Monday, 5 June 2023
COLUMNIST

ชัดแล้ว…. ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ ยืนยัน ลง ส.ส.เขต ในนามประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ส่งลูกสาวคนเล็ก ‘น้องบีท’ ลงเขตช้างกลาง 

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า วันนี้มีข่าวประชุม ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ของพรรคประชาธิปัตย์  ที่พรรคให้ความเห็นชอบแล้ว 8 เขต จากทั้งหมด 9 เขต ซึ่งจะเปิดตัวเป็นทางการและดำเนินการตามพรป.พรรคการเมือง และ พรป.การเลือกตั้งต่อไป

นายชินวรณ์ โพสต์ ยืนยันว่า สำหรับผมยังลงเลือกตั้งในระบบเขต ซึ่งเป็นเขตเดิมที่มีอำเภอทุ่งใหญ่เป็นหลัก  ส่วนลูกสาวคนสุดท้อง น้องบีท นางสาวปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ พรรคเห็นชอบให้ลงเขตเลือกตั้งบ้านเกิดที่มีอำเภอช้างกลางเป็นหลัก เพื่อร่วมกันสืบสานอุดมการณ์ และสร้างคนรุ่นใหม่เป็นส.ส.ที่มีคุณภาพของพี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป 

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 8 ราย ประกอบด้วย ส.ส.ปัจจุบัน 4 ราย คือ 
-นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ 
-นายประกอบ รัตนพันธุ์ 
-นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล
-นายชัยชนะ เดชเดโช 

‘นริศ’ เต็งจ๋า คั่ว รมช.มหาดไทย ปรับครม.รอบใหม่ โควตาภาคใต้ ปชป.

ประชาธิปัตย์นัดถกวันนี้ปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรค แทน ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย กระทรวงมหาดไทย แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่อยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีก็ตาม เพราะเกรงว่าจะมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล และลามถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย

แต่ถึงตอนนี้ พลเอกประยุทธ์ ยื้อ ต่อไปไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมที่จะเสียเวลา เสียที่นั่งปล่อยให้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคว่างลงไปเปล่าๆ นานๆ หลังที่นิพนธ์ บูญญามณี ลาออกจากรมช.มหาดไทย (มท. 2) ตั้งแต่เมื่อ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการให้มีการปรับครม.เร็วที่สุด และหยิบยกขึ้นหารือกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ขัดข้อง

แค่จะปรับตำแหน่งเดียว ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีกระแสเคลื่อนไหว มีส.ส.ในพรรคบางส่วนที่ลุ้นอยากขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง มีการเคลื่อนไหวกันภายใน เพื่อสร้างกระแสว่าไหนๆ ก็ปรับครม.รอบสุดท้าย ควรปรับตำแหน่งอื่นด้วย ไม่ใช่อยู่กันยาวครบสี่ปี ไม่ให้คนอื่นเป็นบ้าง

มีกระแสข่าวว่า มี ส.ส.-แกนนำประชาธิปัตย์บางส่วน อยากให้พรรค มีการปรับอย่างน้อยอีก 2 ตำแหน่งคือ รัฐมนตรีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ของจุติ ไกรฤกษ์ และเก้าอี้ รมช.ศึกษาธิการ ของคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ด้วย

แต่กลุ่มของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ที่กุมอำนาจในประชาธิปัตย์อยู่ยืนกรานว่า ให้ปรับแค่ตำแหน่งเดียว คือเสนอชื่อคนไปเป็นรมช.มหาดไทย และต้องให้จบภายในวันนี้ เพื่อปิดเกมเร็ว สกัดความขัดแย้งภายในพรรค

โควตารัฐมนตรีช่วยมหาดไทย เป็นโควตาของภาคใต้ ภาคอื่นไม่เกี่ยวด้วย

โดยสิบโมงเช้า มีการประชุมส.ส.ภาคใต้ทั้งหมดของประชาธิปัตย์ เพื่อหารือและตกลงกันว่า จะเสนอชื่อใครบ้าง และคนที่มีชื่อ พร้อมจะเข้าชิง หรือไม่ ซึ่งก็จะมีชื่อ ‘นริศ ขำนุรักษ์’ ส.ส.5 สมัย จังหวัดพัทลุง กันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.5 สมัย จังหวัดพังงา และชินวรณ์ บุณยเกียรติ์ ส.ส.หลายสมัยของนครศรีธรรมราช อยู่ในข่ายพิจารณา

