Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

สภากาชาดไทยสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรีย

สภากาชาดไทยอนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมให้กับสภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย จำนวน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐตุรกีและสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย และจะเปิดรับบริจาคจากสาธารณชนเพื่อส่งเงินบริจาคเพิ่มเติมไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้แทนสภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์และสำนักวิเทศสัมพันธ์ ได้เข้าร่วมการประชุมทางไกลกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือและเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งความช่วยเหลือไปยังตุรกีและซีเรีย

สภากาชาดไทยขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในตุรกีและซีเรียและ ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตและผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้ สภากาชาดไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน

เหตุการณ์แผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัด Kahramanmaraş ส่งผลให้ประชาชนทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐตุรกีและทางตอนเหนือของสาธารณรัฐอาหรับซีเรียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ประชาชนหลายล้านคนเดือดร้อน สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรียได้ออกปฏิบัติการตอบโต้ภัยพิบัติในทันที โดยทางเว็บไซต์ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) รายงาน ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีได้กระจายทีมให้ความช่วยเหลือไปยังพื้นที่กว่าสิบจังหวัดทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำอาหารและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐาน อาทิ ที่พักอาศัยชั่วคราวและผ้าห่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและใช้ในการอพยพ นอกจากนี้ สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกียังให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางจิตใจ พร้อมกับส่งโลหิตและพลาสมาสำรองให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย ในส่วนของสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย ได้ช่วยสนับสนุนปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือ ส่งอุปกรณ์ปฐมพยาบาล และขนย้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล

นครนายก จัดงานวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 จัดงานวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 เพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม รู้จักการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

ที่สนามโรงเรียนบ้านนา 'นายกพิทยากร' ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก นางสาวจุฑารัตน์ ศรีนวลปาน ศึกษาธิการจังหวัดนครนายก ได้เป็นประธานในพิธีทบทวนคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของยุวกาชาดและบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 ทบทวนคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของยุวกาชาดและบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน โดยมีนายสำราญ ซื่อตรง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนา 'นายกพิทยากร' พร้อมคณะให้การต้อนรับและกล่ารายงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ผู้บังคับบัญชายุวกาชาด สมาชิกยุวกาชาดและเจ้าหน้าที่ ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของการเป็นสมาชิกยุวกาชาด และส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมยุวกาชาดในสถานศึกษาให้มากขึ้น ในพิธีดังกล่าว ได้มีเหล่ากาชาดจังหวัดนครนายก ส่วนราชการ ข้าราชการ ครู นักเรียน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

กิจการยุวกาชาด ได้รับการสถาปนาขึ้น โดยจอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2465 ในปีนี้นับได้เป็นปีที่ 101 มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะฝึกอบรมให้สมาชิกยุวกาชาดมีอุดมคติในศานติสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รู้จักการรักษาอนามัยของตนเอง และส่งเสริมอนามัยของผู้อื่น ตลอดจนการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมให้บังเกิดขึ้นในจิตใจของทุกคน รู้จักบําเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล อันจะนํามาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ

สมาคมนายทหารฯ รับมอบข้าวสารพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พิธีรับมอบข้าวสารพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติใน พื้นที่ของกองพลทหารราบที่ 15 จังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กองพลทหารราบที่ 15 ประกอบพิธีรับพระราชทานข้าวสาร จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานข้าวสาร จํานวน 3,350 กิโลกรัม เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติในพื้นที่รับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 15 ในจังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธานในพิธี กล่าวถวายราชสดุดีและกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมี คณะผู้บังคับบัญชา ข้าราชการทหาร กําลังพลที่ปฏิบัติงาน และพี่น้องประชาชน และตัวแทนผู้ประสบภัยในพื้นที่ เข้ารับพระราชทานข้าวสาร ณ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ฯ

