการประชาธิปไตยของผู้ก่อการฯ ไม่พ้องกันกับพระประสงค์ของพระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงลงพระปรมาภิไธยเพราะเหตุการณ์ฉุกเฉินในขณะนั้น

พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 นี้ใช้เพื่อเป็นกติกาในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองหลังวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งได้ประกาศใช้ถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475เท่านั้น และได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

‘เป้ย ปานวาด’ ปลื้ม ‘น้องโปรด’ ลูกชายคนโต  ที่ได้รับรางวัล iPractise ‘ปู่สนธิ’ ร่วมแสดงความยินดีด้วย

ลูกชายคนโต โปรด-อัษศดิณย์ บุญยรัตกลิน ขึ้นรับรางวัลใหญ่กับทางโรงเรียน คุณแม่คนสวย เป้ย-ปานวาด เหมมณี บุญยรัตกลิน พร้อมทั้ง ป๊อป-นิธิ บุญยรัตกลิน และคุณปู่อย่าง พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ออกอาการปลื้มสุดๆ โดยเป้ยโพสต์ถึงลูกชายว่าไม่เคยกดดันหรือคาดหวังว่าต้องเก่งขอเพียงลูกมีความสุขก็พอ

"แม่ดีใจกับลูกมากๆ นะครับ ที่ได้รับรางวัล iPractise ในวัน Speech day ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ของโรงเรียน ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยคาดหวังหรือกดดัน พี่โปรดเลยว่าจะต้องเป็นเด็กที่เก่งหรือต้องได้รับรางวัลอะไร ความรู้สึกของแม่แค่อยากให้ลูกมีความสุขและสนุกกับชีวิตในวัยเรียนให้มากที่สุดเท่านั้นแต่พี่โปรดก็ทำมันได้ดีทุกครั้ง แม่ภูมิใจในตัวลูกมากๆ นะครับ"

‘บุ๋ม ปนัดดา’ สุดแฮปปี้ ‘สามี’ ยื่นลอตเตอรี่ให้แบบงงๆ  แต่หลังตรวจรางวัลแล้ว ถึงกับกรี๊ดลั่นเลย

เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ สำหรับพิธีกรสาวคนเก่ง บุ๋ม ปนัดดา ที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งคุณแม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดลูกชาย น้องอเล็กซ์ มีโมเมนต์น่ารักๆ ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ รวมถึงสามีแสนดีที่คอยช่วยภรรยาเลี้ยงลูกชายและดูแลประคบประหงมภรรยาเป็นอย่างดีอีกด้วย  

ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา ได้เผยภาพความน่ารักของสามีที่ได้ยื่นลอตเตอรี่ปึก 5 ใบแบบที่เจ้าตัวยังๆ แต่หลังจากที่ได้ตรวจผลรางวัลคุณแม่ถึงกับกรี๊ดดังๆ เลยทีเดียว ซึ่ง บุ๋ม ได้เขียนบอกเล่าไว้อย่างแฮปปี้สุดๆ ว่า "ผัวให้โชค 628 คือ 3 ตัวหน้างวด 16 มิ.ย. ที่ผ่านมาตัวเองซื้อไม่เคยถูก แต่เวลาที่พี่เขาถูกเค้าจะโยนมาให้ทุกครั้ง ขอบคุณนะคะ #กรี๊ดสิคะรออะไร"

หลายคนเห็นแล้วถึงกับเข้ามาแสดงความยินดีกันยกใหญ่ พร้อมๆ กับบอกว่า แม่บุ๋ม ถูกรางวัลที่หนึ่งแล้วนะคะ เพราะมีสามีที่แสนดีมากๆ และน่ารักมากเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top