Thursday, 23 January 2025
NEWS FEED

'น้ำพริกนิตยา'​ ขออภัย​ 'แขก คำผกา'​ ไม่สะดวกให้ถ่ายทำรายการ แต่โดนพิธีกรสาวโวยลั่น ร้านนี้ไม่รับเสื้อแดง

แขก คำผกา ไปถ่ายรายการยูทูปร้านน้ำพริกดังย่านบางลำพู ป้าเจ้าของร้านปฏิเสธ บอกขอดูเนื้อหารายการก่อน แถมยังใจดีถามอยากกินอะไรจะให้ เจ้าตัววีนใส่ดีลมาเป็นเดือน รู้ว่าเป็นเสื้อแดงเลยไม่ให้ถ่าย ทำเอาทัวร์ลงร้าน ด้อยค่าเป็นสลิ่ม สาปแช่งให้ร้านตกอับ ขายไม่ได้

ในโลกโซเชียลฯ ได้วิจารณ์กรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ไปถ่ายทำรายการพร้อมกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือโรซี่ พี่สาวของ จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ แล้วถูกร้านน้ำพริกแห่งหนึ่งบนถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพฯ ปฏิเสธ โดยได้เผยแพร่ในรายการโค้ชแขก (Coach Khaek) ตอนที่ 66 ทางช่องออนไลน์ของสโปกดาร์ค (SpokeDark)

โดยเจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุรายหนึ่งกล่าวว่า “พอดีอย่างนี้นะคะ คุณป้าต้องขอโทษด้วย คุณป้าไม่เคยดูรายการของหนู เพราะฉะนั้นคุณป้าต้องขอดูรายการก่อนที่หนูจะถ่ายออกไป วันนี้ป้าไม่สะดวก ป้าต้องขอโทษอย่างรุนแรงเลย เพราะว่าป้าไม่รู้ เพราะว่าป้าไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เข้าไปดู คุณป้ากว่าจะกลับบ้านทุ่มหนึ่ง แล้วคุณป้าไม่ได้ดู อย่างไรก็ตามป้าขอดูรายการหนูก่อน แล้วค่อยมาสัมภาษณ์”

รมว.แรงงาน สั่งกรมการจัดหางานขยายผลต้นตอนายหน้าเถื่อนหลอกหญิงไทย ค้ากามดูไบ

รมว.แรงงาน สั่งการศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน เร่งตรวจสอบขยายผลกรณีนายหน้าเถื่อนหลอกหญิงไทยอ้างบินทำงานนวดดูไบ ฝั่งกกจ.รับลูกแข็งขัน ใช้มาตรการป้องกัน ป้องปราม และปราบปราม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีหญิงไทยที่ร้องขอความช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดียว่าถูกหลอกให้มาขายบริการที่เมืองดูไบ จนภายหลังได้เข้าช่วยเหลือกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยแล้วนั้น ล่าสุดได้สั่งการศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน ให้เร่งขยายผลไปที่ต้นตอกระบวนการ สายนายหน้าเถื่อนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขอเตือนไปยังผู้มีพฤติการณ์เป็นสาย นายหน้าเถื่อนว่า การหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พรบ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

“ผมขอฝากความห่วงใยถึงคนหางานทุกท่าน ขออย่าหลงเชื่อคำชักชวนให้เดินไปทำงานต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย หรือโฆษณาเกินจริงดังกล่าว หากมีการชักชวนให้หลีกเลี่ยงขั้นตอนตามกฎหมาย เช่น ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อทำงาน หรือเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ผ่านด่านตรวจคนหางาน ณ ท่าอากาศยาน ให้สงสัยได้เลยว่าท่านกำลังโดนหลอก ซึ่งจะทำให้ท่านเสียเงินในการถูกหลอกลวงไปทำงาน เกิดอันตรายต่อชีวิต รวมทั้งถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย ในเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รองนายกรัฐมนตรี  พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ย้ำมาโดยตลอดถึงความสำคัญของการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกประเทศมีกฎหมายของตัวเอง ไปทำงานประเทศเขาต้องเคารพกติกาของเขา ไปทำงานประเทศใดก็ต้องเคารพกติกาประเทศนั้น ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว 

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การคุ้มครอง ดูแล และช่วยเหลือคนหางานที่ทำงานทั้งในและต่างประเทศให้ได้รับการปฏิบัติตามกฎหมาย

