Friday, 3 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

เปิดตัวหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง (พปส. รุ่นที่ 1)

มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา ได้เปิดตัวหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง พปส. รุ่นที่ 1 ชวนผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ มาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการแบ่งปันและสร้างโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยได้งานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ

สำหรับหลักสูตรการแพทย์เพื่อปวงประชา สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 1 (พปส. รุ่นที่ 1) จะจัดการเรียนการสอนเป็นระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึง วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 (เรียนทุกวันพุธ ช่วงบ่าย) ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ   หลักสูตรมีวิทยากรชั้นนำและเนื้อหาในการเรียนการสอนที่มีความพร้อม โดดเด่น ทันสมัย เรียนรู้ในแนวลึกถึงนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวอย่างกิจการที่ประสบผลสำเร็จในการประกอบธุรกิจและการดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม Health & Wellness ทั้งในประเทศไทยและในทั่วโลก โดยได้รับความร่วมมือจากจากคณะแพทยศาสตร์ที่เป็นพันธมิตรสำคัญของมูลนิธิฯ และจากหน่วยงานสำคัญในประเทศไทย ในการสนับสนุนวิทยากรชั้นนำซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งได้มีการออกแบบกิจกรรมในหลักสูตรที่นำไปสู่การเรียนรู้แบบรอบด้าน จนสามารถสร้างความเชื่อมั่น มีความสัมพันธ์ที่ดี ในระหว่างผู้เข้ารับการอบรมและจากทีมวิทยากร ทั้งในและจากต่างประเทศ เพื่อต่อยอดและขับเคลื่อนการแพทย์และสาธารณสุขไทย Pay It Forward เรียนดี มีความรู้ สร้างความดี ต่อยอดธุรกิจ สนใจติดต่อได้ที่ 

ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานหลักสูตร กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งหลักสูตร และ แกนหลักของหลักสูตร คือ 6 M 6 F อันประกอบด้วย Module 1 Future World รู้จักโลก  Module 2 Future Thailand รู้จักประเทศไทย  Module 3 Future Trend, Innovation and Digitalization รู้จักความก้าวหน้า ความทันสมัย Module 4 Future Firm รู้จักองค์กร  Module 5 Future Me รู้จักเรา Module 6 Future Touch, Study Visit  รู้จักและสัมผัสโลกอนาคต อีกทั้งหลักสูตรนี้ได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากสถาบันชั้นนำทางการแพทย์ อีกทั้งเป็นหลักสูตรที่บูรณาการความรู้ที่หลากหลาย ทำให้ได้ทั้งความรู้ เครือข่าย และ ช่วยเหลือสังคมไปด้วยกัน 

หลังจากนั้นได้มีการเสวนาโดย ดร.สุวิทย์ ธนียวัน รองประธานหลักสูตรได้กล่าวต้อนรับ และ ให้รายละเอียดถึงการดำเนินงานของหลักสูตร ดร.เภสัชกร ชาญณรงค์ เตชะอังกูร กรรมการหลักสูตรกล่าวถึงความพร้อมและวิทยากรในหลักสูตร พล.อ.นพ.บุญลือ วงษ์ท้าว ท่านที่ปรึกษา หลักสูตรกล่าวถึงแนวทางการเรียนการสอน คุณสุวดี ปาจรียางกูร กรรมการหลักสูตร และ เลขาธิการ สมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ได้เล่าถึงภาพรวมการทำกิจกรรม และ ประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรมจะได้รับ

ทั้งนี้ รายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดอบรมซึ่งมาจากค่าบริจาค 150,000 บาทต่อผู้เข้าอบรม เมื่อหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว มูลนิธิฯ มีเจตนารมย์ที่จะนำเงินทั้งหมดไปมอบเป็นทุนการศึกษา เพื่อขยายจำนวนทุนเพิ่มเติมให้กับนักศึกษาแพทย์และคณะแพทยศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

กระบี่-ทกจ.กระบี่ร่วมกับสำนักทะเบียน และมัคคุเทศก์ เขต 2 ภูเก็ต บริการให้ความรู้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่

นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์" โดยมีนางบัญญัติ หง้าบุตร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงานฯ และนางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ และบริการต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์

