Thursday, 27 June 2024
THE STATES TIMES TEAM

ททท.นำคณะสื่อมวลชนสำรวจวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำคณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ขึ้นรถแท็กซี่ชุมชน หรือรถซาเล้ง สำรวจแหล่งท่องเที่ยวและวิถีชีวิตชาวชุมชนทุ่งประดู่ ทั้งวิถีประมงและวิถีเกษตร เริ่มด้วยกิจกรรม “สปาทราย” หรือ “ห่มทราย” บริเวณหาดสน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนที่สืบทอดกันมาเพื่อเป็นการบำบัดความเครียด และยังขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย แถมทรายที่นี่ยังมีรุธาตุที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยดูดซับสารพิษ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการเหน็บชาและอัมพฤกษ์ได้ด้วย

จากนั้นก็ไปตามเส้นทางเลียบชายทะเล แวะชมสตรีทอาร์ตและสะพานไม้ชายเลทับสะแก ที่เป็นสะพานปลาเก่าแก่สร้างยื่นออกไปในทะเลและมีแห่งเดียวในทะเลอ่าวไทย  ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของอำเภอทับสะแก ต่อด้วยเยี่ยมชมสวนมะพร้าวลุงบูรณ์ ที่รวบรวมมะพร้าวทานสดไว้หลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะมะพร้าวนกคุ่ม ที่มีรสชาติน้ำหวาน หอม เนื้ออร่อย ผลเล็ก ต้นเตี้ย ออกลูกดก ทลายใหญ่  เมื่อทุกคนได้ชิม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมคำร่ำลือจริงๆ และได้ร่วมกันทำของที่ระลึกจากกะลามะพร้าวอีกด้วย


ภาพ/ข่าว : อโนทัย งานดี (พังงา)

ปปช.จัดอบรมเยาวชนเชิงวิชาการ โครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL)

วันที่ 23 มีนาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่หอประชุมอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี “ นายจรัส คงเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด เป็นประธานเปิดโครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL) โดยมี นายณรงค์ชัย ภักดีณรงค์ชัย ประธานชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดปราจีนบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน

โดยทางชมรม STRONG – จิตพอเพียง ต้านทุจริต จังหวัดปราจีนบุรี ได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปราจีนบุรี ดำเนินการจัดโครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัด ปราจีนบุรี กิจกรรม A3 สร้างเยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ACYL)

ในปัจจุบันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนทุกคนมองว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ไกลตัว และมีค่านิยมที่ผิดในการยอมทน ยอมเฉย จนกระทั่งชินชากับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งรัฐบาลและสำนักงาน ป.ป.ช. ได้พยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต น้อมนำหลักปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ทุกวันนี้เกิดกระแส การตื่นตัวของประชาชนต่อการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น ให้ความสนใจต่อข่าวสารและตระหนักถึงผลกระทบของการทุจริตคอร์รัปชัน ที่มีต่อประเทศมากขึ้น มีการแสดงออกซึ่งการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งในชีวิตประจำวัน และการแสดงออกผ่านสื่อสาธารณะและสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการป้องกันการทุจริตเชิงรุก ด้วยการสร้างเสริมให้เยาวชนมีจิตพอเพียงต้านทุจริตด้วยกรอบ STRONG จนกระทั่งพัฒนาเป็นวัฒนธรรมต้านทุจริต ปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว และผลประโยชน์ส่วนรวม รวมทั้งความอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพที่จะร่วมสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ทุกคน ผ่านกระบวนการกิจกรรมการต่อต้านการทุจริต และเกิดการป้องปรามการทุจริตในชุมชน เพื่อจับตามอง ดูแลพื้นที่ การประกอบกิจการหรือการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้การทุจริตเกิดได้ยากมากขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศให้มีความโปร่งใส ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ.2560 – 2564 วิสัยทัศน์ "ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต" รูปแบบการจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการอบรม เชิงปฏิบัติการ แก่เยาวชน Anti-corruption Young Leaders (ผู้นำเยาวชนต่อต้านการทุจริต) แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมการมีส่วนร่วมจำนวน 5 กลุ่ม ในการกำหนดข้อเสนอแนะที่เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริตในพื้นที่ อย่างน้อยกลุ่มละ 1 เรื่องกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย เยาวชน จากโรงเรียนประจันตราษฎรบำรุง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 - 6 จำนวน 100 คน และโค้ชกรรมการชมรมฯ สมาชิกชมรมฯ จำนวน 10 คน


