Sunday, 5 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

'แรมโบ้' อัด เด็กหญิงหน่อย อย่าทำหูหนวก ตาบอด ตีกินทางการเมือง หลังซัดหนัก บิ๊กตู่ แก้โควิด-19 เย้ย อ่อนพรรษา ให้กลับไปติวมาใหม่

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน คณะทำงานด้านนโยบายและแผน พรรคไทยสร้างไทย ข้องใจเงินกู้ 40,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลกู้มารับมือโควิด-19 หายไปไหน นำไปใช้อะไรบ้าง ปล่อยปะละเลยให้เกิดการระบาดในรอบ 3 ว่า การกู้เงินนั้นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่าเพื่อนำมาใช้ในแผนงานหรือโครงการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนายเทพฤทธิ์ได้เห็นแล้วว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้ว มีมาตรการอะไรออกมาบ้าง เพื่อช่วยประชาชน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย จนเป็นที่พึงพอใจของประาชนว่ารัฐเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลดีกว่าหลายประเทศที่กำลังประสพปัญหายิ่งกว่าประเทศไทย

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าความไม่พร้อมของการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ที่ยังไม่เปิดให้คนไทยเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่ายและฟรีนั้น ตนเองยืนยันยันว่าตามโรงพยาบาลรวมถึงในต่างจังหวัด ได้มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกมาโดยตลอด และตรวจฟรีสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันที่มีตัวเลขสูงนั้นก็มาจากการตรวจเชิงรุกทั้งนั้น  

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้นนายกฯได้ย้ำอยู่ตลอดว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ และนายกฯได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกัน อย.ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของจอนห์สันแอนด์จอห์สันแล้ว เป็นวัคซีนรายที่สามและวัคซีนที่มีคุณภาพที่อย.จะอนุญาตตามมาอีกหลายชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนครบทุกคนอย่างแน่นอน
  
นายเสกสกล กล่าวว่า การที่นายเทพฤทธิ์บอกว่าโควิดรอบนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยนั้น นายเสกสกลมองว่า หากนายเทพฤทธิ์ไม่ชอบนายกฯ หรือรัฐบาล ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้เพราะนอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ทำงานมาอย่างหนักไม่ได้หยุดเลยในการช่วยเหลือประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า นายเทพฤทธิ์ อาจจะไม่เห็นการทำงานของนายกฯ รัฐบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ในขณะที่ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนร่วมมือร่วมใจกันให้สถานการณ์ ระบาดคลี่คลายลง ไม่ใช่จ้องแต่จะใช้วาทะตีกินทางการเมืองไม่คำนึงผลเสียหายหรือเป็นบ่อนทำลายจิตใจคนปฎิบัติหน้าที่ ที่ทุ่มเททำงานหนัก

นายเสกสกล กล่าวว่า พร้อมกันนี้ก็ขอให้มองในส่วนดีของนายกฯและรัฐบาลบ้าง ซึ่งการระบาดที่ผ่านมานายกฯทำได้ดี อย่าทำเป็นหูหนวก ตาบอด อย่าคอยแต่จะจ้องโจมตี ทำลายความน่าเชื่อถือนายกฯ และรัฐบาล ในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤติ  ซึ่งหากยังทำเช่นนี้ในทางกลับกันนายเทพฤทธิ์ กับพรรคไทยสร้างไทย จะหมดความน่าเชื่อถือเอง ขอเตือนเป็นพรรคการเมืองใหม่ควรเอาเวลาไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนจะดีกว่า ประชาชนจะได้ไว้วางใจให้มี ส.ส.ในสภาฯในการเลือกตั้งสมัยหน้าแต่ถ้ามีพฤติกรรมเช่นนี้ สมัยหน้าอาจจะไม่มีส.ส..เข้าสภาแม้แต่คนเดียว
 
