Saturday, 25 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดทำใบขับขี่ใหม่ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ตามข้อสั่งการ รมว.คมนาคม ส่วนการต่ออายุ จองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก จึงจำเป็นต้องงดการอบรมด้านใบอนุญาตขับรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีกิจกรรมที่งดให้บริการดังนี้

1. งดการอบรมและทดสอบ ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับผู้ขอใหม่ ทั้งสำหรับกา รขอรับใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใหม่ทุกชนิด ยกเว้น กรณีการผ่านการอบรมและทดสอบของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้นำผลผ่านการอบรมมาดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง

2. งดการอบรม ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถทุกชนิด โดยให้เข้าอบรมผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com สามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาเป็นหลักฐานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้

3. งดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน (Shop Thru for Tax) และศูนย์บริการร่วม

ทั้งนี้ ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ผ่อนผันการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว ยังสามารถใช้แสดงตนได้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และในส่วนของผู้ที่จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งตรงกับช่วงที่กรมการขนส่งทางบกงดให้บริการ จะยังคงได้รับสิทธิในการเข้ารับบริการเมื่อมีประกาศเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และสำหรับผู้ที่ใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถสิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเยียวยารองรับ ดังนี้ ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 1 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบข้อเขียน กรณีสิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ หากเป็นใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถที่ไม่มีขั้นตอนการอบรมและทดสอบที่สำนักงานขนส่ง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในวันและเวลาราชการ เช่น การออกใบอนุญาตขับรถให้ผู้ที่มีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนสอนขับรถมาก่อนแล้ว การออกใบแทนกรณีใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย การเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 2 ปี เป็นส่วนบุคคล 5 ปี การต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลผ่านการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ทาง www.dlt-elearning.com โดยการต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลการอบรมออนไลน์ สามารถนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถ ประกอบด้วย การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์, รถยนต์สามล้อ, รถจักรยานยนต์) ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ หรือ แท็กซี่, รถยนต์สามล้อสาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง และการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์) ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผลการอบรมออนไลน์มีอายุ 6 เดือนนับแต่วันที่ผ่านการอบรม ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในด้านใบอนุญาตขับรถ หรือด้านทะเบียนและภาษี ควรงดเว้นการติดต่อที่สำนักงานขนส่ง หรือใช้บริการระบบออนไลน์ที่กรมการขนส่งทางบกมีไว้รองรับ

ในกรณีจำเป็นที่ต้องมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง ขอให้จองคิวดำเนินการล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น และขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดต่อแพร่กระจายของโรค

 

'ราเมศ'เผย ร่างแรกแก้รัฐธรรมนูญ ยันประชาชนต้องได้ประโยชน์ ไม่สนคนพูดให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย แนะให้กลับไปดูความตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ในส่วนของพรรคได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้วตั้งแต่ช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส.ส.ทั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวเพื่อป้องกันไว้ก่อน จึงเป็นเหตุให้ยังไม่ได้หารือร่วมกัน แต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการพูดคุยแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีทั้งหมด 6 ร่าง ซึ่งต้องมีการนำไปประกอบการพูดคุยเพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน คาดว่าทันเปิดสมัยประชุมสามัญหน้า

นายราเมศกล่าวต่อว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีการตั้งคำถามจากคนบางกลุ่มว่าแก้แล้วประชาชนได้อะไร ในส่วนนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะร่างแรกของพรรคเราคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง สิทธิของประชาชนที่ลดน้อยถอยลงก็จะแก้ให้กลับคืนมาเช่น มาตรา 29 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องดึงสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนกลับคืนมาเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสิทธิในการเข้าถึงด้วยความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจเอกสารอย่างเพียงพอ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการคุ้มครองและความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสมจากรัฐ เด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการย่อมมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมในคดีอาญาผู้ต้องหาจำเลยมีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ได้รับความช่วยเหลือในทางคดีจากทนายและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก สาระสำคัญต่างๆเหล่านี้ควรที่จะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศเพื่อเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานให้กับประชาชน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในมาตรา 43 สิทธิชุมชน เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนและชุมชนซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกป้องสิทธิของประชาชนฉะนั้นหลักการที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้กำหนดไว้ค่อนข้างชัดในการดูแลสิทธิชุมชน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย สวัสดิภาพ คุณภาพชีวิต การรับฟังความเห็น โครงการที่อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมมีองค์กรอิสระประกอบด้วยทุกภาคส่วน เพื่อดูแลจัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพเรื่องดังกล่าวนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญเช่นกัน มาตรา 46 สิทธิผู้บริโภค ทุกคนเป็นผู้บริโภคหมด แต่สิทธิในรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันลดน้อยลงไปในเรื่องการคุ้มครอง การดึงสิทธิในส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนกลับคืนมาก็เป็นเรื่องสำคัญ