กองบรรณาธิการข่าว รายงาน

ชาวบ้านงมหาหอยในคลอง ต้องตกใจพบ ‘ลูกระเบิด’ รีบแจ้งตำรวจ

ชาวบ้านออกงมหอยในคลอง งมขึ้นมาเป็นลูกระเบิดตกใจรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ศูนย์วิทยุเมืองนายกได้รับแจ้งเหตุมีชาวบ้านไปหางมหอยที่ลำคลอง แต่งมได้ลูกระเบิด บริเวณคลองบ้านขาม-วังไทรระหว่างหมู่ที่ 5 บ้านใหญ่เขตติดต่อกับหมูที่ 7 ตำบลเขาพระ  ตรงข้ามวัดบ้านข้าม

จึงรายงาน พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด (อีโอดี )ไปยังที่เกิดเหตุพบลูกระเบิดถูกนำจากคลองมาวางไว้ที่ป่าหญ้าริมทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นลูกระเบิด กปรส. ขนาด 75 มม. ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ที่มีประสิทธิภาพแรงระเบิดระยะประมาณ 20 เมตร มีสภาพเก่าแต่ยังมีประสิทธิภาพอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดอีโอดีจึงได้นำลูกระเบิดชนิดนี้เข้าไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัยเพื่อรอการทำลายร้างต่อไป

จากการบอกเล่าของนางสาวสำรอง อยู่สุข อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ได้มางมหอยในลำคลองหมู่ที่ 5 ตำบลบ้านใหญ่เขตติดต่อหมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ ได้มางมหอยแต่มาพบลูกระเบิดตกใจรีบนำขึ้นมาไว้ริมบ่อ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ (นครนายก)

สส.เดชอิศม์ ทำสงครามบ่อทรายเถื่อน ประกาศจับตามกฎหมาย ไม่ยอมให้มีเจ้าพ่อเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อม

ที่สำนักงานประสานงาน ผู้แทนราษฎรเขต 5 นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ”นายกชาย” ได้มีการประชุม ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น  และประชาชน ในพื้นที่ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาคลองภูมี ซึ่งเป็นลำคลองขนาดใหญ่ ที่คนใน อ.รัตภูมิ และ ควนเนียง ใช้ประโยชน์ในการเกษตร  โดยคลองภูมี มีความยาว 65 กิโลเมตร  ต้นน้ำอยู่ที่ ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ และไหลลงทะเลสาบสงขลาที่ อ.ควนเนียง โดยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา มีนายทุนดำเนินกิจการ ดูดทรายเถื่อนเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้กับคลองภูมี ทั้งในเรื่องของน้ำเสีย  ,ตะกอนดิน, ตลิ่งพัง และอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่และน้ำเสีย ตะกอนดินดังกล่าว ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ตื้นเขิน และน้ำเน่าเสีย

โดยนายเดชอิศม์ ได้มีการระดมความคิดเห็น จากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในที่ประชุมได้เสนอความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เพื่อที่จะทำให้กลับสู่สภาพเดิม โดยที่ไม่มีการทำลายด้วยการดูดทราย และการปล่อยน้ำเสียลงในลำคลอง และพัฒนาคลองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การสร้างประโยชน์ร่วมให้คนที่อาศัยริมคลอง เพื่อร่วมกันดูแลอย่าให้ลำคลองถูกทำลาย รวมทั้งการตัดถนนริมคันคลองเพื่อง่ายในการดูแลการถูกบุกรุกและดูดทรายเถื่อน คลองภูมี มี”ธรรมนูญ” ที่ประกาศใช้ เพื่ออนุรักษ์ และมีกรรมการคณะต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว และแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาคือ ต้องนำ”ธรรมนูญ” ดังกล่าวมาใช้ และ กรรมการทุกคณะต้องร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมี ท้องที่ ท้องถิ่น อบจ. และ สส.ให้การสนับสนุน

