Tuesday, 10 December 2024
NEWS FEED

'กองทัพเรือ' แถลงข่าวเตรียมกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ 'องค์บิดาของทหารเรือไทย'

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. กองทัพเรือจัดงานแถลงข่าว เตรียมจัดกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการแถลงข่าว ร่วมด้วย นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร , พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ ประธานมูลนิธิกรมหลวงชุมพรหาดทรายรี และ พลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด รองเสนาธิการทหารเรือ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา ถ.อรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ด้วยวันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กองทัพเรือได้เทิดพระเกียรติและขนานนามพระองค์เป็น 'องค์บิดาของทหารเรือไทย' และกำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น 'วันอาภากร' โดยในวันที่19 พฤษภาคม 2566 นี้ จะเป็นวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี กองทัพเรือ จึงกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านในส่วนของกองทัพเรือ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ถึง 19 พฤษภาคม 2566 ประกอบด้วย

1. กิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์นำเข้าสู่การจัดกิจกรรม 100 ปี วันสิ้นพระชนม์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการจัดพิธีเปลี่ยนธงราชนาวี เปลี่ยนธงพระยศ การติดตราสัญลักษณ์ '100 ปี วันสิ้นพระชนม์ฯ' กิจกรรมแปรขบวน และถ่ายภาพกำลังทางเรือ และกิจกรรมร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์ ในพื้นที่หลัก ณ เขาแหลมปู่เจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร่วมกับพื้นที่อื่น ๆ ของ ทร. และพื้นที่ ศรชล.จังหวัดทั้ง 23 จังหวัด พื้นที่ที่มีศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ ตั้งอยู่ 

2. กิจกรรมเทิดพระเกียรติวันคล้ายวันประสูติ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยมีการทำบุญตักบาตร กิจกรรมจิตอาสาบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ กิจกรรมบริจาคโลหิต กิจกรรมบริการประชาชน กิจกรรมหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ กิจกรรมแสดงดนตรี กิจกรรมแสดงแสงสีเสียง โดยจัดขึ้น ณ บริเวณหนองตะเคียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

3. กิจกรรมกองทัพเรือเพื่อประชาชน (CSR) ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ จำนวน 5 ครั้ง ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 ทัพเรือภาคที่ 3 กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง โดยจัดหน่วยแพทย์หมอพรเคลื่อนที่ทั้งทางบกและทางน้ำ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารเรือ และการจัดนิทรรศการแสดงพระประวัติฯ 

4. การปรับปรุงบูรณะศาล พระรูป และพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เปลี่ยนธงราชนาวี และธงพระยศ 270 ศาล ทั่วประเทศ

'พระเกจิสายกรรมฐาน' ร่วมพิธีตรึงหมุดมณฑป ครอบครัว 'จิรรัตน์จรัสธร' ร่วมสร้างถวายอดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเชียงใหม่ 'หลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ'

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ผู้บริหาร บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กสเตนเลส ตั้งอยู่ภายในซอย ส.มณีรัตน์ ถนนเทพารักษ์ กม.11 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดย นายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างมณฑปขนาดใหญ่ เพื่อน้อมถวายสรีระหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ พระอริยเจ้าแห่งวัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นถาวรวัตถุและสมบัติของพระพุทธศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป

ซึ่งภายในพิธี ได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ โดย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สายกรรมฐาน จากวัดต่างๆ จำนวนกว่า 30 รูป ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อาทิ พระราชวชิรกิจโสภณ (หลวงปู่บุญจันทร์ สีลคุโณ) เจ้าอาวาสวัดป่ามณีโคตมวงศ์ จ.อุดรธานี ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพุมุด จ.กาญจนบุรี พระวิมลศีลาจาร เจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กทม. พระอาจารย์สามเรือน ปุญญสโก เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ และ พระราชวชิรธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น นอกจากนี้ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จากวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 31 รูป ได้เมตตาออกเดินรับบิณฑบาตโปรดญาติโยม ภายใน บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย

โดยในพิธี การจัดสร้างมณฑป ในครั้งนี้ โดยนายขจรศักดิ์ จิรรัตน์จรัสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด และ กรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ ได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างมณฑป พร้อมทั้ง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมี นายมนต์ชัย จิรรัตน์จรัสธร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จ.สมุทรปราการ นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ และ คณะกรรมการ กต.ตร.จ.สมุทรปราการ คณะ กต.ตร.สภ.บางพลี ครอบครัวจิรรัตน์จรัสธร และ พนักงานบริษัท ฐาปนินทร์ จำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและผู้มีจิตศรัทธาร่วมในพิธีครั้งนี้

‘คาเวียร์’ ไข่ปลาสเตอร์เจียน โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่ ‘ดอยดำ’ สามารถสร้างผลผลิตปีละ 10-15 กิโลกรัม

หลังจากมีคนแซะ!! บอกว่า เมนูอาหารรับผู้นำ APEC เซิร์ฟ คาร์เวียหรูจากปลาสเตอร์เจียน...มันไทยตรงไหน?....

หลายท่านที่สงสัย อาจจะไม่รู้ว่า โครงการพระราชดำริ ‘ดอยดำ’ ของไทยได้เพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนสำหรับนำไปผลิตคาร์เวียได้มานานแล้ว...

ทั้งนี้ ต้องเล่าย้อนไปว่า ประเทศไทยได้มีการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหาแนวทางเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนบนพื้นที่สูง ภายในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ตามพระราชดำริ ดอยดำ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและชาวเขามีอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศบนเขาที่หนาวเย็น โดยการเลี้ยงใช้เวลา 8 ปี ถึงเริ่มมีผลผลิต (ไข่ปลา) ส่วนวิธีเลี้ยงมีข้อจำกัดในเรื่องของอุณหภูมิน้ำเท่านั้น เพราะปลาต้องอยู่ในน้ำอุณหภูมิประมาณ 12-24 องศาเซลเซียส คาดว่าอีก 3-4 ปีจะมีพ่อแม่พันธุ์พร้อมให้ลูกรุ่น 1 ได้ ปัจจุบันไข่ปลาคาเวียร์ ดอยดำ จะจำหน่ายผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ มีขนาด 25, 50 และ 100 กรัม (มีจำหน่ายตามฤดูกาลของผลผลิต)

ด้านนางสาวสมพร กันธิยะวงศ์ นักวิชาการประมงปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กับ mgronline.com (ผู้จัดการออนไลน์) ว่า ปลาสเตอร์เจียนที่เลี้ยงในโครงการฯ จะออกไข่ประมาณเดือนกันยายนถึงเมษายนของทุกปี แต่ผลผลิตไข่ปลาสเตอร์เจียนหรือที่รู้จักกันว่า ไข่ปลาคาเวียร์ ยังมีจำกัดเพียง 10-15 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น โดยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาถูกกว่าไข่ปลาคาเวียร์นำเข้าในระดับคุณภาพเดียวกันเล็กน้อย 

ว่าแต่...เพราะเหตุใดคาเวียร์จึงมีราคาแพง ราคาของคาเวียร์ (Caviar) แตกต่างกันไปตามชนิดของปลาสเตอร์เจียนในแต่ละแหล่งที่จับหรือเพาะเลี้ยง ส่วนมากจะบรรจุประมาณ 30-250 กรัม สาเหตุที่ทำให้ราคาคาเวียร์มีราคาแพงก็เนื่องมาจากหายากและต้องรอเวลายาวนานกว่าจะได้ผลผลิต คาเวียร์แท้ๆ ต้องมาจากปลาสเตอร์เจียนเท่านั้น แต่มีหลายชนิด เช่น Beluga, Osetra หรือ Sevruga

ตร.ป่าไม้ล่อซื้อลูกเสือโคร่งเบงกอล ผิดกฎหมายข้ามชาติ 4ตัว 2ล้านบาท ใน จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ (15 พ.ย. 65) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบ งานศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.ตร.) ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักด์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทส.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. จัดชุดสืบสวนปราบปรามจับกุม เครือข่ายการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. สืบสวนเฝ้าระวัง การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.ประทึบ ชูศรี รอง ผกก.ปทส. 3 เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ปทส. สืบสวน โดยได้ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี)นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี ) และหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.1 (ดงบังอี่) 

