Friday, 7 June 2024
NEWS FEED

โฆษกรัฐบาล เผยเศรษฐกิจไทยไทยผ่านจุดตกต่ำแล้ว เชื่อปี 2564 ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ จะดีขึ้น ลั่นเงินคงคลังเข้มแข็ง ยืนยันมีงบประมาณลงทุนเพียงพอ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ถือว่ามีสัญญาณที่ดี มีรานงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังออกมาให้ข้อมูลว่าช่วงเดือน ธ.ค. 2563

ตัวเลขต่าง ๆถือว่าดีเช่นการขยายการส่งออก มีการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 4.7 อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทุนสำรองสูง ผ่านพ้นจุดที่ตกต่ำมาแล้ว และ ในปี 2564 ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ จะดีขึ้น

อีกทั้งสำนักงานบลูมเบิร์ก ประเมินมุมมองอนาคตเศรษฐกิจของไทยปี 2564 ว่า เป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับ 1 ใน 17 ประเทศของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทำให้มีแรงดึงดูดจากเงินทุนต่างประเทศ รวมทั้ง ดัชนีสุขภาพของไทยติด 1 ใน 10 ประเทศแรกของโรค

ส่วนการจัดเก็บรายได้ของไทยระหว่างปี 2557- 2563 ก็ถือว่าขยายตัวร้อยละ 2.1 ต่อปี มีเพียง3 ปี ที่จัดเก็บลดลงจากปีก่อนหน้า คือ 2557 , 2560 และ 2563 โดยปี 2563 สาเหตุที่จัดเก็บภาษีได้น้อยที่เกิดผลประทบจากโควิด19 ที่รัฐบาลออก มาตรการภาษีช่วยเหลือประชาชน และ มาตรการช่วยผู้ประกอบการต่าง จึงจัดเก็บรายได้น้อยลง

อีกทั้งสำนักงานบลูมเบิร์ก ประเมินมุมมองอนาคตเศรษฐกิจของไทยปี 2564 ว่า เป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับ 1 ใน 17 ประเทศของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทำให้มีแรงดึงดูดจากเงินทุนต่างประเทศ รวมทั้ง ดัชนีสุขภาพของไทยติด1ใน 10 ประเทศแรกของโรค ส่วนการจัดเก็บรายได้ของไทยระหว่างปี 2557- 2563

ก็ถือว่าขยายตัวร้อยละ 2.1 ต่อปี มีเพียง3 ปี ที่จัดเก็บลดลงจากปีก่อนหน้า คือ 2557 ,2560 และ 2563 โดยปี 2563 สาเหตุที่จัดเก็บภาษีได้น้อยที่เกิดผลประทบจากโควิด19 ที่รัฐบาลออก มาตรการภาษีช่วยเหลือประชาชน และ มาตรการช่วยผู้ประกอบการต่าง ึงจัดเก็บรายได้น้อยลง

นายอนุชา กล่าวว่า "สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ชี้แจงว่าสภาพ เงินคงคลัง มีเพียงพอในการดำเนินนโยบาย และการลงทุนต่างๆ โดยเงินคงคลังปลายงวดปี 2563 มากกว่าเงินคงคลังปลายปี 2562 ร้อยละ 49.5 และ หนี้สาธารณะไม่เกินกรอบที่กฎหมายร้อยละ 60"

ทัพบกแจง!! เยียวยาเหยื่อเหตุกราดยิงโคราช แล้ว 88 ราย รวมถอดยศ-คาดโทษ ผู้ก่อเหตุและมีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมรื้อระบบสวัสดิการทัพบกใหม่ รวมถึงปิดสนามมวย-รื้อสนามม้าตามความเหมาะสม

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก แถลงสรุปครบ1 ปี เหตุการณ์กราดยิงโคราช เมื่อวันที่ 8 ก.พ.63 หลังจากที่กองทัพบกมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และฟื้นฟูเยียวยา รวมถึงพิจารณาลงโทษผู้เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปจากฝ่ายเสนาธิการ โดยจะเยียวยาใน 2 ลักษณะ ให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 31 ราย และบาดเจ็บ 57 คน รวมทั้งสิ้น 88 ราย โดยบรรจุราชการทหาร 31 คน ในสังกัดกองทัพบก 26 คน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4 คน และพนักงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟ 1 คน

ในส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการเยียวยามีทั้งหมด มี 4 คน คือ ผู้ก่อเหตุ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ผู้ก่อเหตุ, พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์, นางอนงค์ มิตรจันทร์ และ นายพิทยา แก้วพรหม พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนปลดประจำการถอดยศ ทั้ง จ.ส.อ.จักรพันธ์ และ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับสิทธิตามระเบียบบำเหน็จตกทอด