โดยมีการบรรยาย เรื่อง “การจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์" โดย นายปาฐกรณ์ แก้วมรกต นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 พร้อมการบริการตรวจสอบเอกสาร และให้คำปรึกษาการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 (ภูเก็ต) 

(ร้อยเอ็ด) นพค.54 ร่วมพิธี Kick Off กิจกรรมกำจัดวัชพืชและผักตบชวา และกิจกรรมจิต อาสาพัฒนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566  หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา) นำโดย  พันเอก เกียรติศักดิ์  พรมตวง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมด้วยจิตอาสา 904 กำลังพลจิตอาสาประจำหน่วยฯ รถยนต์บริการเทท้าย 10 ล้อ จำนวน 2 คัน 

ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมพิธี Kick Off กิจกรรมกำจัดวัชพืชและผักตบชวา และกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ณ คลองเชียงขวัญ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ตำบลเชียงขวัญ อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีฯ 

จังหวัดร้อยเอ็ด แถลงข่าวการจัดประกวดมิสแกรนด์ร้อยเอ็ด 2024

(15 พฤศจิกายน 2566 )เวลา 15.00 น. นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการแถลงข่าว การจัดประกวดมิสแกรนด์ร้อยเอ็ด 2024 โดยมี เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่มีศักยภาพ ทั้ง 20 อำเภอ มาเป็นตัวแทนจังหวัดร้อยเอ็ด ไปแข่งขันต่อบนเวทีระดับประเทศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ 

โดยมี ผู้สนับสนุนการประกวด คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน และประชาชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก ที่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด โดย ได้มีการเปิดตัวมงกุฎเพชร มูลค่ากว่า 300,000 บาท ซึ่งเป็นการนำ เอกลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด มาออกแบบ เช่น บึงพลาญชัย โหวด ข้าวหอมมะลิ ชื่อจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น ซึงมีความอลังการเป็นอย่างมาก 

ส่วนกำหนการดจัดกิจกรรมการทำกิจกรรมการเก็บตัวของนางงามในจังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 21 – 24 ธันวาคม 2566 ส่วนในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ได้จัดให้มีการประกวด “มิสแกรนด์ร้อยเอ็ด” รอบตัดสิน ณ โรงแรม เพชรรัชต์การ์เด้นท์ ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด 

ทั้งนี้ มีกิจกรรมของนางงาม ในการร่วมเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน รวมถึงอาหารพื้นเมือง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าแค่การจัดประกวดหานางงามเพียงอย่างเดียว ยังให้นางงามนำเสนอการท่องเที่ยว การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของจังหวัด ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย 

ร้อยเอ็ด…จังหวัดร้อยเอ็ดเปิดตลาดนัดข้าวเปลือก แหล่งกลางซื้อ-ขายข้าวเปลือก อย่างเป็นธรรม

เมื่อวานนี้ ( 15 พฤศจิกายน 2566 )เวลา 09.30 น. นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/2567 เพื่อเป็นแหล่งกลางในการซื้อ-ขายข้าวเปลือก ที่ให้ความเป็นธรรม ทางด้านราคา การชั่งน้ำหนัก และการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ วรวงศ์ พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย ผู้จัดการสหกรณ์ การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส ร้อยเอ็ด จำกัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอตรวิสัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่ ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด ตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด

โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ดำเนินโครงการจัด ตลาดนัดข้าวเปลือกช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาด เนื่องจากข้าวเปลือกเข้าสู่ตลาด ปริมาณมาก จะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกปรับลดลง จึงได้กำหนด จัดตลาดนัดข้าวเปลือก จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน 2566 เปิดจุดรับซื้อ ข้าวเปลือก ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ร้อยเอ็ด จำกัด ตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่ 2 วันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2566 เปิดจุดรับซื้อ ข้าวเปลือก ณ ตลาดกลางสินค้าเกษตรร้อยเอ็ด ตำบลดงลาน อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด และครั้งที่ 3 วันที่ 29 พฤศจิกายน - 9ธันวาคม 2566 เปิดจุดรับซื้อ ข้าวเปลือก ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด ศูนย์ ธุรกิจโพนทอง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด 