ซึ่งนายเดชอิศม์ฯ ได้ประกาศกับผู้อยู่ในห้องประชุมกว่า 100 คน ว่า จะดำเนินการตามกฎหมาย แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด สิ่งแวดล้อม และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เข้าไปตรวจสอบและจับกุม บ่อทรายเถื่อนทั้งหมด เพราะถ้าปล่อยไว้คลองภูมีต้องยับเยินกว่านี้  คนใน 2 อำเภอจะเดือดร้อนกว่านี้ “ผมไม่กลัวผู้มีอิทธิพล ที่ดูดทรายเถื่อน ผมไม่ยอมให้มีเจ้าพ่อเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อม เจ้าพ่อต้องไปอยู่โคนต้นไทรเท่านั้น ไม่ใช่มาทำลายธรรมชาติ ทลายสิ่งแวดล้อม และทำร้ายประชาชนในเขตเลือกตั้งของผม” นายกชายประกาศในห้องประชุม

ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  (หาดใหญ่ จ.สงขลา)

เจ้าคณะจังหวัดสั่งตรวจสอบพระสอนเสพกาม มอบเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลเข้าไปดูแล เผยคำสอนของหลวงตา ‘กรันยา’ ผิดเพี้ยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า หลวงตากรันยา ถาวรธัมโม อายุ 59 ปี ประธานที่พักสงฆ์ วัดป่าเนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ได้แสดงธรรมในคลิปเสียงที่หลวงตาได้เทศนาเกี่ยวกับการเสพเมถุนว่า คุณจะมาจากไหนก็ตาม แต่เมื่อคุณมาทำตามกามเมื่อไหร่จะเกิดอะไร เกิดมรรคผลขึ้นทันที อนุโมทนาสาธุการ มีการฝึกปฏิบัติแบบสะเทินน้ำสะเทินบกดับวิญญาณ และอยากให้ผู้นำทุกระดับของประเทศเข้ามาฝึกปฏิบัติ  เมื่อสำเร็จแล้วจะเป็นอริยะบุคคล เมื่อผู้นำเป็นอริยะบุคคลแล้ว จะทำให้ประเทศชาติร่มเย็นเป็นสุขบ้านเมืองไม่เกิดความแตกแยกอีกต่อไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.64  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ที่พักสงฆ์วัดป่าเนื้อนาบุญ  บ้านกอกหวาน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ พบว่า มีบรรดาลูกศิษย์ที่ศรัทธาพากันเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกศิษย์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และจากทั่วประเทศ  ต่างพากันสวมเสื้อสีรุ้งสีสันสดใสนั่งรับฟังการแสดงธรรมะจากหลวงตากรันยา ถาวรธัมโม ซึ่งบรรยากาศการแสดงธรรมเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทำให้ลูกศิษย์ตั้งใจรับฟังการแสดงธรรมเป็นอย่างมาก ขณะที่ลูกศิษย์ส่วนหนึ่งพากันลงไปดำน้ำในถังพลาสติคขนาดใหญ่ โดยดำน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเพื่อต้องการให้บรรลุธรรมตามคำสอนของหลวงตากรันยา ที่ได้ให้แนวทางการปฏิบัติเอาไว้

ทางด้าน พระวินัยเมธี  เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ.) กล่าวว่า จากการที่ได้รับทราบแนวทางการสอนของหลวงตากรันยา  ถาวรธัมโม แล้ว พบว่า ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงสอนเอาไว้ จึงได้สั่งตั้งเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลเข้าไปพูดคุยแล้ว  โดยทางฝ่ายสงฆ์ก็จะต้องเข้าไปดูว่า จะต้องวินิจฉัยด้านพระธรรมวินัยอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้เป็นกรอบในการทำงานต่อไปตามสั่งการ  ในด้านสังคมหลวงตากรันยาก็มีญาติพี่น้องอยู่ตรงนั้น ก็ให้เข้าไปพูดคุยเพื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการว่าผิดมากน้อยแค่ไหนและผิดกรอบทางวินัยสงฆ์หรือไม่  ในส่วนของตัวบุคคลนั้นท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากหลักการ แต่ว่าในหลักการแล้วก็จะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนตามกระบวนการ จะได้ไม่เป็นข้อเสียหายทางด้านนี้อีกต่อไป จะไม่ใช้ความรู้สึกใด ๆ เข้าไปในการดำเนินการจะต้องทำตามหลักการให้ครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์  จากนั้น จะได้พิมพ์หนังสือแจ้งให้หลวงตากรันยาทราบ เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย จึงจะเป็นการทำตามหลักการให้สมบูรณ์

ข่าว/ภาพ   บุญทัน  ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ

ม.สงขลานครินทร์ ร่วมกับ ปปท.เขต 9 เสริมสร้างธรรมาภิบาลต่อต้านการทุจริตในภาครัฐ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 9 (สำนักงาน ปปท.เขต 9) จัดโครงการเสริมสร้างธรรมาภิบาลต่อต้านการทุจริตในภาครัฐ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อเตรียมพร้อมการรองรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปี 2564 โดยมี ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นประธานเปิดงาน

