Sunday, 5 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

พิจิตร - พบผู้ติดเชื้อโควิดเป็นชายอายุ 31 ปี 1 ราย มีประวัติเที่ยวผับย่านทองหล่อ

วันที่ 9 เม.ย. 2564 นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวว่าในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด19  มาเป็นเวลาถึง 93 วัน แต่วันนี้ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19  เป็นชายอายุ 31 ปี  1 ราย จากการสอบประวัติมีอาชีพเป็นพนักงานขายทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเผยไทม์ไลน์ 

ว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย 64 ไปหาเพื่อนที่คอนโด จากนั้นไปเที่ยวผับย่านทองหล่อกับเพื่อน  ออกจากผับก็ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพียงคนเดียว  

วันที่ 4 เม.ย. 64  เดินทางกลับมาบ้านที่พิจิตรโดยรถยนต์ส่วนตัว  ซึ่งบ้านอยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร นอนที่บ้านกับภรรยาและลูกสาว   

วันที่ 5 เม.ย. 64 อยู่บ้านกับภรรยาและลูก   พบกับญาติพี่น้องและลูกจ้างที่ร้านเสริมสวยของแม่ จำนวน 3 คน  จากนั้นเวลา 15.00 น. ลูกสาวไม่สบายจึงขับรถส่วนตัวพาลูกไปหาหมอที่ รพ.ชัยอรุณ     ตนเองจึงนอนพักกับแม่และลูกที่โรงพยาบาล

วันที่ 6 เม.ย. 64    ก็ขับรถไปพบลูกค้าที่อำเภอเขาค้อ และ ที่ภูทับเบิก ร่วมกับเพื่อนพนักงานในเครือบริษัท 9 คน และได้มีการสังสรรค์ร่วมกัน      

วันที่ 7 เม.ย. 64 เวลา 08.00 น. รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ก็ยังพอขับรถไหว   จึงไปติดต่องานกับลูกค้าซึ่งเป็นไร่กระหล่ำปลีที่ภูทับเบิก  และแวะกินขนมจีนที่อำเภอหล่มสัก 

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ก็ทราบข่าวว่าเพื่อนป่วยและไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่ รพ.เวชธานี  กทม.  ตนเองจึงเริ่มกังวลใจเมื่อกลับมาบ้านที่พิจิตรจึงจะไปตรวจที่ รพ.พิจิตร แต่ก็เปลี่ยนใจขอไปที่ รพ.ตะพานหิน   ซึ่งก่อนที่จะไป รพ.ตะพานหิน แวะรับประทานก๋วยจั๋บหน้า รพ.พิจิตร  ก็ได้รับทราบข่าวว่าเพื่อนที่ไปตรวจพบว่าผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด 19  ตนจึงรีบไปขอรับการตรวจที่ รพ.ตะพานหิน  พบบุคลากรทางการแพทย์ 3 คน และรู้ว่าผลตรวจพบเชื้อโควิด 19 เมื่อ เวลา 18.00 น. ของวันที่  8 เม.ย. 64 จึงรีบบอกกับแม่และคนในครอบครัว จำนวน 9 คน ทั้งหมดจึงได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ รพ.พิจิตร  ก็ปรากฏว่า ทุกคนปลอดภัย ผลออกมาเป็นลบ นั่นหมายความถึงไม่มีเชื้อโควิด 19 ในร่างกายแต่อย่างใด ส่วนบุคคลอื่น ๆ ตามไทม์ไลน์ที่ปรากฏรวมแล้ว 36 คน ก็ต้องรอลุ้นผลตรวจว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ขอให้ชาวพิจิตรอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ  ขอให้ใช้ชีวิตและทำมาค้าขายตามปกติ แต่ขอให้การ์ดอย่าตก  สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องพบกับผู้คนแปลกหน้าหรือไปในที่  ที่มีผู้คนเยอะ ๆ รวมถึงขอให้ปฏิบัติตามที่แพทย์และ อสม. แนะนำ ล่าสุดข้อมูลผู้ที่มาจากต่างจังหวัดลงทะเบียนแนแอพพลิเคชั่น “ปกป้องพิจิตร” มาจากพื้นที่ควบคุม  9 จังหวัด 1,553 คน พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด 226 คน พื้นที่เฝ้าระวังจาก 53 จังหวัด 180 คน รวม 1,999 คน  ซึ่งบุคคลทั้งหมดนี้อยู่ในการเฝ้าระวังของ อสม. ด้วยแล้ว


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

 

เพชรบุรี - DSI ลงพื้นที่ แก่งกระจาน บุกอายัดที่ดิน เครือข่ายอดีตผู้บริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟ พร้อมพรรคพวกในพื้นที่ เพชรบุรี

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ได้สอบสวนขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการพิสูจน์การได้มาของทรัพย์สิน (ที่ดิน) โดยการเชื่อมโยงเส้นทางทางการเงินกับทรัพย์สิน

ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครือข่ายอดีตผู้บริหาร สหกรณ์สโมสรรถไฟ ที่ได้นำเงินจากการทุจริตออกจากบัญชีสหกรณ์สโมสรรถไฟ และนำเงินที่ได้จากการทุจริตไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินข้างต้น

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564  เวลา 10.30 น. พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล พันตำรวจโท จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ

นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีการฟอกเงินทางอาญา 3 พร้อมคณะ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาท่ายาง และนายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ร่วมกันอายัดที่ดิน

พร้อมสิ่งปลูกสร้างหลายพื้นที่ ประกอบด้วย (1) ที่ดินเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แปลง  (2) อาคารชุดฮอลส์มาร์ค แจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน 7 ห้อง (3) ที่ดินโครงการพฤกษ์พิมาน 3 ตำบลนาวุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 23 แปลง และ (4) พื้นที่อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 49 แปลง รวมทรัพย์สินที่ทำการอายัด 85 แปลง มูลค่าประมาณ 85,601,690 บาท โดยในการอายัดครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มบุคคล จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่านำเงินที่ได้จากสหกรณ์ฯไปซื้อที่ดิน ตามที่ได้อายัดไว้ข้างต้น

การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถนำเงินชดใช้คืนสหกรณ์สโมสรรถไฟ และสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการในทุกมิติ โดยร่วมกับสำนักงาน ปปง. เพื่อทำการการยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

เพื่อขอให้พนักงานอัยการมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์จำนวนกว่า 6,000 ราย และสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ปปง. ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างเด็ดขาด ต่อไป

เชียงราย - เปิดโครงการสายตรวจร่มบิน แจ้งเหตุทางอากาศ

เปิดโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” สนับสนุนภาระกิจทางอากาศ ทั้ง ชี้ภาพการจราจรในช่วงเทศกาล  จุดเกิดไฟป่า ป้องกัน PM 2.5 ติดตามเป้าหมายคนร้าย ชี้เป้าหมายทางอากาศ

เวลา 16.00 น.วันที่ 9 เม.ย.64 ที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีต ผบก.กองปราบ/ผอ.กองสลาก เข้าร่วมพิธี เปิดโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย”  โดยมี พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็นประธานในการเปิดโครงการ โดย พ.ต.อ.ภาสกร ณ พิกุล ผกก.สภ.บ้านดู่ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.บ้านดู่   ชมรมร่มบิน จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลบ้านดู่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยโครงการสายตรวจทางอากาศ  “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการตรวจสภาพการจราจรในช่วงเทศกาลต่าง ๆ 1. เพื่อลดปัญหาด้านจราจร อุบัติเหตุ 2. เพื่อสนับสนุนารทำงานของสายตรวจภาคพื้นดินในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 3.เพื่อชี้เป้าจุดที่เกิดไฟป่าและค้นหาตัวผู้กระทำผิด ได้อย่างรวดเร็ว 4. เพื่อสนับสนุนภารกิจที่จำเป็นต้องใช้อากาศยานเบาหรือได้รับการร้องขอจากหน่วยงานข้างเคียง เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามที่ร้องขอได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร  กล่าวว่า  ปัจจุบัน มีปัญหาอาชญากรรม  การจราจร และการลักลอบเผาป่า   ทำให้เกิดหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับช่วง  เทศกาลสงกรานต์ ที่จะมาถึงมีพี่น้องประชาชน ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา  เป็นจำนวนมาก อาจมีปริมาณรถที่หนาแน่นและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ มีความจำเป็นในการใช้ร่มบิน(พารามอเตอร์)ในการตรวจการ  สังเกตการณ์จากที่สูงมีของสภาพการจราจร  เพื่อลดความหนาแน่นของการใช้เส้นทางหลักและการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การติดตาม ชี้เป้าหมาย เพื่อง่ายต่อการสกัดจับกุมผู้กระทำความผิดต่างๆและการใช้ในการ     ตรวจการณ์ ป้องกันการลักลอบเผาป่า ที่เป็นสาเหตุหมอกควัน

สำหรับโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” มีที่ตั้งและศูนย์ประสานงานชุดเฉพาะกิจสายตรวจทางอากาศ สภ.บ้านดู่ เลขที่ 550 ม.2 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย สามารถจัดเตรียมเก็บขึ้นรถยนต์เพื่อเตรียมพร้อม บินได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที อัตราความเร็วในการบินจะอยู่ที่ประมาณ 40-55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของร่มด้วย เชื้อเพลิง 10 ลิตร จะบินได้ประมาณ 3 ชม. ถ้าสภาวะอากาศเอื้ออำนวย การบินแต่ละครั้งจึงไปได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร และพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ เมื่อได้รับมอบหมายในทันที


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์  เชียงราย

จันทบุรี - ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริงในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ที่สนามบ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ

วันนี้ ( 9 เม.ย.64 ) สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 โดยมี พลเรือเอก สิทธิพร มาศเกษม รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันท์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตลอดจนข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ซึ่งการตรวจเยี่ยมการฝึกของผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะในวันนี้ นอกจากจะทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ได้รับทราบรายละเอียดการปฏิบัติในการฝึก และทราบถึงขีดความสามารถ ตลอดจนความพร้อมในการปฏิบัติการของหน่วยต่าง ๆ ที่เข้ารับการฝึกแล้ว ยังเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใกล้ชิดผู้บังคับบัญชาชั้นสูง อันจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่เข้ารับการฝึกกองทัพเรือ ได้ตระหนักในหน้าที่หลัก ด้านการเตรียมความพร้อมของกำลังรบทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศ

โดยการพัฒนากำลังพลและระบบยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติการทางทหาร ในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงทางทะเลของประเทศไทย ในการเตรียมกำลังให้เกิดความพร้อม เพื่อปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศผ่านการฝึก ทั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดให้หน่วยกำลังรบในทุกระดับ ดำเนินการเตรียมความพร้อมในระดับหน่วยตามความเชี่ยวชาญเฉพาะของกิจที่ได้รับ จนถึงการบูรณาการกำลังขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อฝึกการปฏิบัติการภายใต้สถานการณ์การฝึกตามแผนป้องกันประเทศในแต่ละด้าน โดยกำหนดแนวคิดหลักอ้างอิงจากสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดไว้ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมของกำลังรบในการปฏิบัติการแล้ว การฝึกกองทัพเรือยังเป็นการทดสอบแผนการปฏิบัติระบบการควบคุมการบังคับบัญชา ระบบการสื่อสารและระบบการส่งกำลังบำรุงในภาพรวม ตลอดจนเป็นการทดสอบการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพอีกด้วยในส่วนของการฝึกภาคสนามและภาคทะเลของการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 กำหนดจัดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2564 ในพื้นที่ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย

ซึ่งกองทัพเรือ กำหนดให้มีรายการฝึกที่สำคัญคือ การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น Harpoon Block 1C การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การฝึกยิงตอร์ปิโดจากเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ รวมถึงการฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน บริเวณสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี การฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถของกำลังพลส่วนต่าง ๆ ทางยุทธวิธีในสงครามตามแบบ และเพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมรบของหน่วยระดับกรม กองพัน หน่วยขึ้นตรง กองพลนาวิกโยธิน ให้เกิดความคุ้นเคย รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในเรื่องการจัดทำแผนการฝึกปัญหาที่บังคับการ การดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง และการควบคุมบังคับบัญชา การประสานการยิงสนับสนุนอากาศ - พื้นดิน การติดต่อสื่อสาร การต่อต้านข่าวกรองของข้าศึก และการประสานการปฏิบัติร่วมกันให้มีความเข้าใจในหน้าที่ของกันและกัน โดยมีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ คือ การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ปืนใหญ่) การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ทหารราบ) การฝึกยิงจรวดนำวิถี TOW การสนับสนุนทางอากาศ การส่งกลับสายแพทย์ และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ซึ่งกำลังที่เข้าร่วมฝึกจัดจาก กองพันทหารราบที่ 1 กองพันทหารราบที่ 6 กองพันรถถัง กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก และกองพันลาดตระเวน ในสังกัดกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ประกอบด้วย กำลังทหารนาวิกโยธิน พร้อมยุทโธปกรณ์ อาทิ ปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40/60 มม. ยานเกราะล้อยาง แบบ BRT รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) และรถฮัมวี่ติดจรวดนำวิถี TOW กำลังจากกองพันรักษาฝั่งที่ 12กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมยุทโธปกรณ์ คือ ปืนใหญ่รักษาฝั่ง ขนาด 155 มม. รวมถึงกำลังและยุทโธปกรณ์จากกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ และกรมแพทย์ทหารเรือ

นอกจากนั้นยังมีกำลังของกองทัพบกเข้ารวมทำการฝึกในครั้งนี้ ซึ่งจัดจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ประกอบด้วยรถถังและยานเกราะล้อยาง อีกจำนวนหนึ่ง การฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ในการฝึกกองทัพเรือ ได้มีการเชิญกองทัพบกและกองทัพอากาศจัดกำลังเข้าร่วมการฝึกตามรายการต่าง ๆ ซึ่งกองทัพเรือได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกเหล่าทัพในทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงคุณลักษณะและขีดความสามารถของกำลังรบจากเหล่าทัพต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การวางแผนการใช้กำลังทางทหารและการปฏิบัติการรบร่วมที่มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลในการป้องกันประเทศในอนาคต ตามวิสัยทัศน์กองทัพไทยที่ “เป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาคมีนวัตกรรมทันสมัย ปฏิบัติการร่วมอย่างมีประสิทธิภาพทุกมิติ” และสร้างความสมัครสมานสามัคคี อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของกองทัพไทยในภาพรวม ตามคำขวัญของกองทัพเรือที่ว่า “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สระแก้ว - ผู้ว่าสระแก้ว สั่งคุมเข้มตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันโควิด-19 ทะลักเข้าตามแนวชายแดน