ทั้งนี้ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดทำตลาดนัดข้าวเปลือก เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร ในการขายข้าวได้ราคาดี ยังมีบวกราคาข้าวเพิ่มขึ้น จากสหกรณ์ จะทำให้ชาวบ้านจะเกิดความมั่นใจ และมีช่องทางเลือกในการขายสินค้าเกษตรมากขึ้น รวมถึงเกษตรกรจะได้เรียนรู้ระบบการซื้อขายแบบตลาดกลาง ใช้เป็นฐานในการพัฒนาระบบตลาด อีกทั้งเป็นแรงกระตุ้นให้เกษตรกรหันมาสนใจพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพข้าวเปลือกอย่างจริงจัง และให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด ต่อไป

พิจิตร-บิ๊กต่อนิมนต์เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานเข้าวัดยุติความขัดแย้งลืมอดีตมองไปข้างหน้า

เมื่อวานนี้ (15 พฤศจิกายน 2566) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , นาย ภูวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงพื้นที่มาที่ วัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร โดยมาถึงเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. จากนั้นได้นิมนต์ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดบางคลาน พร้อมด้วยกำลังจิตอาสากว่า 200 คน  เดินหน้ามายังประตูวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งปิดประตูอยู่ จากนั้น 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ใช้โทรโข่งเจรจาพูดคุยว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องข้ามความขัดแย้งแล้วหันหน้ามาเจรจาพูดคุยกัน โดยขอให้แกนนำ คือ นางสุภา หรือชื่อเดิม นางประภานันท์ อยู่ยืด ประธานองค์กรชุมชนรักษ์วัดบางคลาน ใช้โทรโข่งบอกกับชาวบ้านที่อยู่ด้านในขอให้เปิดประตู จากนั้นคณะของ “บิ๊กต่อ” ก็ได้เดินเข้าวัดพร้อมกับ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดบางคลาน เข้าไปภายในวัดและขึ้นไปยังวิหารหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งก็มีคณะกรรมการ 18 คน ที่เป็นทั้งฝ่ายอดีตเจ้าอาวาส และฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ขึ้นไปนมัสการรูปหล่อหลวงพ่อเงินที่ประดิษฐานอยู่บนวิหาร โดยมี พระพรหมโมลี ปธ.9 รักษาการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. เทศน์ให้โอวาทกับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ครั้งใหญ่ในรอบ 9 ปี หลังจากที่มีปัญหายืดเยื้อมายาวนาน แต่ด้วยการผนึกกำลังเอาจริงของ “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.-ป.ป.ป. –ป.ป.ท. จึงทำให้สถานการณ์วันนี้คลี่คลายลงแล้วและเชื่อมั่นว่าความสงบจะกลับคืนสู่วัดหลวงพ่อเงินบางคลานอีกครั้ง 

จากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตอนที่เราเข้ามาตั้งเเต่เเรก  เราก็จะเห็นพี่น้องชาวบางคลานเเละก็ในทีมที่เข้ามาเเก้ปัญหา รวมทั้งคณะกรรมการที่เราจัดตั้งไว้ 18 คน หรือเรียกว่า 18 อรหันต์ ทุกคนก็มีความร่วมมือร่วมใจกันจะเห็นได้ว่ายื้มเเย้มเเจ่มใส เห็นบรรยากาศเราก็รู้มันเป็นภาษากายที่สามารถสื่อได้ว่าไม่ได้มีความกังวลอะไรเลย มีความสุข ชาวบ้านเข้ามากอด ผมเชื่อว่าเขาไม่มาเสเเสร้งเเล้วเข้าก็อยากเห็นความสุข สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ดึงความเชื่อมั่นศรัทธาของ  พุทธศาสนิกชนที่จะมากราบขอพรองค์หลวงพ่อเงิน ไม่ใช่เฉพาะชาวบางคลานหรือคนพิจิตรเท่านั้นที่จะดีใจ แต่เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนที่เป็นคนไทย หรือจะรวมถึงชาวต่างชาติก็จะดีใจด้วย  