 
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ในมาตรา 72 สิทธิในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้สำคัญที่สุดที่จะต้องเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับที่ดินเพื่อให้ประชาชนสามารถมีที่ดินทำกินได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต้องยอมรับความจริงว่าประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการถือครองที่ดินเนื่องจากยังไม่ได้มีการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกินอย่างเป็นระบบและเป็นธรรมการจัดสรรที่ดินภาครัฐจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในที่ดินทำกินตามความเป็นจริงด้วย การแก้ไขมาตราดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญกับพี่น้องประชาชน 

“อันนี้คือร่างแรกที่อยากนำเสนอว่า พรรคคิดถึงประโยชน์ของประชาชน การตั้งต้นคิดเช่นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ จะไม่ขอพูดถึงใครที่พยายามพูดให้พรรคเสียหาย ว่าพรรคไม่มีความจริงใจ ให้คนพูดกลับไปดูความตั้งใจที่ผ่านมาจะเป็นคำตอบ ส่วนในเรื่องร่วมรัฐบาลอย่านำมาโยงกับเรื่องนี้เพราะจุดหมายคือมุ่งผลสำเร็จในการแก้รัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ถ้าคิดเพื่อให้ทุกอย่างเดินไม่ได้คิดง่ายเกินไป ส่วนวันนี้เป็นอย่างไรใครทำอะไรจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน วันข้างหน้าคนเหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนอยู่แล้ว และในวันพรุ่งนี้(15 เม.ย.)ผมจะเปิดรายละเอียดร่างที่สอง เพื่อได้บอกกล่าวแลกเปลี่ยนความเห็นกันที่เกิดประโยชน์”นายราเมศ กล่าว

ตลกหมดมุก! ‘ณัฐชา’ ซัดกลับ ‘เเรมโบ้’ สมองกลวง หูอื้อ ปกป้องนาย ไม่สนใจข้อเท็จจริง ใช้มุกเดิม ๆ กล่าวหาฝั่งเห็นต่าง ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่คิดล้มสถาบัน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการบริหารงานของรัฐบาล รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล และระบุว่าฝียังรักษาหายได้แต่มะเร็งในสมอง ของคนที่ไม่รักสถาบันโดยเฉพาะแกนนำคณะก้าวหน้าและคนบางส่วนในพรรคก้าวไกล ที่มีความคิดก้าวล่วงสถาบัน ว่า การที่นายเสกสกล ออกมาปกป้องรัฐบาลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะตำแหน่งที่ถูกแต่งตั้งมาก็เพื่อคอยงับคนที่กล่าวถึงนายกรัฐมนตรี แต่การปกป้องโดยไม่ดูดาว ดูตะวันเช่นนี้ ช่างน่าเวทนา การปกป้องนายโดยการใส่ร้ายคนอื่นแทนที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงหรือมองสภาพการณ์ของรัฐบาลด้วยความเป็นจริงบ้าง น่าจะช่วยยกระดับการทำงานของนายเสกสกลได้บ้าง

และการกล่าวหาผู้อื่นว่าก้าวล่วงสถาบันซ้ำๆ เหมือนตลกไร้มุก กล่าวหาไม่จบสิ้น  ทั้งที่พรรคก้าวไกลเองก็มีการชี้แจงออกมาเป็น ร้อยครั้งพันครั้งว่า เราไม่มีความคิดจะก้าวล่วงหรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ดูเหมือนข่าวสารส่วนนี้จะไม่เข้าหูซึมสู่สมองนายเสกสกลเลย หรือ สมองกลวงไปแล้ว หูอื้อไม่สนใจข้อเท็จจริงใดๆ ทำแต้มปกป้องนายไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ

“ผมอยากสื่อสารไปยังนายเสกสกล ชื่อเดิมนายสุภรณ์ หรือแรมโบ้อีสาน​ยอดกตัญญู ว่า คุณก็อยู่แวดวงการเมืองมานานแม้จะไม่เคยไปถึงฝั่งฝัน แต่ก็น่าจะเข้าใจและเรียนรู้บ้างว่าปลายทางของการเป็นผู้แทนต้องมาจากการยอมรับจากประชาชน ไม่ใช่แค่ชื่อมงคล  และหากคิดจะสง่างามบนเส้นทางการเมืองนายเสกสกล ควรมีเหตุผล ข้อเท็จจริงในการปกป้องนายมากกว่านี้ หรือคิดจะเติบโตเยี่ยงสุนัขรับใช้ตลอดไปก็ตามสะดวก สุดท้ายไม่ต้องห่วงว่ามะเร็งร้ายในสมองของแกนนำคณะก้าวหน้าหรือคนในพรรคก้าวไกลว่าจะรักษาไม่หาย สิ่งที่ไม่มีทางรักษาหายและน่าเป็นห่วงที่สุดคือกมลสันดานของนายเสกสกลเองต่างหาก”

หนองคาย - “ตม.จว.หนองคาย ใช้รถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ(BMW) สกัดจับขณะขนต่างด้าว ขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 พร้อมชุดสืบสวนฯร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

ตม.จว.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมตัวนายถาวร อายุ 48 ปี สัญชาติไทย และ MR.MAI อายุ 33 ปี สัญชาติ เวียดนาม ในข้อหา “ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม” พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีก 9 คน ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะอิซูซุ และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 2 เครื่องเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่ง พงส.สภ.เวียงคุก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.หนองคาย สืบทราบว่า จะมีขบวนการขนคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจาก สปป.ลาว เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดน จ.หนองคาย เพื่อส่งไปยังพื้นที่จังหวัดชั้นในโดยใช้รถยนต์กระบะอิซูซุ ในการดำเนินการ จึงสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบจับกุมตามที่ได้สืบทราบมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ไปรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ซึ่งลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และจะพาไปส่งให้นายหน้าที่รออยู่ที่สถานีขนส่งอุดรธานี จึงนำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ(BMW) ออกตรวจสอบ จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะลักษณะตรงกับข้อมูลจากการสืบสวน โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าววิ่งมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขง ต.เมืองหมี อ.เมือง จ.หนองคาย มุ่งหน้าไปตามถนนสาธารณะ บ.นาพิพาน ม.4 ซึ่งเป็นเส้นทางรอง เข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเปิดไฟวับวาบพร้อมแสดงตัวให้สัญญานหยุดรถผู้ขับขี่รถยนต์กระบะจึงหยุดรถให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบนายถาวร อายุ 48 ปี เป็นผู้ขับขี่โดยมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม รวม 9 คนโดยสารมาด้วย เมื่อตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม 9 คน ไม่พบตราประทับการอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมรับว่าพวกตนหลบหนีเข้าเมืองจริง โดยติดต่อชายสัญชาติเวียดนามที่อยู่ สปป.ลาว เพื่อให้ส่งพวกตนเข้ามายังฝั่งไทยด้วยเรือเล็ก

โดย MR.MAI ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อนายถาวร ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ให้ไปรับที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อไปส่งยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่ 1 สอบถามนายถาวร รับว่า ตนได้รับการติดต่อว่าจ้างจาก MR.MAI โดยตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 3,000 บาท เพื่อให้พาไปส่งยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานีจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการขยายผลโดยให้นายถาวรฯ พาไปหา MR.MAI ซึ่งรอรับบุคคลต่างด้าวทั้ง 9 คน ที่บริเวณอาคารที่ตั้งบริษัทเชิดชัยทัวร์ เมื่อจอดรถ ขณะ MR.MAI กำลังเดินเข้ามาพบนายถาวรฯ เพื่อจะรับเอาคนต่างด้าวไปขึ้นรถประจำทาง และจ่ายเงินค่าจ้าง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