เมื่อเวลา 09.00น. ของวันนี้ ภายใต้การอำนวยการของนายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วมอบหมายให้นายปรัชญา พิมพาแป้น นายอำเภอคลองหาด ดำเนินการคัดกรองผู้ประกอบการค้าขายบริเวณตลาดการค้าชายแดน ณ ตลาดศรีเพ็ญเพื่อฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิค-19 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลคลองหาดและฝ่ายปกครอง ให้แก่กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนด

ต่อมาเวลา 10.00 น.ได้ปฏิบัติงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเทศบาลตำบลคลองหาด สมาชิก อส. อำเภอคลองหาด ออกตรวจมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโควิค-19 บริเวณตลาดนัดเทศบาลสี่แยกคลองหาดเพื่อแนะนำให้ผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของและผู้ค้าขายปฏิบัติตามมาตรการ DHMTT อย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้มีการระบาดในพื้นที่

ล่าสุดเวลา 13.00 น.ได้ร่วมตรวจสถานที่ที่โรงพยาบาลคลองหาดเพื่อเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและแพทย์พยาบาลที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาฉีดวรรคซินจำนวน 500 คนแรกในระหว่างวันที่ 8 และ9เมษายน 2564และได้มีการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและ ค้นหาผู้ติดเชื้อในเชิงรุกเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และได้รับการฉีดวัคซีนรวมกับเป้าหมายที่กำหนด

อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกัมพูชากับประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดนให้ความรู้สร้างความเข้าใจการปฏิบัติตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นายเกียรติศักดิ์  จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการ นายวินัย โตเจริญ นายอำเภออรัญประเทศ จัดกิจกรรมอบรมความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในสถานการณ์โควิด-19 โครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ ขั้นตอนการขออนุญาตทำงานในประเทศไทย/การข้ามแดนและการขออนุญาตอยู่ในประเทศไทย/มาตรการในการควบคุมโรคและการปฏิบัติตัวในการป้องกันโควิด-19/การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน/การประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรไทยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมนี้มีผู้ประกอบการค้าภาคเอกชนในตลาดโรงเกลือทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือเข้าร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมโยงระดับประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งกำชับความเป็นมิตรที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานไทยกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานประเทศเพื่อนบ้านในระดับท้องถิ่นและสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระบาด จึงมีความจำเป็นต้องให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวของผู้ประกอบการในตลาดโรงเกลือ

จากกรณีพบป่วยโควิด-19 จนเกิดการระบาดระลอกใหม่ บรรยากาศชายแดน อ.อรัญประเทศ ฝั่งตลาดปอยเปต คนเริ่มตื่นตระหนก จนท.ฝั่งไทยยังคุมเข้มป้องกันคนลักลอบเข้าเมือง ที่จุดคัดกรองโควิด-19 ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกับ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201) และ พ.ต.อ.ชนณพัฒน์ ศิริเลิศ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ได้สนธิกำลังมาร่วมกันตรวจคัดกรอง 10 คนไทยที่ได้รับอนุญาตจากสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทย ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่ง จนท.ได้ตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจสอบเอกสารการเดินทาง เอกสารการตรวจโควิด-19 จากกัมพูชา และตรวจเข้มเอกสารอนุญาตเดินทางกลับประเทศ จากสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลักลอบเดินทางกลับประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวไปรับการกักตัว 14 วัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จังหวัดสระแก้ว เตรียมไว้รองรับการกักตัว

พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว กล่าวว่า ได้กำชับ จนท.ร่วมกันตรวจคัดกรองคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มงวด เนื่องจากได้รับข้อมูลจากทางการกัมพูชาว่าขณะนี้ในประเทศกัมพูชาเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชา ได้ประกาศให้หน่วยงานของรัฐปิดทำการ โดยให้ทำงานแบบ Work From Home หรือทำงานที่บ้านแทน ส่วนภาคเอกชนหลายบริษัทต้องปิดกิจการ นอกจากนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชายังขอความร่วมมือกับประชาชนกัมพูชาให้ป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และงดออกจากบ้านด้วย ดังนั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในกัมพูชา เกรงว่าอาจจะมีทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาหนีโควิดจากกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทย  จนท.จึงจำเป็นต้องเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษในช่วงนี้

ขณะที่ พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผู้บังคับชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้สั่งการให้ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201 นำกำลังออกลาดตระเวนเข้มตามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติบริเวณท้ายตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างเด็ดขาด เป็นการป้องกันการหนีโควิดจากประเทศกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ทั้งของคนไทยและคนกัมพูชา พร้อมคาดโทษ จนท.ห้ามหละหลวมโดยเด็ดขาด

