Thursday, 3 July 2025
ECONBIZ NEWS

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 7 – 11 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก - ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 14 – 18 พ.ย. 65

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 7 – 11 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก - ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 14 – 18 พ.ย. 65

>> ราคาน้ำมันย้อนหลัง 15 วัน

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดลดลง เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามช่วงปลายสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 อาทิ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (National Health Commission: NHC) ประกาศลดเวลากักตัวลง 2 วัน สำหรับผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย เหลือ 5 วัน ที่ศูนย์กักกัน (จากเดิม 7 วัน) กักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน คงเดิม และไม่ระบุผู้ใกล้ชิดระดับรองอีกต่อไป, สำหรับผู้เดินทางที่ใกล้ชิดผู้ป่วย ลดการกักตัว เหลือ 8 วัน (จากเดิม 10 วัน), ลดการทดสอบ COVID-19 ภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง เหลือครั้งเดียว (จากเดิม 2 ครั้ง) และยกเลิกบทลงโทษสายการบินที่มีผู้โดยสารติดเชื้อ, ปรับการจัดประเภทพื้นที่เสี่ยง เป็น 'สูง' และ 'ต่ำ' (จากเดิม 'สูง' 'ปานกลาง' และ 'ต่ำ') และหากไม่พบผู้ป่วยใหม่ในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นเวลา 5 วัน จะปรับเป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าต่อเนื่อง โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลก วันที่ 10 พ.ย. 65 ลดลงกว่า 2% อยู่ที่ 108.10 จุด และวันที่ 11 พ.ย. 65 ลดลง 1.6% อยู่ที่ 106.42 จุด เป็นการลดลงสองวันติดต่อกันมากที่สุดตั้งแต่ มี.ค. 52

รมว.กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ นาง Janet Yellen กล่าวถึงมาตรการจำกัดราคาน้ำมัน (Price Cap) ว่าอินเดียจะซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย ที่ราคาเท่าไร่ก็ได้ หากจะไม่ใช้เรือ ประกันภัย และการบริการทางการเงิน จากชาติพันธมิตรตะวันตก ซึ่งราคาน้ำมันดิบ Urals ของรัสเซียไม่ควรอยู่ที่ระดับเกิน 63-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  

‘เฉลิมชัย’ ปลื้ม!! ข้าวไทยครองแชมป์ข้าวที่ดีที่สุด 2 ปีซ้อน ส่งออกเบอร์ 2 ของโลก 9 เดือนแรก โกย 9 หมื่นล้านบาท

‘เฉลิมชัย’ ขอบคุณชาวนาพาไทยผงาดเบอร์ 2 ส่งออกข้าวโลกและครองแชมป์ข้าวดีที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน พอใจส่งออกข้าว 9 เดือน 9 หมื่นล้าน เพิ่มทั้งปริมาณและมูลค่าพร้อมเดินหน้านโยบายประกันรายได้ข้าวปีที่ 4 ชี้ เป็นประโยชน์ช่วยเพิ่มรายได้ชาวนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

(14 พ.ย. 65) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงความพอใจต่อการพัฒนาศักยภาพของชาวนาไทยและการส่งออกข้าวภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563-2567 และยุทธศาสตร์ ‘ตลาดนำการผลิต’ ตั้งเป้าไทยเป็นผู้นำในด้านการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลกเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและราคาโดย 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค. - ก.ย. 65) ประเทศไทยส่งออกข้าวไปต่างประเทศได้ทั้งสิ้น 5.41 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 39.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าส่งออก 2,796.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ถึง 95,233 ล้านบาท 

สำหรับราคาส่งออกข้าวไทยเฉลี่ยในเดือน ก.ย. 65 อยู่ที่ตันละ 510.8 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ที่ราคาตันละ 500.5 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ 7-8 ล้านตันทำให้ประเทศไทยกลับมาผงาดขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกในปีนี้อย่างแน่นอน

Crypto.com กระดานเทรดระดับโลก ‘ระงับถอนเงิน’ ด้านซีอีโอ เตรียมไลฟ์ชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