พ.ต.อ.ชณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. เปิดเผยว่า จากการสืบสวนและทำการล่อซื้อโดยทราบว่า นายถนัด วงศ์สาร ผู้ต้องหา ได้มีการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านจึงได้ให้สายลับวางแผนล่อซื้อสัตว์ป่า จากนายถนัดฯ ซึ่งนายถนัดฯ ได้เสนอขายลูกเสือโคร่ง พันธุ์เสือโคร่ง เบงกอล จากประเทศ สปป.ลาว ในราคา ตัวละ 500,00 บาท จำนวน 4 ตัว เพศเมีย 2 ตัว เพศผู้ 2 ตัว รวมเป็นเงิน 2,000,000 ซึ่งมีการติดต่อล่อซื้อหลายครั้ง แต่มีการเลื่อนการส่งลูกเสือโครงมาโดยตลอด จนวันที่ (14 พ.ย. 2565 ) เจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อสัตว์ป่า (ลูกเสือโคร่ง) จากนายถนัดฯ อีกครั้ง โดยนายถนัดฯ ลดราคาให้เหลือ 1,500,000 บาท โดยแจ้งว่า นำเข้ามาจาก สปป. ลาว และมีการนัดหมายส่งลูกเสือให้กับสายลับที่ปั๊มน้ำมัน ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ขณะนำเสือมามอบให้กับสายลับ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 03.00 น. คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมกับนำตัวไปตรวจค้นบริเวณโรงแรมที่ตั้งอยู้กลางเมืองมุกดาหารบริเวณหลังสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหารเพื่อหาหลักฐาน

นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ สร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคมไทย มอบห้องเรียนให้โรงเรียนบ้านบางหัก สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยให้เรียนอย่างมีความสุข

เมื่อวันที่ (15 พ.ย. 65) ที่ผ่านมา นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา กรรมการบริหาร นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ มอบห้องเรียนให้กับโรงเรียนบ้านบางหัก(ประชาวิทยาคาร) อำเภอบางปะกง โดยมีพระครูสุนทรกิตติธำรง เจ้าอาวาสชลธีบุญญาวาส พร้อมด้วยนายอนัน ไม้งาม ประธานคณะกรรมการขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านบางหัก (ประชาวิทยาคาร) นางเอมอร ทองอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบางหัก และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนชุมชนและผู้ปกครองให้การต้อนรับ และร่วมในพิธีสืบเนื่องจากโรงเรียนบ้านบางหัก เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน จำนวน 58 คน เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 แบ่งเป็น 8 ชั้นเรียน แต่โรงเรียนมีอาคารเรียนเพียง 1 หลัง จำนวน 6 ห้องเรียน ทำให้ห้องเรียนไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน  ซึ่งตามโครงสร้างแล้วต้องมี 8 ห้องเรียน ที่ผ่านมาในระดับชั้นอนุบาลต้องเรียนควบชั้นในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับพัฒนาการตามช่วงวัย

สมาคมนิสิตเก่า ม.เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ ม.เกษตรศาสตร์จัดกิจกรรมโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)รวมพลังเพื่อโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

​มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
จัดกิจกรรมรวมพลังแสดงความรักและสามัคคี ภายใต้โครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)  กำหนดวันดีเดย์ วันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. โดยเชิญชวน นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากร และประชาชน ร่วมกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 รวมพลังครอบครัวเกษตรศาสตร์และประชาชน นำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ และ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล ชั้น 1 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าว เดิน –วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)   โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นิสิตเก่า KU 33 อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ให้เกียรติเป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมด้วย ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ นิสิตเก่า KU 46 อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) และนางโสภาวรรณ มงคลธรรมากุล​ นิสิตเก่า KU 36 นายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ร่วมแถลงข่าว ทั้งนี้ นายสิทธิพล ภู่สมบุญ นิสิตเก่า KU 39 อุปนายกสมาคมนิสิตเก่า ฯ ประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ เดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) พร้อมด้วย กรรมการบริหารสมาคมนิสิตเก่า ฯ คณะกรรมการโครงการ ฯ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ นิสิตเก่า มก. ดร.ตระการ (ต้น) พันธุมเลิศรุจี เข้าร่วมงานแถลงข่าว

สำหรับกิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2562 และ ได้ว่างเว้นการจัดงานมาเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์โควิด คลี่คลาย จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

