Saturday, 14 September 2024
NEWS FEED

ม.อ. จับมือ กรุงเทพดุสิตเวชการ ร่วมมือทางวิชาการจัดสหกิจศึกษา และรับมอบเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ทางการเรียนการสอน

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) โดยนายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 6 และ แพทย์หญิงเมธินี ไหมแพง รองประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวิชาการการจัดสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (Cooperative and Work Integrated Education : CWIE) โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยุพาวดี สมบูรณ์กุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาสหกิจศึกษา กล่าวรายงานความร่วมมือทางวิชาการ พร้อมด้วย ผู้บริหารทั้งสองหน่วยงาน บุคลากร และนักศึกษา ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมดงยาง 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565

พร้อมกันนี้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.กฤตย์อังกูร เชษฐเผ่าพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ยังได้มอบเครื่อง EST หรือ เครื่องวัดสมรรถภาพของหัวใจขณะออกกำลังกาย มูลค่า 1.1 ล้านบาท โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิคม สุวรรณวร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ รับมอบเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนให้แก่ สาขาชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ อีกด้วย

สาย 8 กำลังจะเปลี่ยนไป บริษัท ไทย สมายล์ บัส พลิกโฉมสายประวัติศาสตร์การเดินรถ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ด้วยรถโดยสายพลังงานไฟฟ้าฝีมือคนไทย เน้นการบริการและความปลอดภัย เริ่มให้บริการ 22 สิงหานี้

วันนี้ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ให้บริการ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ทำพิธีเปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 (2-38) ใน คอนเซ็บต์ “We Come To Change Fast 8 To Feel Good เรามาเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกให้ดีขึ้น” โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด โดยนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด, นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ก พ้อยท์ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ณ อู่บึงกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร


นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานในพิธีเปิดให้บริการ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 (2-38) ในวันนี้ ได้กล่าวว่า วันนี้นับเป็นวันสำคัญในประวัติศาสต์ชาติไทยของการเปลี่ยนแปลงระบบรถโดยสารสาธารณะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่กำลังจะร่วมกันก้าวข้ามผ่านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็น 'รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า' ที่ผลิตโดยคนไทย

บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ได้แสดงศักยภาพ ส่งเสริมประเทศด้วยนวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม นับได้ว่าเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่น่ายกย่องและควรจะได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง

​นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า ด้วยในปัจจุบันโลกกำลังร้อนขึ้น จากการเดินทางด้วยรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และฝุ่นควันมากมาย อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิด PM 2.5 บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด จึงได้นำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Bus มาใช้ทดแทนรถโดยสารแบบเดิมที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ได้เล็งเห็นถึงโอกาส ในการพัฒนาคุณภาพของการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ อันจะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ ได้นำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาให้บริการ

'กยศ.' ยืดเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ สามารถชำระหนี้ได้ ถึง 31 ธ.ค. 65

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ 5 มาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ที่จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เลื่อนเป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 รวมระยะเวลา 6 เดือน​ โดยมีเงื่อนไขมาตรการ ดังนี้

1.) ลดดอกเบี้ย จากเดิม 1% ต่อปี เป็น 0.01% ต่อปี (สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้)

2.) ลดเงินต้น 5% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี (สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้)

แม่ค้า-พ่อค้าไทย เซ็ง!! เจอชาวจีนไลฟ์ขายของแข่ง โปรฯ ลดแลก-แจกแถมเพียบ!! บ่นอุบ เริ่มอยู่ยาก

อีกขั้นของแม่ค้าสาวชาวจีน ไลฟ์ขายกระเป๋าผ่าน TikTok ในราคาแสนถูก แถมโปรโมชันอีกเพียบ พ่อค้า-แม่ค้าไทย สู้ไหวไหมบอกมา!?

งานนี้เริ่มอยู่ยาก ล่าสุดโลกออนไลน์ได้มีการพูดถึงคลิป TikTok ของสาวจีนรายหนึ่ง ที่ออกมาไลฟ์สดขายกระเป๋า แข่งกับแม่ค้าคนไทยที่รับของมาจากจีน

ที่น่าจับตามองอย่างมากคือ วิธีขายที่พัฒนาไปอีกขั้นของเธอ คือนอกจากตั้งโกดังขายแล้ว ตอนนี้อัปเกรดมาเป็นไลฟ์ขายของแข่งกับคนไทย ด้วยราคาที่ถูกแสนถูกกว่าทุกร้านที่เคยขาย จนรายอื่นต้องร้องจ๊าก!!