Crypto.com กระดานเทรดคริปโทฯ ระดับโลก ประกาศ ‘ระงับถอนเงิน’ ด้านซีอีโอ เตรียม Live AMA ชี้แจง พร้อมตอบคำถาม ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุนตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ที่มีข่าวร้ายมาให้ได้ยินทุกวัน ล่าสุด Crypto.com Exchange เว็บเทรดคริปโทฯที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 17 ตามดัชนีคอยน์มาร์เก็ตแคป ‘ระงับการถอนเงิน’

โดยบัญชีอย่างเป็นทางการ crypto.com ประกาศผ่านทวิตเตอร์ @cryptocom ว่า “มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว และมีคำถามมากมายที่เราต้องการจะกล่าวถึง” โดยมีการจัด Live AMA โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุน และทุกคนสามารถถามคำถามกับซีอีโอได้

ขณะเดียวกัน ฝั่งผู้ใช้เว็บเทรด Crypto.com ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์กันรัวๆ ว่า ทางเว็บเทรดดังกล่าวได้ทำการระงับการถอนแล้ว เนื่องจากไม่สามารถที่จะถอนสินทรัพย์คริปโทฯ ของตัวเองออกจากเว็บเทรดได้

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บเทรดคริปโทฯ ระดับโลก ได้ทำการโอน Ethereum จำนวน 320,000 ETH  (มูลค่าประมาณ 416 ล้านดอลลาร์) จาก Crypto.com  ให้กับตลาดแลกเปลี่ยนอีกราย Gate.io เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินผิด ทำให้นักลงทุนตั้งข้อสงสัยถึงการกระทำดังกล่าว

‘สุริยะ’ กำชับ! อุบัติเหตุจากแอมโนเนียรั่วต้องเป็นศูนย์ สั่ง กรมโรงงานฯ ให้ความรู้ผู้ประกอบการเครื่องทำความเย็น

สุริยะ ลั่น!! อุบัติเหตุจากแอมโนเนียรั่วต้องเป็นศูนย์ กรมโรงงานฯ เด้งรับ จับมือ สมาคมเครื่องทำความเย็นไทย จัดงาน 'THAI AMMONIA REFRIGERATION 2022' ยกระดับความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีโรงงานที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็นกว่า 3,000 โรงทั่วประเทศ สามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ โรงงานผลิตน้ำแข็งหลอด โรงงานผลิตน้ำแข็งซอง โรงงานห้องเย็นและโรงงานแปรรูปอาหาร เมื่อเกิดเหตุการรั่วไหลของแอมโมเนียของโรงงานเหล่านี้ พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้งาน และดูแลบำรุงรักษาระบบทำความเย็นอย่างถูกต้อง จึงสั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระตุ้นผู้ประกอบการโรงงานที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็นให้เกิดการตื่นตัว รวมถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานและการดูแลรักษาระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนีย โดยมีเป้าหมายอุบัติเหตุแอมโมเนียรั่วไหลต้องเป็นศูนย์

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากแอมโมเนียรั่วไหล มักเกิดความเสียหาย และอาจส่งผลกระทบถึงประชาชนโดยรอบโรงงาน กรอ. จึงได้ร่วมมือกับสมาคมเครื่องทำความเย็นไทย จัดงาน 'THAI AMMONIA REFRIGERATION 2022' เพื่อยกระดับด้านความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบทำความเย็นที่ใช้สารแอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น มุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง สามารถก้าวสู่การแข่งขันในเวทีโลก เสริมแกร่งด้วยความรู้ด้านกฎหมายและมาตรฐานการใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น เพื่อมุ่งลดอุบัติเหตุจากแอมโมเนียรั่วไหลเป็นศูนย์

‘กาดทุ่งเกวียน’ จ.ลำปาง กลับมาคึกคัก นักท่องเที่ยวแวะซื้อของฝากไม่ขาดสาย

กาดทุ่งเกวียน จ.ลําปาง กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังนักท่องเที่ยว - นักเดินทาง แวะซื้อของฝากแน่นทุกวัน ทำให้พ่อค้า-แม่ค้ายิ้มออก

สำหรับแชมป์ขายดียังคงเป็นแมลงหายากจําพวกรถด่วนทอด รถด่วนสดแช่แข็ง ไส้อั่ว แหนม แคบหมูและที่ยังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย

นอกจากนี้ ยังพบว่า ไข่จักจั่น ซึ่งถูกยกให้เป็นถังเช่าเมืองไทย ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาแพงลิ่วตกกิโลกรัมละ 3,500 บาท แต่ยังมีการสั่งซื้อทางออนไลน์ไม่ขาด แม้กระทั่งลูกค้าขาประจํา อดีตนักการเมืองคนดังของไทย ยังเป็นลูกค้าเก่าแก่ตั้งแต่เล่นการเมืองครั้งแรก กระทั่งปัจจุบันยังสั่งคนสนิทที่ลําปางส่งให้ถึงดูไบเช่นเคย

สำหรับกาดทุ่งเกวียน เป็นกาดเมืองต้นตําหรับ เกิดจากต้นกําเนิดขายสัตว์ป่าอันลือชื่อในอดีตของลําปาง ก่อนหน้านี้กาดซบเซาเงียบเหงามานานร่วม 3 ปี จนแผงค้ากว่า 500 แผงลดฮวบเหลือไม่ถึง 300 แผง 

ค้าขายออนไลน์ไทย ใหญ่อันดับ 2 อาเซียน คาดปี 2025 มูลค่าแตะ 1.15 ล้านล้านบาท

E-Commerce ไทย ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค คาดการณ์ ปี 2025 มูลค่าแตะ 1.15 ล้านล้านบาท 

Google, Temasek และ Bain & Company เปิดรายงาน e-Conomy SEA Report ประจำปี 2022 โดยคาดการณ์มูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Volume: GMV) ของเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้จะมีมูลค่าทะลุ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 3 ปี (ในตอนแรกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าทะลุ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025) 

ตอบคำถามอายุของรถ EV สั้นกว่ารถทั่วไปจริงหรือ?

ในยุคปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั่วโลก ตั้งแต่ในระดับของผู้คนทั่วไป แวดวงธุรกิจต่างๆ วงการวิชาการ ไปจนถึงระดับนโยบายภาครัฐ รวมถึงระหว่างประเทศด้วย นั่นเพราะการตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องพลังงานที่มีอยู่จำกัด หรือที่เรียกว่า Non-Renewable Energy ซึ่งก็คือพลังงานน้ำมัน ที่วันหนึ่งจะหมดไปนั้น ทำให้ผู้คนหลากหลายฝ่ายทั่วโลกพยายามที่จะคิดหาทางออกจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่จะมาถึงนี้

ความคิดในการผันตัวออกจากการพึ่งพาพลังงานน้ำมันไปสู่พลังงานที่สะอาดและยั่งยืนกว่า จึงนำไปสู่การพูดคุยถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้ทดแทนรถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งท้ายที่สุด การพูดคุยในเรื่องนี้ได้ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ จนทุกวันนี้เราสามารถเห็นรถ EV วิ่งอยู่บนท้องถนนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของผู้คนทั่วไปที่มีสถานะเป็นผู้บริโภค การเปลี่ยนมาใช้รถ EV นั้นถือว่ามีอุปสรรคอยู่พอสมควร นั่นเพราะความไม่แน่ใจในเรื่องความคุ้มค่าและอายุการใช้งาน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาพจำที่เห็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปนั้นมีอายุสั้น โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องแบตเตอรี่ ที่ในกรณีของรถยนต์ทั่วไปนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่ตลอด ๆ จึงอาจทำให้หลายคนมีความคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV นั้นจะมีอายุการใช้งานที่สั้น เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าปกติอื่น ๆ วันนี้ จึงอยากชวนมาเข้าใจถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้กัน

ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจว่ารถยนต์หรือยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้นถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาในช่วงไม่กี่สิบปีให้หลังนี้ ในขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้น เป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างยาวนานมากกว่าร้อยปี อีกทั้งยังมีการปรับปรุงพัฒนาขีดความสามารถต่างๆ ให้ดีขึ้นอยู่ตลอดๆ เรียกได้ว่าทุกวันนี้เครื่องยนต์สันดาปมีการพัฒนาจนเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ในขณะที่เทคโนโลยี EV นั้นยังคงอยู่ในช่วงแรกเริ่มเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการพัฒนาขีดความสามารถของ EV นั้นก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดๆ จนปัจจุบันนั้นมีการทดลอง ทดสอบ และตรวจสอบ จนสามารถผลิตและนำรถยนต์และยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ได้จริง และเพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับรถยนต์ทั่วไป ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปและน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น รถ EV จึงมีความจำเป็นที่จะพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ให้ทัดเทียมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของ EV 

สถาบันทดลองพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติ (National Renewable Energy Laboratory; NREL) ของกระทรวงพลังงาน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยและสรุปเป็นข้อเสนอแนะถึงผู้ผลิต EV ว่า “เพื่อแข่งขันกับรถยนต์ธรรมดา รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electric-Driven Vehicles; EDVs) และแบตเตอรี่ของ [รถนั้น] จะต้องมีสมรรถนะใช้งานได้ 10 ถึง 15 ปี ในสภาพอากาศและในวัฏจักรการใช้ที่แตกต่างออกไป” [1]

โดยอีกหนึ่งมาตรฐานที่ทางผู้ผลิต EV ต้องยึดถือ โดยเฉพาะผู้ผลิตสัญชาติอเมริกา นั่นก็คือ การรับประกันแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นผลมาจากกฎหมายของรัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ กำหนดให้แบตเตอรี่ของรถ EV จะต้องได้รับการรับประกันคุณภาพให้มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 8-10 ปี หรือเทียบเท่าระยะทาง 100,000-150,000 ไมล์ (ประมาณ 160,000-240,000 กิโลเมตร) [2] ซึ่งแม้ประเทศอื่นอาจจะไม่ได้มีการออกกฎหมายเช่นเดียวกันนี้ แต่ผลของกฎหมายนี้ก็จะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของผู้ผลิตอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

หากจะยกตัวอย่างผู้ผลิตที่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำเจ้าสำคัญของเทคโนโลยี EV นั่นก็คือ เทสลามอเตอร์ส (Tesla Motors) ซึ่งในปีค.ศ. 2019 อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าแบตเตอรี่ของรถ Tesla Model 3 นั้นสามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 300,000-500,000 ไมล์ (ประมาณ 482,000-804,000 กิโลเมตร) เลยทีเดียว [3] ซึ่งเมื่อคำนวณด้วยตัวเลขการใช้รถทั่วไปของชาวอเมริกันจากกระทรวงคมนาคมนั้นเท่ากับ 22-37 ปี [4] อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าตัวเลขที่ผู้ผลิตโฆษณาโดยมากแล้วจะต้องจะมีความเกินจริงอยู่ โดยตัวเลขจริงๆ นั้นจะอยู่ที่ 30-37 เปอร์เซ็นต์ [5] อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถ Tesla Model 3 จึงน่าจะอยู่ที่ราว 15-25 ปี

ตัวอย่างของเทสลานั้นถือเป็นกรณีที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ตามมาตรฐานของฝั่งผู้ผลิตที่ได้กล่าวไปนั้น เราอาจจะอุ่นใจได้ว่าโดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV นั้นจะมีอายุใช้งานอย่างต่ำคือ 10 ปีโดยประมาณ ซึ่งแน่นอนว่าในความเป็นจริงตัวเลขก็อาจจะมีความแตกต่างไปจากนี้ได้ จากปัจจัยต่างๆ ของผู้ใช้เอง โดย 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถ EV นั้นก็คือ ความร้อน พฤติกรรมการชาร์จ และพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งทั้งสามปัจจัยนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน อย่างความร้อนก็อาจเกิดจากการใช้งานที่หนักเกินไป หรือการชาร์จที่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อยครั้ง (deep discharges) หรือรวมทั้งการเลี้ยงให้เต็มอยู่ตลอดเวลาเกินไป (Overcharging) [6] อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้นั้นสามารถเรียนรู้ให้ไม่เกิดผลเสียได้หากผู้ใช้ทำความเข้าใจและปรับพฤติกรรมให้ถูกต้อง

INTERLINK ล่องสู่ใต้ พบปะคู่ค้า จัดปาร์ตี้ เลี้ยงขอบคุณ ณ แกรนด์ เมอร์เคียว เขาหลัก

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน “LINK Exclusive Thank You  VIP 2022” ขอบคุณคู่ค้าภาคใต้แห่งท้องทะเลอันดามัน ร่วมฉลองปาร์ตี้ พร้อมทานอาหารนานาชนิด และซีฟู้ดไม่อั้น ในบรรยากาศสุดพรีเมียม สบาย ๆ ริมทะเล มีเสียงเพลงขับกล่อม อบอวลด้วยความสุข งานนี้ได้เรียนเชิญลูกค้ากว่า 35 บริษัท พร้อมครอบครัวกว่า 150 ท่าน เพื่อขอบคุณที่สนับสนุนสินค้า เชื่อมั่นในคุณภาพของ LINK และ 19” German Rack สินค้าอันดับ 1 ของประไทย ด้วยดีเสมอมา