นางประไพพรรณ รัตนะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 กล่าวรายงาน พันตำรวจเอกกษิดิศ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปท. เขต 9 เป็นวิทยากร ให้ความรู้เกี่ยวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment ) (ITA) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงการทุจริต และมีคณะผู้บริหาร และบุคลากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวน 100 คน เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 64

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อส่วนรวมของประเทศ ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการพัฒนาประเทศแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในทุกมิติ และส่งผลให้คะแนนระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ติดต่อกันหลายปี รัฐบาลจึงมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในระดับประเทศอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ

ตั้งแต่การพัฒนากลไก มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้มีความเข้มแข็ง กำหนดเครื่องมือ กลไก และเป้าหมาย แนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 ซึ่งมุ่งเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนในสังคมตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตตามบทบาทและหน้าที่ ตลอดจนมีการพัฒนาจิตสำนึกค่านิยมและจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่ในภาครัฐ

การอบรมในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จะได้ทราบถึงรูปแบบและวิธีการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปตามหลักธรรมมาภิบาล การพัฒนากระบวนงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม ตามหลักมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ตามหลักพื้นฐานการเป็นธรรมรัฐ (Good Governance) เพื่อพัฒนาก้าวไปสู่การปราศจากทุจริตคอรัปชั่น และการเสริมสร้างเครือข่ายภาครัฐทั้งในระดับองค์กรและตัวบุคคลให้เป็นกลไกเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการต่อต้านการุจริตทุกรูปบบ รวมถึงมีการประสานความร่วมมือและการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2551 ต่อไป

ด้าน นางประไพพรรณ รัตนะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้จัดขึ้นตามยุทธศาสตร์ชาติระยะเวลา 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับความสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐยุทธศาสตร์ชาติที่ว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 พ.ศ.2560-2564 เพื่อสร้างวัฒนธรรมการต่อต้านการทุจริต ยกระดับธรรมมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกภาคส่วน และปฎิรูปกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทั้งระบบให้มีมาตรฐานเท่าสากล โดยมีความสอดคล้องกับแผนปฎิบัติในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ สำนักงาน ป.ป.ท. ยุทธศาสตร์ที่ 2 ขับเคลื่อนการทำงานที่มีธรรมมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการที่มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการต่อต้านการทุจริต

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ สร้างค่านิยมและปลูกจิตสำนึกของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีการปฏิบัติงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อนำบริการของรัฐที่มีคุณภาพไปสู่ประชาชนผู้รับบริการ ทำให้การบริการราชการมีความถูกต้อง โปร่งใส เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน และบทบาทภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกที่สำคัญของฝ่ายบริหารที่มีภารกิจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตลอดจนการร่วมเป็นเครือข่ายภาครัฐในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในทุกรูปแบบ

เร่งตรวจสอบถ้ำโต๊ะหลวง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แหล่งโบราณสถาน พบภาพเขียนสีโบราณ หลังพบกลุ่มนักขับวิบากนำจยย.ซิ่งในถ้ำ

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 23 มี.ค.64   นายนายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและผู้นำท้องถิ่น  ได้ลงพื้นที่สำรวจถ้ำโต๊ะหลวง ม.2 บ้านนบ ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก  จ.กระบี่  หลังรับแจ้งว่า มีกลุ่มขับจักรยานยนต์มอเตอร์ครอส  ขับรถเข้ามาแข่งกันในถ้ำ ซึ่งเป็นโบราณ   และมีการแชร์ในสังคมออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมและเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

