Sunday, 5 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ขอนแก่น - “มาดามแป้ง” เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ว.บัณฑิตเอเซีย

“มาดามแป้ง” นายหญิงสิงห์เจ้าท่า เข้าพิธีประสาทปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย โดยมีแข้งฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยเข้าร่วมยินดี

วันที่ 12 เมษายน 2564 ณ ห้องพิธีการ ขอนแก่นฮอลล์ “มาดามแป้ง” เข้ารับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ประจำปี 2564 โดยมี ศ.ดร.นพ. กระแส ชนะวงศ์ ประธานในพิธี, รศ.ดร. จินตนา บุญบงการ นายกสภาวิทยาลัยฯ, ผศ.ดร. กษม ชนะวงศ์ อธิการบดี พร้อมด้วยคณาจารย์ และบัณฑิต ร่วมเป็นเกียรติ ซึ่งการจัดนั้นอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีเหล่านักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และนักฟุตบอลหญิงสโมสรบีจี-บัณฑิตเอเซีย ทีมแชมป์ไทยวีเมนลีก ดิวิชั่น 1 เข้าร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ CEO บมจ. เมืองไทยประกันภัย และประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างสูงต่อแป้งและครอบครัวที่สถาบันที่สร้างคนคุณภาพให้แก่สังคม ได้กรุณามอบปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่แป้ง ซึ่งผลิตบุคลากรคุณภาพทั้งด้านวิชาการ และที่สำคัญยังได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก แน่นอนว่าแป้งจะไม่หยุดพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนางานต่าง ๆ ที่มีอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป”

ทั้งนี้ ‘มาดามแป้ง’ ถือเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีความโดดเด่นในงานบริหารธุรกิจ งานด้านกีฬา งานเพื่อสังคม รวมทั้งมีวิสัยทัศน์จนได้รับรางวัลสำคัญมากมาย อาทิ รางวัล 1 ใน 25 สุดยอดนักธุรกิจหญิงแห่งปี จากนิตยสาร Forbes Asia, รางวัลสตรีผู้ประกอบการดีเด่นแห่งอาเซียน, ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกได้ถึง 2 สมัย คือ ในปี 2015 และ 2019, ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟ.ซี. นอกจากนี้ ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การตั้ง ‘ครัวมาดาม’ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทั้งสองระลอก, กระทั่ง ล่าสุด การสานต่อภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือสังคมอย่างมุ่งมั่นทุ่มเท ด้วยก่อตั้ง “มูลนิธิมาดามแป้ง” ให้เป็นหน่วยงานกลางที่รวบรวมน้ำใจจากผู้คนในสังคม เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนสังคมไทยในมิติต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

ชลบุรี – บางเสร่ เปิดจุดตรวจบริการประชาชน เน้นย้ำประชาชนใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19

ที่ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชายหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี   นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดอำเภอสัตหีบ มาเป็นประธาน เปิดโครงการจุดตรวจบริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 โดยมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลตำบลบางเสร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมโครงการ

นาย เพ่ง บัวหอม ปฎิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่  กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน/การเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนในช่วงเทศกาล/และช่วงเวลาปกติของประชาชน/โดยส่วนใหญ่/เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงของมนุษย์ได้แก่ ความประมาท ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เมาสุรา และไม่ชำนาญเส้นทาง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ/และเสียชีวิต รวมทั้งทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถป้องกันมิให้เกิดได้  หากตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนตลอดเวลา เทศบาลตำบลบางเสร่ ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้จัดทำโครงการจุดตรวจบริการประชาชน/ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แนะนำเส้นทาง รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กวดขันวินัยจราจร ผู้ขับขี่ยานพาหนะและช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการจราจรภายในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อลดความสูญเสีย ของผู้ใช้เส้นทางสัญจรภายในอำเภอสัตหีบและเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการลดความสูญเสีย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และของจังหวัดชลบุรีต่อไป

นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร กล่าวว่า การจัดทำโครงการจุดตรวจบริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือว่ามีปะโยชน์แก่พี่น้องประชาชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่งและที่สำคัญในช่วงนี้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยกันทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ลดการไปอยู่ในที่แออัดและล้างมือบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี  /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สุโขทัย - รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด และยึดทรัพย์ผู้ค้า แก่ตำรวจในสังกัดภูธรภาค6

วันนี่ 12 เมย.64 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้ยุทธการ"พาลีปราบยา"สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค6, พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค6, นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, นายสุชาติ ทีคะสุข รองผจว.สุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย เขต1, นายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ.สุโขทัย, พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย,ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และภ.จว.สุโขทัย กำนันผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 220 นาย เข้าร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ารัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อตัดวงจรยาเสพติด ขณะนี้ได้ผลักดันร่างประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งหากแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการง่ายขึ้น นำไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง และเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดทุกระดับถูกดำเนินคดี และยึดทรัพย์สินที่มิชอบทั้งขบวนการมาเป็นของแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่และภาครัฐ มีความปลอดภัย และมีกำลังใจในหน้าที่มากขึ้น

การประชุมในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฎิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด  ซึ่งจะพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ 1.ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 90 ล้านบาท  2.ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 70 ล้านบาท 3.ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 50 ล้านบาท   ส่วน กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสติดไว้ 500 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา

แม่ฮ่องสอน - ติดเชื้อเพิ่มวันนี้ 5  รวมเป็น 13 ราย ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงยืนยัน ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยถือว่าเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย ให้พบแพทย์โดยด่วน เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนาม 120 เตียง

นายสิธิชัย  จินดาหลวง  ผวจ.แม่ฮ่องสอน แถลงยืนยัน ว่า ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้แจ้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่หรือรอบเมษายน 2564 จังหวัดแม่ฮ่องสอน  เริ่มพบผู้ป่วยรายแรก เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 11 เมษายน 2564 รวม 8 ราย นั้น  วันนี้ได้รับรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 5 ราย รวมเป็น 13 ราย ในพื้นที่ อ. แม่สะเรียง 6 ราย,  อ.สบเมย 4 ราย ,อ.เมือง 1 ราย , อ.ขุนยวม 1 ราย และ อ.ปางมะผ้า 1 ราย เป็นเพศชาย 8 ราย ( 61.5 %) เพศหญิง 5 ราย (38.5%) ผู้ป่วยทั้ง  13 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล  สำหรับที่พบรายใหม่ 5 ราย น้ัน 1 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด คือ เป็นคุณตาของผู้ป่วยรายแรก (อ.สบเมย) อีก 3 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายที่ 7 (อ.แม่สะเรียง) ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วย  อ.ปางมะผ้า ที่มีประวัติการไปเที่ยวสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร 

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ 3 ราย โรงพยาบาลแม่สะเรียง 6 ราย และโรงพยาบาลสบเมย 4 ราย ศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยโควิด – 19 ของโรงพยาบาลในจังหวัด สามารถรองรับได้ 66 ราย ยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้อีก 53 ราย อย่างไรก็ตาม ตามแผนเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของจังหวัด เมื่อพบผู้ป่วยโควิด – 19 ตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป จะต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น ซึ่งได้ประสานงานเรื่องการจัดเตรียมสถานที่ คือโรงยิมของสนามกีฬากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน    และเริ่มดำเนินการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ตามรายการที่กำหนด ตลอดจนจัดเตรียมบุคลากรที่จะปฏิบัติงาน ไว้พร้อมแล้วโดยในเบื้องต้นจะให้สามารถรองรับผู้ป่วย 40 ราย และขยายเพิ่มได้มากถึง 120 ราย

สำหรับศักยภาพของการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันนี้รถแลปพระราชทานที่มาประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง ตั้งแต่วันที่2 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ไ ด้ถูกเรียกกลับไปปฏิบัติงานที่จังหวัดเชียงใหม่ การนำส่งตัวอย่างตรวจจากอำเภอสายใต้ อาจมีความล่าช้ากว่า ที่ผ่านมา สำหรับห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์สามารถรองรับการตรวจได้วันละประมาณ 200 ราย โดยขณะนี้ยอดคงคลังของชุดตรวจ PCRCOVID-19 ยังคงเหลืออยู่ในคลัง 960 ชุด