ขณะที่ผู้บังคับบัญชาประจำหน่วยกองทัพภาค โดนคาดโทษ รวมไปถึงผู้บัญชาการช่วยรบที่ 2 ถูกปรับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำกองทัพบก (ยศไม่ขึ้น) นอกจากนี้ กองทัพบกยังปรับปรุงระเบียบการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ และปรับปรุงระบบสวัสดิการกองทัพให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งสวัสดิการภายในและนอกเหนือ

นอกจากนี้ พล.ท.สันติพงษ์ ยังชี้แจงถึงแผนสวัสดิการทั้งหมดของกองทัพ โดยพื้นที่สนามกอล์ฟทั้งหมด 36 แห่ง นำไปจัดทำเป็นพื้นที่สวัสดิการเชิงธุรกิจ 1 แห่ง คือ สวนสนประดิพัทธ์ และอีก 2 แห่งที่ รามอินทรา จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ และ ลานนา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมเอกสาร โดยจะคงเหลือพื้นที่ 33 แห่งเป็นสวัสดิการภายใน

ส่วนสนามมวย 3 แห่ง ปิดถาวรไปแล้ว 2 แห่ง คือ ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี และ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่สนามมวยลุมพินี ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาให้ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจหรือสนามกีฬาที่อาจไม่มีการจัดการแข่งขันแล้ว

ด้านสนามม้า จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันไม่ได้เปิด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และขณะนี้ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาสำหรับการใช้พื้นที่ว่าจะรื้อสนามม้ามาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบสถานที่ท่องเที่ยว หรือสวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกาย

ส่วนสถานที่พักฟื้นพักผ่อน 5 แห่ง จะเข้าสู่สวัสดิการเชิงธุรกิจ 2 แห่ง คือ ไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงราย และสวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนลานนา มทบ.33 จังหวัดเชียงใหม่ กำลังดำเนินการ ขณะที่อีก 2 แห่งคือ บางปู จังหวัดสมุทรปราการ และหาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ยังคงเป็นสวัสดิการภายใน

‘อัศวิน’ เผย กทม. งดจัดงานตรุษจีนเยาวราช ป้องกัน ‘โควิด-19’

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในช่วง วันตรุษจีน ของทุกปี กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ จะร่วมกับคณะกรรมการจัดงานตรุษจีนเยาวราช ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ จัดงานเทศกาลตรุษจีนเป็นประจำ

แต่เนื่องจากปีนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ในกลุ่มคนจำนวนมาก

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ที่อาจเกิดขึ้นได้จากงานตรุษจีนยาวราช จึงยกเลิกการจัดงานในปีนี้


ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2021/63902

กรณ์ ยกทัพพรรคกล้า นำเสนอ สราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่พบปะประชาชนตลาดชะอวด พร้อมให้คำแนะนำการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้ามีความพร้อมเต็มที่ในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และหวังว่าประชาชนจะให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ให้โอกาส นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ได้เป็นปากเป็นเสียง เป็นตัวแทนประชาชน เข้าไปทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรของพรรคกล้า เชื่อว่านายสราวุฒิจะสามารถใช้ ประสบการณ์ทั้งหมด พัฒนาความเป็นอยู่ให้คนในพื้นที่ เปลี่ยนแปลงนครศรีธรรมราชไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้

"การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งซ่อมธรรมดา แต่ส่งผลไปถึงการเมืองของนครศรีธรรมราช นึกภาพว่า ถ้าวันที่ 7 มีนาคมนี้ พรรคกล้าได้ ส.ส.คนแรก เป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 การเมืองในนครศรีธรรมราชเปลี่ยนไปแน่นอน ไม่ได้มีผลแค่กับชีวิตนายสราวุฒิ หรืออนาคตของพรรคกล้าเท่านั้น แต่มั่นใจว่าจะมีผลต่ออนาคตของชาวนครศรีธรรมราชทุกคน เพราะการเมืองนครศรีธรรมราชเป็นแบบเดิมมายาวนาน" หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว

ส่วนเรื่องคู่แข่งในพื้นที่ทางผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเสรีรวมไทย นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้ามีความพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่ง ไม่ว่าคู่แข่งในพื้นที่ จะเป็นอย่างไร หรือมาจากพรรคใด และย้ำว่า เสียงของพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช เขต 3 ไม่ใช่มรดกของคนตระกูลใดตระกูลหนึ่ง หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง

ส.ส.กทม. ก้าวไกล สะท้อนปัญหาคนกรุง ทั้งน้ำประปา - PM 2.5 ซัดรัฐละเลย ไม่สนใจประชาชน ย้ำ ‘ประยุทธ์’ ต้องเพิ่มมาตรการ แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีเเลกกับภาษีที่จ่าย

น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 3 บางคอเเหลม พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปัญหาเรื่องน้ำประปาเค็ม และประชาชนชาวกรุงเทพมหานครและจังหวัดข้างเคียงต้องทนรับสภาพดื่มน้ำเค็มๆ เป็นปีที่สอง ซึ่งรัฐบาลไม่ใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหาพื้นฐานเมื่อคนไทยต้องจ่ายเงินเพียงเพื่อต้องการอากาศที่ดีและน้ำดื่มที่สะอาด

สำหรับ เเนวทางที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แนะนำเมื่อปีก่อนคือ ให้นำน้ำไปต้ม ซึ่งการต้มนอกจากจะลดความเค็มไม่ได้แล้ว ยังจะเพิ่มความเข้มข้นของเกลือในน้ำดื่มอีกด้วย อีกทั้งปีนี้ เกิดเป็นปีที่สอง ซึ่งก็ไม่มีการจัดสรรงบประมาณ หรือเตรียมการใด ๆ ทำให้ประชาชนผู้เสียภาษี รับกรรมกันเองตามยถากรรม

ซึ่งถ้าน้ำประปาดื่มไม่ได้ ก็ต้องซื้อดื่ม คนเราเฉลี่ยต้องดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ถ้าซื้อน้ำขวดกิน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอย่างน้อยๆ ก็ต้องมี 20 - 30 บาท ต่อคน ถ้าในครอบครัวมีสมาชิก 3 คน ต่อเดือน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายครัวเรือนเพิ่มขึ้น เดือนละ 600 - 900 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนไม่ใช่น้อยๆ สำหรับคนตัวเล็กตัวน้อย หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป และในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำย่ำแย่ ประชาชนตกงาน แรงงานต้องหยุดงาน แม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างอาหาร ยังคิดหนักว่าจะเอาเงินจากไหนมาซื้อข้าว ไม่ต้องพูดถึงทางเลือกอื่นๆในชีวิต

"สิ่งที่เจ็บปวดและสร้างความผิดหวังซ้ำซาก คือ รัฐบาลนี้ไม่เคยใส่ใจความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเลยมีแต่ผลักภาระให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตตามยถากรรม กลายเป็นว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่เป็นเรื่องปกติ หรือ new normal ของการอยู่อาศัยในกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรที่ไม่มีจริง"

การใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ หากท่านพอจะมีทางเลือก ท่านก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้กับตัวเอง ลูกๆ และคนในครอบครัว ทั้งค่าเครื่องกรองน้ำ หน้ากากอนามัย บางบ้านที่ลูกมีปัญหาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 หนักๆ ก็ต้องลงทุนซื้อเครื่องกรองอากาศ และในฐานะของคนเป็นแม่ ที่มีลูกเล็ก ปัจจัยพื้นฐานที่ดิฉันต้องการคือ ต้องการให้ลูกเติบโตมาในเมืองที่มีความปลอดภัย มีปัจจัยต่อการดำรงอยู่ขั้นต่ำที่เพียงพอ

ดิฉัน ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะแม่ลูก ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ในฐานะคนกรุงเทพฯขอเรียกร้องในฐานะนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการเยียวยาให้แก่พี่น้องประชาชน และดำเนินการเตรียมการเตรียมงบประมาณในการรับมือกับปัญหาน้ำประปาเค็ม PM 2.5 ได้แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปีถัดไปนับจากนี้ ดิฉันจะไม่ต้องมาเรียกร้องในปัญหาเดิม ๆ ในแบบนี้อีก" วรรณวรี กล่าวทิ้งท้าย

เหตุการณ์รัฐประหารครั้งล่าสุดของพม่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อกองทัพพม่ายกพลเข้ากรุงเนปิดอว์ และเข้าควบคุมตัวผู้นำคณะรัฐบาลพลเรือน รวมถึง นาง อองซาน ซูจี

ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และ นาย วิน มินท์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กลายเป็นจุดสนใจของชาวโลก ว่าเกิดอะไรขึ้นในดินแดนฤาษีแห่งอาเซียนแห่งนี้กันแน่

โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น บรรดาชาติตะวันตกหลายชาติ ก็เริ่มออกมาประณามการตัดสินใจของกองทัพพม่า และกดดันไปทางองค์การสหประชาชาติ (UN) ให้ออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ในพม่า

ล่าสุด สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เปิดประชุมด่วน เมื่อวันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ในพม่า และหามติร่วมในการแถลงจุดยืนในนามองค์กร

ที่ประชุมประกอบด้วยตัวแทนสมาชิก 15 ชาติ ที่เป็นสมาชิกถาวร 5 ชาติ คือ สหรัฐ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน และ รัสเซีย ได้หารือที่จะร่วมออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า และอาจนำไปสู่มาตรการกดดันจากองค์การสหประชาชาติในขั้นตอนต่อไป

แต่ประเทศจีน และ รัสเซีย ได้ใช้สิทธิ์สมาชิกภาพถาวร คัดค้านคำแถลงการณ์ประณามของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเด็นจึงถูกตีตกไป

โดยทางจีนได้ให้เหตุผลที่ไม่สนับสนุนให้สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังออกมาร่วมแถลงการณ์ประณาม และคัดค้านกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของพม่าว่า จีนมิได้หมายถึงรัฐบาลปักกิ่งสนับสนุนการรัฐประหารในพม่า แต่เห็นว่าการที่องค์กรนานาชาติเข้าไปกดดัน หรือเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการคว่ำบาตร อาจทำให้สถานการณ์ภายในพม่าเลวร้ายลงกว่าเดิม

นอกจากนี้ ยังตอบโต้ข้อครหาที่ว่ารัฐบาลปักกิ่ง อาจมีผลประโยชน์แอบแฝงร่วมกับกองทัพพม่าว่า ทางรัฐบาลจีนมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลพม่า ภายใต้การนำของพรรค NLD ของนางอองซาน ซูจี เป็นอย่างดี และเข้าไปร่วมลงทุนในพม่าจากการสนับสนุนของรัฐบาลพลเรือนของพม่ามาโดยตลอด

แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่า จีนก็ต้องเข้าไปเจรจาข้อตกลงกันใหม่ ซึ่งจะดำเนินโครงการร่วมกันต่อหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยในอนาคต แต่ทางจีนจะไม่เข้าไปวุ่นวายเรื่องภายในรัฐบาลของพม่า เช่นเดียวกันกับรัสเซีย ที่มีจุดยืนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของพม่า เหมือนเมื่อกรณีการกวาดล้างชน กลุ่มน้อยชาวโรฮิงญานับล้านที่เคยเกิดขึ้นในปี 2017

ทว่า กลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจ G7 อันประกอบด้วย อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี และญี่ปุ่นนั้น มีความเห็นที่แตกต่างออกไป และได้ออกแถลงการณ์ให้กองทัพพม่าคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งโดยทันที พร้อมกดดันให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงปล่อยตัวคณะรัฐมนตรีที่ถูกจับกุมตัว เพื่อเป็นการเคารพต่อหลักกฏหมาย และสิทธิมนุษยชน

ฉะนั้นในเมื่อทางองค์การสหประชาชาติได้ประกาศว่าเหตุการณ์ทางการเมืองในพม่า เป็นการรัฐประหารอย่างเป็นทางการ ก็เท่ากับว่า สหรัฐอเมริกาจะตัดความช่วยเหลือทุกทางไม่ว่าจะผ่านทางหน่วยงานรัฐ หรือเอกชนของประเทศพม่านับจากนี้ไป รวมถึงทางสหภาพยุโรป อังกฤษ และออสเตรเลีย ก็ได้ออกแถลงการณ์ประณามแล้วเช่นกันด้วย


อ้างอิง

https://www.businessinsider.com/china-russia-block-un-security-council-condemn-myanmar-coup-2021-2

https://www.france24.com/en/americas/20210203-china-russia-block-un-security-council-condemnation-of-myanmar-coup

https://www.bbc.com/news/world-asia-55913947

ผบ.ตร. แถลงจับกุมเสี่ยโป้ เปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ พร้อมชักชวนผ่านโซเชียลมีเดีย ยันมีหลักฐานชัด หลังใช้เวลาสืบสวนนาน 4 เดือน พบเงินหมุนเวียนกว่าพันล้านบาท

ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แถลงผลปฏิบัติการชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองบังคับการปราบปรามหลังจากที่ไปควบคุมตัวเสี่ยโป้ หรือ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ในข้อหา ร่วมกันจัดโฆษณาชักชวน ให้ผู้อื่นเล่นการพนัน (พนันออนไลน์) และ สมคบกันฟอกเงินว่า

ปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจใช้เวลาสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนานกว่า 4 เดือน ตั้งเป้าหมายการค้นหา 7 จุด โดยรวบรวมหลักฐานยื่นศาลอนุมัติออกหมายจับเฉพาะหมายจับที่ขอมี 12 หมายและมีการจับซึ่งหน้า 1 รายเพราะมีการพกพาอาวุธปืนและมีหมายค้างเก่าอีก 2 รายรวมการจับกุมทั้งสิ้น 15 ราย

"การสืบสวนใช้เวลานานเพราะการปราบปรามธุรกิจในลักษณะนี้จะทำได้ยากขึ้นเนื่องจากผู้ต้องหา มีทุนมาก มีการใช้ ความรู้ทางกฎหมายปิดบังซ่อนเร้นพยานหลักฐานรวมทั้งมีระบบปฏิบัติการที่มีการป้องกันที่แน่นหนาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเวลานาน"

ทั้งนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายเสี่ยโป้ และชี้แจงว่าการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้กระทำโดยไม่ได้เจาะจงเรื่องส่วนตัวในส่วนที่ผู้ต้องหาเสียหายและได้เคยแจ้งความไว้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะให้ความเป็นธรรม การดำเนินการทั้งหมดเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐาน

โดยในระหว่างแถลงข่าว ผบ.ตร.ได้ถามคำถามเสี่ยโป้ว่า เลิกได้ไหมอาชีพนี้ ซึ่งเสี่ยโป้ก็รับฟัง แต่ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

ในขั้นตอนสอบสวนด้านการเงินจะต้องมีการประสานงานร่วมกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เพราะพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายฟอกเงิน จากการรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเว็บพนันออนไลน์มีมากกว่า 2 เว็บไซต์เบื้องต้นพบ 6 เว็บไซต์โดยมี เซิร์ฟเวอร์ หลักอยู่ที่ต่างประเทศ หากทำการสืบสวน และพบเครือข่าย จะมีการดำเนินการเอาผิดทั้งหมด

สำหรับการประกันตัว ผบ.ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชั้นสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวแต่สุดท้ายต้องขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า จากเว็บไซต์หลัก 2 เว็บไซต์ พบว่า มีเงินหมุนเวียน มากกว่าพันล้านบาท ซึ่งจากหลักฐานเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่ามีการ ให้ผู้อื่นเปิดบัญชีเพื่อถ่ายโอนเงิน หลังจากนี้ทรัพย์สินที่ได้ จากการยึด ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการ ตามกฎหมายฟอกเงินรวมถึงบ้านสิ่งปลูกสร้าง

ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า นายเสี่ยโป้ กับพวกรวม 31 คนมีพฤติการณ์สมคบกัน รู้เห็นเป็นใจในลักษณะแบ่งงานแบ่งหน้าที่ร่วมกันประกาศโฆษณาชักชวนจัดให้บุคคลทั่วไปเข้าเล่นการพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยนายเสี่ยโป้ทำหน้าที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่าน Facebook ของตัวเอง และ Facebook ของภรรยารวมทั้งเว็บไซต์อื่น ๆ

สำหรับทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้มีโทรศัพท์มือถือ 39 เครื่องสมุดบัญชีธนาคาร 65 เล่ม เครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด โนตบุ๊ค บัตร ATM อาวุธปืน รถยนต์ เงินสด แหวนทองฝังเพชร กำไลเงินฝังเพชร ธนบัตรต่างประเทศ ส่วนกรณีบ้าน คอนโดและทรัพย์สินอื่น ๆ จะมีการทำรายงาน เพื่อเสนอปปง. ดำเนินการต่อไป

‘ดร.อานนท์’ ไขปม 6 ประเด็นบิดเบือน ‘ธนาธร – ปิยบุตร’ หลังใส่ความสถาบันไม่เลิก เหตุวัคซีน AstraZeneca ถึงไทยล่าช้า

‘ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์’ ดีกรี ด็อกเตอร์ ด้าน Psychometrics and Quantitative Psychology จากมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม สหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich

‘ธนาธร’ และ ‘ปิยบุตร’ กล่าวหาว่าในหลวงต้องรับผิดชอบหากวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า ไม่เพียงพอ หรือมี Adverse Event

แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับในหลวงเลย

1.) รัฐบาลไทยโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca

2.) Siambioscience แค่รับจ้างผลิต และรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบ in kind คือไม่มีค่าใช้จ่าย จาก AstraZeneca และ Oxford โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ได้กำไรจากการผลิตวัคซีน