นายบัญชา  กล่าวว่า จากการตรวจสอบภายในถ้ำโต๊ะหลวง พบร่องรอยล้อรถจักรยายนต์มอเตอร์ครอสหรือรถวิบากจำนวนมาก ส่วนความเสียหายอื่น ๆ ยังอยุ่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง  ประสาน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และจนท.ป่าไม้  เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการตามขึ้นตอนของกฎหมาย และให้จนท.นำป้ายเข้าพื้นที่มาติดตั้งไว้บริเวณปากถ้ำห้ามเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อที่จะตรวจสอบร่องรอยความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบคลิปที่มีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์ พบว่ามีการขับมอเตอร์ครอสเข้าไปในถ้ำจำนวนประมาณ 10 คัน ขับรถจักรยายนต์ เข้าไปตามช่องแคบ ๆ ภายในโถงถ้ำโดยใช้เท้ายันตามเนินช่องทางเดินภายในถ้ำตลอดทาง และส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน และมีรายงานว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งร่วมในกลุ่มด้วย ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า กลุ่มขับรถวิบากดังกล่าว  เข้ามาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคมผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  โดยพยายามยามขับรถผ่านโถงถ้ำแต่ ติดกิ่งไม้ จากนั้นก็พากันขับออกไป

ขณะที่นายวินิต พึ่งหล้า รอง ประธานสภาอบต.คลองหิน  กล่าวว่า เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนฐานะประธานชมรมเปตองตำบลคลองหิน จัดกิจกรรมรวมกลุ่มนักกีฬาประมาณ 50 ทีม ที่หน้าโรงเรียนบ้านคลองหินและเห็นกลุ่มขับรถจยย.วิบากขับผ่านมา แต่ตนก็ไม่ทราบว่าจะขับเข้ามาในถ้ำโต๊ะหลวง  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกลุ่มมวิบากขับเข้ามาบ่อย ส่วนใหญ่ตามสันเขาในสวนยางสวนปาล์มในพื้นที่  แต่คราวนี้มีการขับเข้าในพื้นที่แหล่งโบราณสถาน และไม่มีการแจ้งอบต.ในพื้นที่แต่อย่างใด  ซึ่งอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และขอฝากให้ช่วยกันดูแล เพราะถ้ำโต๊ะหลวงนอกจากเป็นแหล่งโบราณสถานแล้วยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบลคลองหินด้วย

นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร กรรมการที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่  กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา  เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มที่เป็นนักขับรถวิบาก เป็นกลุ่มคนในพื้นที่ จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต มาจัดกิจกรรมขับรถเข้าไปในภายในถ้ำดังกล่าว ซึ่งถ้ำโต๊ะหลวง เป็นหนึ่งในโบราณสถานตามประกาศของกรมศิลปากร เรื่องรายชื่อโบราณสถานใน จ.กระบี่ ตามมาตรา 4 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 โดยถ้ำโต๊ะหลวง จัดอยู่ในลำดับที่ 35 ของโบราณสถาน ใน อ.อ่าวลึก  เป็นแหล่งค้นพบภาพเขียนสีโบราณ หรือเรียกอีกชื่อว่า เขาป่าหมาก ถูกประกาศไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2559 โดยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้น

นายนิวัฒน์กล่าวอีกว่า การที่นำรถจักรยานยนต์เข้าไปขับขี่ หรือทดสอบรถ   ถือเป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง   เพราะอาจจะสร้างความเสียหายแก่โบราณสถานได้ ควรจะมีจิตสำนึกให้มากว่านี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เป็นแหล่งโบราณคดี แต่การที่เอารถเข้าไปขับขี่ในถ้ำนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันมีพ.ร.บ.ถ้ำด้วย ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก....

ภาพ/ข่าว ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

พบอีก ไอซ์ ลอยทะเลตราด

ล่าสุด ( 22 มี.ค. 2564 ) เวลา ประมาณ 19.00 น.  นายสมศักดิ์  จุฑาวงศ์กุล  นายอำเภอเกาะกูด พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ อส อำเภอเกาะกูด ร่วมกับผู้กำกับ รองผู้กำกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะกูด กำนัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต.เกาะหมาก

เข้าตรวจยึดยาไอซ์ที่ลอยขึ้นมาติดที่ชายฝั่ง บ้านอ่าวโปง ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด เบื้องต้นตรวจสอบพบ ยาไอซ์จำนวนทั้งสิ้น 20 กิโลกรัม ทางฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการนำของกลางมาเก็บไว้ยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะกูด เพื่อดำเนินการต่อไป

สำหรับพื้นที่ จ.ตราด ก่อนหน้าที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ ยาไอซ์ ลอยทะเลตราด ลอยเข้าหลายจุดด้วยกันไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกาะช้าง และพื้นที่เขตอำเภอเมือง ในพื้นที่ ต.แหลมกลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาไอซ์ลอยทะเล ลอยเข้ามามากที่สุดของเขตอำเภอเมือง เมื่อช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา สำหรับยาไอซ์ลอยทะเล ล็อตนี้ยังไม่สามารถคาดเดาว่าเป็นยาไอซ์ล็อตเดียวกับเมื่อปี 63 ที่ลอยทะเลหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้กว่า 700 กิโลกรัม ในปี 63 ที่ผ่านมา