ด้านการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพิ่มเติม รายที่1-8 มีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรวม 142 ราย เป็นผู้ สัมผัสเสี่ยงสูง 90 ราย เสี่ยงต่ำ 52 ราย มีผู้สัมผัสได้รับการตรวจทั้งหมด 84 ราย ผลพบเชื้อ 6 ราย สำหรับผู้สัมผัสผู้ป่วยที่พบรายใหม่ในวันนี้จำนวน 5 ราย ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาผู้สัมผัส เพิ่มเติม จึงขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยตาม Timeline หากพบว่า มีการพูดคุยใกลกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานกว่า 5 นาที หรืออยู่ในสถานที่ปิด มีเครื่องปรับอากาศ ร่วมกันนานกว่า 15 นาที ถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ให้รีบมารับการตรวจยังโรงพยาบาลในพื้นที่ และให้แยกกักตนเองเป็นเวลา14 วัน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา บัวงาม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

พังงา - ผู้ป่วยโควิดยังไม่เพิ่ม ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นลบทุกราย ยืนยันไม่มีการการกักตัวผู้เดินทางเข้าจังหวัด ยกเว้นผู้มีความเสี่ยงเฉพาะตัวเท่านั้น

วันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา   นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม  เพื่อประเมิน ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพังงา และติดตามผลการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกเมษายน 2564 ภายหลังพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 11 เมษายน

โดยพบในอำเภอเมืองพังงา 3 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพังงา และที่อำเภอท้ายเหมือง 1 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 4 ราย ไม่มีอาการรุนแรงแต่อย่างใด และเมื่อวานนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 45 ราย เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพังงา ผลการตรวจผลเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม ทั้งที่โรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ที่โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา และที่โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ในการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำนักงาน บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับกรณีมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามของแต่ละอำเภอให้พร้อมรองรับสถานการณ์ รวมทั้งให้ อสม. ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น เฝ้าระวังตรวจสอบผู้ที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัดในระยะนี้ด้วย ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดจำนวน 18 จังหวัด คือ กรุงเทพ  ชลบุรี เชียงใหม่ นราธิวาส สมุทรปราการ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต สุพรรณบุรี สระบุรี ระยอง อุดรธานี ขอนแก่น สงขลา จะต้องรายงานตัว ที่ รพ.สต.หรือเทศบาล พร้อมทำแบบประเมินความเสี่ยงและลงนามในเอกสาร หากมีความเสี่ยงว่า มีประวัติไปในผับ บาร์ คาราโอเกะหรือสถานบันเทิงที่มีผู้ติดเชื้อ  มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดจะต้องกักตัวเอง 14 วัน หรือตามเวลาที่อยู่ในพังงา หากไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องปฏิบัติตัว แบบ DMHTT สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ไม่ต้องรายงานตัว แต่ให้ ดูแลตัวเอง แบบ DMHTTA  

ในส่วนของการจัดงานประเพณีอนุรักษ์เต่าทะเล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 12-21 เมษายน 2564 ที่ บริเวณชายหาดท้ายเหมืองนั้น ยังคงจัดตามปกติภายใต้มาตรการ DMHTTA คือ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย/ผ้า หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และมีแอปพลิเคชั่นไทยชนะ/หมอชนะ โดยกำชับให้ผู้ไปร่วมงานทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย/ผ้า ตลอดเวลา หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายแพทย์พีรวิชญ์ ปิ่นพิทักษ์ อายุรแพทย์โรงพยาบาลพังงา เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วย 3 รายในโรงพยาบาลพังงานั้น อาการล่าสุดผู้ป่วยหญิงอายุ 40ปี มีไข้ต่ำ หายใจไม่เหนื่อย มีไอเล็กน้อย ปวดเมื่อยตามตัว ทานอาหารได้ตามปกติ แพทย์ให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่วานนี้ เตรียมเอกซเรย์ปอดซ้ำในวันพรุ่งนี้ ส่วนผู้ป่วยเด็ก2 ราย ไม่มีอาการไข้ วิ่งเล่นได้ตามปกติ เอกซเรย์ปอดมีอาการปกติ ขณะที่ผู้ป่วยอีก1รายในโรงพยาบาลตะกั่วป่า ได้ได้รับแจ้งว่าได้รับยาต้านไวรัส อาการไข้ลดลงแล้ว