"เพิ่งตั้งพรรคใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์อนุญาตให้ออกมาพูดหรือยัง ก่อนจะพูดช่วยเปิดหูเปิดตาศึกษาข้อมูลให้กระจ่างว่ารัฐบาลนำงบประมาณไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้ประชาชนอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะอ้าปากใส่ความรัฐบาลให้เสียหาย อย่าคิดแค่สร้างกระแสตีกินให้พรรคใหม่มีชื่อในหน้าสื่อ พรรษายังอ่อนหัดทางการเมือง ไหนบอกพรรคเป็นความหวังใหม่ของคนไทย จะไปหวังอะไรได้ นี่ไม่น่าใช้ชื่อ พรรคไทยสร้างไทยหรอก เพราะไม่ช่วยคิดสร้างไทยเลยมีแต่จะทำลายไทย จึงขอเปลี่ยนชื่อไว้รอการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงอีกปีเศษๆ ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า"พรรคไทยทำลายไทย" จะดีกว่าไหม ถ้าคนในพรรคมีสมองมีความคิดได้เพียงแค่นี้ พรรคคงไปไม่รอดเป็นแน่ ฝากคุณหญิงสุดารัตน์ เอาตัวนายเทพฤทธิ์ไปติวไปอบรมความคิดใหม่ๆที่สร้างสรรค์กว่านี้ด้วย ก่อนที่อนาคตพรรคจะตกต่ำไปยิ่งกว่านี้ ผมเตือนมาด้วยความหวังดี และห่วงใย" นายเสกสกลกล่าว

‘รองโฆษกพรรคกล้า’ แนะรัฐบาล รวมแอปโควิด-สายด่วนเบอร์เดียว ลดความสับสน - ซ้ำซ้อน สะดวกต่อการใช้งาน ย้ำในสถานการณ์วิกฤต ข้อมูลต้องแม่นยำ

นางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงแอปพลิเคชันหลายตัว เช่น ไทยชนะ หมอชนะ ใกล้มือหมอ หมอพร้อม ไทยเซฟไทย และสายด่วนองค์กรต่างๆ ที่รัฐใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่รัฐใช้เทคโนโลยีและการจัดการข้อมูล เข้ามามีส่วนในการจัดการโรคระบาด แต่มองว่าการให้บริการทางข้อมูลต่อประชาชนในยามวิกฤตจะต้องกระชับ ชัดเจน และเข้าถึงง่าย มีข้อมูลที่ถูกต้อง ใช้ประโยชน์ได้จริง

นางสาวภรณี กล่าวว่า ตนเองเจอประสบการณ์ตรง ได้ไปใช้บริการธนาคารที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง และไปศูนย์การค้านั้นอีกครั้งในวันถัดมา จึงได้รับข้อมูลว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดมาใช้บริการที่ธนาคารเดียวกัน แต่กลับไม่ทราบช่วงเวลา โดยธนาคารปิดสาขาเพื่อทำความสะอาด จึงเกิดคำถามว่าเมื่อเช็คอิน "ไทยชนะ" ในการเข้าออกสถานที่แล้ว ทำไมจึงไม่ได้รับแจ้งข่าวสารที่จำเป็น ทำให้ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงของการรับเชื้อ และหลักปฏิบัติตนที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังมีคนใกล้ชิด หาข้อมูลเพื่อเข้าตรวจเชื้อโควิดผ่านแอป "หมอพร้อม" โดยให้ข้อมูลว่ามีโรงพยาบาลรอบตัวเป็นจำนวนมากให้เข้าตรวจได้ แต่พอจะไปตรวจจริงๆ กลับไม่พร้อมให้บริการ

รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า อยากเสนอภาครัฐหรือผู้ที่รับผิดชอบแอปพลิเคชันต่าง ๆ เหล่านี้ว่า ควรจะมีข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง และเป็นลักษณะ Real Time เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยากเสนอให้มีการรวมแอปพลิเคชัน ไว้ด้วยกันเพียงแอปเดียว และทำฟังชั่นการใช้งานให้ครอบคลุม รวมถึงสายด่วนต่างๆ ซึ่งมีอยู่หลายเบอร์ อยากให้รวมศูนย์เหลือเพียง 1 เบอร์ เพื่อป้องกันความสับสน สะดวกต่อการจดจำ และง่ายต่อการประสานงานให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์การปฏิรูประบบ E-Government ของรัฐบาล ในการนำประเทศไทยสู่ยุค 4.0 และ 5.0 ต่อไป