ตอนนี้เรากำลังเปิดบรรยากาศการท่องเที่ยวตามที่รัฐบาลวางนโยบายไว้  ผมก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี เงินก็จะไหลในระบบในเศรษฐกิจของพี่น้องชาวบางคลานก็จะดีการค้าขายของเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เราได้ทั้งห่วงโซ่เลยที่มันเป็นวงจร  ผมคิดว่าชาวบ้านก็ต้องรักษาตรงนี้ไว้ ผมว่าคนข้างนอกคนบางคลานต้องช่วยกัน เพราะคนนอกมาช่วยทำให้มันดีขึ้นฉะนั้นคนบางคลานต้องรักษาไว้มันไม่มีอะไรเอาไปได้  เเต่สิ่งศรัทธาพุทธศาสนาเราเป็นการสืบทอดพุทธศาสนามันเเป็นหน้าที่ทุกหลายหน่วยช่วยกันไม่ใช่เฉพาะตำรวจเท่านั้น แต่รวมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  

“บิ๊กต่อ”กล่าวย้ำว่า หลังจากวันนี้กำลังตำรวจจะยังไม่ถอนตัวออกจากวัด แต่จะวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ส่วนหนึ่งให้ช่วยดูแลความสงบภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จนกว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีก

“บิ๊กต่อ” ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำโครงการอุปสมบทนาคหมู่ เนื่องในโอกาสปีมหามงคล 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปี 2567 โดยจะนำตำรวจมาบวชที่วัดหลวงพ่อเงินบางคลานแห่งนี้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทอดทิ้งวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน หรือหนีหายไปไหน? พร้อมทั้งจะดูเเลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการจัดระเบียบภายในวัดให้เรียบร้อยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมากราบไหว้นมัสการหลวงพ่อเงินวัดบางคลานแห่งนี้ อีกด้วย

นราธิวาส-ติดตามการขับเคลื่อนงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 มุ่งดูแลชายแดนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ที่ห้องรับรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้การต้อนรับ พลโท ณัฐพงษ์  เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร พร้อมคณะฯ ในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติภารกิจติดตามการทำงาน พร้อมรับทราบและหารือถึงปัญหาการขับเคลื่อนงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลตรี กรกฎ ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ตลอดจนคณะผู้บังคับบัญชาจากส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กล่าวว่า “วันนี้เดินทางมาเนื่องในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ซึ่งตั้งใจจะมารับฟังว่าอยากให้กรมชายแดนทำอะไรบ้าง และรับฟังคำแนะนำว่าทำอย่างไรให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชายแดนอย่างแท้จริง อย่างแรกที่จะทำในปีนี้ คือนโยบายชายแดนทางด้านมาเลเซีย วางแผนการดำเนินว่าจะทำในด้านเรื่องอะไรบ้าง โดยจะบูรณาการกับกระทรวงต่างๆ ในการทำงาน อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือ ดาต้าเซ็นเตอร์เรื่องชายแดนทั้งหมด ที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ เพื่อให้สามารถค้นคว้าหาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น“

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “ขอขอบคุณท่านเจ้ากรมชายแดนที่แวะมาเยี่ยม และให้ข้อมูลการทำงานต่าง ๆ ในส่วนเรื่องของแนวชายแดนกองทัพภาคที่ 4 จะมีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ 2 ประเทศ คือ จังหวัดชุมพรและระนอง ที่ติดกับประเทศเมียนมา และจังหวัดสตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนในการควบคุมตามแนวชายแดน ในอดีตกองกำลังเทพสตรีจะดูแลทั้งหมด แต่ปีนี้มีการปรับหน่วยที่ต้องดูแลแนวชายแดนเพิ่มขึ้น เพื่อแบ่งเบาภาระการทำงานของกองกำลังเทพสตรี และเพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อน โดยกองกำลังเทพสตรีก็จะรับผิดชอบตามแนวชายแดนฝั่งที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาเหมือนเดิม  ตั้งแต่มาจนถึงจังหวัดสตูลและอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ส่วนตั้งแต่จังหวัดยะลาไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส เปลี่ยนให้เป็นกองบังคับการควบคุมสุริโยทัยดูแล โดยให้กองพลทหารราบที่ 15 จัดกำลังดูแลป้องกันชายแดน สำหรับปัญหาตามแนวชายแดนของกองทัพภาคที่ 4 ทั้งเรื่องการรุกล้ำอธิปไตย การต่อสู้ตามแนวชายแดน ฝั่งประเทศเมียนมา และประเทศมาเลเซียนั้นแทบจะไม่มีเลย และในด้านการพบปะพัฒนาสัมพันธ์ ก็มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีการหยุดไปในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 บ้าง แต่ปัจจุบันได้กลับมาพัฒนาความสัมพันธ์กันตามปกติ และเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ เรายังมีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งทางบกและทางน้ำด้วย“