ด้าน นพ.ประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่จังหวัดพังงา ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงาได้ร่วมกับทางพื้นที่ คัดแยกความเสี่ยง กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ โดยในพื้นที่ผู้ป่วยอำเภอท้ายเหมืองมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 29 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว 27 ราย คาดว่าผลจะเป็นลบ ส่วนอีก 2 ราย กำลังเดินทางมาตรวจที่โรงพยาบาลท้ายเหมือง ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยในอำเภอเมืองพังงานั้นได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกโรงเรียนเมืองพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง13 ราย อยู่ระหว่างการตรวจในวันนี้ กลุ่มที่ 2 โรงเรียนอนุบาลพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 35 รายตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ส่วนที่เหลือกำลังตรวจในวันนี้ กลุ่มที่3 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในละแวกบ้านผู้ป่วย13 ราย ตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ที่เหลือกำลังติดตามมาตรวจในวันนี้ และมีการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2รายเป็นลบ ในส่วนของกลุ่มเฝ้าระวังที่ไปเล่นกีฬาฟุตบอลกับผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต 25 รายนั้น ตรวจแล้ว 12 รายเป็นลบ และตรวจจากระบบเฝ้าระวัง3 รายผลเป็นลบเช่นกัน ในภาพรวมนั้นเราได้มีการวางแผนจะตรวจทุกกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมโรคได้


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

ประจวบคีรีขันธ์ - “หัวหิน” สร้างโรงพยาบาลสนามรับมือผู้ป่วยโควิด-19

วันที่ 12 เมษายน นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วจำนวน 141 รายยอดรวมถึงวันที่ 11 เมษายน เป็นเพศหญิง 90 ราย เพศชาย 50 ราย เป็นการระบาดจากการร่วมดื่มกินและชมคอนเสริ์ตโจอี้บอย ที่มายาผับหัวหิน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 64 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่มีอาการรุนแรง ไม่แสดงอาการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหัวหิน 114 ราย แบ่งที่โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน 1 ราย  โรงพยาบาลปราณบุรี 5 ราย โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ 2 ราย โรงพยาบาลสามร้อยยอด 3 ราย โรงพยาบาลกุยบุรี 2 ราย โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 10 ราย โรงพยาบาลบางสะพาน 4 ราย และพบว่ามีผู้ป่วยอายุน้อยที่สุด 2 ขวบ อายุมากสุด 82 ปี ซึ่งมีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อจากผู้ป่วยที่เดินทางไปเที่ยวมายาผับ ขณะที่ผู้ติดเชื้อทั้งหมดมีอายุเฉลี่ย 30 ปี นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยจากสถานบันเทิงมายาผับกระจายไปยัง จ.เพชรบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.ชุมพรและ จ.กระบี่

นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่าวันนี้พร้อมด้วย นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผช.สาธารณสุข อ.หัวหิน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อเทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ดูความเรียบร้อยและมาตรการการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลหัวหิน และสถานที่ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดหัวหิน ศูนย์การค้าต่าง ๆ บริเวณท่าเรือเฟอร์รี่หัวหิน-พัทยา ทุกที่มีมาตรการเรียบร้อยดีไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่หน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ การดูแลรักษาความสะอาด แต่จะมีปัญหาเรื่องคนมาท่องเที่ยวน้อยลงอาจจะเป็นเพราะว่าข่าวที่ออกไปว่าคนที่เข้าในจังหวัดประจวบฯ ต้องกักตัว 14 วัน และออกจาก จ.ประจวบฯ ต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งข่าวตรงนี้ก็ไม่ค่อยถูกต้อง ซึ่งเจ้าที่สาธารณสุขบอกว่าถ้ามาจากกรุงเทพฯที่เป็นพื้นที่เสี่ยงจะต้องกักตัว 14 วัน ไม่ใช่ทุกคนที่มาจะต้องกักตัว