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานปรับปรุงประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยกระดับการให้บริการภาครัฐในระบบดิจิทัล พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ยกเลิกประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ฉบับวันที่ 15 ธันวาคม 2560 โดยปรับปรุงและออกประกาศฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งการปรับปรุงประกาศในครั้งนี้เพื่อยกระดับการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐให้อยู่ในระบบดิจิทัล ประชาชนได้รับความสะดวกในการรับบริการและสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐได้

โดยมีสาระสำคัญได้แก่ ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยลงทะเบียนขอรหัสผู้ใช้และรหัสผ่านทางเว็บไซต์ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (eservice.labour.go.th) เมื่อได้รับรหัสดังกล่าวแล้วสามารถยื่นคำร้องตามขั้นตอนในระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทั้งนี้ขอให้เก็บรักษารหัสผู้ใช้และรหัสผ่านไว้เป็นความลับ เนื่องจากเป็นข้อมูลในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ระบบ และถือเป็นหลักฐานในการแสดงการลงลายมือชื่อของผู้ใช้ระบบในการติดต่อกับพนักงานตรวจแรงงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้ระบบถือเป็นหลักฐานการยื่นคำร้องเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยผู้ใช้ระบบสามารถติดตามผล ส่งเอกสารเพิ่มเติม หรือยกเลิกคำร้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ได้ ในส่วนของบรรดาคำร้องที่ได้ยื่นตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานตรวจแรงงานก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการต่อไปจนกว่าคำร้องที่ยื่นไว้จะถึงที่สุด

‘บิทคอยน์’ ยังแรงต่อเนื่อง ล่าสุดราคาพุ่งทำนิวไฮแตะ 63,800 ดอลลาร์ ขานรับเอกชน สนใจอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล และยอมรับบิทคอยน์มากขึ้น

บิทคอยน์ ทะยานขึ้นทำนิวไฮในวันนี้ (14 เม.ย.64)  ก่อนที่ Coinbase Global Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ในวันนี้ ซึ่งถือครั้งแรกที่บริษัทในธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการของนักลงทุนสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล

โดยเมื่อเวลา 10.50 น. ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะที่ 63,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังทำสถิติราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (All-time high )

นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่บริษัทขนาดใหญ่ เช่น เทสลา, มาสเตอร์การ์ด, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ให้การยอมรับในบิทคอยน์มากขึ้น

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายซูเปอร์คาร์ ลัมโบร์กินี ในประเทศไทย ได้เปิดรับการชำระเงินซื้อรถยนต์ด้วยบิทคอยน์ และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ อีกด้วย

‘ตรีนุช เทียนทอง’ สั่งปลัดกระทรวงศึกษาฯ ออกประกาศด่วน! ขยาย Work from Home -หน่วยงานในสังกัดงดจัดกิจกรรมทุกชนิดถึง 30 เม.ย.64 เข้มรับสมัครนักเรียนปีการศึกษา 2564 ยับยั้งการแพร่ระบาด โควิด – 19

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ในปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) และมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแพร่ระบาดกระจายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย และขอความร่วมมืองดการจัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น นั้น ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ตนได้สั่งการให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรับปรุงประกาศ ศธ.เรื่อง การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยการปรับลดเวลาและวันทำงานของบุคลากรในสังกัด ศธ. ใหม่ โดยให้บุคลากรและหน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ต่อเนื่องจากประกาศฉบับเดิม ตั้งแต่วันที่ 9 ถึงวันที่ 23 เมษายน ขยายเป็นถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 และจัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำงานไม่เกินร้อยละ 10 หรือ ให้ Work from Home จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของบุคลากรทั้งหมด พร้อมทั้งให้ออกแนวทางปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้การทำงานพัฒนาการศึกษาของชาติสะดุด