โดยในคลิปขายของของเธอ สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ แม่ค้าชาวจีนหน้าตาน่ารัก พูดไทยไม่ชัดมาก แต่พร้อมงัดไม้เด็ดโปรโมชั่นลดแลก-แจกแถม จัดหนักจัดเต็มให้ลูกค้าคุ้มเงิน

แถมยังมีการอำนวยความสะดวกเก็บเงินปลายทาง ทำให้งานนี้มีสาวกคนแห่กดติดตามกว่า 75,000 คนในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน บรรดาพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ชาวไทย ต่างบ่นระงมกันในโซเชียลฯ ว่า อยู่ยากขึ้นทุกวัน

ล้างหนี้ กยศ. ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้ แต่ยิ่งทำให้ผู้กู้ขาดวินัยทางการเงิน

สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุ ล้างหนี้ กยศ. ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้ แต่ทำให้ผู้กู้ขาดวินัยทางการเงิน

จากกรณีที่ #ล้างหนี้กยศ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ เนื่องมาจากมีการออกมาล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อ เพื่อยื่นแก้ไขกฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยให้รัฐบาลเป็นลูกหนี้แทนผู้กู้ โดยมีการลงชื่อผ่านเว็บไซต์ “ศูนย์วิจัยรัฐสวัสดิการ”

ระบุไว้ว่า ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ กยศ. สูงมากกว่า 60% และก่อหนี้โดยเฉลี่ย 150,000-200,000 บาทต่อคน ใช้เวลาผ่อนชำระถึง 15 ปี และส่วนที่ชำระสูงสุดอาจถึง 50% ของค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ 30% ของเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น สภาพหนี้สินได้ลดแรงจูงใจในการเริ่มชีวิตประกอบธุรกิจ รวมถึงการเข้าแหล่งทุนเพื่อการลงทุนต่าง ๆ ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของชีวิต แถมยังระบุด้วยว่า เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งขัดกับในรัฐธรรมนูญมาตรา 4 แห่งราชอาณาจักรไทย สมควรปรับปรุง พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยแก้ไข มาตรา 44 เพิ่มเติม วรรคที่ 5 ให้ผู้ทำการกู้ที่สำเร็จการศึกษาเกิน 2 ปี และยังคงมียอดกู้คงเหลือให้ถือว่าสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ โดยให้กองทุนเก็บยอดหนี้คงค้างจากรัฐบาลต่อไป

'อลงกรณ์' นำทัพ ก้าวใหม่ “เกษตร-ศึกษา” จับมือขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนในโรงเรียนและวิทยาลัย

วันนี้ (18 ส.ค. 65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ได้ให้เกียรติเป็นประธานในงานปิดกิจกรรมโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ในพื้นที่โรงเรียนและในพื้นที่วิทยาลัย (Green School & Green College) รุ่นที่ 1 จาก 10 โรงเรียนต้นแบบนำร่อง เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา

โดยนายอลงกรณ์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ในพื้นที่โรงเรียนและในพื้นที่วิทยาลัย (Green School & Green College) ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่เน้นการสร้างจิตสำนึกให้เยาวชนให้ความสำคัญกับ ดิน น้ำ ป่า และสิ่งแวดล้อม โดยนำแนวคิดที่ได้กลับไปลงมือทำเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนภายในโรงเรียนและวิทยาลัย รวมถึงขยายผลไปยังโรงเรียนและวิทยาลัยต่าง ๆ มากขึ้น

สำหรับรุ่นที่ 1 โรงเรียนนำร่อง มีโรงเรียนชั้นนำเข้าร่วมโครงการ จำนวน 10 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนเกษมพิทยา โรงเรียนไทยคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และโรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน

วธ. เผยยอดสั่งซื้อผ้าไทย งาน “ภูษาศิลป์ จากท้องถิ่นสู่สากล” ทะลุเป้า 463 ล้านบาท

ผู้ประกอบการพอใจการจัดงานเตรียมเดินหน้าลุยงานจับคู่เจรจา Business Matching ในทุกงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) 