สำหรับที่โรงพยาบาลหัวหินได้มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจให้กับหมอและพยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจหาเชื้อ ซึ่งมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก สืบเนื่องจากมีการติดเชื้อโควิด-19 ที่สถานบันเทิงในอำเภอหัวหิน ทำให้หลายคนเกิดความไม่สบายใจจึงเดินทางมาตรวจกันเป็นจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลหัวหินได้สร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นที่โรงพยาบาลหัวหิน 5 ต.ทับใต้ และในโรงเรียนพาณิชยการหัวหินซึ่งอยู่ติดกันเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ซึ่งก็ยังมีบางอย่างที่มีปัญหาเช่นเรื่องการส่งอาหารไปยังชั้นต่าง ๆ ของตึก จำนวนเจ้าหน้าที่มีน้อยกว่าจะเดินขึ้นแต่ละตึก ทางเราจะประสานงานกับเทศบาลเพื่อให้งานช่างมาดูการทำรอกส่งอาหารเพื่อความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ แล้วก็เรื่องของห้องน้ำอาจต้องสร้างห้องน้ำชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้อาบน้ำฆ่าเชื้อก่อนจะออกจากสถานที่จะได้ไม่นำเชื้อออกไปติดเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัว


ภาพ/ข่าว นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ - จ่อปรับ “มายาผับ หัวหิน” ต้นตอจัดคอนเสิร์ต แพร่เชื้อโควิด-19 ร่วม 100 คน

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าจากกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 87 ราย ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน และแพร่กระจายเชื้อโควิดอีกหลายอำเภอทั้งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยผู้ป่วยร้อยละ 90 เชื่อมโยงกับการระบาดกลุ่มใหญ่จากสถานบันเทิง “มายาผับ” ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ล่าสุดผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการพบประชาชนกลุ่มสี่ยงอีก 387 ราย ยืนยันว่ายังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นคาดว่าถึง 100 คน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการ แต่ปัญหาเกิดจากจากการสัมผัสผู้ใกล้ชิดที่เดินทางไปดื่มกินในงานคอนเสิร์ต “โจอี้บอย” เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 64

สำหรับมายาผับ ขณะนี้นิติกร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้รวบรวบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว และจากการพูดคุยยอมรับว่ามีข้อบกพร่องในการประกอบธุรกิจ ฐานฝ่าผืนข้อปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมโรคตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ 2558 จะมีการปรับในการกระทำความผิดครั้งแรก 6,000 บาท ซึ่งอาจะมองว่าค่าปรับเป็นเงินไม่มาก แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ตกเป็นจำเลยของสังคมที่ทำให้มีปัญหาโรคระบาดส่งผลกระทบหลายด้าน

ขณะที่นายนครินทร์ คีรีเพชร ทนายความชื่อดัง อ.หัวหิน กล่าวว่า กรณีมีผู้ประกอบการในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวหรือประชาชนในพื้นที่ อ.หัวหิน ที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโควิด-19 ภายหลังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยมีต้นตอจากผับหรือสถานบันเทิง หากควบรวมหลักฐานที่พบว่าหน่วยงานรัฐบกพร่องละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ สามารถไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่กำกับดูแล พ.ร.บ.สถานบริการ ปล่อยให้สถานบันเทิงเปิดเกินจากเวลาที่กำหนดก็ถือว่าเข้าข่ายมีความผิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่บังคับใช้ตามกฎหมาย และเจ้าพนักงานท้องถิ่นในเทศบาลเมืองหัวหิน ฐานะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในท้องที่ที่ไม่ยึดถือหรือปฏิบัติตามแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันโรคระบาดร้ายแรง


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นครสวรรค์ - ความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลหนองบัว ชาวบ้านสงสัย เงินบริจาค 48 ล้านบาท ได้แค่เสาเข็มผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาล

วันที่ 11 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  โรงพยาบาลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลหนองบัว หลังจากที่ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อม ดร. เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) และทีมงานป๋อง สุพรรณ การันตี นำเงินบริจาคกว่า 48 ล้านบาท มอบให้ทางโรงพยาบาลหนองบัวตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.63 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเดือน เม.ย.64 แต่ทำได้แค่เพียงลงเสาเข็มเท่านั้น ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้  หลังจากที่ได้มีการมอบเงินร่วมทำบุญจำนวน 48 ล้านบาทให้กับทางโรงพยาบาลหนองบัว จังหวัด นครสวรรค์ เพื่อจัดสร้างอาคารพยาบาลตามความตั้งใจของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม

โดยแบ่งเป็น2อาคาร ในการก่อสร้างแบ่งเป็นพื่นที่ด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลหนองบัว ในส่วนของด้านหน้าก่อสร้าง อาคารอุบติเหตุ ฉุกเฉิน (อาคาร ค.ส.ล. อาคาร 1ชั้น) เพื่อรองรับ อุบัติเหตุฉุกเฉินและเหตุเร่งด่วนต่าง ๆ และในส่วนของด้านหลังสร้างอาคารผู้ป่วยในมีเตียง รองรับทั้งหมด 60 เตียง(อาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น)  โดยมีผู้รับเหมารับผิดชอบการก่อสร้าง 2 รายด้วยกัน คือ 1.บริษัท ณัฐกานต์ โปรเจค1996 จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างอาคาร อุบติเหตุ ฉุกเฉิน วันที่เริ่มทำสัญญา คือวันที่ 8 ก.พ.64. และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 5 ธ.ค.64 ราคาก่อสร้าง 9,000,000 บาท (เก้าล้านถ้วนบาท)  และในพื้นที่ด้านหลังก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยใน 60 เตียง เริ่มทำสัญญาวันที่ 8 ก.พ.64 และสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ. 65  ราคาก่อสร้าง 19,720,000 บาท(สิบเก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี หจก.นำแสงพาณิชณ์ก่อสร้าง เป็นผู้รับผิดชอบ

นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ทีมงานได้มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 16 ต.ค. 63 แล้ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดต่อกับผู้รับเหมาดังกล่าวเพื่อทำการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยใน แต่การก่อสร้างค่อนข้างจะล่าช้ามาก ๆ และชาวบ้านที่ร่วมการบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการก่อสร้างดังกล่าว นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วนั้น ได้ความว่าตอนนี้เป็นการลงเสาเข็มและตรวจเช็คการรับน้ำหนักของเสาเข็มก่อนว่าจะเกิดการทรุดตัวของดินไหม หากไม่มีปัญหาอะไรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในวันที่ 28 เม.ย.64

ส่วนในเรื่องของตัวเงินนั้นตนไม่ขอพูดอะไร เพราะได้มอบให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบไปแล้ว รอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเองดีกว่า เนื่องจากตอนที่มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลได้มอบเป็นเงินสดให้ทั้งหมดและมีทีมงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานหลายคนและได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คด้วย หลังจากมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้วตนไม่ทราบว่าทางโรงพยาบาลหนองบัวได้นำเงินเข้าบัญชีหรือมีการจัดการยังไง ตอนนี้แค่รอทางโรงพยาบาลหนองบัวและผู้บริหารออกมาชี้แจงให้ตนและชาวบ้านได้หายสงสัย

ด้าน ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตนทราบเรื่องการก่อสร้างล่าช้าแล้วและกล่าวชี้แจงว่าเงินที่ได้มอบให้ทางโรงพยาบาลไป เป็นเงินบัญชีเพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน จำนวนเงิน 30,040,900 บาท(สามสิบล้านสี่หมื่นเก้าร้อยบาทถ้วน)  และบัญชีที่สอง เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวนเงิน 18,236,000 บาท(สิบแปดล้านสองแสนสามหมื่นหกพันบาทถ้วน) และบัญชีที่สาม กองทุนหลวงปู่พัฒน์จำนวนเงิน  389,000 บาท(สามแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) รวมทั้งหมด 48,665,900 บาท(สีสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ในนามของทีมงานสะพานบุญป๋องสุพรรณการันตี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนของหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วยแล้ว และมีชาวหนองบัว และผู้บริจาคได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน ซึ่งทางคุณป๋อง สุพรรณ เองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าจะเสร็จเมื่อไร จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบหรือผู้รับเหมาออกมาชี้แจงถึงความล่าช้าในการก่อสร้าง