บิ๊กแจ๊ส หนุน มทร.ธัญบุรี จับมือ 23 โรงเรียนมัธยมจังหวัดปทุมธานี ยกระดับคุณภาพการศึกษา เพื่อมุ่งเน้นเรียนจบแล้วมีงานทำ

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 เวลา10:00 น. ที่ห้องประชุมสงค์ธนาพิทักษ์ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี

โดยมี นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายเฉลิมพงษ์ รังสิวัฒนศักดิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เขตอำเภอธัญบุรี ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และ ดร.นิยม  ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี เข้าร่วมลงนามความร่วมมือในวันนี้

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี ในวันนี้ เป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี ระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ดร.นิยม  ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพื่อร่วมมือกันจัดการศึกษา และพัฒนาผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีให้เกิดการเรียนรู้เต็มศักยภาพ มีความรู้ และทักษะด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพ

มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และร่วมมือกันพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่มาตรฐานวิชาชีพ เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา เครือข่ายการวิจัย และเครือข่ายพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคม และชุมชน นอกจากนี้ยังร่วมกันสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนและเข้าร่วมโครงการการเรียนรู้ระบบธนาคารหน่วยกิต ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งเป็นแนวความคิดด้านการศึกษารูปแบบใหม่ คือ “การจัดการศึกษาและการสะสมหน่วยกิตในระบบธนาคารหน่วยกิต” หรือ ระบบสะสมหน่วยการเรียนรู้ เป็นการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยกำหนดรูปแบบการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เรียน สามารถสะสมผลการเรียนรู้ในแต่ละวิชา แต่ละทักษะ องค์ความรู้ที่ต้องการและนำมาสะสมไว้เพื่อการศึกษาต่อในระดับต่าง ๆ ได้

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้คัดเลือกสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นสถานศึกษานำร่องในการดำเนินงานโครงการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระบบเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ (ธนาคารหน่วยกิต)

โดย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ทาง อบจ.ปทุมธานี พร้อมใช้งบประมาณของ อบจ.ปทุมธานี ในการดูแลโครงการนี้ โดยมี โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่สังกัดที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี เข้าร่วมโครงการนี้ 22 โรงเรียน บวกกับโรงเรียนสามโคก ที่สังกัดอยู่ใน อบจ.ปทุมธานี ซึ่งก็เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเหมือนกัน อีก 1 โรงเรียน รวมเป็น 23 โรงเรียน ซึ่งทุกโรงเรียนที่เข้าร่วมจะต้องร่วมโครงการนี้จะต้องเป็นเนื้อเดียวกันไม่แบ่งแยก

ด้าน พล.ต.ท.อดุลย์ รัตนภิรมย์ เปิดเผยว่า ทาง อบจ.ปทุมธานี มีแนวคิดที่จะให้โรงเรียนของโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดปทุมธานี มีจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกันตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ซึ่งหลังจากจบการศึกษาไปแล้วจะสามารถมีความรู้นำไปประกอบวิชาชีพได้ ซึ่งทาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการฝึกบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ รองรับกัน อีกทั้งทาง อบจ.ปทุมธานี จะดำเนินการประสานไปยัง บริษัท ห้างร้าน หรือ แม้กระทั่งโรงงานในนิคมอุตสาหากรรม เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ให้มีงานทำต่อไป

ส่วน ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี ได้รับเกียรติ เป็นอย่างมาก ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งทางมหาวิทยาลัย จะมุ่งเน้นยักระดับการศึกษาในจังหวัดปทุมธานี ให้ได้ ด้วยการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความเชี่ยวชาญด้านของทักษะ โดยใช้โจทย์จากชุมชนเป็นตัวตั้ง เพื่อให้ สถาบันการศึกษาสามารถก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคงควบคู่กับชุมชน

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

‘บิ๊กตู่’นำถกครม. ชวนคนไทยร่วมประกวดผ้าลายพระราชทาน “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ภายใต้พระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน เผยผู้ชนะ the best of the best จะได้นำผ้าไปตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ ใส่ในงาน OTOP Midyear 2021 เดื