เป็นภารกิจของศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน โดยผลการดำเนินคดีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 7 กันยายน 2564 มีการดำเนินคดีสาย นายหน้าเถื่อนแล้ว 93 ราย หลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 195 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 17,500,365 บาท ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สวีเดน และออสเตรเลีย ตามลำดับ

กรมการจัดหางานมีมาตรการป้องกัน ป้องปราม และปราบปรามการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ ดังนี้
1.ด้านการป้องกัน โดยให้ความรู้แก่ผู้นำชุมชน ประชาชนและคนหางานทั่วไป เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง ประกาศคำเตือน รูปแบบ หรือกลวิธีการหลอกลวงคนหางานของสาย/นายหน้า ผ่านสื่อต่างๆ หรือหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน รวมทั้งเปิดให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนได้ทางสายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

2.ด้านการป้องปราม มอบหมายเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบและติดตามเครือข่ายสังคมออนไลน์ของบุคคลที่โฆษณาชักชวนและรับสมัครคนหางานไปทำงานต่างประเทศผ่านทางโซเชียลมีเดีย รวมทั้งโพสต์ข้อความตอบโต้เพื่อสกัดกั้นการโฆษณาชักชวนดังกล่าว เพื่อมิให้คนหางานตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือระหว่างผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ให้มีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแล และแจ้งข่าวให้หน่วยงานราชการทราบ และตรวจสอบการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของคนหางาน ณ ด่านตรวจคนหางานเพื่อป้องกันการลักลอบไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย หรือถูกชักชวนไปทำงานอย่างผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด 

3.ด้านการปราบปราม ทำหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทจัดหางานบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  และประสานการติดตามการออกหมายจับจากพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิด

ชาวแฟลตดินแดงเกือบ 8,000 ครัวเรือน ปลื้ม! ‘รมว.เฮ้ง’ ห่วงใย มอบข้าวสารบรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครัวเรือนละ 1 ถุง ให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 7,700 ครัวเรือน ในพื้นที่แฟลตดินแดง 3 จุด โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) เป็นผู้รับมอบ จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 เป็นผู้รับมอบ

โดย นายสุรชัย กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ในวันนี้ท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครอบครัวละ 1 ถุง รวมทั้งสิ้น 7,700 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

ว่าที่ผู้สมัครสก. ก้าวไกล ล้ำยุค เปิดตัวเว็บไซต์ ‘กรุงเทพก้าวไกล’ รายงานพิกัดน้ำท่วม เน้นปชช.มีส่วนร่วม ย้ำชัด กทม.ก้าวใหม่ ด้วยก้าวไกล ทันสมัย ยกระดับชีวิตคนเมือง แก้ไขปัญหาน้ำท่วมคนกรุง 

นิธิกร บุญยกุลเจริญ (ปาล์ม) ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางบอน พรรคก้าวไกล โพสผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้ชื่อว่า ‘กรุงเทพก้าวไกล’ 

นิธิกร กล่าวว่า ในช่วงฤดูกาลที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่คนกรุงของเราต้องเจออยู่บ่อยครั้ง ก็คือการเกิด ‘น้ำท่วม’ ในหลายพื้นที่ โดยทีมกรุงเทพก้าวไกลคิดว่าน่าจะดี หากเราสามารถรวบรวมข้อมูลพิกัดการเกิดน้ำท่วม และประชาชนมีส่วนร่วมได้ ซึ่งประชาชนทุกท่านสามารถรายงานข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ https://bkkflood.moveforwardparty.org/ ที่พวกเราทีมกรุงเทพก้าวไกล ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเองแบบเฉพาะกิจ ไม่กี่วันที่ผ่านมา และถ้าข้อมูลเหล่านี้รวมกันมากขึ้น เราก็จะสามารถหาแนวทางการแก้ไขต่อไปได้ ทั้งแบบภาพเล็กในแต่ละพื้นที่ และภาพใหญ่ที่จะต้องมีการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบอีกด้วย

ศาลสูงอังกฤษสั่ง ปิดลับ ‘พินัยกรรมเจ้าชายฟิลิป’ นาน 90 ปี ปกป้องพระเกียรติ ‘ควีนเอลิซาเบธ’