เนื่องจากมีพี่น้องชาวนครสวรรค์ได้ส่งภาพการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาให้ดูว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งพี่น้องประชาชนยังสงสัยถึงจำนวนเงินที่บริจาคไปอยากให้มีการตรวจสอบได้ จึงอยากให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทางโรงพยาบาลหนองบัวออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความสบายใจของชาวหนองบัวและผู้ร่วมบริจาคในครั้งนี้

 

สุโขทัย - Sukhothai Crafts and Folk Art เรียนรู้ประวัติศาสตร์ "บ้านพระพิมพ์" มรดกการพิมพ์พระเครื่อง สืบทอดจากบรรพชนสู่คนรุ่นหลัง

ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นแหล่งเรียนรู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในเมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ผู้ก่อตั้งได้รวบรวมพระพิมพ์ ของเมืองสุโขทัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พระพิมพ์ที่ถูกค้นพบจากเมืองศรีสัชนาลัย และเมืองเก่าสุโขทัย พร้อมทั้งได้รวบรวมประวัติของวัด ผู้สร้างวัด รวมไปถึงชื่อของพิมพ์พระ ให้ถูกต้องตามความเป็นมา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองสุโขทัย รวมไปถึงเมืองที่มีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเดียวกัน เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมรดกของบรรพชนให้แก่เยาวชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไปที่มาเยือน และมาเรียนรู้ อยากรู้ อยากทราบความเป็นมาที่แน่ชัด

คุณกบ ณรงค์ชัย โตอินทร์ ผู้ก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ลงมือทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสุโขทัย เป็นนักเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้ามาอย่างลึกซึ้ง คุณกบสืบเชื้อสายตระกูลช่างแกะสลักไม้ทำพระพุทธรูป แต่เขามีความสนใจในเรื่องงานดินมากกว่า จึงเริ่มศึกษาการทำพระพิมพ์ดินเผาสุโขทัยจริงจังและเรียนรู้มามาอย่างมากกมาย ก่อนจะมาทำด้วยตนเอง เรียนผิด เรียนถูกมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็ก มีความสนใจมากในเรื่องโบราณ เรื่องความเชื่อ เรื่องทำพระพิมพ์

บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ นอกจากจะเป็นที่เรียนรู้ของนักท่องเที่ยว ที่จะได้เรียนรู้รูปแบบของพุทธศิลป์สุโขทัยในแบบต่าง ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้การ “พิมพ์พระ” และ “การเผา” เพื่อให้ได้พระพิมพ์จากดินเผาเนื้อแกร่งเป็นพระเครื่องสักองค์ ที่มาที่ไปแบบไหน ถึงจะมาได้ชื่อว่า พระเครื่องที่เราบูชา และเก็บสะสมเป็นที่นิยมกันมายาวนานของคนไทยนักสะสมพระเครื่อง และชาวต่างชาติ คุณณรงค์ และคุณญาณภัทร์ โตอินทร์ (พี่กบและพี่แก้ม) ทั้ง 2 ท่านซึ่งสามารถให้ความรู้ทั้งในด้านประวัติของพระพิมพ์เมืองสุโขทัยและในด้านเทคนิคของการพิมพ์พระ และการร่วมทำกิจกรรม “พิมพ์พระ” ไม่ใช่เพียงการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมของพื้นที่ผ่านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวจะได้มีส่วนร่วมในการ “สืบต่อพระพุทธศาสนา” สืบต่อไปนั้นเอง