ระดับโลกยอมรับ ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรที่มีการยอมรับ ในการรักษาโควิด-19 ระดับโลก

ไม่ใช่แค่เพียงในไทยเท่านั้นที่มีการใช้ สารสกัด Andrographolide หรือในไทยเรารู้จักกันว่า สารสกัดฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง เพราะในฟากฝั่งยุโรปก็มีการนำ Andrographolide มาใช้ในการรักษาเช่นกันเพราะ 

มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงใน วารสารทางการแพทย์ Journal of Traditional and Complementary Medicine ในปี 2021 โดยกล่าวถึงยาสมุนไพรตัวหนึ่งที่มีชื่อการค้าว่า Kan Jang® สามารถใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและล่าสุดในปี 2022 มีการตีพิมพ์บทความลงในวารสาร Pharmaceuticals ว่า Kan Jang® สามารถรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงได้  

วันนี้ผมจึงอยากให้พวกเรามาทำความรู้จัก Kan Jang® กัน 

เอกชนสำคัญ!! รู้จัก ABAC ‘สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค’ กลไกสำคัญขับเคลื่อน APEC

หลังจากการกำหนดเป้าหมาย ‘โบกอร์’ (Bogor Goals) ในปี 1994 ที่สมาชิก APEC ต้องการเดินหน้าไปสู่การเปิดเสรีการค้าและการลงทุนในระหว่างสมาชิกทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ต่อมาในปี 1995 กับการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ณ ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำ APEC ก็ได้มีมติร่วมกันที่จะจัดตั้ง ‘สภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปก’ (APEC Business Advisory Council) หรือที่นิยมเรียกกันในชื่อย่อว่า ABAC (อ่านว่า เอ-แบค) เพื่อให้ภาคธุรกิจ, ภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน เข้ามามีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อเสนอแนะ ศึกษา ตลอดจนสร้างกลไกในการร่วมกันกำหนดนโยบายการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ

กลไกการทำงานของ ABAC ประกอบขึ้นจากตัวแทนของแต่ละเขตเศรษฐกิจจำนวน 3 ท่าน ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากผู้นำของแต่ละเขตเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้มีคณะที่ปรึกษาธุรกิจเอเปคจำนวนทั้งสิ้น 63 ท่าน

โดยในกรณีของประเทศไทย ตัวแทน 3 ท่านจะมาจาก หอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย 

ทั้งนี้ 63 ท่านจาก 21 เขตเศรษฐกิจ จะประชุมร่วมกันอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง พร้อมทั้งมีการจัดงาน APEC CEO Summit จำนวน 1 ครั้ง เพื่อร่วมหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองด้านธุรกิจและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อพัฒนาบทสรุปคำแนะนำประจำปีที่จะยื่นเสนอต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ในการประชุมสุดยอดผู้นำในแต่ละปี โดยในปี 2022 ‘คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล’ รับหน้าที่ประธานสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก เพื่อนำข้อเสนอไปหารือกับคณะผู้นำของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ 

จากการเตรียมงานอย่างทุ่มเทของภาคเอกชนไทยอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนปี 2022 ... ABAC ก็ได้มีการกำหนด theme ของการประชุมภาคเอกชนในปีนี้ไว้ว่า Embrace. Engage. Enable

- Embrace หมายถึงการกลับมาใกล้ชิดพร้อมหน้ากันอีกครั้งในการร่วมประชุม หลังจากที่ต้องไปประชุมทางไกลมาตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19
- Engage หมายถึง การลงมือทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง...
- เพื่อให้ Enable นั่นคือ สามารถผลักดันกลไก APEC ให้เดินหน้าไปได้อย่างแท้จริง

ตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา ภาคเอกชนทำงานอย่างหนักและต่อเนื่องร่วมกันกับทุกเขตเศรษฐกิจสมาชิก โดยแบ่งมิติการทำงานร่วมกันออกเป็น 5 คณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ 5 ด้าน เพื่อนำไปสู่ ‘การเร่งฟื้นตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และการกระตุ้นให้เกิดการพลิกฟื้นสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีความยืดหยุ่นในระยะยาว’ โดยทั้ง 5 คณะทำงาน และ 5 กลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมาย ได้แก่...