มุกดาหาร - “ตม.จว.มุกดาหาร ฟาดแก๊งขนแรงงานเถื่อน ลูบคม ตม.”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 ,พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 พร้อมชุดสืบสวนฯร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

ชุดสืบสวนปราบปราม ร่วมกับ สภ.คำชะอี ได้จับกุม นายยงยุทธ อายุ 23 ปี สัญชาติ ไทย พร้อมพวกรวม 2 คน ข้อหา “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือ ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม” และ นางดวงพะไท สัญชาติ ลาว พร้อมพวกรวม 16 คน ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง รถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางและควบคุมตัวผู้ถูกจับ ส่ง พงส.สภ.คำชะอี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวจนทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ทางช่องทางธรรมชาติ โดยมีรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ จะมารับคนต่างด้าวตามจุดนัดหมาย เพื่อมุงหน้าเข้ากรุงเทพฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันวางแผนและติดตามจนพบรถตู้คันดังกล่าว และสกัดจับรถตู้คนดังกล่าวได้ เมื่อเข้าตรวจสอบพบนายยงยุทธเป็นผู้ขับขี่ โดยมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติ ลาว โดยสารมาด้วย 16 คน นายยงยุทธรับว่าได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อให้ขับรถตู้จาก อ.นาแก จ.นครพนม มารับบุคคลต่างด้าว สัญชาติ ลาว ที่อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยผู้ว่าจ้างได้ทำการติดต่อแจ้งเส้นทางและขั้นตอนรวมถึงจุดรับและตกลงจ่ายค่าจ้างให้นายยงยุทธฯ เป็นเงิน 15,000 บาท เมื่อถึงจุดหมายที่ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผลการจับกุมสู่ตัวการผู้ว่าจ้างต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

​​​​​​​โควิดระบาดหนัก รพ.จุฬาลงกรณ์ ประกาศ งดรับผู้ป่วยนอก งดผ่าตัด ยกเว้นจำเป็นเร่งด่วน เสี่ยงแพร่เชื้อ ตั้งแต่วันที่ 16-30 เมษายน 2564

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ออกประกาศปรับการให้บริการผู้ป่วย จากสถานการณ์ไวรัสโควิดแพร่ระบาด ดังนี้

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19 ) ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการบริการในภาพรวมของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อภายในโรงพยาบาลฯ

ดังนั้น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จึงขอเรียนปรับงานบริการให้ทราบ และแจ้ง ดังนี้

งดบริการผู้ป่วยนอกทั้งคลินิกในเวลาราชการและคลินิกพิเศษ

นอกเวลาราชการ ยกเว้นรายที่จำเป็นเร่งด่วน ฉุกเฉิน

งดผ่าตัดและหัตถการที่ไม่จำเป็น ยกเว้นรายที่จำเป็น เร่งด่วน ฉุกเฉิน

โดยทางโรงพยาบาลฯจะติดต่อประสานงานเพื่อให้ผู้ป่วยทุกท่านได้รับการบริการที่เหมาะสม และขอให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน โปรดหลีกเลี่ยงการเดินทางมาโรงพยาบาลฯ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16-30 เมษายน 2564 และหากมีการเปลี่ยนแปลง ทางโรงพยาบาลฯ จะแจ้งข้อมูลให้ทราบเพิ่มเติมตามลำดับต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-256-4000

จันทบุรี - “ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.๓ และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓ พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

 1. ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)

 ด้วย ตม.จันทบุรี ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบขนคน และเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว โดยทราบว่าคนร้ายใช้รถยนต์กระบะโตโยต้าสีเทา ในการกระทำความผิดและมีเส้นทางผ่านพื้นที่ อ.เมืองจันทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าจะมีการลักลอบขนคนเข้ามา