นายแอนดรูว์ แม็คฟาร์เลน ประธานศาลแผนกครอบครัวแห่งศาลสูงของอังกฤษในกรุงลอนดอน มีคำพิพากษาให้ “ปิดผนึก” พินัยกรรมของเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ขณะพระชนมายุ 99 พรรษาเป็นความลับนาน 90 ปีจึงสามารถเปิดผนึกพินัยกรรมดูกันภายในสมาชิกราชวงศ์ และพิจารณาว่าควรจะเผยแพร่หรือไม่

ทั้งนี้โดยทั่วไปในสหราชอาณาจักร พินัยกรรมมักเป็นเอกสารสาธารณะ แต่เป็นเวลาเกือบ 100 ปีมาแล้วที่พินัยกรรมของสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงจะถูกปิดผนึกเป็นความลับตามคำสั่งของศาลสูง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่ผู้พิพากษาแม็คฟาร์เลน ระบุว่าเพื่อปกป้องพระเกียรติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ทรงเป็นองค์ประมุขของประเทศ

'จีน' เงื้อดาบปราบ ‘เบี้ยวภาษี’ ระลอกสอง เตือนดารา เน็ตไอดอล 'ใครผิดให้รีบสารภาพ'

รัฐบาลจีนประกาศมาตรการคุมเข้มการตรวจสอบภาษีครอบคลุมทั้งดารานักแสดงไปจนถึงเหล่าเน็ตไอดอล ออกบทลงโทษสถานหนักสำหรับผู้กระทำผิด พร้อมจัดการวงการบันเทิงและวัฒนธรรมแฟนคลับที่ทำกำไรมหาศาลสร้างความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคม

สรรพากรจีนกล่าวว่า ดาราที่ออกมาสารภาพการหลีกเลี่ยงภาษีด้วยตัวเองอาจได้รับโทษเบาลงหรือการยกเว้นโทษ

ค่ายสื่อจีนและสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่าสำนักบริหารกิจการภาษีแห่งชาติจีน (State Administration of Taxation) แถลงเมื่อวันเสาร์ (18 ก.ย.) ว่าการตรวจสอบบัญชีภาษีจะใช้วิธี “สุ่มสองชั้น” (Double random) โดยผู้ตรวจบัญชีจะทำงานกับผู้ถูกตรวจสอบโดยใช้วิธีสุ่ม รายละเอียดและผลจากการตรวจสอบจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใสโดยทันที

สำนักบริหารกิจการภาษีฯ กล่าวเสริมว่า ดาราที่มีรายได้สูงควรทบทวนการรายงานและแก้ไขความผิดพลาดที่เกี่ยวเนื่องกับภาษีของตัวเองภายในสิ้นปีนี้ ดาราคนใดที่ให้ความร่วมมืออาจมีการลดโทษหรือยกเว้นโทษ ในขณะที่ใครไม่ปฏิบัติตามจะได้รับโทษอย่างถึงที่สุดจากทางการและสมาคมบันเทิงจีน

“คนที่มีความผิดทางภาษีร้ายแรงจะถูกสอบสวนและลงโทษสถานหนักตามกฎหมาย” กรมภาษีย้ำ

กฎหมายจีนระบุว่าบุคคลใดที่ไม่จ่ายภาษีหรือค่าปรับภายในเวลาที่กำหนดจะมีความผิดทางอาญา

สำนักบริหารกิจการภาษีฯ ออกข้อกำหนดดังกล่าวเพื่อตอบสนองนโยบายจัดระเบียบวงการบันเทิงของพรรคคอมมิวนิสต์หลังจากมีข่าวฉาวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน หนึ่งในนั้นคือกรณีการหลีกเลี่ยงภาษีของ ‘เจิ้งส่วง’ (郑爽)

‘คุณสมบัติ’ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานการแข่งขันสุดยอดทักษะ สายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน Cabling & Networking Contest #9 (การแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9) โดยมีคุณวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีให้เกียรติกล่าวเปิดงาน ซึ่งครั้งนี้เป็นรอบคัดเลือกภาคตะวันออกนับเป็นการพลิกโฉมการแข่งขันมาในรูปแบบ Fully Online ผ่านระบบ Zoom

โดยการสัมมนาช่วงเช้าได้รับการตอบรับอย่างดีจากนิสิต นักศึกษากว่า 630 คน และช่วงบ่ายที่จัดส่งอุปกรณ์ไปถึงมหาวิทยาลัย เพื่อทำการแข่งขันออนไลน์พร้อมกันกว่า 30 คน เพื่อคัดตัวแทนไปรอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