3.) การควบคุมคุณภาพอยู่ที่ AstraZeneca ดังนั้นเรื่อง adverse event อันอาจจะเกิดขึ้นตามปกติ เช่น การแพ้วัคซีน ไม่ได้เกี่ยวกับ Siambiosicence แต่อย่างใด

4.) คำสั่งซื้อมาจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ หากจะเพียงพอหรือไม่เพียงพอ ล่าช้าหรือไม่ล่าช้า ก็ตามเป็นความรับผิดชอบของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและ AstraZeneca ไม่ได้เกี่ยวกับ Siambioscience และไม่ได้เกี่ยวกับในหลวงแต่อย่างใด

5.) เงินที่ SCG และรัฐบาลให้มาปรับปรุงเครื่องจักรและกำลังการผลิต Siambioscience ก็นำไปซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca ส่งมอบให้รัฐบาลคือสถาบันวัคซีนแห่งชาติต่อไป ไม่ได้ได้มาฟรีๆ แต่อย่างใด

6.) ในฐานะนิติบุคคลของ Siambioscience ผู้ที่มีความรับผิดคือกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามกฎหมาย หาได้เป็นความรับผิดของผู้ถือหุ้นในพระปรมาภิไธยก็หาไม่ อันนี้เป็นหลักของกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่ใครที่ทำธุรกิจหรือเรียนกฎหมายมาบ้างก็ต้องรู้อยู่แล้ว ทำไมมันโง่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยถึงเพียงนี้

รายละเอียดอื่น ๆ แสดงในแผนภาพที่ผมวาดด้านล่างนี้

ไม่รู้มันจะพยายามโยงบ้าโยงบอเพื่อด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ยอมเลิกสักที คงต้องให้มันติดคุก ถึงจะเลิก

#ให้มันติดคุกที่รุ่นเรา


ที่มา: https://www.facebook.com/784302727/posts/10159241688227728/

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เผย รถไฟฟ้า MRT พร้อมรับผู้โดยสารใช้สิทธิโครงการ ‘เราชนะ’ ได้ตั้งแต่ 5 ก.พ. - 31 พ.ค.

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยได้เตรียมพร้อมรองรับการใช้สิทธิ์ในโครงการ “เราชนะ” ออกเหรียญโดยสาร (Token) เพื่อเดินทางในระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ได้ทุกสถานี ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2564

ผู้ได้รับสิทธิในโครงการฯ แบ่งเป็น กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ดังนี้

กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้สิทธิสนับสนุนค่าเดินทางจากภาครัฐได้ทั้ง 2 กรณี

กรณีที่ 1 ใช้สิทธิค่าเดินทางของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวงเงิน 500 บาทต่อเดือน โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีสัญลักษณ์ “แมงมุม” บนหลังบัตร สามารถใช้แตะที่ประตูจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติเพื่อเดินทางได้ทันที ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีสัญลักษณ์ “Prompt Card” ต้องนำบัตรมาออกเหรียญโดยสารที่ห้องออกบัตรโดยสาร

กรณีที่ 2 ใช้สิทธิในโครงการ “เราชนะ” ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนำบัตรมาออกเหรียญโดยสารที่ห้องออกบัตรโดยสาร ซึ่งระบบจะตัดเงินจากโครงการฯ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเริ่มใช้สิทธิ์ในโครงการ “เราชนะ” ได้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2564

กลุ่มผู้ได้รับสิทธิในโครงการ “เราชนะ” ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง (G-Wallet) สามารถมาติดต่อออกเหรียญโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี โดยระบบจะตัดเงินจากโครงการ “เราชนะ” ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์-31 พฤษภาคม 2564

ผู้ได้รับสิทธิในโครงการ “เราชนะ” สามารถออกเหรียญโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป โดยคิดอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง ได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ทุกสถานี ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น.

และหากผู้ใช้สิทธิออกเหรียญโดยสารแล้ว จะไม่สามารถนำเหรียญโดยสารเปลี่ยนหรือคืนได้ทุกกรณี ทั้งนี้ สิทธิในโครงการฯ ไม่สามารถใช้ออกเหรียญโดยสารประเภทเด็ก/ผู้สูงอายุ และไม่สามารถใช้เติมเงิน เติมเที่ยวโดยสาร ชำระค่าที่จอดรถ หรือชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ของรถไฟฟ้า MRT ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top