“มาตรการที่ได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น งดการจัดประชุม อบรม สัมมนา ของข้าราชการ นักเรียน และนักศึกษาในสังกัด ศธ. ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 ถ้าจำเป็นให้ใช้รูปแบบออนไลน์ งดจัดกิจกรรมใดๆ ที่มีการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษา ในช่วงปิดภาคเรียนนี้ ส่วนการดำเนินการรับสมัครนักเรียน นักศึกษา เข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา ทั้งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รวมถึงการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และ อื่นๆ ทราบว่าแต่ละสังกัด ก็มีการเปิดรับสมัครแบบออนไลน์แล้ว แต่ถ้ามีการรับสมัครในพื้นที่ด้วย หรือ จำเป็นต้องมีการสอบ การสัมภาษณ์ จะต้องดำเนินการตามมาตรการและขั้นตอนที่เข้มข้นสูงสุด

 

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจริงๆที่ต้องจัดกิจกรรมในระหว่างนี้ ต้องขอความเห็นชอบจากสาธารณสุขในพื้นที่ก่อน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด -19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และขอให้บุคลากรในสังกัด ศธ.ทุกคน ดูแลตัวเองอย่างเข้มงวด หากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือ มีอาการที่อาจจะเข้าข่ายเป็นผู้ติดเชื้อจะต้องแจ้งผู้เกี่ยวข้องทันที รวมทั้งสื่อสารกับนักเรียนและผู้ปกครองให้ตระหนักถึงการดูแลตัวเองด้วย ” รมว.ศธ.กล่าว..

ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9640000035467

 

สงขลา - แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะประชาชนชาวอำเภอนาทวี พร้อมเปิดฝายชะลอน้ำ สร้างความร่วมมือ ให้เกิดการตระหนักรู้ หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานเปิดฝายชะลอน้ำ ที่บ้านวังใหญ่ปลายรำ ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พร้อมเยี่ยมเยียนสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องประชาชน ในวันขึ้นปีใหม่ไทย ประจำปี 2564 ตามขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมวิถีไทย และสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้พูดคุยกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้าน โดยเน้นย้ำการทำกิจกรรมช่วงเทศการวันหยุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดการตระหนักรู้ ให้ความสำคัญในการระมัดระวังตนเอง และยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด  โดยไม่ไปในที่แออัด ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง รับผิดชอบตนเองและสังคม หยุดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ ร่วมกันหยุดเชื้อเพื่อชาติ จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ

สำหรับฝายชะลอน้ำ ที่บ้านวังใหญ่ปลายรำ นั้นมีพระครูสุวัฒนาภรณ์ (อาจารย์ภัตร อริโย) เจ้าอาวาสวัดนาทวี / รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลาพร้อมด้วย หน่วยทหารในพื้นที่ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น พี่น้องประชาชนในอำเภอนาทวี ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำการสร้างฝายมีชีวิตขึ้นในชุมชน เพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงผลผลิตด้านเกษตรกรภายในพื้นที่ ให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลนในช่วงฤดูแล้ง และชะลอระดับกระแสน้ำในยามฤดูฝนไม่ให้เกิดน้ำหลากเข้าพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งฝายมีชีวิตดังกล่าวเป็นแนวคิดที่ให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ให้เกิดความรักความสามัคคี ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาเป็นเครื่องมือในการดำเนินการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ จนนำไปสู่การสร้างทักษะการทำงานร่วมกัน อันเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง หมู่บ้านปลอดเหตุ และชุมชนปลอดภัย พี่น้องประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยังยืนต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘บิ๊กตู่’ อวยพร วันผู้สูงอายุ - วันครอบครัว ชี้ สถานการณ์ โควิด-19 ค่อย ๆ คลี่คลาย เพราะความร่วมมือของทุกคน วอนคนไทยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สกัดการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 14 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเนื่องในโอกาส “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ประจำปี 2564 โดยส่งความปรารถนาดีมายังผู้สูงอายุ และผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานด้านกิจการผู้สูงอายุและครอบครัวทุกคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีความอบอุ่นเข้มแข็ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ถือเป็นวันสำคัญที่สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนและสังคมได้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจที่เชื่อมโยง ความรักและความผูกพันให้แก่คนในครอบครัว เป็นผู้บ่มเพาะภูมิปัญญาความรู้หลากหลายประการในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อสังคม ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ที่ค่อย ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความรักความเอาใจใส่ของคนในครอบครัวที่คอยประคับประคองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจากความร่วมมือของครอบครัวคนไทยทุกคน ประเทศจึงได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มาได้ รัฐบาลจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกครอบครัวจะช่วยกันป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากเป็นการป้องกันตนเองแล้ว ยังเป็นการป้องกันสมาชิกในครอบครัว ชุมชนและสังคม เพื่อให้ทุกครอบครัวไทยสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขได้ต่อไป และขออวยพรผู้สูงอายุและคนไทยทุกครอบครัวมีความสุข ความเจริญ มีพลังกาย พลังใจที่เข้มแข็ง มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น และความเอื้ออาทรกันในทุกโอกาส