1.) Regional Economic Integration: เส้นทางสู่เขตการค้าเสรีของเอเชียแปซิฟิก (FTAAP) และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการค้าภาคบริการ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคเห็นว่า FTAAP ควรตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับโลกที่ค่อยๆ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นควรในการพัฒนาแผนงานนี้ต่อไปเพื่อให้วาระนี้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม  และในขณะเดียวกัน นวัตกรรมจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในภูมิภาคโดยเฉพาะในภาคบริการผ่านการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมนวัตกรรม โดยเฉพาะเกี่ยวกับบริการดิจิทัลที่สนับสนุนอีคอมเมิร์ซ, บริการทางโลจิสติกส์, บริการด้านสุขภาพ และบริการด้านสิ่งแวดล้อม

2.) Digital – การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์และดิจิทัล แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สอดคล้องและบูรณาการ นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และนับเป็นความสามารถในการปกป้องความก้าวหน้าและนวัตกรรมต่างๆ คณะทำงานจึงขอเรียกร้องให้เอเปคสร้างแพลตฟอร์มในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับภูมิภาค ที่จะประสานการดำเนินการและการลงทุนด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ร่วมกัน  

ตัวอย่างของคนสร้างป่า!! ‘สามี-ภรรยาชาวบราซิล’ เสกผืนป่าจากทุ่งทะเลทราย สรรค์สร้างธรรมชาติขึ้นใหม่บนพื้นที่กว่า ๓,๗๕๐ ไร่

ช่วงต้นทศวรรษ 2000 Sebastião Salgado ช่างภาพชื่อดังชาวบราซิล และ Lélia Wanick Salgado ภรรยาของเขาตัดสินใจพัฒนาระบบนิเวศในพื้นที่ทะเลทรายขนาด ๖๐๐ เฮกตาร์ขึ้น (ราว ๓,๗๕๐ ไร่) ขึ้นมาใหม่ใน Aimorés โดยพวกเขาได้ปลูกต้นกล้าพืชพรรณชนิดต่าง ๆ กว่า ๒ ล้านต้น โดยคนงานกับอาสาสมัครเป็นเวลา ๑๘ ปี แล้วพวกเขาก็ได้รับผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง! พวกเขาสามารถสร้างป่าใหม่ขึ้น และตอนนี้พื้นที่ป่านี้ มีพืช ๒๙๓ สายพันธุ์ นกอีก ๑๗๒ สายพันธุ์ และสัตว์ต่าง ๆ อีก ๓๓ สายพันธุ์ ซึ่งบางสายพันธุ์กำลังใกล้ที่จะสูญพันธุ์แล้ว

Sebastião Ribeiro Salgado Júnior เป็นช่างภาพสารคดีทางสังคมและช่างภาพชาวบราซิล เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 ในเมืองไอโมเรส รัฐมีนัสเชไรส์ ประเทศบราซิล หลังจากการเดินทางท่องเที่ยวในวัยเด็ก Salgado ได้รับการศึกษาเพื่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ โดยได้รับปริญญาตรีจาก UFES ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเซาเปาโลในบราซิล และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยปารีส

เขาเริ่มทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ขององค์การกาแฟนานาชาติ (หน่วยงานภายใต้สหประชาชาติ (UN)) ซึ่งจะต้องเดินทางไปทวีปแอฟริกาเพื่อปฏิบัติภารกิจ ในการเดินทางไปทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มถ่ายภาพอย่างจริงจัง ที่สุดแล้วในปี ค.ศ. 1973 เขาก็เลือกที่จะทิ้งอาชีพนักเศรษฐศาสตร์แล้วเปลี่ยนมาทำงานด้านการถ่ายภาพ  โดยเริ่มจากงานที่ได้รับมอบหมายด้านภาพสำหรับข่าวก่อนที่จะหันไปทำงานประเภทภาพสำหรับสารคดีมากขึ้น ในตอนแรก Salgado ทำงานร่วมกับบริษัทถ่ายภาพ Sygma และ Gamma ในปารีส แต่ในปี ค.ศ. 1979 เขาได้เข้าร่วมกับ Magnum Photos ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับนานาชาติของช่างภาพ แล้วเขาก็ลาออกจาก Magnum ในปี ค.ศ. 1994 เพื่อร่วมกับภรรยาของเขา Lélia Wanick Salgado ก่อตั้งบริษัท Amazonas Images ขึ้นในกรุงปารีส เพื่อเป็นบริษัทตัวแทนของเขา เขามีชื่อเสียงในด้านการถ่ายภาพสารคดีทางสังคม โดยเฉพาะภาพชีวิตของคนงานในประเทศกำลังพัฒนา

เขาได้เดินทางไปในกว่า ๑๒๐ ประเทศสำหรับโครงการถ่ายภาพของเขา สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และหนังสือหลายเล่ม นิทรรศการการท่องเที่ยวผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์นำเสนอไปทั่วโลก นอกจากนั้นแล้ว Salgado ได้รับรางวัล W. Eugene Smith Memorial Fund Grant ในปี ค.ศ. 1982 เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ชาวต่างประเทศของ American Academy of Arts and Sciences ในปี ค.ศ. 1992 และเหรียญ Centenary Medal and Honorary Fellowship ของ Royal Photographic Society (HonFRPS) ในปี ค.ศ. 1993 เขาเป็นสมาชิกของ Académie des Beaux-Arts ที่ Institut de France ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 2016

Salgado ทำงานในโครงการระยะยาวที่ตัวเขาริเริ่ม ซึ่งหลายโครงการได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสืออาทิ : The Other Americas, Sahel, Workers, Migrations และ Genesis เป็นหนังสือที่รวบรวมรูปภาพหลายร้อยรูปจากทั่วทุกมุมโลก ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ เหมืองทองคำในบราซิลที่เรียกว่า Serra Pelada เขายังเป็นทูตสันถวไมตรีของยูนิเซฟตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ด้วย 

ระหว่างปี ค.ศ. 2006 ถึง ค.ศ. 2011 Salgado ทำงานโดยมุ่งเป้าไปที่การนำเสนอภาพที่ปราศจากตำหนิของธรรมชาติและมนุษยชาติ ประกอบด้วยชุดภาพถ่ายทิวทัศน์และสัตว์ป่า ตลอดจนชุมชนมนุษย์ที่ยังคงดำเนินชีวิตตามประเพณีและวัฒนธรรมตามวิถีของบรรพบุรุษ งานนี้ถูกมองว่าเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพในการค้นพบตัวเองตามธรรมชาติของมนุษยชาติ

'บิ๊กตู่' เดอะแบก!! ไม่ปรับ ครม. เกรงใจพี่เห็นใจน้อง หวั่น!! รอยร้าวสะเทือน 'สุข-ทุกข์' ประชาชนยามนี้

มีอะไรซ่อนอยู่? หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันแล้วว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม.” ในวันแรกของการประชุม ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมานั่งหัวโต๊ะเหมือนเดิม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีลาป่วยกะทันหัน

ขณะที่ นายกฯ ชาย 'เดชอิศม์ ขาวทอง' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปีที่ผ่านมา และนำพาพรรคประชาธิปัตย์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา แทน 'ถาวร เสนเนียม' ซึ่งเป็นชัยชนะที่นายกฯ ชายสามารถคว้ามาให้ 'สุภาพร กำเนิดผล' หรือ คุณน้ำหอม ผู้เป็นภรรยานั้น ก็ได้กล่าวยืนยันในวงสัมมนาใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ถ้ามีการปรับ ครม.ก็จะไม่รับตำแหน่งบริหาร เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมืออะไร” 