โดย สำหรับข้าวสาร จำนวน 3,350 กิโลกรัม กองพลทหารราบที่ 15 ได้รับการแบ่งมอบมาจากกองทัพภาคที่ 4 โดยกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิชัยพัฒนา นำข้าวสารจากการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ภายในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ พระราชทานให้กับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยกองทัพภาคที่ 4 ได้แบ่งมอบข้าวสารดังกล่าวให้กับหน่วยขึ้นตรงต่อกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบ โดยจัดสรรตามยอดประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขําเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า กระผม พร้อมด้วยข้าราชการทหาร กําลังพลที่ปฏิบัติงาน และประชาชนที่ประสบภัยพิบัติใน พื้นที่ ของกองพลทหารราบที่ 15 จังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา ล้วนมีความปลาบปลื้มปิติโสมนัสเป็นล้นพ้น ในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทาน ข้าวสาร จํานวน 3,350 กิโลกรัม เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติในพื้นที่

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ได้มาประชุมพร้อมกันในที่นี้ ล้วน มีจิตโสมนัส และสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ และพระราช ปณิธานอันแน่วแน่ ในการบําเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้วย พระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา เพื่อบําบัดทุกข์บํารุง สุขแก่ อาณาประชาราษฎร์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่ในดวงใจ ของพสกนิกรชาวไทย ตลอดมา พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ของความเป็นครู ทรงเป็นนักการศึกษา และโปรดที่จะศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ อย่างจริงจัง ทรงปฏิบัติพระราช กรณียกิจ เกี่ยวกับการพัฒนา ด้านการเกษตร และด้านการศึกษาด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ทรงปฏิบัติ กิจการอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และอาณาประชาราษฎร์เป็นอเนกประการ

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทานถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ขออํานาจผลบุญแห่งปวง ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พร้อมทั้งอานุภาพแห่งคุณพระศรี รัตนตรัย พระสยามเทวาธิราชสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และ พระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชทุกพระองค์ โปรดอภิบาลให้ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีพระพลานามัย สมบูรณ์ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสําราญเป็นนิตย์ ขอทุก สิ่งจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป

'อลงกรณ์' เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนชาวประมง สรุปมติ 5 ข้อเตรียมเสนอ 'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' ยกเลิกคำสั่ง คสช.พร้อมชะลอประกาศกรมประมงเรื่องรางวัลนำจับเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงโดยมีนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและกรรมการตลอดจนตัวแทนนายกสมาคมชาวประมง เจ้าของเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากพระราชกำหนดประมงปี2558 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง นายเดชา ปรัชญารัตน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมประมง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  

นายอลงกรณ์ แถลงถึงผลการประชุมวันนี้ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาโดยจะเสนอ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้...

1.เห็นควรเสนอให้มีการปรับปรุงประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบ และหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบ พ.ศ. 2561 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 170 วรรคสองและวรรคสาม แห่ง พรก.การประมง พ.ศ.2558 

2.เห็นควรยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 22/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

3.กรณีที่มีการออกกฎระเบียบใด ๆ จะต้องกำหนดห้วงเวลาก่อนการบังคับใช้เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ชาวประมง โดยกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการบังคับใช้ หลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 

4.มอบหมายกรมประมงหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาประเด็นความคลุมเครือในมาตรา 38 และมาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 19 และมาตรา 20 และมาตรา 105 เป็นต้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้และการตีความกฎหมายเพื่อความเป็นธรรม

5. ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ขอให้ใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ในการพิจารณาตั้งข้อกล่าวหากับชาวประมงที่กระทำผิด โดยใช้ดุลยพินิจดูที่เจตนาตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายบนหลักความยุติธรรมเรื่องจากพรก.ประมงปี2558มีบทกำหนดโทษที่รุนแรง

“ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ มีความห่วงใยพี่น้องชาวประมง จึงมีนโยบาย 3 ป. 'ป้อง - ปราม - ปราบ' เพื่อเป็นแนวทางให้กรมประมงเร่งแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวประมง โดยติดตามดูแลทุกประเด็นข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงทุกกลุ่ม พร้อมรับข้อเรียกร้องของทางสมาคม และตัวแทนชาวประมงให้กรมประมงนำไปพิจารณา และขอขอบคุณชาวประมงที่ได้สะท้อนปัญหาเพื่อเป็นประโยชน์ในการบูรณาการร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วขอให้ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการกับผู้กระทำผิด โดยให้ดูที่เจตนาเป็นหลัก ในส่วนของมาตราที่ยังเป็นปัญหาทั้งข้อจำกัดของเวลาและเงื่อนไข ก็ให้กรมประมงนำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขต่อไป ซึ่งการออกกฎหมายต่าง ๆ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ได้รับความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอลงกรณ์ กล่าว

'มข.' ลงนาม 'ส.การค้าสตาร์ทอัปไทย' ลุยปั้นนักศึกษามุ่งสู่สตาร์ทอัป

การลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย ได้เห็นชอบร่วมกันในการร่วมพัฒนาหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หรือพัฒนาหลักสูตรและจัดโครงการบริการวิชาการ หลักสูตรระยะสั้น (non-degree programs) รวมไปถึงการจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอน การวิจัย รวมถึงสนับสนุนให้ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เข้าร่วมฝึกงาน ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ กับสมาชิกสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักศึกษา และวงการสตาร์ทอัปไทยในอนาคต

วันนี้ 8 ก.พ. 2566 ที่ ห้องวังเลิศ ชั้น 1 อาคาร bs01 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยภายในพิธีได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี, ศ.ดร.สุมาลี ชัยเจริญ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์, รศ.ดร.อรทัย เพียยุระ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, รศ.ดร.สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์, ดร.ธนาวุฒิ ตันติโสภารักษ์ ที่ปรึกษางานวิจัย นวัตกรรม และวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดย นายธนวิชญ์ ต้นกันยา กรรมการและประธานด้านสถานศึกษา สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ

นายธนวิชญ์ ต้นกันยา กรรมการและประธานด้านสถานศึกษา สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย กล่าวว่าสำหรับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย (Thai Startup) ก่อตั้งแล้วกว่า 8 ปี มีสมาชิกเป็นสตาร์ทอัปรายน้อยใหญ่กว่า 100 ราย และทำหน้าที่ในการผลักดัน ส่งเสริม รวมถึงเป็นตัวกลางเชื่อมต่อให้สตาร์ทอัปไทยได้เติบโต เฉิดฉายได้ในระดับสากลโดยวัตถุประสงค์ของสมาคม ประกอบไปด้วย

1.Community (สร้างคอมมูนิตี้) ผลักดันให้เกิด Startup Ecosystem ที่แข็งแรง การสร้างคอมมูนิตี้และคอนเนคชั่นระหว่างธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยกัน และการสร้างคอนเนกชันในการต่อยอดธุรกิจกับอุตสาหกรรมต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงกลุ่มนักลงทุน เป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้สตาร์ทอัพเติบโตอย่างมั่นคงได้ยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัดโครงการต่างๆที่ผลักดันให้ประเทศไทยมีสตาร์ทอัพใหม่ๆเกิดขึ้นได้ 2.Growth (ทำให้โต) ช่วยเหลือให้สตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันเติบโตได้ไวขึ้น โดยนอกจากการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจผ่านการเชื่อมโยงพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังต้องทำให้สตาร์ทอัปในไทยเป็นที่รู้จักและน่าดึงดูดสำหรับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติด้วย 3.Support (ทำให้ง่าย)ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาการทำธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านโครงการ mentoring ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้สำหรับสมาชิก รวมไปถึงการเชื่อมโยงบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในการจัดหาพื้นที่ออฟฟิศ การปรึกษาทางธุรกิจ การซื้อบริการต่างๆในราคาที่ถูกลงกับบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับสมาคม เป็นต้น

ด้าน รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี กล่าวว่าความร่วมมือทางวิชาการที่จะเกิดขึ้นในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยดังนี้ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และ การดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาทั่วโลก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนการศึกษา (Education Transformation) เพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความพร้อมในการเป็นพลเมืองโลกในอนาคต มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยท่านอธิการบดี ได้สนับสนุนให้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ร่วมมือกับอีก 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาการคอมพิวเตอร์ 3) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 4) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 5) คณะศึกษาศาสตร์ ร่วมกัน