ชลบุรี – เชฟโรงแรมพัทยาเจอพิษ ผันตัวเปิดร้านกะเพราปีศาจ ราคาย่อมเยาว์

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้มีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระลอกแรกและระลอกที่สอง ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดเป็นระลอกที่สาม  ที่มีการแพร่ระบาดเร็วกว่าสองระลอกแรก ทำให้ทางภาครัฐประกาศให้ปิดสถานบันเทิงอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการทั่วทุกหัวระแหง จึงมีผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 ที่ร้านกระเพราปีศาจ ตั้งอยู่ภายในซอยเขาตาโล 3 ซอยย่อยที่ 1 เข้ามาสุดซอย พบนายต่อเกียรติ จารัตน์ อายุ 32 ปี อดีตเชฟโรงแรมในเมืองพัทยา เจ้าของร้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็นเชฟของโรงแรมในเมืองพัทยา แต่เมื่อมาประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้โรงแรมปิดตัวลง ก็ต้องไปหาทำงานตามร้านอาหารต่าง ๆ จนกระทั้งมีการแพร่ระบาดระลอกที่สองจึงผันตัวมาเปิดร้านเองที่บ้าน เพราะจะช่วยลดต้นทุนค่าเช่าร้าน ซึ่งทางร้านก็มีเมนูแนะนำคือก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ กะเพราปีศาจ ที่ทำจากเป็ดแฮมเบิร์ก เบคอน และเนื้อโคขุน อย่างดี ที่ปรุงรสชาติจัดจ้าน โดยราคาก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่ 25 บาท อาหารตามสั่ง 40 บาท ซึ่งทางร้านยังมีโปรโมชั่น ทานครบ 12 ครั้งฟรีทันที 1 เมนู นอกจากนี้ คนท้อง คนพิการ ทานฟรี หลังดปิดร้านมาก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังฝากเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบสภาวะตกงานในยุคโควิด-19 นี้ด้วย เพราะเป็นการเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทุกคนต่างได้รับผลกระทบ จึงอยากขอให้ทุกคนทำใจและอยู่กับมัน สู้กับมัน แล้วผ่านไปให้ได้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แค่อยากให้ทุกคนได้กินและอิ่มท้อง จึงได้เปิดร้านขายในราคาย่อมเยาว์และให้คนท้อง และคนพิการทานฟรี


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ! รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ‘อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด’ ซัด ‘แรมโบ้’ อย่าลามปาม ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกตัวแก้ต่างให้ ‘บิ๊กตู่’ ทุกเรื่อง ทั้งที่บริหารประเทศผิดพลาดตลอด 7 ปี ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ พาดพิงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุเป็นห่วงคนไทยที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และเศร้าใจที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาล ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนที่ยังต่ำไม่ทั่วถึงว่า นายเสกสกลทำตัวคล้ายเดินออกมาหาคู่กรณีทุกวัน ยิ่งถ้าได้พาดพิงอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา นายเสกสกลจะยิ่งชอบ คนที่ควรอยู่นิ่งๆในสถานการณ์นี้ควรจะเป็นนายเสกสกล การออกมาเถียงข้างๆคูๆ พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย บอกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยลดลง นายเสกสกลไปเอาข้อมูลจากไหนมาพูด ถ้าลดลงจริงแต่ละจังหวัดนอกจากจะจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องเตรียมระบบกักตัวที่บ้านไว้ทำไม ไม่ใช่เพราะนี่คือการระบาดหนักของจริงหรือ การพูดด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนสับสน พูดแล้วไม่ได้เป็นบวกต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือรัฐบาลเลย

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจด้วยวิธีที่ผิด ปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฉีกรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ผ่านมา 7 ปีประชาชนทั้งประเทศได้เห็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาดตลอดมา โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่ปล่อยให้มีการระบาดรอบแรกโดยการอนุญาตให้ทหารจัดมวย ระบาดครั้งที่ 2 ปล่อยให้มีการเปิดบ่อน กระบวนการค้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ระบาดครั้งที่ 3 ปล่อยให้เกิดไทยคู่ฟ้า2 ทองหล่อไครซิส ที่พัวพันคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่รับผิดชอบต่อสังคม ไม่เปิดเผยและบิดเบือนไทม์ไลน์ โควิดระบาดมาปีกว่า แต่เพิ่งมาตั้งคณะทำงานจัดหาวัคซีน แถมไม่มีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นี่คือใบเสร็จและสิ่งบ่งชี้ถึงการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

วิกฤตโควิดส่งผลกระทบถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นายเสกสกล อย่าจ้องแต่จะลามปามอดีตนายกฯ จนละเลยความจริง ก่อนออกมาพูดควรหาข้อมูลหรือสำรวจความเห็นว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศ พึงพอใจต่อรัฐบาลอย่างที่นายเสกสกลกล่าวอ้างหรือไม่ อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ บิดเบือนพูดไปเรื่อย ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน จะอธิบายเป็นความสำเร็จของรัฐบาลได้อย่างไร วัคซีนที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนฉีดให้ประชาชนของตนเองในแต่ละประเทศ อยู่ในสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศไทย จนประเทศไทยเกือบกลายเป็นรั้งท้ายประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่ำที่สุดในอาเซียน

“อย่าข่มขู่ประชาชนว่าอย่าทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล การปล่อยให้คนของรัฐบาลที่ฉีดวัคซีนแล้วไปเที่ยวในสถานที่อโคจรจนติดโควิด แล้วปกปิดบิดเบือนไทม์ไลน์ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลด้วยตัวรัฐบาลเอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

สกัดบริษัทประกันพลิ้ว! คปภ. ออกคำสั่งด่วน ‘รักษาในรพ.สนาม – โรงแรม’ เคลมประกันได้

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว ประชาชนยังคงให้ความสนใจในการทำประกันภัยโควิด-19 มาช่วยบริหารความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลวันที่ 31 มี.ค. 2564 มียอดทำประกันภัยโควิด-19 รวม 11 ล้านฉบับ ซึ่งเป็นยอดกรมธรรม์ประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 1 ล้านฉบับ และมียอดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งสิ้น 171 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 เกือบ 100 ล้านบาท

สำหรับกรณีที่โรงพยาบาลหลายแห่ง มีเตียงไม่เพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งมาตรการของรัฐบาลที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและโรงแรมเป็นโรงพยาบาลกักตัวในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดประเด็นการตีความว่า การที่ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทำประกันภัยไว้ และเข้ารับการรักษาในสถานที่เหล่านั้น จะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ สำนักงาน คปภ. จึงได้ประชุมหารืออย่างเร่งด่วนกับสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย และได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติว่าให้สามารถเคลมประกันได้

ล่าสุด คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียน 2 ฉบับ เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือสัญญาเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริษัทประกันชีวิต และคำสั่งนายทะเบียน เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือเอกสารแนบท้าย สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า หากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล จะยังได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย เช่นเดียวกับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทั่วไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top