Friday, 3 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ตร.ไซเบอร์จับขบวนการหลอกให้เดตสาว พบเชื่อมโยงอีก 12 คดี ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้าน

สืบเนื่องจาก ช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รู้จักกับคนร้ายผ่านแอปทวิตเตอร์ ต่อมาได้เปลี่ยนมาพูดคุยกันผ่านทางแอปไลน์ โดยคนร้ายใช้ชื่อบัญชี “ติวเตอร์'จีจี้” อ้างว่าเป็นติวเตอร์ ได้ชักชวนผู้เสียหายทำภารกิจนัดเดทสาวในแอปหาคู่ (Bumble) โดยออกอุบายว่า ให้ผู้เสียหายสร้างโปรไฟล์ในแอปหาคู่ดังกล่าว หากมีผู้หญิงในแอปสนใจแล้วกดแมทช์ ผู้เสียหายก็จะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่น โดยผู้เสียหายต้องโอนเงินลงทุนกับคนร้ายไปก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตามอุบายดังกล่าว โดยครั้งแรกได้เงินคืนกลับมาจริง จึงได้ลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในยอดที่สูงขึ้น สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน 6 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด 76,115 บาท สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ จึงรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้วได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย พบว่าคดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นอีก 12 คดี ซึ่งมีลักษณะในการหลอกโอนเงินทำภารกิจเหมือนกัน มีความเสียหายรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท สุดท้ายสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องหลายราย

ต่อมา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ย.66 พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกันลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการ จนสามารถนำหมายจับศาลอาญาเข้าควบคุมตัว นางบุญธรรม อายุ 36 ปี ชาวอุบลราชธานี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคืนอื่น, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และพบปะให้โอวาทแก่ กองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่ จ.สตูล

วันนี้ 17 พฤศจิกายน 2566 พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4, พันเอกทวีพร คณะทอง เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 5, พ.อ.ชัยวุฒิ  พรมทอง ผบ.ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ จ.สตูล,และคณะเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึก ร.5 พัน 2 และเดินทางไปยังชุดเฝ้าตรวจชายแดน4301 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เพื่อพบปะกำลังพล และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ซึ่งจุดดังกล่าวมีกำลังตชด.436 จำนวน  22 นาย ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจแนวชายแดน และพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 เดินทางไปสักการะ กรมหลวงชุมพร ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล หลังจากนั้นเดินทางไปยัง มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.5021 อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และมอบแนวทางการสกัดกั้นและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดน พร้อมทั้งได้มอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน 

นอกจากนี้พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 ท่านเดินทางมาที่จังหวัดสตูล บ่อยครั้ง และท่านพร้อมคณะเข้าไปกราบไหว้สักการะ กรมหลวงชุมพร ที่จัดตั้งศาลาให้ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ มากราบไหว้ขอพร บางคนมาบ่นบานสานกล่าวไว้ และพบร่องรอยประทัดกองเต็มไปหมด เป็นสิ่งที่ศักดิ์ที่ทุกคนมาบูชากราบไหว้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 มาจังหวัดสตูล ครั้งใดก็จะมาสักการะกราบไหว้ ขอพร และจุดประทัน 10,000 นัดอีกด้วย

กฟผ. ทช. เมืองพัทยา สานพลังร่วมฟื้นฟูอ่าวไทย พร้อมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการประมง สร้างรายได้กระตุ้นเศษฐกิจ

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2566) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ เมืองพัทยา จัดกิจกรรมจัดวางฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า โครงการบ้านปลา กฟผ. โดยมี นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.)  นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำแบบเดินใต้ทะเล (Sea Walker) นักดำน้ำอาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมนำฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า กฟผ. กว่า 230 ชุด ไปวางบริเวณแนวปะการังพื้นที่เกาะสาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นางจินตนา บำรุง ผู้แทนปลัดเมืองพัทยา เผยว่า ทช. และ กฟผ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นของประเทศไทย โดยฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าจะเป็นแหล่งยึดเกาะปะการัง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศใต้ทะเลได้รับการฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการประมงที่จะช่วยสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี ต่อไป  

นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ทช.) กล่าวว่า ทช. และ กฟผ. ได้ร่วมมือกันในการฟื้นฟูท้องทะเลไทยทั่วประเทศให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แก่สิ่งมีชีวิตบริเวณแนวปะการังในโครงการบ้านปลา กฟผ. โดย กฟผ. ได้ให้การสนับสนุนลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานมาทำเป็นฐานลงเกาะปะการังและนำไปวางในท้องทะเล เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล นับเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเล และเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ในหลายพื้นที่ของ จ.ชลบุรี

นางสาวสุมิตรา กาญจนมิตร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. เปิดเผยว่า ลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าเป็นหนึ่งอุปกรณ์สำคัญในการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ในแต่ละปีจะมีลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าที่ครบอายุการใช้งานเป็นจำนวนมาก กฟผ. ได้พิจารณาหาวิธีนำอุปกรณ์นี้มาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงนำมาทำเป็นฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการังเพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล พร้อมประสานกับหน่วยงานทางทะเล และสถาบันการศึกษา เพื่อยืนยันลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ทั้งยังเกิดปะการังตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา กฟผ. ร่วมกับ เครือข่ายพันธมิตร นำปะการังธรรมชาติจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ไปวางไว้ใต้ทะเลไทยทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2554 โดยวางครั้งแรกที่ ต.แสมสาร  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 ชุด พร้อมเดินหน้าโครงการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ได้แก่  ทช. กองทัพเรือ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 โดยร่วมกันพิจารณาเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อนำลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้ามาสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลสัตว์ทะเล เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเลตามแนวชายฝั่งให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน

รองผบช.ภาค6 ปล่อยแถวตำรวจ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลลอยกระทง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น. วันที่15 พย. 2566 ที่บริเวณหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค 6 เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2566  ระหว่างวันที่ 18 พย.-27 พ.ย. โดยมี พ.ต.อ.ประมวล ยิ้มจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุโขทัย พร้อมข้าราชการตำรวจในสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในพิธีดังกล่าว

พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภาค6 . กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ทุกหน่วยงาน ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงก่อนเทศกาลลอยกระทง พร้อมกันทั่วประเทศ จังหวัดสุโขทัยถือว่าเป็นต้นกำเนิดของงานประเพณีลอยกระทง จึงต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในทุกประเภท พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในจังหวัดสุโขทัยเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดปัญหาและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยในวันนี้ เป็นการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงาน อาทิเช่น ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง,ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง, กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุโขทัย, ป้องกันภัยจังหวัดสุโขทัย, อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย ,อาสาสมัครตำรวจบ้าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ใช้ความระมัดระวังในการปฎิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของจังหวัดสุโขทัย

สืบ ตม. ตะครุบชายตากาล็อกใจโฉด ข่มขืนลูกในไส้นาน 10 ปี หนีกบดานไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดภาย

ใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ. สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สืบเนื่องจาก ตร. ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดำเนินการ กรณีสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจฟิลิปปินส์ มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ แจ้งข้อมูล นายโจนาธาน หรือนายโจ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติ ฟิลิปปินส์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กระทำความผิดฐานข่มขืน พฤติการณ์การกระทำผิด คือ นายโจได้ข่มขืนบุตรสาวอายุ 7 ปีของตน เป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยเมื่อนางเจส (นามสมมติ) มารดาของเด็กทราบเรื่อง จึงได้แจ้งความกับตำรวจฟิลิปปินส์ และทางการฟิลิปปินส์ได้ออกหมายจับนายโจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายโจ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ส.ค.66 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และได้รับการอนุมัติให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึงวันที่ 15 พ.ย.66 การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายโจ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักร และได้สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายโจ เพื่อนำตัวมาดำเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ลงบัญชีเฝ้าดู (Watchlist) ไว้ และระดมกำลังสืบสวนติดตามหาตัวนายโจ ตามย่านที่พักอาศัย และสถานที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จนกระทั่งต่อมาสืบสวนทราบว่านายโจ กำลังจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่สนามบินดอนเมือง จึงได้ไปตรวจสอบ พบตัวโจจึงแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ได้รับทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอการส่งกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ไทยออยล์ มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่วไหล 323 ราย เป็นเงินกว่า 5.8 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล ในพื้นที่ ศรีราชา บางพระ อ่าวอุดมและแหลมฉบัง จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท พิธี