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณว่ายังไม่ปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 6 เดือนจะไม่มีการปรับ ครม.เพียงแต่บอกว่าเวลานี้ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นปรับ ครม.เท่านั้นเอง เพราะเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อาจจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นก็ได้

สถานการณ์เปลี่ยนที่ว่า ก็เช่น พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย กดดันให้ปรับ ครม. หรือแม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็อาจจะกดดันให้แต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่สองตำแหน่ง หรือกดดันให้ปรับรัฐมนตรีที่ไม่เวิร์กออกไป เอาคนใหม่เข้ามาแทน 

แม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นแปรที่จะเดินไปถึงจุดที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ส่งผลให้การปรับ ครม.อาจจะเกิดขึ้นได้แม้จะมีช่วงเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินเพียงสั้น ๆ ก็ตาม 

ทว่า เรื่องของงานบริหาร การตัดสินใจ ไม่ควรจะขาดช่วงขาดตอน เพราะนั่นคือ 'สุข-ทุกข์' ของประชาชน

มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ หากมีการปรับ ครม.เมื่อนายกฯ ชายประกาศชัดว่าไม่รับตำแหน่ง ถ้าโควต้าของ 'นิพนธ์ บุญญามณี' เป็นโควต้าของภาคใต้ โอกาสก็จะเป็นของ 'นริศ ขำนุรักษ์' ส.ส.หลายสมัยของประชาธิปัตย์พัทลุง และในการเลือกครั้งปี 2562 เขาเพียงหนึ่งเดียวที่รักษาหน้าประชาธิปัตย์ไว้ได้ เพราะ 'นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ' ที่ว่าแน่ยังสอบตกเลย

โอกาสเป็นของ 'นริศ' ถ้า 'ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์' ผู้อาวุโสแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ลดตัวไปนับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ที่เคยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการมาก่อนแล้ว จึงไม่เสียหายอะไรถ้าจะเปิดทางให้คนใหม่ ๆ อย่าง 'นริศ' เข้ามาทำหน้าที่บริหาร แถมจะเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งของจังหวัดพัทลุงด้วยเสียอีก

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีการสะกิดให้ 'บุญลือ ประเสริฐโสภา' ส.ส.ราชบุรี ปัดแป้งแต่งหน้ารอไว้แล้ว เข้ามาแทน 'กนกวรรณ วิลาวัณย์' รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ที่เวลานี้ศาลสั่งพักงานอยู่ หลังโดนคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่

โดยสรุปที่นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับครม.ในเวลานี้อาจจะเกิดจากความลังเลใจในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมากกว่า ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นหรือไม่ กับสองตำแหน่งที่ว่างอยู่ คือ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และรัฐมนตรีช่วยแรงงานฯ แทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกปลดไปเมื่อครั้งแผนล้มประยุทธ์รั่ว 

ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีรัฐมนตรีบางคนเริ่มขาลอยกับการปฎิบัติหน้าที่ที่ไม่เข้าตากรรมการ ไม่เอาใจใส่ ส.ส.ในพรรค และรัฐมนตรีบางคนก็ไม่ยึดโยงกับพรรค เพราะเป็นโควต้ากลางของ พล.อ.ประยุทธ์ 

ไหนจะเรื่องการทวงถามจาก ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคไปรับปากกับกลุ่มปากน้ำไว้ว่าจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีให้ ถ้ามีการปรับ ครม. แต่สุดท้ายหายเงียบ จนเกิดปฏิกิริยา ไม่ยกมือสนับสนุน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ไหนจะยังมี ส.ส.สายใต้ 14+1 ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะทวงถามหาตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน ฉะนั้นระหว่าง 15 ที่นั่งของภาคใต้ กับ 7 ที่นั่งของปากน้ำ จะให้เก้าอี้รัฐมนตรีกับกลุ่มใด

ประธานส.ส.ภาค 8 พปชร.เชียร์ ตั้ง 'สายัณห์' เป็นรัฐมนตรี แต่เชื่อมั่น!! ส.ส.ใต้ทุกคนเป็นรัฐมนตรีได้หมด