จากนั้น เวลา 13.00 น. เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ได้เดินทางต่อไปยังด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส และกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ก่อนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 ในเวลาต่อมา โดยสะพานแห่งนี้ใช้เชื่อมต่อระหว่าง อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กับ รันเตาปันจัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นโครงการภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือ IMT – GT เพื่อก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำอีก 1 สะพาน คู่ขนานกับสะพานเดิม เนื่องจากสะพานข้ามแม่น้ำ โก-ลก แห่งที่ 1 มีความคับแคบไม่สะดวกต่อการตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศที่ในแต่ละวันมีเป็นจำนวนมาก หากดำเนินการก่อสร้างเสร็จก็จะยกระดับการสัญจรผ่านแดนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในการขนส่งการค้าชายแดน และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เปิดโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมมหาศาลาหทัยนเรศวร์ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการสร้างเครือขายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตําบล ของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระสุวรรณเมธี (แสวง ปญฺญาปโชโต) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, นายยุทธพงษ์ ไชยศร นายอำเภอจอมทอง, พ.ต.อ.พงษ์เดช คำใจสู้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการเปิดอบรมโครงการในครั้งนี้

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล โดยได้กำหนดเป้าหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดยุทธศาสตร์ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกมิติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งได้ให้ความสำคัญและนำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินโครงการ "สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)"  โดยมีเป้าหมาย "เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน" 

จึงได้กำหนดให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศดำเนินการ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้วที่ได้ดำเนินการมา ซึ่งตอนนี้เรามีเครือข่าย จำนวน 590,000 กว่าคนทั่วประเทศ โดยได้มีการขอความร่วมมือจากเครือข่ายในการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชนปราชญ์ท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ให้สะท้อนถึงปัญหาของในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งเพื่อจะได้บูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการภาคเอกชน และประชาชน ทุกภาคส่วน รวมพลังกัน เพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชน มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สืบไป ซึ่งการจัดฝึกอบรมประชาชนตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ของ ภ.จว.เชียงใหม่ ครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 1,900 คน โดยเป็นผู้แทนของประชาชนในพื้นที่ตำบลต่างๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจในสังกัด 38 สถานี สถานีตำรวจละ 50 คน ใช้เวลาฝึกอบรม รุ่นละ 1 วัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 3 รุ่น ในวันนี้ เป็นการอบรม รุ่นที่ 1 มีผู้แทนประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.จอมทอง, ดอยหล่อ, ฮอด, บ่อหลวง, ดอยเต่า, แม่กา, แม่แจ่ม, อมก๋อย และแม่ตื่น รวมทั้งสิ้น 500 คน  โดยมีคณะวิทยากรผู้มีความรู้ ความสามารถจากภาครัฐและเอกชน มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกท่าน จะสามารถนำความรู้ และแนวทางที่ได้จากการฝึกอบรมไปปฏิบัติ เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ระดับตำบล และเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ต่อไป