ส่วนชาวกัมพูชาในฝั่งปอยเปต ที่อยู่ตรงข้ามชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เริ่มตื่นตระหนกกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในกัมพูชา โดย จนท.ฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชาประจำปอยเปต เผยว่า ขณะนี้ วงการบันเทิงของกัมพูชากำลังระส่ำหนัก เนื่องจากมีนักร้องและดาราชั้นนำในบริษัทค่ายเพลงชื่อดัง และเป็นต้นสังกัดของศิลปินชั้นนำของกัมพูชาติดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลายคน ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาเริ่มหวาดผวาหนัก เนื่องจากชาวกัมพูชาจำนวนมาก ไปงานคอนเสิร์ตของนักร้องคนดังกล่าว อีกทั้งยังมีชาวกัมพูชาอีกจำนวนมากที่คอยติดตามดาราและศิลปิน ทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากเป็นกลุ่มเสี่ยงติดโควิดสูง ซึ่งอาจจะลุกลามไปทั่วประเทศได้


ภาพ/ข่าว  นายอำเภอคลองหาด / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ชลบุรี - Covid19 พลิกสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ สู่นักธุรกิจ ร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ แห่งแรกในภาคตะวันออก อีกหนึ่งจุดเช็คอินแห่งใหม่ของเมืองพัทยา

วิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับผลกระทบแบบ 100% อย่างผู้ประกอบธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวที่มีกลุ่มลุกค้าชาวต่างชาติเป็นลูกค้าหลัก พอมีมาตรการปิดประเทศ นักท่องเที่ยวไม่สามรถเดินทางมาท่องเที่ยวได้แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องปิดตัวลงชั่วคราวรอวันนักท่องเที่ยกลับมา อย่างสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ พัทยา ตรงข้ามตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา ที่ได้รับผลกะรทบจากวิกฤติในครั้งนี้ แต่หากจะรอค่อยการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงจะต้องใช้เวลานาน ผู้บริหารสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ จึงพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการเปิดร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ เพิ่มจุดจุดเช็คอินแห่งใหม่ให้กับเมืองพัทยา

โดยวันนี้ (9 เม.ย.64) เวลา 10.39 น. น.ส.ปทุมมา โฆเกียรติมานนท์ ผู้บริหารร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ ได้เปิดตัวร้านกาแฟอย่างเป็นทางการ โดยมีนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เป็นประธานเปิดร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ ท่ามกลาง ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท และแขกผู้มีเกียรติร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง อาทิ นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.พัทยา ,เต๋า อดิศร อรรถกฤษณ์ นักร้องวงดราก้อนไฟว์ ,คณะกรรมการกต.ตร.สภ.พัทยา

น.ส.ปทุมมา โฆเกียรติมานนท์ ผู้บริหารร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ กล่าวว่า สำหรับร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ เกิดจากการปรับตัวจากธุรกิจสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ ที่ได้รับผลกะรทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยว จึงได้ปรับพื้นที่ด้านหน้าประมาณ 600 ตารางเมตรเปิดร้านกาแฟ ซื่อว่า “ชาวดอยไดโนเสาร์” มีการนำ ไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์มาตั้งให้บริการลูกค้าถ่ายรูป โดยมี ไดโนเสาร์ ไจแกนโนโซรัส ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร ยืนคู่กับร้านกาแฟ นอกจากนี้ยังมีไดโนเสาร์พันธุ์ เวโรซีแรปเตอร์ ที่สมารถขยับตัวได้ มาตั้งให้ลุกค้าที่มานั่งทางกาแฟได้ถ่ายรูปเช็คอิน ซึ่งไดโนเสาร์พันธุ์ เวโรซีแรปเตอร์ ของร้านกาแฟชาวดอนไดโดนเสาร์ถือเป็นตัวที่ 2 ของโลกและยังเป็นไฮไลต์ของร้านกาแฟ นอกจากนี้ภายในร้านยังมีการนำไข่ไดโนเสาร์ รวมถึงตุ๊กตาไดโนเสาร์ ไว้ค่อยบริการลูกค้าอีกด้วย

ทั้งนี้กาแฟชาวดอยถือเป็นแบรนด์กาแฟของคนไทย มีรสชาติเข้มข้น เมล็ดกาแฟคุณภาพ แต่ราคาย่อมเยา ส่วนเมนูแนะนำ อาทิ กาแฟซิกเนเจอร์ชาวดอยร้อนและเย็น และเครื่องดื่มสดชื่นเหมาะสำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง เช่น ชากลิ่นผลไม้ไข่มุก สำหรับโปรโมชั่นช่วงเปิดร้าน ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 64 - 10 พ.ค. 64 ทางร้านจะแจกคูปองส่วนลด 5 บาท และ 10 บาท โดย 1 คูปองสามารถใช้เป็นส่วนลดต่อ 1 ยอดบิล โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30-18.00 นของทุกวัน  สำหรับร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ เหมาะสำหรับครอบครัวและเด็กๆ ทั้งนี้ในอนาคตจะมีพื้นที่ทำกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น ระบายสี จำลองขุดฟอสซิลไดโนเสาร์