วันที่ 23 มี.ค.ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเรียบเฉย และก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์ผ้าไทย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทาน “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ให้กับกลุ่มทอผ้าใน 76 จังหวัด 

พร้อมประชาสัมพันธ์ การใส่ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อีกด้วย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 รณรงค์การใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทย พร้อมทั้งสนับสนุน โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) 

โดยมีพล.อ.อนพุงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมชมนิทรรศการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชม ผลิตภัณฑ์ผ้าไทยที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยพระปรีชาสามารถในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอด ตามพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10 โดย พระราชทานแนวทางการวิจัยพัฒนา (R & D) ออกแบบลวดลายผ้าไทย สามารถใส่ได้ทุกโอกาส ทุกกิจกรรม ส่งเสริมศักยภาพผ้าไทยให้มีความทันสมัย 

ซึ่งนายกรัฐมนตรียังสั่งให้กรมการพัฒนาชุมชนขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานผ้าไทย เครื่องประดับ เครื่องใช้และสินค้าชุมชนอื่น ๆ  เพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ผลิต เพื่อจำหน่ายทั้งแบบออฟไลน์ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง อาทิ ตลาดเส้นไหม ที่ส่งเสริมการขายสินค้าของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อให้ครบห่วงโซ่การผลิต ยังเป็นการตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ด้วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีอยู่แล้ว  พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทยหรือผ้าที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าไทยด้วย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า  จากการที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน 3 ภาค ของประเทศไทย ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภาคเหนือ จังหวัดลำพูน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร โดยพี่น้องประชาชนได้นำผ้ามาจัดแสดง พระองค์ท่านทรงมีพระดำริในการให้คำแนะนำในเรื่องผ้า สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงอุทิศทุ่มเท ความเพียรพยายาม แนะนำติดตามงาน และที่สำคัญคือ ผ้าเป็นสิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตของพี่น้องประชาชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ครัวเรือน เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน 

“พระองค์ท่านมองเห็นถึงจุดอ่อนของวงการผ้าไทย คือ แบบผ้าเก่า ไม่มีความโดดเด่นตามยุคตามสมัย พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยะภาพช่วยฝ่าทางตันออกไปได้ ตามพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และได้ประทานลวดลาย “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ทรงได้แนะนำการประยุกต์พัฒนาลวดลายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการสร้างปรากฏการณ์แห่งอนาคตสำหรับการพัฒนาลวดลายและคุณภาพผ้าในยุคใหม่” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การประกวดลายผ้าพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ จึงเป็นการ kick off ในการส่งเสริม อนุรักษ์ รักษา สืบสาน และต่อยอด โดยการส่งเสริมศิลปินคนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นการทำงานทักทอผ้าต้องไม่ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ตามกติกาที่ได้วางไว้ สุนทรียศาสตร์ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาที่ส่งต่อบรรพบุรุษดำเนินต่อเนื่อง สิ่งที่คงอยู่กับโลกปัจจุบันในเรื่องแนวโน้ม ขับเคลื่อนรูปแบบความต้องการในยุคปัจจุบัน เพื่อต้องการยกระดับ คุณภาพลายผ้าไทย เส้นใย และสร้างศิลปินคนรุ่นใหม่ที่ทำงานเรื่องผ้าโดยไม่จำกัดอายุ  

อย่างไรก็ตามในการประกวดรอบสุดท้ายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม พระองค์ท่านจะทรงเสด็จเป็นองค์ประธานตัดสินในระดับประเทศด้วยพระองค์เอง ซึ่งจะมี รางวัล 15 ประเภทผ้า ตามเทคนิค เอกลักษณ์ของผ้าประจำถิ่นของจังหวัดนั้นๆ และรางวัลพิเศษ the best of the best นำผ้าที่ชนะเลิศไปตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ ใส่ไปงาน OTOP Midyear 2021 ในเดือนสิงหาคมนี้

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดผ้าลายพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ซึ่งเปิดรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ - เดือนเมษายน 2564 และประกวดในระดับภูมิภาคในห้วงเดือนพฤษภาคม 2564 และประกวดในระดับประเทศในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยสามารถติดต่อได้ที่กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทุกแห่ง และสามารถดูรายละเอียดการประกวด และข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลายพระราชทานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ได้ทางเว็บไซต์กรมการพัฒนาชุมชน www.cdd.go.th หรือทาง Facebook กรมการพัฒนาชุมชน Fanpage.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top