รศ. ดร.เพ็ญศรี กล่าวอีกว่าการพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ซึ่งเปิดดำเนินการสอนเมื่อปีการศึกษา 2564 โดยเป็นหลักสูตรแนวใหม่ ซึ่งเรียกว่า New Paradigm Curriculum ใช้การเรียนการสอนแบบ Filpped Classroom และจัดเป็นชุดวิชา เพื่อให้การดำเนินการหลักสูตรนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านอธิการบดี ในการเป็นหลักสูตรนำร่องการสอนแบบใหม่ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้ดำเนินงานร่วมกับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจแบบสตาร์ทอัป (Startup) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเติบโตและร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศ โดยวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรอบรมอื่นร่วมกัน ตลอดจนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สหกิจศึกษา ในเครือของสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย

ส่วน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และ การดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาทั่วโลก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนการศึกษา (Education Transformation) เพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความพร้อมในการเป็นพลเมืองโลกในอนาคต

“มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สนับสนุนให้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ร่วมมือกับอีก 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาการคอมพิวเตอร์ 3) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 4) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 5) คณะศึกษาศาสตร์ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ซึ่งเปิดดำเนินการสอนเมื่อปีการศึกษา 2564 โดยเป็นหลักสูตรแนวใหม่ ซึ่งเรียกว่า New Paradigm Curriculum ใช้การเรียนการสอนแบบ Filpped Classroom และจัดเป็นชุดวิชา เพื่อให้การดำเนินการหลักสูตรในการเป็นหลักสูตรนำร่องการสอนแบบใหม่ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้ดำเนินงานร่วมกับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจแบบสตาร์ทอัป (Startup) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเติบโตและร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศ โดยวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรอบรมอื่นร่วมกัน ตลอดจนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สหกิจศึกษา ในเครือของสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย

พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ร.น. รอง ผบ.ทสส. (ทร.) และคณะตรวจเยี่ยม และติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการส่งกำลังบำรุง ของ นพค.45 จังหวัดสตูล

วันนี้ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ศรชล.ภาค 3 โดย น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดสตูล /ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 และ ว่าที่ น.อ.รัฐพล แก้วกระจาย หน.ศคท.จังหวัดสตูล, น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงู / รองผู้บังคับหน่วยนรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ, น.ท.ภูติภัทร บุญณารักษ์ ผบ.นป.สอ.รฝ.452 ร่วมให้การต้อนรับ พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ร.น. รอง ผบ.ทสส.(ทร.) และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม และตรวจติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการส่งกำลังบำรุง ของ นพค.45 สนภ.4 นทพ. พร้อมทั้งสอบถามปัญหา ข้อขัดข้อง และให้ข้อแนะนำ ตลอดจนให้หน่วยฯ เสนอความต้องการด้านส่งกำลังบำรุงเพื่อนำเรียน ผบ.ทสส. พิจารณาต่อไป

โดยมี น.อ.อาทิตย์ภากร สังขรัตน์ ผบ.นพค.45 สนภ.4นทพ. ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน สังกัด กองทัพเรือในจังหวัดสตูล และกำลังพล นพค.45 สนภ.4นทพ. ให้การต้อนรับ ณ นพค.45 สนภ.4 นทพ. ต.ควนโดน อ.ควนโดน จังหวัดสตูล  

TNN ชี้แจง กรณีพนักงานทำงานหนัก จนเสียชีวิต ไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งหมด วอนเพจดังลบโพสต์

คำชี้แจงจากทาง TNN กรณีที่มีคนทำงานสื่อเสียชีวิตในระหว่างการทำงานเนื่องจากทำงานหนักเกินไปเผยบางอย่างที่รายงานออกไปไม่ตรงกับความจริงทั้งหมด พร้อมทั้งขอให้แอดมินเพจดัง ลบโพสต์ 'พนักงานทำงานหนัก จนฟุบเสียชีวิต' ยันชดเชยเต็มที่-ร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพ

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) สถานีข่าว TNN บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ออกหนังสือ เรื่องขอให้นำข้อมูลอันเป็นเท็จของเพจจอดับ กรณีพนักงานเสียชีวิต ออกจากระบบอินเทอร์เน็ต เนื่องจากนำมาซึ่งความเสียหายต่อองค์กร

เรียนแอดมินเพจจอดับ และผู้ที่โพสต์ข้อมูลดังกล่าว

ตามที่ เพจจอดับ ได้เสนอข้อมูลนำเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หัวข้อ “ใครว่าทำงานจนตายไม่มีจริง” เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 โดยกล่าวถึงเหตุการณ์หนุ่มใหญ่ในวงการทีวี ตายในหน้าที่บนโต๊ะทำงานในตึกน้ำผลไม้ ย่านพระราม 6 ที่ทำให้ผู้อ่านโพสต์ดังกล่าว เข้าใจได้ว่าเป็นพนักงานสถานีข่าว TNN และมีข้อมูลหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง สถานีข่าว TNN จึงขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

“โดนสั่งให้ทำผังรายการคนเดียวควบถึง 2 ช่อง ไม่เคยมีการหาคนมาช่วยกันแบ่งเบา” และ “คนๆ เดียว ให้เหมาทำทั้ง 2 ช่อง”

วธ.จัดงาน ๖ กุมภาพันธ์ 'วันมวยไทย' เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าเสือ 'พระบิดาแห่งมวยไทย' ยิ่งใหญ่

ประชาชนร่วมสืบสานพิธีครอบครู ไหว้ครูร่ายรำมวยไทย ตื่นตากับศิลปะแม่ไม้-ลูกไม้มวยไทยที่หาชมได้ยาก เครือข่ายมวยไทยร่วมผลักดันขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ 'มวยไทย' ศิลปะการป้องกันตัวและศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และเป็น Soft Power พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันมวยไทย ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และร่วมจัดที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

สำหรับบรรยากาศช่วงเช้า ณ ตำหนักพระเจ้าเสือ วัดตึก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลา ๐๘.๓๙ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีมอบสมรรถนะครูมวยไทย พิธีบวงสรวงสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) โดยมีนายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และผู้บริหาร นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬามวยไทยพระเจ้าเสือ พระครูภาวนาวชิรคุณ เจ้าอาวาสวัดตึก ร่วมพิธี พร้อมด้วยเครือข่ายวัฒนธรรม ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานจำนวนมาก 

พิธีดังกล่าวมีนายจรัสเดช อุลิต ครูมวยไทยอาวุโส (เจ้าพิธีประกอบพิธีบวงสรวง) จากนั้นเจ้าหน้าที่งานพิธีได้นำมงคลมอบแก่ประธานในพิธีเพื่อทำการมอบให้กับครูมวยไทยได้ใช้ประกอบพิธีครอบครู โดยมีครูมวยไทยทำหน้าที่ครอบครูในครั้งนี้ นำโดย นายจรัสเดช อุลิต นายกสมาคมกีฬามวยไทยพระเจ้าเสือ นายปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์ เลขาสมาคมกีฬามวยไทยพระเจ้าเสือ นายชาญณรงค์ สุหงษา นายกสมาคมสถาบันศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย นายชินวุธ ศิริสัมพันธ์ นายกสมาคมครูมวยไทย นายแสวง วิทยพิทักษ์ อุปนายกสมาคมมวยโบราณ พร้อมวิทยากรครูมวยไทยอาชีพ License กกท. ทำพิธีครอบครูให้นักเรียนมวยไทย 

‘ดิว’ เตรียมเปิดใจ สาเหตุที่ต้องแฉ ‘มาเก๊า 888’ หลังเพจดังตั้งคำถาม ขุดอดีต - อาชีพของสามี