ภาพ/ข่าว  อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

 

ขอนแก่น - ประกาศยกเลิกการจัดงานสงกรานต์ทั้งหมดจากเดิมที่จะจัดถึงวันที่ 13 เม.ย. ขณะที่ บขส.ขอนแก่น เสริมเที่ยวรถรับรองประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดคนเดินทางลดลง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งล่าสุดขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 11 ราย ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ในโรงพยาบาล รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 25 ราย ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทางเทศบาลนครขอนแก่นได้ประกาศงดจัดงานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคนและถนนข้าวเหนียวทั้งหมด ซึ่งจากเดิมได้มีการประกาศงดจัดเฉพาะถนนข้าวเหนียวและขบวนแห่นางสงกรานต์ ยังคงเหลือจัดกิจกรรมสืบสานประเพณี ในวันที่ 8-13 เม.ย.2564 ทำให้ล่าสุดทางเทศบาลนครขอนแก่นได้มีการประกาศยกเลิกการจัดงานทั้งหมด พร้อมทั้งยกเลิกการจัดถนนคนเดินออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยจะได้นำเข้ามติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นในช่วงบ่ายวันนี้และจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ขณะที่บรรยากาศภายใน บขส.แห่งที่ 3 ถ.มิตรภาพ ในเขตเทศบาลนครอขอนแก่น พบว่ามีประชาชนยังคงทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วขึ้นรถเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจคัดกรองผู้โดยสารทุกคนที่มาใช้บริการบริเวณหน้าทางเข้าอย่างเข้มงวด ตั้งแต่การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะหรือลงทะเบียนในแบบฟอร์มสำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานขนส่งได้มีการตั้งจุดคัดกรองพนักงานขับรถทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคและตามกฎระเบียบของทางขนส่ง ทั้งการตรวจหาสารเสพติด การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ การตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อให้พนักงานขับรถทุกคนให้บริการประชาชนได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพรถทุกคันให้มีสภาพที่พร้อมให้บริการด้วย

นายชาญชัย แซ่ลั้ง ผู้ช่วยนายสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 3 จ.ขอนแก่น  กล่าสว่า ในช่วงนี้พบว่าจำนวนผู้มาใช้บริการยังเงียบอยู่ เพราะยังไม่ใกล้วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ทาง บขส.เอง ก็ได้เตรียมสำรองเที่ยวรถไว้รองรับประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ไว้เพียงพอ เพื่อป้องกันปัญหาผู้โดยสารตกค้าง แต่คาดว่า สงกรานต์ปีนี้ ผู้คนคงจะเดินทางกลับมาเล่นสงกรานต์ที่บ้านลดลง และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารทุกคนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

ข่าวดีในวงการแพทย์วันนี้ ทีมแพทย์ญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนถ่ายปอด จากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 เรื้อรังจนปอดเสียถาวรได้แล้ว ซึ่งนับเป็นเคสการผ่าตัดเปลี่ยนปอดจากคนเป็นสู่คนเป็นได้เป็นรายแรกของโลก

ผู้ป่วยโควิด-19 รายนี้เป็นแม่บ้านชาวคันไซ ติดเชื้อ โควิด-19 ในช่วงปลายปี 2020 และเชื้อไวรัสได้เข้าไปทำลายปอดของเธอจนปอดไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ จำเป็นต้องใช้ปอดเทียมภายนอกเพื่อพยุงชีวิตไว้เท่านั้น

ทีมแพทย์จากมหาวิทยาเกียวโต นำโดย ด็อกเตอร์ ดาเตะ ฮิโรชิ ต้องหาผู้บริจาคอวัยวะให้กับแม่บ้านหญิงท่านนี้เป็นการด่วน ที่โดยทั่วไปมักเป็นผู้บริจาคที่สมองถูกทำลาย แต่อวัยวะอื่น ๆ ยังคงทำงานอยู่ แต่ทั้งนี้ก็เป็นเคสที่หายากมาก ๆ ในญี่ปุ่น และไม่รู้ว่าจะพบผู้บริจาคเช่นนี้ได้เมื่อไร

ดังนั้น สามี และลูกชาย ของคุณแม่บ้าน จึงตัดสินใจบริจาคเนื้อเยื่อปอดบางส่วนให้ หากมันจะสามารถนำไปใช้กับภรรยาของเขาได้ หลังจากนั้นทางทีมแพทย์ของด็อกเตอร์ ดาเตะ จึงได้ตัดสินใจทดลองรักษา