ครม.ปรับลดเป้า “คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้” 4 ต.ค.นี้ใช้ร่วม แกรป-ไลน์แมน ได้ 

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ โดย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 31 ล้านสิทธิ เป็น 28 ล้านสิทธิ และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 1.4 ล้านสิทธิเป็น 1 ล้านสิทธิ

ทั้งนี้ จะทำให้มีสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คงเหลือประมาณ 1 ล้านสิทธิ และสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้คงเหลือประมาณ 5 แสนสิทธิ ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ย. 2564 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 24.22 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 66,366.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 33,761.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 32,604.9 ล้านบาท ในส่วนของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 75,582 ราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสมรวม 2,182 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายส่วน e – Voucher สะสม 90.7 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2564 โดยรัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่นใด ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างเชื่อมโยงระบบกับโครงการฯ ได้แก่ 

1. Grab โดยจะเก็บค่าธรรมเนียมหรือส่วนแบ่งการขาย จากร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ไม่เกิน 20% และลดค่าจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ประชาชน 25 บาท เมื่อสั่งซื้อขั้นต่ำ 150 บาท สำหรับการสั่งซื้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่จากโครงการฯ และ 2. LINEMAN โดยจะเก็บ GP จากร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ไม่เกิน 20% และสนับสนุนค่าจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ให้แก่ประชาชน 35-50 บาทต่อครั้ง หรือไม่เกิน 2,000 บาทตลอดระยะเวลาโครงการฯ พร้อมสื่อส่งเสริมการตลาดและส่วนลดสำหรับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้า

'นิวซีแลนด์' ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ สนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปดูด ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ แทน

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเผย รัฐบาลนิวซีแลนด์ออกกฎหมายฉบับใหม่ สนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการควบคุมซึ่งรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมให้ติดป้ายที่ร้านค้าและช่องทางออนไลน์ จูงใจให้คนมาเวปแทนการใช้บุหรี่ หวังช่วยบรรลุเป้าหมายประเทศปลอดบุหรี่ในปี 2568

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลุ่มลาขาดควันยาสูบ และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ผ่านกฎหมายสิ่งแวดล้อมปลอดควันฉบับใหม่ที่จะช่วยชีวิตผู้สูบบุหรี่ของนิวซีแลนด์จำนวนมาก โดยสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้ทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่าบุหรี่ซิกาแรตซึ่งรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบแบบใช้ความร้อน โดยความตั้งใจของกฎหมายนี้คือการให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือก และควบคุมบุหรี่แบบดั้งเดิมให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่แบนทางเลือกดังกล่าว แถมประโคมข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าตลอดเวลาจนทำให้สังคมเข้าใจผิดมาตลอด”

รายงานข่าวจากนิวซีแลนด์ระบุว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขนิวซีแลนด์ เจนนี ซัลเลซา ให้ความเห็นว่า “กฎหมายฉบับนี้มุ่งทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการช่วยผู้สูบบุหรี่ให้เลิกสูบโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือก ขณะที่พยายามไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้ามาริเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น”

ท่าทีของรัฐบาลนิวซีแลนด์นั้นได้พิจารณาเห็นว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์ไร้ควันมีศักยภาพที่จะช่วยให้นิวซีแลนด์บรรลุเป้าหมายสังคมปลอดบุหรี่ภายในปี 2568 ได้ โดยในกฎหมายฉบับใหม่นี้กำหนดให้ร้านค้าและช่องทางจำหน่ายออนไลน์แสดงข้อความว่า “การแทนที่บุหรี่ด้วยการใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยลดอันตรายต่อสุขภาพของคุณ” และ “ถ้าคุณสูบบุหรี่ การเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนจะเป็นทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่ามาก”

โควิคร่าชีวิต ‘ชาวอเมริกัน’ ทะลุ 6.74 แสน ยอดสูญเสียแซง 'ไข้หวัดสเปน' เมื่อ 100 ปีก่อน

21 ก.ย. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ จากโควิด-19 ได้แซงหน้ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดครั้งใหญ่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ไข้หวัดสเปน" ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1918 หรือเมื่อ 103 ปีก่อนไปแล้ว แม้ว่าการแพทย์จะก้าวหน้าไปอย่างมากในช่วง 100 ปีมานี้

ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ที่เมืองบัลติมอร์ ในรัฐแมริแลนด์ รายงานสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว มีจำนวนสะสมอย่างน้อย 675,722 ราย รวบรวมข้อมูลถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top