หลังจากที่ ‘ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์’ ออกมาแฉ ‘เบนซ์ เดม่อน’ อดีตแฟน และครอบครัว เปิดเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 จนร่ำรวย จนทำให้มีคนยกเจ้าตัวเป็นพลเมืองดีที่กล้าเปิดโปงถึงเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนไม่น้อย สงสัยในการออกมาแฉของเจ้าตัว ระบุว่าตอนที่คบหาจนเลิกก็น่าจะรู้เรื่องนี้ แต่ทำไมถึงเลือกที่จะเงียบตลอดมา รวมทั้ง เพจ เหยื่อ v.2 ได้ออกมาตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน รวมทั้งตั้งคำถามไปถึง ‘เซบาสเตียน ลี’ สามีสาวดิว ว่าเป็นใคร ทำอาชีพอะไรในเมืองไทย ถึงได้มีรถตำรวจขับนำทางให้บ่อย ๆ 

เพจ เพจ เหยื่อ v.2 ได้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตว่า…

“เซบาสเตียน ลี..สามีของดิว อริสรา เขาเป็นใคร เขามีตำแหน่งอะไรในประเทศไทย.? ทำไมเขาถึงได้มีรถตำรวจไทยที่ใช้ในราชการเท่านั้นขับนำทางให้บ่อยๆ? ไปกัมพูชา ไปลาว ไปพม่า ก็มีรถตำรวจนำ มีทหารมาเป็นการ์ด? ถ้าอยู่เขตสามเหลี่ยมทองคำ เซบาสเตียนสามารถเข้าถึงอาวุธสงครามได้สบายมาก เขาคือใคร เขาทำอาชีพอะไร.? #โง่ได้แต่อย่านาน @ไร้เงา แต่เร้าตรีน🎭

ล่าสุด เฟซบุ๊ก ดิว อริสรา ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ แต่ขอให้รออีกนิดจะออกมาตอบคำถาม เชื่อว่าหลังจากที่เธออธิบาย ทุกคนจะเข้าใจ โดยดิวระบุว่า…

“จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจากทางโซเชียลตอนนี้ ที่มีเพจ ๆ หนึ่งตั้งประเด็นคำถามว่า เพราะอะไร และทำไมอยู่ ๆ ดิวถึงออกมาพูดเรื่องเว็บพนัน มาเก๊า 888 พร้อมทั้งนำรูปภาพ วิดีโอ ข้อมูลในอดีตของสามีของดิวไปตั้งประเด็นเผยแพร่ จนทำให้หลายคนเกิดคำถาม หรือวิเคราะห์ไปในทางลบเสียหาย พร้อมตั้งคำถามมากมายกับตัวดิวและสามีของดิว

เร็ว ๆ นี้ดิวจะออกมาตอบคำถาม ในประเด็นที่เกี่ยวกับตัวดิวและสามี และดิวเชื่อว่าเร็ว ๆ นี้ทุกคนจะวางสิ่งที่คิดกันไปไกลลง พร้อมกับเข้าใจในสิ่งที่ดิวทำว่า ทำไมดิวถึงทำ และทำไมถึงต้องเป็นคืนนั้น ในวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา

และสุดท้ายดิวขอขอบคุณทุกคนที่เชื่อใจพวกเรา เข้าใจพวกเรา และ ซัปพอร์ตพวกเรา ขอบคุณจากใจจริงค่ะ”

ขณะที่เพจเหยื่อ v.2 ก็ได้โต้กลับทันทีว่า

“อธิบาย..พวกเราไม่ได้สงสัยเรื่องที่ออกมาแฉแฟนเก่าเจ้าของมาเก๊า 888 อ่านดู
📍 https://fb.watch/iyioeyyuvm/

ศูนย์บริการพยาบาล มช. เปิดอบรมหลักสูตรการพยาบาลเวชปฎิบัติอาชีวอนามัย รุ่นที่ 16

ศูนย์บริการพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลเวชปฎิบัติอาชีวอนามัย รุ่นที่ 16 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนนท์ วิสุทธิ์ธนานนท์ ประธานกรรมการหลักสูตรฯ กล่าวรายงาน และ รองศาสตราจารย์ ฉวีวรรณ ธงชัย ผู้อำนวยการศูนย์บริการพยาบาล กล่าวต้อนรับ การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ - 28 พฤษภาคม 2566


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top