ในพื้นที่ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ออกตรวจพื้นที่ ต่อมาได้พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา มีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามข้อมูลข่าวสาร จึงได้ทำการขับรถติดตาม ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวใช้ความเร็ว จึงได้ติดตามสกัดและเรียกตรวจสอบ ผลปรากฏว่าพบนายโสภณ อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ และมีคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอยู่ในรถคันดังกล่าวอีกจำนวน ๕ คน ตรวจสอบพบว่ามีหนังสือเดินทางถูกต้อง จากการสอบถามรับสารภาพว่า คนต่างด้าวทั้งหมดมาจากท่าเรือ ต.บางพระ อ.เมือง จว.ตราด โดยประสงค์จะเดินทางไปที่ ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี เพื่อหางานทำงาน ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายโสภณ ว่ากระทำความผิดฐาน “เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา) เข้ามาในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีโดยผิดกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการหรือไม่ดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเหตุให้โรคติดต่อแพร่ระบาดออกไป” พร้อมยึดรถยนต์ ไว้เป็นของกลางในคดี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะขาม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยในการนี้จะได้ขยายผลว่ากลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนคนงานหรือไม่เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

'ประชาธิปัตย์' หนุนเยาวชนเล่น E-Sports เตรียมส่งทีม 'ยุวประชาธิปัตย์' ร่วมแข่ง E-Sports ก่อนจัดเองแบบออนไลน์ยิ่งใหญ่ในพื้นที่ กทม. มุ่งขยายฐานเยาวชน

 นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าหลังจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการเปิดตัว QR Code “Democrat for All” เพื่อรับสมัครกลุ่มคนเลือดใหม่คนรุ่นใหม่แบบออนไลน์ มาร่วมขับเคลื่อนพรรคผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่สนใจสมัครมาร่วมงานกับพรรคเป็นจำนวนมาก พรรคจึงมีแผนงานที่จะขับเคลื่อนงานทางด้านกิจการเยาวชนคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่ โดยเน้นการสร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์ และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ นอกเหนือไปจากการจัดอบรมยุวประชาธิปัตย์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องแล้วคณะกรรมการกิจการเยาวชนของพรรคฯ ที่มี ดร.สรรเสริญ สมะลาภา เป็นประธานฯ ยังได้มีแผนงานเตรียมจัดการแข่งขัน E-Sports หรือกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Sport) เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประเภทบุคคลหรือทีมที่เกี่ยวกับการแข่งขันวีดีโอเกมส์ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่เยาวชนทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย มีการแข่งขนในระดับนานาชาติทั้งซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเกมมิ่งและอีสปอร์ตมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด การจัดให้มีการแข่งขันกีฬา E-Sports จึงถือเป็นการสนับสนุนกีฬา E-Sports ให้แก่เยาวชนอย่างสร้างสรรค์ไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม และใช้กีฬา E-Sports ให้เกิดประโยชน์ต่อการสร้างอาชีพและรายได้ ห่างไกลจากการพนันและอบายมุขต่าง ๆ รวมถึงสร้างทักษะในการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหา และเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นกลุ่มอีกด้วย โดยจะจัดการแข่งขันแบบ Online เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา(COVID-19) โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะมาจากพื้นที่การเลือกตั้งในกรุงเทพฯ จำนวน 30 เขต ซึ่งพื้นที่ 30 เขต จะเป็นผู้สนับสนุนและเข้าร่วมการแข่งขัน และจะแจ้งช่วงเวลาที่ชัดเจนอีกครั้งสำหรับผู้สนใจ 