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ประธาน ส.ส.ภาค 8 กล่าวถึงสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐในภาคใต้ว่า สถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่มีอะไรมาก แต่มีปัจจัยอยู่อย่างหนึ่ง คือการประกาศเขตเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้า กกต.ประกาศเขตเลือกตั้งออกมา และไม่เป็นไปตามที่เราคาดคิดกันไว้ ตัวผู้สมัครบางคนอาจจะโยกย้ายเขตตามฐานคะแนนของตัวเอง

“ต้องยอมรับว่าในภาคใต้กระแสลุงตู่ยังโอเคอยู่ ยังไปได้ ส่วนตัวผู้สมัครส่วนใหญ่ก็ลงตัวเกือบหมดแล้ว อีกไม่นานคงจะเปิดตัวจริงออกมา วันนี้ที่เราคิดคือใครจะมาเป็นหัวหอกดูแลภาคใต้ ซึ่งก็มีความสำคัญ”

เมื่อถามถึงแนวโน้มการปรับ ครม.นายนัทธี กล่าวยืนยันว่า 80% มีการปรับ ครม.แน่นอน แต่ถามว่าปรับครม.โดยยึดพื้นฐานอะไร

“ถ้าปรับ ครม.บนพื้นฐานว่า ลุงตู่อยู่ต่อก็ปรับแบบหนึ่ง แต่ถ้าลุงตู่ไม่อยู่ต่อก็ปรับอีกแบบหนึ่ง เพื่อให้สอดรับกับภาวะทางการเมือง”

นายนัทธี กล่าวอีกว่า ในส่วนของ ส.ส.ภาคใต้ 14 คน เป็นรัฐมนตรีได้ทุกคน อยู่ที่ว่าจะให้อยู่กระทรวงไหน ต้องเอาบุคคลที่เหมาะสมเข้าไปทำงาน

'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' สู้กันทุกเม็ดบนสนามกระบี่ จุดเริ่มเกมปั้นสถานะ 'พรรคใหญ่' ต้องได้เลือก ไม่ใช่ถูกเลือก

สนามเลือกตั้งฝั่งอันดามัน ดูจะกลายเป็นสนามเดือดในการช่วงชิง 14 ที่นั่งในสภา จาก 6 จังหวัด อันประกอบด้วย ระนอง 1 ภูเก็ต 2 พังงา 2 กระบี่ 3 ตรัง 4 และสตูล 2 ซึ่งจะเป็นการเชือดเฉือนกันของสองพรรคการเมืองหลัก คือ 'ประชาธิปัตย์' และ 'ภูมิใจไทย'

ทั้งสองพรรคประกาศยึดฝั่งอันดามัน จากเดิมที่มีประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ แบ่งกันอยู่แล้ว อย่าวกระบี่ ในการเลือกตั้งครั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทยมีอยู่แล้ว 1 คือ สฤษดิ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประชาธิปัตย์มีอยู่แล้ว 1 เช่นกัน คือสาคร เกี่ยวข้อง คราวที่แล้ว 'ตระกูลเกี่ยวข้อง' ตกลงกันได้แบ่งกันพรรคละเขต เลือกตั้งครั้งใหม่กระบี่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น จำนวน ส.ส.จึงเพิ่มเป็น 3 คน

แน่นอนว่าทั้งประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ต่างหมายมั่นปั้นมือรักษาของเก่า และเพิ่มของใหม่ โดยทั้งสองพรรคตั้งเป้ายึด 3 ที่นั่งของกระบี่ ซึ่งต่างเปิดตัวผู้สมัครกันไปหมดแล้ว เพื่อยืนยันความพร้อม

ย้อนไปเมื่อวันเสาร์ที่ (13 ส.ค. 2565) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และโกเกี๊ยะ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม่ทัพใต้ ได้ยกทีมไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ที่ลานพระอาทิตย์ อบจ.กระบี่