ตกผลึกภาษี หน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรต้องจ่าย ยกเว้นบางชนิด ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องแจม

เมื่อพูดถึง ‘ภาษี’ คนจำนวนหนึ่งอาจรู้สึกว่าเป็น ‘ภาระ’ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ภาษีนั้นคือ ‘หน้าที่’ ที่คนในสังคมทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบมาก-น้อยแตกต่างกันไป ซึ่งความแตกต่างตรงนี้เองที่ควรจะทำความเข้าใจว่า ใครและคนกลุ่มไหนในสังคมจะต้องเสียภาษีตัวไหน ประเภทไหน เพราะภาษีนั้นมีหลากหลายและไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องจ่ายทุกชนิด

โดยก่อนจะเข้าใจถึงภาษีประเภทต่างๆ เราอาจจะต้องไปทำความรู้จักกับหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีเสียก่อน โดยหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 4 หน่วยงาน คือ 1. กรมสรรพากร 2. กรมสรรพสามิต 3. กรมศุลกากร และ 4. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ สำนักงานเขต

เมื่อทำความรู้จักกับหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีแล้ว ก็จะทำให้เราพอจะเห็นภาพคร่าวๆ ถึงประเภทของภาษีชนิดต่างๆ ได้ โดยทั้ง 4 หน่วยงานนั้นจัดเก็บภาษีแตกต่างกันไป กล่าวคือ...

กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีอากรจากรายได้และการสร้างผลประโยชน์ต่างๆ ของประชากรในประเทศ โดยจะดำเนินการจัดเก็บภาษี 5 ประเภท คือ 1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax ; PIT) 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax; CIT) 3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax ; VAT) 4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax ; SBT) และ 5. อากรแสตมป์ (Stamp Duty ; SD)

โดยในกลุ่มภาษีอากรทั้ง 5 ประเภทนี้ เราจะเห็นมีเพียง 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปโดยตรง นั่นคือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจัดเก็บกับบุคคลที่ประกอบอาชีพและทำงานต่างๆ ที่มีรายได้ และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจัดเก็บกับการบริโภคสินค้าต่างๆ เมื่อมีการซื้อ-ขายปลีกและซื้อ-ขายส่ง

ในขณะที่ภาษีอากรชนิดอื่นๆ นั้นก็เป็นภาษีที่ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปไม่ได้มีหน้าที่จะต้องเสีย อย่างภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็จะต้องเป็นนิติบุคคล (เช่น ห้างหุ้นส่วน หรือ บริษัทจำกัด) ถึงจะมีหน้าที่เสียภาษีประเภทนี้ หรืออย่างกรณีของภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นก็ระบุเจาะจงลงไปอีกว่าเป็นธุรกิจต่อไปนี้เท่านั้นที่จะต้องเสียภาษีประเภทนี้ คือ การธนาคาร, การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ (Credit Foncier), การรับประกันชีวิต, การรับจำนำ, การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์, หรือ การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นการค้าหรือหากำไร หรืออากรแสตมป์นั้นก็เป็นการจัดเก็บต่อธุรกรรมเฉพาะกรณีไป โดยมี 28 ลักษณะ เช่น ตราสารเช่าที่กับโรงเรือน เช่าซื้อทรัพย์สิน จ้างทำของ กู้ยืมเงิน เป็นต้น

‘อลงกรณ์’ รวมพลคนปศุสัตว์ตั้งทีมพัฒนาโคขุน โคนม โคพื้นเมืองและวัวลานแบบครบวงจรสู่มาตรฐานใหม่พร้อมดึงโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ ศูนย์ AIC และคณะทำงานฮาลาลเสริมทัพ เพิ่มการแปรรูปและส่งออกเพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรอย่างยั่งยืนภายใต้ ‘5 ยุทธศาสตร์ เฉลิมชัย’