โดยในปีนี้ กิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง จัดขึ้นในชื่อโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์และก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งเป็นการรวมพลังแสดงความรักความสามัคคีร่วมกันของเครือข่ายนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากรและครอบครัวของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อให้ประชาชนและสังคมได้เห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย การมีสุขภาพพลานามัยที่ดี อีกด้วย ​รูปแบบกิจกรรม KU RUN เดิน - วิ่ง 80 ปี มก. จะไม่มีการแข่งขัน แพ้ หรือ ชนะ เน้นการมีส่วนร่วม การแสดงออกถึงความรักความสามัคคี การแสดงพลังของชาวเกษตรศาสตร์ และประชาชน กำหนดจัดกิจกรรม ในวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. พร้อมกันในทุกสนามของวิทยาเขตมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และสนามในแต่ละจังหวัดเครือข่ายนิสิตเก่าทั่วประเทศ สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จัดที่ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ ระยะทาง 4.80 กิโลเมตร จุดเด่นของโครงการนอกจากการแสดงพลังความรักและความสามัคคี และส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ยังมีกิจกรรมการแชร์ภาพถ่าย ณ จุดเช็คอิน และ Backdrop ตามจุดต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นการรำลึกความหลังในธีม 80 ปี มก. รวมถึงมีระบบถ่ายทอดสดสำหรับนักวิ่ง Virtual run เพื่อให้บุคลากร นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน ได้มีส่วนร่วมในการเดิน–วิ่ง ไปพร้อมๆ กับนักวิ่ง

LANTA ซูเปอร์คอมฯพันธุ์ไทย สุดเจ๋ง! ติดอันดับ 70 ของโลก - อับดับ 1 อาเซียน

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ LANTA ของไทยติดอันดับ 70 ของโลก อันดับ 1 ในอาเซียน พร้อมเผยขณะนี้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระดับโลก พร้อมทั้งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ซินโครตอน ดาราศาสตร์ โทคาแมค

(15 พ.ย. 65) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศข่าวดีว่า ผลการจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสุดของโลก ซึ่งเพิ่งประกาศผลในวันนี้ พบว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา (LANTA) ของกระทรวง อว. โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับการประเมินว่าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอาเซียน” โดยเป็นอันดับที่ 20 ของทวีปเอเชีย และอันดับที่ 70 ของโลก มีประสิทธิภาพในการคำนวณที่สูงถึง 8.1 พันล้านล้านคำสั่งต่อวินาที ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยมีระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของโลก ซึ่งเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโนโลยีที่ต้องอาศัยการคำนวณขั้นสูงของประเทศไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลกแล้ว

รมว.อว. กล่าวต่อว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สนับสนุนการปฏิรูปอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการพัฒนาจัดระบบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยในรูปแบบใหม่ ส่วนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ได้สนับสนุนการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักวิจัยในระดับมาตรฐานโลก โดยในปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยมีความพร้อมอย่างมาก เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญ อยู่ในระดับโลก เรามีเครื่องซินโครตรอน กล้องดูดาวขนาดใหญ่ หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุ และเครื่องโทคาแมค ซึ่งแต่ละสถานีวิจัยนั้นเป็นอันดับหนึ่งหรือเครื่องเดียวในอาเซียน และล่าสุดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของไทยก็ได้รับการจัดเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอาเซียนแล้ว”

ด้านศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา หรือ LANTA เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย เป็นการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว. ผ่านเครือข่ายซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไทย (Thai SC) ซึ่งจัดตั้งที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. สำหรับการใช้งานของทุกหน่วยงาน เพื่อสนับสนุนนักวิจัยจากทั้งภาคการศึกษา มหาวิทยาลัย หน่วยงานจากภาครัฐ รวมทั้งส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในภาคเอกชนและอุตสาหกรรม และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีการคำนวณของไทยให้อยู่ในระดับนานาชาติ

ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตานี้สามารถใช้งานได้กับหัวข้อวิจัยที่สำคัญได้หลากหลาย ลดระยะเวลาการวิจัยที่ต้องคำนวณอย่างมากได้หลายร้อยเท่า เช่น การวิจัยการแพทย์แม่นยำ การวิจัยพัฒนายาชนิดใหม่ การออกแบบชุดตรวจวินิจฉัย การจำลองสภาพภูมิอากาศตามเวลาจริงโดยใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม การคำนวณออกแบบวัสดุใหม่ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง การศึกษาการทำงานของชีวโมเลกุล และความหลากหลายทางระบบนิเวศวิทยาของไทย และในด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) อย่างรวดเร็ว โดยนำไปใช้ประโยชน์การบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจร การบริหารการสาธารณสุข หรือประมวลข้อมูลการกระจายรายได้ เป็นต้น

บช.ทท. รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุน การปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ บุคคลสำคัญ และผู้เข้าร่วมประชุมพำนักในประเทศไทย

(15 พ.ย.65)  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจรถยนต์ สายตรวจจักรยาน สายตรวจรถพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ล้อ (Segway) และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ณ สวนลุมพิน กรุงเทพฯ 

โดยภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับผิดชอบ มีรถยนต์โมบายประจำจุดที่กรุงเทพฯ บริเวณสวนลุมพินี จำนวน 1 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ประจำที่อยุธยาอีก 1 คัน รถยนต์สายตรวจ 34 คัน รถสายตรวจจักรยาน 42 คัน และรถเซคเวย์ 6 คัน รวมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น 153 นาย เพื่อใช้ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณพื้นที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตลอดจนสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ

รมว.สุชาติ รับข้อสั่งการ นายก มอบเงินทดแทนเยียวยาลูกจ้างประสบเหตุสูญเสียอวัยวะจากการทำงานกว่า 1.2 ล้านบาท

(15 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีขาดรายได้และสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการทำงานให้แก่ นายณัฐพล เดชเกศรินทร์ ลูกจ้างที่ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถยนต์พุ่งชนกับแนวก่อสร้างที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า จากกรณีที่ นายณัฐพล เดชเกศรินทร์ อายุ 41 ปี ลูกจ้างซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ของบริษัท โชคอมร โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการประเภทขนส่งสินค้า ตั้งอยู่เลขที่ 502/541 ซอยเดชะตุงคะ 1 ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ได้ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถบรรทุกพุ่งชนแผงคอนกรีตที่ปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างถนนพระราม 2 ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร จนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะขาข้างขวาขาดในระดับหัวเข่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเหตุญาติของนายณัฐพลได้มีการเจรจาตกลงค่าชดเชยและเยียวยาจากอุบัติเหตุดังกล่าวกับผู้รับเหมา โดยได้เรียกร้องเงินเยียวยา จำนวน 500,000 บาท แต่ผู้รับเหมาะเสนอจ่ายได้เพียง 200,000 บาท ทำให้ตกลงกันไม่ได้ จนนายณัฐพลและญาติร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังเพจเฟสบุ๊คของท่านนายกรัฐมนตรี และท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ

ซึ่งในเรื่องนี้ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและติดตามกำชับการเร่งช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายให้มีความเป็นธรรมและถูกต้อง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้รับเหมายอมจ่ายค่าเยียวยาแก่นายณัฐพลแล้วเป็นจำนวน 500,000 บาท และเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายณัฐพลและญาติจึงได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าขอบคุณนายกรัฐมนตรีและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ให้การช่วยเหลือและแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียน จนในที่สุดได้รับเงินชดเชยเยียวยาตามข้อร้องเรียนดังกล่าว

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภค มูลค่า 2.2 ล้านบาท ลงพื้นที่แจกจ่ายในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมรวม 6 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ลพบุรี นครสวรรค์ และตาก รวม 6 จังหวัด  คิดมูลค่าเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งสิ้น 2,200,000 บาท (สองล้านสองแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ  มูลนิธิฯ / สมาคม ประจำจังหวัดต่าๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อเป็นการฟื้นฟูหลังน้ำลดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ส่วนภูมิภาค รวม 16 จังหวัด รวมงบประมาณเครื่องอุปโภคบริโภคในการแจกจ่ายไม่ต่ำกว่า 5.1 ล้านบาท

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถประสานรายละเอียดการขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่  แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ โทร 02-225-0020  เวลา 08.30-16.30 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top