พรรคภูมิใจไทย ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้เรียบร้อยแล้วเขต 1 โกหนึ่ง-กิตติ กิตติธรกุล เลขานุการนายก อบจ.กระบี่ ถือเป็นตระกูลการเมืองใหญ่ของกระบี่ เขต 2 สจ.ม้อ-ถิรเดช ตั้งมั่นก่อกิจ อดีต ส.อบจ.กระบี่ เขต อ.อ่าวลึก และเขต 3 โกสุทธิ์-สฤษดิ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ 

พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ปล่อยให้ภูมิใจไทยเหยียบจมูกในฐานะเจ้าถิ่นเก่า โดยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรีฑาทัพหลวง ทั้งบัญญัติ บรรทัดฐาน, เฉลิมชัย ศรีอ่อน, นิพนธ์ บุญญามณี ไปจัดสัมมนาที่กระบี่ พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 'จุรินทร์' มั่นใจว่า จะกลับมายึดกระบี่คืนได้ทั้ง 3 เขต

3 คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะลงสู้ศึกครั้งหน้าชื่อเสียงเรียงนามไม่ธรรมดาเหมือนกัน เขต 1 โกเคี่ยง ธนวัช ภูเก้าล้วน ลูกชายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ มีฐานะจัดอยู่ในระดับเศรษฐีเขต 2 สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ และเขต 3 พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกสาวพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล นั่นเอง

แม่ทัพตัวจริงของภูมิใจไทย เมืองกระบี่คือ โกหงวน- สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ 7 สมัย สหายร่วมรบของ 'เนวิน ชิดชอบ' แห่งเมืองบุรีรัมย์

โค้งสุดท้ายของรัฐนาวา เปิด 4 ภารกิจยากที่ 'ประยุทธ์' ต้องตัดสินใจ จะเดินหน้า หรือพอแค่นี้ในวัยย่าง 68 ปี

หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ในตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อถึงปี 68 เดินทางกลับเข้าทำเนียบทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้

ภารกิจเริ่มต้นในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 เข้าทำเนียบให้บรรดาเอกอัครราชทูต, ทูตที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใหม่เข้าพบ วันอังคารก็จะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ และวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม ก็จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมจากฤทธิ์ของพายุโนรู ที่จังหวัดอุบลราชธานี

แต่หลังจากนี้ยังมีภารกิจที่ต้องตัดสินใจทันทีอีก 4 เรื่องที่รออยู่...

>> ภารกิจแรก คือ การตัดสินใจว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่หรือไม่ 4 ตำแหน่ง คือ 

1.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปสู้คดีในชั้นศาลกับ ป.ป.ช.ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายงบให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา สมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลา ด้วยเหตุผลว่า พบมีการฮั้วประมูล

2.) แทนตำแหน่งของกนกวรรณ วิลาวัลย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา หลังศาลประทับรับฟ้องคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย มีคดีตัวอย่างที่ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐโดนมาแล้ว ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

3.) ปรับแทนตำแหน่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์กลางสภา แต่แผนรั่วเสียก่อน จึงถูกเตะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี

4.) ปรับแทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม ร.อ.ธรรมนัส จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์เช่นกัน

โดยในกรณี ร.อ.ธรรมนัส และ ดร.นฤมล ถือเป็นเด็กในคาถาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากถูกปลดก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาแทน แต่ในสถานการณ์ใกล้เลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็ววัน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็จะหมดวาระลงพร้อมวาระของสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 

>> ภารกิจที่สอง คือ การเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมเอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่สำคัญคือจะแก้หน้าอย่างไรกับการที่ผู้นำโลกอย่าง 'โจ ไบเดน' ไม่มาร่วมประชุมด้วย แค่ขออยู่ร่วมงานแต่งงานของหลาน ที่สำคัญคือในฐานะเจ้าภาพต้องจัดงานให้เป็นที่ประทับใจ เกิดประโยชน์กับชาติประเทศ และประเทศไทยให้มากที่สุดด้วย

สิ่งที่ไทยได้ทันที กางผลลัพธ์ APEC 2022 ไม่ต้องรอถึงเดือน 11 เพราะผลสำเร็จต่อศก.ไทย เกิดขึ้นแล้วตลอดทั้งปี