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่สำหรับการฝึกอบรมเครือข่ายประชาชนของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ เป็นผู้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องขอบคุณในความเสียสละที่ทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ และผู้ที่เข้ารับอบรมจะได้รับการคัดเลือกและอาสาเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม ชุมชน ท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่ เพราะพวกท่านทราบปัญหาในพื้นที่ดี และทราบว่าแต่ละพื้นที่ต้องการอะไร ทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านความขัดแย้ง ความเห็นแตกแยกทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ฝนแล้ง น้ำไม่พอสำหรับบริโภคหรือการเกษตร น้ำไม่ไหลไฟฟ้าดับ ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด วัยรุ่นมั่วสุม และทุกปัญหา นอกเหนือไปจากการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในหน่วยงานของตำรวจ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พวกท่านยังได้ร่วมสนับสนุนการทำงานของตำรวจอีกด้วย ดังนั้นการฝึกอบรมในครั้งนี้ จึงเป็นการเสริมสร้างความรู้ในด้านต่างๆ รวมทั้งได้มารู้จักพี่น้องเครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อรวมกันเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่มีพลังในการขับเคลื่อน ในการแก้ไขปัญหา ร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ อันจะทำให้ทุกปัญหาได้รับการแก้ไข เรื่องของความเดือดร้อน และความต้องการของพี่น้องประชาชน จะได้รับการแก้ไข และตอบสนองโดยทันที อีกทั้งชุมชนและสังคม ก็จะมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป

'น้ำใจคนกระบี่' แห่ร่วมบริจาคโลหิต หลังทราบข่าว ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ขาดแคลน

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 สืบเนื่องจาก มีการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวดังในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทางธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ แจ้งความประสงค์ขอรับบริจาคเลือดซึ่งมีจำนวนน้อยต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากบุคคลในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนดร. 1 intercare จังหวัดกระบี่ นำโดย ดร.พิชญุ์นี ขาวล้วน  ผู้บริหารโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่จัดทำโครงการจิตอาสา บริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยนักเรียนโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่รุ่น 27 ร่วมกันบริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความประสงค์บริจาคโลหิต โดยมี นายแพทย์สุรัตน์ ตันติทวีวรกุล ผอ.โรงพยาบาลกระบี่ มาให้กำลังใจต่อผู้ที่มีความประสงค์ร่วมบริจาคโลหิต 

และสำหรับผู้มีความประสงค์มีจิตอาสาต้องการบริจาคเลือดสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ เวลา 8:30 น. -13:00 น วันจันทร์ - วันศุกร์ บริจาคโลหิตด้วยหัวใจส่งต่อการให้ที่งดงามให้เลือดเท่ากับให้ชีวิต 

โดยครั้งนี้ มีนักเรียนโรงเรียนดร. 1 intercare ร่วมกิจกรรม โครงการจิตอาสา #IKSบริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ นักเรียนโรงเรียนด็อกเตอร์หนึ่งอินเตอร์แคร์กระบี่ รุ่น27 บริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่  และนอกนี้ยังมีประชาชนที่ได้ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวในท้องถิ่นได้เดินทางมาร่วมกันบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง

พร้อมส่งเสริมการศึกษา!! 'บริษัท ไทยแอโรว์' ส่งมอบกันสาดอาคารเรียนมูลค่า 300,000 ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ

ที่ภายในห้องประชุมเอนกประสงค์ โรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดกิจกรรมส่งมอบกันสาดอาคารเรียน มูลค่า 300,000 บาท ภายใต้ชื่อโครงการ CSR ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิและในเครือ 

โดยมี นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด พร้อมด้วย นายรังสรรค์ หมัดโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการ บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ตลอดจนพนักงานบริษัทร่วมเป็นตัวแทนในการส่งมอบกันสาดอาคารเรียน ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี มีความยาวอยู่ที่ 67 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมูลค่า 300,000 บาท ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ มีคณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำโดย นางพันวลี ใจมั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำคณะครูและนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ

โดยทางด้าน นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านสังคม ในเขตพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ ได้ดำเนินการก่อสร้างกันสาดอาคารเรียนให้กับทางโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี โดยมีมูลค่าในการก่อสร้าง จำนวน 300,000 บาท มีความยาวประมาณ 67 เมตร ติดตั้งอยู่ที่บริเวณอาคารเรียนทางด้านหลังเพื่อใช้ในการบังแดดหลบฝนให้กับน้องๆ หนูๆ นักเรียนสุเหร่าบางกะสี

ซึ่งในวันนี้ทางคณะผู้บริหารได้ส่งมอบกันสาดอาคาร ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ยังเป็นการฉลองเนื่องในโอกาส ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิอีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top