กระทรวงวัฒนธรรม ปลื้มงาน “ภูษาศิลป์ จากท้องถิ่นสู่สากล” สร้างมูลค่าเจรจาการค้าในงานพุ่งทะลุ 463 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200 ล้านบาท พร้อมเผยผู้ประกอบการและผู้ชมงานต่างชื่นชมจัดงาน ทั้งการจัดโซนคูหาแสดงสินค้า การนำเสนอนวัตกรรมผ้าไทย รวมถึงการผลักดันการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 “ภูษาศิลป์ จากท้องถิ่นสู่สากล” ซึ่งเป็นงานแสดงและจัดจำหน่ายสุดยอดผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี โดยในปีนี้มีความพิเศษเป็นครั้งแรกที่ได้จัดให้มีกิจกรรมการจัดงานที่มีการค้าและการเจรจาธุรกิจ ในรูปแบบ B2B (Buiness to Business) ภายในงาน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหัตถอุตสาหกรรมผ้าไทยได้ใช้เป็นเวทีทางการค้า ขยายช่องทางการตลาด โดยกลุ่มผู้ประกอบการหลักที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการในประเทศ อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมหัตถกรรมสร้างสรรค์ สภาอุตสาหกรรม สมาคมสตรีเพื่อสตรี สโมสรซอนต้ากรุงเทพ ห้องเสื้อผ้าไทย ร้านค้าปลีกผ้าไทยชั้นนำ และกลุ่มนักออกแบบ เป็นต้น” 

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสมาคมการค้าส่งเสริมหัตถกรรมไทย (THTA) และสมาคมส่งเสริมและพัฒนาหัตถกรรมอาเซียน (AHPADA) จัดกิจกรรม “Thai Traditional Textiles Hybrid Presentation” เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งเป็นกิจกรรมการเจรจาธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศในรูปแบบออนไลน์ โดยมีองค์กรและผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการหัตถรรมโลกเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวมากมาย อาทิ ผู้แทนจากสภาหัตถกรรมโลกภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิค (World Craft Council Asia Pacific Region), กรรมการบริหารจากสภาหัตถกรรมกรุงเดลี ประเทศอินเดีย Delhi Crafts Council, ประธานจาก Craft Revival Trust รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจและกลุ่มนักออกแบบจากประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น” 

“ในภาพรวมของการเจรจาการค้าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เกิดการเจรจาการค้า 347 คู่ มีเงินสะพัดจากคาดการณ์ซื้อขายภายใน 1 ปีกว่า 463 ล้านบาท ในมูลค่านี้มียอดซื้อขายทันทีภายในกว่า 9 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นทั้งนักธุรกิจไทยและต่างประเทศ โดยมีสินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ ผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ เป็นต้น นอกจากนี้ในคู่เจรจาได้มีการเซ็นสัญญาออเดอร์สินค้าภายในงาน รวมถึงได้มีการนัดหมายเพื่อตรวจดูแหล่งผลิตสินค้าอีกด้วย” 

พม. จับมือประธานรัฐสภา เร่งช่วยกลุ่มเปราะบางเดือดร้อนจากน้ำท่วมชุมชนริมชายฝั่งย่านบางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ

วันนี้ (16 ส.ค. 65) เวลา 17.00 "นายชวน หลีกภัย" ประธานรัฐสภา พร้อมด้วย "นางพัชรี อาระยะกุล" ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   และ "นางวรรณภา สุขคง"  พมจ.สมุทรปราการ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเยี่ยมบ้านให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังประตูระบายน้ำของชุมชนขัดข้องไม่สามารถปิดระบายน้ำได้ ทำให้น้ำทะเลที่กำลังหนุนสูงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในชุมชน ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารกระทรวง พม.  "นายชัยพจน์  จรูญพงศ์  รองผู้ว่าราชการ" จังหวัดสมุทรปราการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือ

นางพัชรี กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในชุมชนวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ ระดับน้ำในชุมชนได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังมีความเสียหายของบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม  โดยวันนี้ ได้ลงพื้นที่ร่วมกัน เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชน และเร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน อาทิ มอบถุงยังชีพให้ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 30 ครอบครัว

สหรัฐฯ ยึกยัก!! ไม่ปล่อยเงินสำรองคืนให้อัฟกานิสถาน ตราบใดที่รัฐบาลยังเป็นกลุ่มตอลิบาน

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานที่จะยึดเงินสำรองต่างประเทศมูลค่า 7 พันล้านเหรียญของอัฟกานิสถาน ที่ฝากไว้ในธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงหยุดการเจรจากับรัฐบาลตอลิบานเกี่ยวกับการขอคืนเงินสำรองด้วย หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งโดรนพิฆาตลอบสังหารปลิดชีพ อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ถึงกลางกรุงคาบูล ในอัฟกานิสถาน