สิ่งที่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดสำหรับหลายๆ คนเกี่ยวกับ APEC นั่นคือ ผู้คนต่างเข้าใจว่า การประชุม APEC หรือ การประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 นั้น คือผลลัพธ์ที่จะทำให้ไทยได้ประโยชน์

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การประชุม APEC และการประชุมที่เกี่ยวข้องของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ที่ครอบคลุมมูลค่าทางเศรษฐกิจในราว 2 ใน 3 ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก แท้จริงแล้วได้เกิดขึ้นมาตลอดทั้งปี และในประเทศไทยเอง ก็ได้มีการประชุมไปแล้วมากกว่า 14 คลัสเตอร์ 

ที่ต้องใช้คำว่า ‘คลัสเตอร์’ เนื่องจากใน 1 ช่วงเวลาที่มีการจัดการประชุมอาจจะมีการประชุมเกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้ง ครอบคลุมเนื้อหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ และการประชุมเองก็มีการจัดทั้งในรูปแบบการประชุมทางไกล ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีการประชุมแบบ On-site ที่เกิดขึ้นทั้งใน กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, ภูเก็ต และขอนแก่น 

โดยการประชุมคลัสเตอร์สำคัญๆ เฉพาะที่เป็นของภาครัฐ ในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส หรือ ในระดับตั้งแต่รองอธิบดี, อธิบดี, ปลัดกระทรวง ขึ้นไปจนถึงระดับรัฐมนตรี และช่วงเวลาที่เกิดขึ้น รวมทั้งสถานที่การจัดงานสามารถสรุปได้ดังนี้…

>> คลัสเตอร์ที่ 1 ตลอดปี 2020-2021 ในช่วงเวลาที่เชื้อโควิด-19 กำลังระบาด การประชุมทางไกล และการประชุมแบบพบหน้า (เท่าที่มีโอกาส) ของหน่วยงานสำคัญๆ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนในนาม สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ APEC หรือ APEC Business Advisory Council (ABAC) ร่วมกับ ภาคประชาชน เครือข่ายนักวิชาการ สื่อสารมวลชน และภาคส่วนต่างๆ ได้มีการจัดขึ้นตลอดทั้ง 2 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมและกำหนด Theme ของการประชุมที่ประเทศไทยจะได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในปี 2022

>> คลัสเตอร์ที่ 2 ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ การประชุม First Senior Officials’ Meeting (SOM1) and Related Meeting ซึ่งเป็นการประชุมหลายครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อม กำหนดวาระ และสารัตถะของการประชุม เมื่อประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพต่อจากประเทศนิวซีแลนด์ ก็ได้มีการประชุมในรูปแบบการประชุมทางไกล จำนวนหลายครั้ง

>> คลัสเตอร์ที่ 3 เมื่อ 16-17 มี.ค. การประชุมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางของเขตเศรษฐกิจ APEC หรือ Finance and Central Bank Deputies’ Meeting (FCBDM) ก็เกิดขึ้นในรูปแบบการประชุมทางไกล เพื่อลงลึกในรายละเอียดของความร่วมมือในการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมกันของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ

>> คลัสเตอร์ที่ 4 เมื่อ 9-19 พ.ค. เริ่มต้นการประชุมแบบพร้อมหน้าครั้งแรก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลาย ตลอดทั้ง 10 วันที่ได้มีการกำหนดตารางเวลาเอาไว้ ก็มีการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ Second Senior Officials’ Meeting (SOM2) and Related Meeting เพื่อเจรจาในการเดินหน้าสารัตถะสำคัญที่จะนำเสนอและรับการพิจารณาโดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้า และผู้นำ APEC ก็เกิดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร 

>> คลัสเตอร์ที่ 5 เมื่อ 21-22 พ.ค. กระทรวงพาณิชย์รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการต้อนรับ และประชุมคณะทำงาน จนถึงการประชุมสำคัญที่สุดอีกประชุมหนึ่งของ APEC นั่นคือ การประชุมรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการค้า หรือ Ministers Responsible for Trade (MRT) Meeting ของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top