ที่เรียกกันว่าพระพิมพ์ หรือพระเครื่องจากดินและผงจากแร่ธาตุ จากพืช คือการสร้างรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยการนำวัสดุ เช่น ดินเหนียว โลหะ ผงว่านมงคล แร่ธาตุต่าง ๆ คลุกเคล้าจนได้ที่ของส่วนผสม นำไปกดลงไปในพิมพ์ โดยแม่พิมพ์หรือตัวพิมพ์มักจะสร้างด้วยหิน โลหะ ดินเผา ไม้ หรือกระดูกสัตว์ พระพิมพ์ในเมืองสุโขทัยถูกสร้างขึ้นตามอิริยาบถต่าง ๆ ของพระพุทธองค์ คือ นั่ง นอน ยืน และเดิน หรือสร้างตามเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธประวัติ พระพิมพ์ถูกสร้างแพร่หลายในเมืองสุโขทัย โดยมีคติและความเชื่อที่ว่าเป็นการสั่งสมบุญบารมีให้กับผู้สร้าง และยังเป็นการสืบต่ออายุของพุทธศาสนา เพื่อให้คนเหล่านั้นสืบหาความหมายในพระธรรมของพระพุทธเจ้าจากพระพิมพ์ที่คนโบราณได้สร้างไว้ให้เรียนรู้แบบอย่าง และสืบทอดกันต่อ ๆ ไป


ภาพ/ข่าว  เสนิศชนันต์ สุขกสิกร

ขอนแก่น – เจ้าของร้านขายเสื้อลายดอก โอดลูกค้ามาซื้อน้อยลงจนใจหาย ขณะที่ชาวขอนแก่นส่วนใหญ่ เสียใจงดเล่นน้ำแต่ก็เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านแฟมิลี่บอย ตั้งอยู่ที่ตลาดบางลำพู เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางเข้ามาเลือกซื้อเสื้อลายดอกที่เป็นที่นิยมสำหรับการสวมใส่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยพบว่าบรรยากาศโดยทั่วไปค่อนข้างเงียบเหงา จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมาก ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของร้านขายเสื้อลายดอกต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สงกรานต์ปีก่อนว่าเงียบเหงาแล้วแต่สงกรานต์ปีนี้หนักกว่า ประชาชนมาจับจ่ายซื้อสินค้าน้อยจนน่าใจหาย โชคดีที่ตัดสินใจไม่สั่งเสื้อมาเพิ่ม เพราะยังเหลือเสื้อลายดอกที่ค้างสต๊อกจากสงกรานต์ปีที่แล้วจำนวนมาก ถึงขนาดนั้นก็ยังขายไม่ได้ แต่ก็ต้องเปิดขายแม้คนจะน้อยเพื่อขอทุนคืน ส่วนเสื้อแบบอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึงขายแทบไม่ได้เลย

ขณะที่ น.ส.ศกุลนภัทร พลสุวรรณ ชาว อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจเดินทางเข้ามาในตัวเมืองขอนแก่นเพื่อมาซื้อเสื้อลายดอกและเสื้อคอกระเช้าไปเป็นของขวัญให้ผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งทำแบบนี้ทุกปี ราคาก็ไม่ต่างจากปีก่อน ๆ โดยเสื้อคอกระเช้าราคาตัวละ 60 บาท ส่วนเสื้อลายดอกราคาอยู่ที่ 120 – 150 บาท และการที่ปีนี้รัฐบาลขอความร่วมมือให้งดเล่นน้ำ ตนเองและครอบครัวก็จะไปรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ โดยได้แบ่งวันกันมารดน้ำเพื่อไม่ให้มีการรวมตัวลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19ไปยังผู้สูงอายุ

เช่นเดียวกันกัย นางเพ็ญ รามมนตรี ชาวอำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม บอกว่า วันนี้เดินทางมาซื้อเสื้อลายดอกรวม 10 กว่าตัวเพื่อไปแจกญาติ ๆ และเพื่อนฝูงได้สวมใส่กันเหมือนเช่นทุก ๆ ปี ต่างกันตรงที่ทุกปีจะได้เล่นสาดน้ำ แต่ปีนี้ต้องงดเพราะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็รู้สึกเสียใจ เพราะเป็นประเพณีที่ทำกันมายาวนาน ในวันสงกรานต์ก็คงได้เพียงรดน้ำแบบเบา ๆ กับคนสนิท เพราะตัวเองก็ระมัดระวังตัวเช่นกัน และหวังว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะหมดไปจากบ้านเราโดยเร็ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top