และน่าทึ่งอย่างมาก เพราะปรากฏว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทั้งสามี และ ลูกชาย สามารถบริจาคเนื้อเยื่อปอดบางส่วนได้ และปลอดภัย ส่วนแม่บ้านชาวคันไซยังคงต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลต่ออีกราว ๆ 2 เดือน โดยสภาพร่างกายถือว่าน่าพอใจ

เหตุการณ์นี้ นับเป็นการเปลี่ยนถ่ายปอด โดยผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตสมบูรณ์เป็นรายแรกของโลก หลังจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐอเมริกาเคยมีกรณีจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอดให้กับผู้ป่วยโควิด-19 เช่นเดียวกัน และได้ใช้กลยุทธที่เรียกว่า ‘Covid to Covid’ โดยใช้ปอดของผู้ที่เคยป่วยเป็น โควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่เสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่นมาเปลี่ยนให้กับผู้ป่วย โควิด-19 อีกต่อหนึ่งได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นผู้บริจาคอวัยวะที่ถือว่าเสียชีวิตแล้ว

ดังนั้นความก้าวหน้าของทีมแพทย์ญี่ปุ่นในครั้งนี้ จึงกลายเป็นความหวังของผู้ป่วยโควิด-19 เรื้อรัง จนปอดได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากทั่วโลก ที่ยังมีโอกาสหาผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต และยินดีบริจาคบางส่วนของอวัยวะอันมีค่าให้กับคนในครอบครัว ให้สามารถใช้ชีวิตได้ร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง


อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/04/09/asia/japan-lung-transplant-covid-intl-hnk/index.html

https://www.bbc.com/news/world-asia-56684073

นนทบุรี - แม่ค้าซื้อของเก่าพบลูกปืนคอ 82 ขณะกำแยกของ แจ้งชุดเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบ

เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 9 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบที่บริเวณบ้านเช่าติดกัน 6 หลัง ประขานิเวศน์ 3 ซอย 10/1 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี พบลูกปืนคอจำนวน 1ลูกลักษณะเก่าสนิมจับวางอยู่ข้างเสาไฟฟ้าหน้าบ้านเช่าดังกล่าว 

นาง เมธาวี  ธาราธรรมรัตน์ กล่าว่าตนมีอาชีพรับซื้อของเก่าไปซื้อแถวแจ้งวัฒนะมากองหน้าบ้านที่ตนเช่าอยู่ระหว่างกำลังแยกของเมื่อช่วงเช้าพบระเบิดอยู่ในกล่องกระดาษตกใจมากจึงนำไปวางไว้ตรงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านและรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด(อีโอดี) มาถึงและตรวจสอบอย่างละเอียดจึงพบว่า วัตถุดังกล่าวเป็นเป็นลูกกระสุนปืนคอ 82 อานุภาพการทำลายล้างสูงหากใช้การได้  และจากการตรวจสอบพบว่าลูกปืนคอดังกล่าวยังอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถระเบิดขึ้นได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถูระเบิด (EOD) ได้ทำการเก็บกู้เพื่อนำไปทำลายต่อ


ภาพ/ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน

เชียงราย - สสส. ผนึก 5 หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม MOU ขยายผลห้องเรียนสู้ฝุ่น 41 โรงเรียนใน จ.เชียงราย พร้อมมอบรางวัลโรงเรียนต้นแบบห้องเรียนสู้ฝุ่น

ด้านผู้ว่าฯ เชียงราย ชื่นชม นวัตกรรม “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” สสส. ทำให้เด็กรู้ภัยอันตราย PM2.5 สู่การเป็น “พลเมืองใหม่” ส่งต่อความรู้สู่ชุมชน ลดวิกฤตฝุ่นควันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอย่างยั่งยืน เตรียมขยายครอบคลุมทุกจังหวัดในภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด เติมเต็มวิสาหกิจเพื่อสังคม สภาลมหายใจจังหวัดเชียงราย สมาคมยักษ์ขาว และสมาคมสมัชชาสุขภาพจังหวัดเชียงราย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาต่อยอดและขยายผล “ห้องเรียนสู้ฝุ่นในบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาสังคม จังหวัดเชียงราย” พร้อมมอบรางวัลและเกียรติบัตรแก่โรงเรียนในโครงการห้องเรียนสู้ฝุ่น 10 โรงใน จ.เชียงราย ต้นแบบการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดความร่วมมือและเปลี่ยนแปลงค่านิยมในชุมชน