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของพรรค เข้าร่วมการแข่งขัน E-Sports ที่จัดโดยองค์กรอื่นด้วย นายพนาสิน จึงสวนันทน์ คณะกรรมการกิจการเยาวชน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันกีฬา E-Sports ได้เชิญชวนให้กลุ่มยุวประชาธิปัตย์ร่วมแข่งขันเกมมือถือออนไลน์ชื่อ Arena of Valor (“AoV” หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “RoV”) ในเวที “SAT Valor City Tour 2021 ภาคเหนือ” ในนามพรรค ภายใต้ทีม “Young Democrat” ที่จัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ 19 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2564 พร้อมเตรียมเงินอัดฉีดในกรณีที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจรวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเยาวชนให้ใช้พลังอย่างสร้างสรรค์และไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้ให้ความสำคัญกับกิจการเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดพื้นที่และให้โอกาสในการมาร่วมขับเคลื่อนพรรคมาโดยตลอด ทั้งในรูปแบบการช่วยงานพรรค อาทิ ร่วมเป็นคลังสมองของพรรค การร่วมทีมเป็นคณะทำงาน คณะที่ปรึกษา คณะอนุกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร การเป็นอาสาสมัครช่วยงานพรรคในพื้นที่ การร่วมกิจกรรมยุวประชาธิปัตย์ หรือการร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่พรรคจัดขึ้น รวมไปถึงการพิจารณาให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครท้องถิ่นในอนาคต เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกเพศ ทุกวัยที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยและเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีโอกาสร่วมกันขับเคลื่อนพรรคไปด้วยกันได้อย่างแท้จริง” นางดรุณวรรณ กล่าว

เทศกาลสงกรานต์สี่วัน ดับแล้ว รวม 152 ราย บาดเจ็บ 1,494 คน สาเหตุหลักเมาแล้วขับเหมือนเดิม ด้านศปถ.ประสานทุกจังหวัดคุมเข้มดื่มแอลกอฮอล์ - ขับรถเร็ว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด” เกิดอุบัติเหตุ 376 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 29 ราย ผู้บาดเจ็บ 392 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 36.44 ขับรถเร็วร้อยละ 28.72 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.86 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ61.70 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 41.76 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 34.57 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 31.91 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 27.32

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,913 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 59,420 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 350,921 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 70,130 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 18,950 รายไม่สวมหมวกนิรภัย 17,530 รายโดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (16 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ กาฬสินธุ์ (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (17 คน)

นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (10 – 13 เม.ย.) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,465 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 152 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,494 คนจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 20 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (65 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น (8 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (69 คน)

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ในฐานะเลขานุการศูนย์ฯ  เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงสี่วันที่ผ่านมาพบว่าถนนสายรองและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง และพบว่ายังคงมีสาเหตุมาจากการดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว ศปถ.จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครประจำจุดตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของด่านชุมชนจุดตรวจ และจุดสกัด พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบนเส้นทางสายรอง เน้นการกวดขันและป้องปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงโดยเฉพาะการดื่มแล้วขับและขับรถเร็วในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ นอกจากนี้ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดทั้งด้านสถานที่ ช่วงเวลา และช่วงอายุของผู้ซื้อ ท้ายนี้ ขอฝากเตือนประชาชนดื่มไม่ขับไม่ขับรถเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ 2564เป็นไปด้วยความปลอดภัย ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลตนเองภายใต้มาตรการสาธารณสุข (DMHTT) เพื่อช่วยกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

‘เทพไท’ เรียกร้อง ผู้ติดเชื้อโควิด รับผิดชอบต่อสังคม จี้ รัฐเร่งดำเนินคดีเป็นตัวอย่าง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ Facebook live กรณีผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เดินทางกลับพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า กรณีดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก มีการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวในสังคมโซเชี่ยลถึงขั้นประณามถามหาความรับผิดชอบต่อสังคม และมีการเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของบุคคลอื่นอีกในโอกาสต่อไป

ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้หญิงคนหนึ่งที่สร้างผลกระทบต่อสังคมเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้คนไทยทุกคน ได้มีความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่าเหตุผลส่วนตัว การที่มีผู้ติดเชื้อคนหนึ่งได้รับการตรวจเชื้อในโรงพยาบาลที่กรุงเทพมหานคร แต่มีความต้องการที่จะกลับมารักษาอาการป่วยที่ภูมิลำเนาของตัวเองนั้น ก็ควรจะหาวิธีการ หรือแจ้งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโรค เพื่อจะได้หาแนวทางหรือวิธีการส่งตัวกลับภูมิลำเนาเดิมได้อย่างปลอดภัย จะได้ไม่มีผลกระทบต่อสังคม

จึงอยากจะให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนตน เพราะถ้าหากคนไทยทุกคน ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ก็จะขยายการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม ทำให้ประเทศชาติมีผู้ติดเชื้อมาก จนไม่สามารถจะรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้อย่างแน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top