แต่ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยินดีที่จะมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวอัฟกานิสถานอีก 150 ล้านเหรียญผ่านกองทุน USAID (หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ) ซึ่งจากข้อมูลของ USAID แถลงว่า สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ให้เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถานมากที่สุด โดยรายงานตัวเลขที่ 782 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่ตุลาคม 2020 เป็นต้นมา แต่ก็จะไม่ยอมคุยเรื่องการคืนเงินสำรองต่างประเทศ 7 พันล้านเหรียญให้แก่อัฟกานิสถานตามที่รัฐบาลตอลิบานร้องขอต่อไป 

เมื่อถามถึงเหตุผล ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อ้างว่ามีคนในของรัฐบาลตอลิบานให้ที่พักพิงแก่ อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ทางสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้าย และต้องการตัว เพราะเชื่อว่า อัยมัน คือ ผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนก่อวินาศกรรม 11 กันยาฯ ที่ตึกเวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ ในปี 2001 เท่ากับว่ารัฐบาลตอลิบาน ยังให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ทางสหรัฐฯ จึงไม่อาจปล่อยเงินสำรองต่างประเทศของอัฟกานิสถานคืนให้ได้

'หนุ่ม' โดนขู่ หลังเปิดปมทหารหญิงรับใช้ ถูกสาวอ้างเป็นเมีย ส.ว.ดังทำร้าย

(18 ส.ค. 65) จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า...เวลา 15.00 น. ผมจะพา ทหารหญิงรับใช้ ถูกเมีย ส.ว.ดัง ซึ่งเป็นเจ้านายทำร้ายทารุณ เข้าแจ้งความพร้อมกับสอบปากคำที่ สภ.เมืองราชบุรี 

ล่าสุด กัน จอมพลัง พาทหารหญิงคนดังกล่าว มาพูดคุยกันในรายการโหนกระแส เล่าเหตุการณ์ถูกทำร้ายทรมาน โดยเธอเล่าว่า รู้จักกับผู้หญิงรายนี้มาก่อน เพราะตัวเองไปเป็นลูกจ้างร้านกาแฟของเขา เขาอ้างว่าตัวเองเป็นตำรวจยศ ส.ต.อ. เป็นภรรยาของ ส.ว. อ้างว่าสามารถฝากให้ตนเข้ารับราชการทหารได้ แต่ต้องสัญญาว่าจะอยู่ดูแลรับใช้เขาไปตลอด ซึ่งเขาก็ฝากให้เข้ารับราชการทหารได้จริง ๆ โดยอ้างว่าจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากในการฝากเข้า

หลังตนฝึกเป็นทหารแล้ว ปัจจุบันยศสิบโท เขาก็ทำเรื่องย้ายตนมารับใช้ที่บ้าน อยู่ปีแรก ๆ ก็ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่อยู่ไปสักพัก เขาเริ่มใช้ความรุนแรง ผู้หญิงรายนี้ยึดเอาเงินเดือนทหารไปทั้งหมด บางเดือนไม่พอก็ต้องขอเงินครอบครัวมาให้  เวลาตนทำอะไรผิด พูดจาไม่มีหางเสียง เขาจะลงโทษสารพัด ตบตี ปรับเงิน 

ที่เคยโดนทำร้ายหนัก ๆ เคยถูกเอาเครื่องหนีบผมไฟฟ้าร้อน ๆ มาหนีบจนมือไหม้ แผลเหวอะ เคยถูกเอาเครื่องช็อตไฟฟ้า มาช็อตตามร่างกาย ตามในร่มผ้า ช็อตศีรษะ ช็อตปาก เขาอ้างว่าตนชอบโกหก ชอบแถ เขายังเคยเอาสเปรย์แอลกอฮอล์มาฉีดผมตน แล้วเอาไฟจุด

ตนทนอยู่แบบนี้มาเกือบ 2 ปี ช่วงหลัง ๆ โดนแทบทุกวัน เจ็บปวดทนไม่ไหวจนคิดจะจบชีวิตตัวเอง ไม่อยากให้คนที่บ้านต้องเดือดร้อน แต่คนที่บ้านเห็นความผิดสังเกต เพราะตนทักไปบอกรักเหมือนร่ำลา แม่จึงมาหาที่บ้านโดยไม่บอกก่อน จึงเห็นสภาพของตนถูกทรมานสารพัด แล้วให้ตำรวจช่วยตนออกมาจากบ้าน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top