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในปี 2562 จ.เชียงรายเป็นจังหวัดที่พบจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้น้อยที่สุดใน 9 จังหวัดภาคเหนือ จึงไม่ใช้สาเหตุหลักของค่าฝุ่นในพื้นที่ แต่ด้วยทิศทางลมที่พัดฝุ่นควันจากการเผาในพื้นที่โล่งของประเทศข้างเคียง อย่างเช่น เมียนมา ลาวเข้ามา พร้อมกับสภาพอากาศที่นิ่งและความกดอากาศสูงทำให้เกิดการขังตัวของฝุ่น PM2.5 ช่วงเดือนมกราคม-เดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงที่วิกฤตที่สุดของจังหวัดเชียงราย เพราะมีฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และอาการระคายเคืองตาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เฉลี่ย 2,200 คนต่อวัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก และเยาวชนในพื้นที่ จ.เชียงราย ร่วมกับ สสส. ดำเนินโครงการห้องเรียนสู้ฝุ่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 มีโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาเข้าร่วม 10 โรง “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ถือเป็นนวัตกรรมองค์ความรู้ ที่ทำให้เด็ก และคนในชุมชนรับมือกับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากการเผาในพื้นที่โล่งได้ และทางเชียงรายมุ่งสร้าง “พลเมืองใหม่” ที่สามารถสื่อสารสร้างความตระหนักรู้แก่คนในชุมชนถึงผลกระทบต่อสุขภาวะจากฝุ่น PM2.5 จนเกิดเป็นการเปลี่ยนค่านิยมลดการเผานา-ไร่ในพื้นที่ได้

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ เป็นการพัฒนาต่อยอดและขยายผลห้องเรียนสู้ฝุ่นในโรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในสังกัด อบจ.เชียงรายทั้งหมด 41 โรง รวม จ.เชียงรายมี 51 โรง โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ “มลพิษทางอากาศ ฝุ่นควัน และมลพิษข้ามแดน” โดยการเสริมสร้างทรัพยากรด้านความรู้ พัฒนากลไกการมีส่วนร่วม พัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีศักยภาพในการสร้างกิจกรรมเสริมหลักสูตร การเรียนรู้ในโรงเรียน รวมถึงพัฒนาเยาวชน และประชาชนทั่วไปให้สามารถรู้เท่าทันภัยฝุ่น PM2.5 และสื่อสารส่งต่อองค์ความรู้สู้ภัยฝุ่น เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาวะเด็กและประชากรในจังหวัดเชียงรายได้

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน สสส. จึงร่วมสานพลังกับภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม ขับเคลื่อนการทำงานตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับนโยบายเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา มุ่งเน้นสร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่กลุ่มเด็กและเยาวชน ผ่านการเรียนการสอนในโครงการห้องเรียนสู้ฝุ่น ที่ผ่านมา สสส. และภาคีเครือข่ายนำหลักสูตรห้องเรียนสู้ฝุ่นไปใช้ในจังหวัดแพร่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน จำนวน 30 โรง และเตรียมขยายผลไปยังโรงเรียนจังหวัดอื่น ๆ ภาคเหนือ เพื่อให้เด็กมีค่านิยมและจิตสำนึกไม่เผานา เผาไร่ จนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ พร้อมทำหน้าที่ส่งต่อข้อมูลให้กับผู้ปกครอง ครอบครัว และชุมชน เพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นอกจากนี้กลุ่มผู้นำชุมชนรวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ความสำคัญขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเอื้อต่อการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

ต่อมาเวลา 14.00 น. คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. นำโดยนายชาญเชาวน์     ไชยานุกิจ รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. พร้อมด้วยนายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. ลงพื้นที่ศึกษาการดำเนินงาน “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” สนับสนุนโดย สสส. ที่โรงเรียนบ้านป่าแฝ-หนองอ้อ-สันทรายมูล อ.แม่สาย จ.เชียงราย 1 ใน 10 โรงเรียนต้นแบบห้องเรียนสู้ฝุ่น จ.เชียงราย 

โดย ดร.พัชรินทร์ จันทาพูน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าแฝ-หนองอ้อ-สันทรายมูล กล่าวว่า โรงเรียนบ้านป่าแฝฯ เคยประสบกับปัญหาฝุ่นควันจนต้องหยุดทำการเรียนการสอน แต่เมื่อได้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนสู้ฝุ่นในเดือนตุลาคม 2563 ทางโรงเรียนได้เพิ่มกิจกรรม “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” เสริมหลักสูตรการเรียนการสอนแบบบูรณาการ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เด็ก ๆ มีความรู้สามารถอ่านค่าจากเครื่องวัดค่าฝุ่น และติดธงสีต่าง ๆ เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์ 2 ครั้งต่อวัน คือ ในช่วงเช้าและเที่ยง หากแกนนำนักเรียนปักธงสีแดง หมายถึง มีค่าฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป เด็กนักเรียนจะงดกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมกันนี้ยังได้นำความรู้เรื่องการไม่เผานา-ไร่ ส่งต่อยังผู้ปกครอง แนะนำการกำจัดฟางข้าวด้วยการหมักทำปุ๋ยทดแทนการเผา เพื่อป้องกันการเกิดฝุ่นควันในพื้นที่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top