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมการพัฒนาโคขุน โคนม โคพื้นเมือง และวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทยครั้งที่ 1/2565 ว่าการจัดระดมพลคนปศุสัตว์กลุ่มโคโดยผนึกความร่วมมือทุกภาคส่วนมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการปศุสัตว์อย่างเป็นระบบครบวงจรและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนเป็นการพัฒนาอาชีพปศุสัตว์สู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแนวทาง ‘เพชรบุรีโมเดล’

นับเป็นก้าวใหม่ที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทาน หากมีการยกระดับการพัฒนาจะเพิ่มศักยภาพเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรมากขึ้นและเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ให้กับเพชรบุรี ซึ่งเลี้ยงและจำหน่ายโคกว่า140,000 - 150,000 ตัวต่อปี โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเป็นกลไกการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคขุน โคนม และโคพื้นเมืองมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ รวมทั้งวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทยถือเป็นฐานอาชีพสร้างรายได้สำคัญของเกษตรกร จึงมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อยอดยกระดับการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ พันธ์ุโค อาหารสัตว์ มาตรฐานฟาร์มการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) มาตรฐานฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) มาตรฐานฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) คอกกักมาตรฐานเอกชนสำหรับการนำเข้า การส่งออก และปลอดโรค FMD การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ การตลาดแบบออฟไลน์และออนไลน์ และการเจรจาการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น กรณีของวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคและพรีเมี่ยมบี๊ฟ (Premium Beef) สามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์จำหน่ายได้มากกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ เช่น สันนอก สเต็กแช่แข็ง ลิ้นแองกัสสไลด์แช่แข็ง เนื้อหมักกระเทียมพริกไทยเสียบไม้ เนื้อแดดเดียวท่าแร้ง เนื้อตุ๋นสมุนไพร ลูกชิ้นเนื้อ เป็นต้น ตลอดจนการส่งออกโคไปต่างประเทศสู่ตลาดมาเลเซีย เวียดนาม และจีนซึ่งจะได้เจรจากับประเทศลูกค้ารวมทั้งการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับซาอุดีอาระเบียและดูไบในโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่มีมติเห็นชอบสนับสนุนเมื่อเร็วๆนี้

สำหรับแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ โคขุน มุ่งการพัฒนาระบบมาตรฐานฟาร์ม โดยพัฒนากลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อโคขุน เข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์ม (GAP) ฟาร์มที่มีระบบป้องกันโรค (GFM) และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เป็นฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรและประชาชนที่สนใจ ส่งเสริมรูปแบบการเลี้ยงที่ทันสมัย ประหยัด ลดต้นทุนการผลิต และการขยายตลาด สนับสนุนและยกระดับฟาร์มให้มีรูปแบบการผลิตเนื้อโคขุนที่มีคุณภาพ เพื่อส่งตลาดทั่วไปและตลาดพรีเมี่ยม เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งเสริมให้มีตลาดกลางปศุสัตว์โค เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อขายให้เกษตรกร ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ส่งเสริมการแปรรูปเนื้อโค สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อของเพชรบุรี รวมทั้งสนับสนุนให้มีการเลี้ยงโคไทยวากิวโดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ศูนย์ AIC จังหวัดนครราชสีมาสนับสนุน ทั้งนี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีรายงานว่า ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกร 5,571 ราย โค 80,717 ตัว

ส่วนแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม มีการพัฒนาระบบมาตรฐานฟาร์ม พัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์ม GAP ฟาร์มปลอดโรค ส่งเสริมเกษตรกรโคนมรุ่นใหม่ เพื่อปรับปรุงรูปแบบ เทคนิคการเลี้ยงที่ทันสมัย เช่น การปรับปรุงพันธุ์ การขุนโคนมเพศผู้ ในด้านการส่งเสริมการตลาด มีการส่งเสริมการแปรรูป เพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์เช่น เนย โยเกิร์ต ชีสและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมของเกษตรกรและผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงเกษตร ส่งเสริมให้มีการเพิ่มแนวทางการเลี้ยงโคนมนอกจากผลิตน้ำนมโคแล้วจะมีการผลิตโคขุนจากโคนมด้วย ทั้งนี้จะให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศูนย์ความเป็นเลิศโคนมและเป็นศูนย์ AIC จังหวัดสระบุรีมาสนับสนุนด้วย ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกร 370 ราย โค 13,840 ตัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top