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ท่ผ่านมา โดยมี นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ  นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมในพิธี

ตามที่ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ทางจังหวัดชลบุรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหล รวมถึงผู้บริหารของบริษัท ไทยออยล์ เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน ประสาน และประชาสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทั่วถึง และไม่ซ้ำซ้อน โดยที่ผ่านมาคณะทำงานฯ ได้กำหนด หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

โดยบริษัท ไทยออยล์ จํากัด(มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบด้านต่างๆในพื้นที่เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลบางพระ บ้านอ่าวอุดม และบ้านแหลมฉบัง เป็นกลุ่มแรก ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท และ ในส่วนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการให้ความช่วยเหลือ ในครั้งต่อไป

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ยกย่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กล้าหาญ ลบประวัติอาชญากร คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมเสนอเป็นกฎหมาย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงข่าว โครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วัตถุประสงค์เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เคยมีประวัติถูกฟ้องคดีอาญา แต่ศาลยกฟ้อง ซึ่งยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้อาจถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

โดยบนเวที ทางด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่ากิจกรรมในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราพูดเสมอว่า เราจะธำรงไว้ซึ่งความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หรือความศักดิสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และที่สำคัญอย่างยิ่ง ก็คือ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ และมีศักดิ์ศรี ในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ย่อมได้รับการคุ้มครอง วันนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อเรา ได้รับความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือการบันทึกประวัติอาชญากร ซึ่งตนมองว่าถ้าเราทำนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินแล้วเป็นอาชญากร ก็คือการกระทำโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และทำลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด 

ซึ่งโครงการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำขึ้น สมควรได้รับรางวัลที่สุดในด้านสิทธิมนุษยชน เราจนควรผลักดันให้ เป็นกฎหมาย และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มความเห็นของคนที่พ้นโทษ และนอกจากนี้กระทรวงยุติธรรม ได้จัดทำพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นพระราชบัญญัติ ที่จะส่งเสริม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีการเสนอไป ครม.แล้ว หนึ่งในจำนวนขจัดการเลือกปฏิบัติ ก็คือเลือกปฏิบัติต่อผู้พ้นโทษ ในวันนี้ผู้พ้นโทษ เมื่อได้ผลโทษมาแล้ว มีระเบียบ มีหน่วยงานต่างๆจำนวนมาก เข้ามาจำกัดในสิทธิเสรีภาพของผู้พ้นโทษ 

ดังนั้นเราจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักนิติธรรม ก็คือหลักที่กฎหมายเป็นใหญ่กว่าคน  และกฎหมายจะต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ กฎระเบียบต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นกฎระเบียบอะไรที่ไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้มีการพิจารณาด้วย  ซึ่งต้องขอขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ได้ปลดโซ่ตรวน ปลดความเป็นทาสของบุคคล ขอขอบคุณและขอชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กล้าหาญ เพราะไม่มีหน่วยงานไหน ที่จะกล้าทำ

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้านตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน

เบตง ผบ.ฉก.ยะลา มอบบ้าน ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 ก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา

วันที่ 16 พ.ย.66 ที่บ้านเลขที่ 48/5 หมู่4 ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.ยะลา ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้านให้กับ นางแยนะ เปาะมะ อายุ 46 ปี ตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไม่ทิ้งท่าน โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา ผบ.ฉก.ตชด.44 นายสมัคร นอระพา นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน เข้าร่วม พร้อมทั้งมอบสิ่งของเครื่องใช้ มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ครอบครัว นางแยนะ เปาะมะ

พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม รอง ผบ.ฉก.ตชด.44 กล่าวว่า ตามที่ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า มีดำริ ในการดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัยสภาพเก่า ชำรุดทรุดโทรม มีฐานะยากจน แต่เป็นบุคคลที่มีจิตอาสา ซึ่งนางแยนะ เปาะมะ เป็นผู้ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน จากสภาสันติสุขตำบล พิจารณาแล้วว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ที่จะได้รับการช่วยเหลือตามโครงการดังกล่าว โดยได้รับงบประมาณ ในการดำเนินงาน จากผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ไตสมาสที่3 งบประมาณปี2566 หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 จึงได้จัดชุดช่างเข้าเริ่มทำการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก นายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมมือร่วมใจในโครงการดังกล่าวและได้ร่วมกันบริจาคเงินบางส่วนเพื่อสนับสนุนในการก่อสร้าง จนทำให้โครงการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ด้านนางนางแยนะ เปาะมะ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ซาบซึ้ง ตื้นตันใจ เป็นอย่างมาก ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่44 มาสร้างบ้านให้ และต้องขอบคุณหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่จัดทำโครงการดีๆแบบนี้ช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึงขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตน

นายอำเภอหญิง…นำส่วนราชการ ชาวบ้านลงแขกเกี่ยวข้าว นำไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ด

(16 พฤศจิกายน 2566) เวลา 09.00 น. ณ ทุ่งนาเกษตรวัฒนธรรมวัดราชวารีบ้านโคกล่าม อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ร.ต.อ.หญิงอรุณี อินทรมณี นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน เปิดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวสืบสานวัฒนธรรม พร้อมบวงสรวงแม่โพสพ เพื่อนำไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ,หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชน ร่วมกันเกี่ยวข้าว 

เนื่องด้วย วัดราชวารีบ้านโคกล่ามบ้านโคกล่าม จะมีการจัดงานประเพณีเทศกาลบุญประจำปี นมัสการพระธาตุหลวงเมืองพรหม เที่ยวชมปราสาทรวงข้าว ซึ่งที่ได้นำพี่น้องชาวบ้าน ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมดำนา ซึ่งขณะนี้ข้าวที่ปักดำไว้ถึงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสำหรับนำมาสร้างปราสาทรวงข้าว จึงได้มีการจัดงานสืบสาน วัฒนธรรมลงแขกเกี่ยวข้าว พร้อมบวงสรวงแม่โพสพ 

เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวตามประเพณีอีสานให้คงอยู่ ทั้งนี้ นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน ได้นำพี่น้องประชาชน ร่วมกันเกี่ยวข้าว ด้วยรอยยิ้มและรำวงอย่างสนุกสนาน ที่เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ระหว่างชุมชนและส่วนราชการ ที่มอบให้กัน และนำข้าวที่ได้ไปสร้างปราสาทรวงข้าว หนึ่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป 

เลขาฯ ศอ.บต. เผย "ศอ.บต. ขอทำงานเป็นทีมเดียวกับจังหวัด" หลังเดินทางพบหัวหน้าส่วนราชการนราธิวาส ด้าน รองผู้ว่าฯ เสนอ แก้ปัญหาการค้าชายแดน-ทรัพยากรมนุษย์-ว่างงาน ฯลฯ ในพื้นที่

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 2566) พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พบปะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ณ ห้องประชุมพระภิศัยสุนทร ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (แห่งที่ 2) เพื่อแลกเปลี่ยนการดำเนินงานพัฒนา จชต. 

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า การพบปะคนทำงานในพื้นที่วันนี้ เพื่อขออนุญาตมาทำงานร่วมกับจังหวัด และทุกส่วนงานใน 5 จชต. เพื่อให้ ศอ.บต. เป็นทีมเดียวกับจังหวัด เป็นหน่วยสนับสนุนภารกิจงานด้านการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนนราธิวาส และอีกทั้ง 4 จังหวัด ให้ทำงานเป็นแพ็คเป็นทีมเดียวกัน และมองภาพใหญ่ร่วมกัน 

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาส มีเป้าหมายในการพัฒนานราธิวาสสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การศึกษา เนื่องจากพบว่า เด็ก ประถมศึกษา 3 ในพื้นที่ ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และได้คะแนนสอบ O-NET และ A-NET ศูนย์คะแนนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังวางแนวทางแก้ไขปัญหาว่างงาน พบว่า แต่ละปีมีเยาวชนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นจำนวนมาก แต่กลับว่างงาน จึงไม่มีรายรับในการจ่ายหนี้ กยศ. และมุ่งแก้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะแม่และเด็ก ทั้งนี้เสนอให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยจัดโครงการสร้างสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย โดยรวมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด และภาคเอกชน ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี และใช้โอกาสนี้ในการหารือแก้ไขปัญหาด่านชายแดนต่อไป

ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนราชการยังมีการเสนอการพัฒนาในมิติต่างๆ เพื่อเป็นหัวข้อในการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่ในอนาคต อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูคนพิการ การดึงภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินงานในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกับตำบล เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top