Monday, 20 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เปิดโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมมหาศาลาหทัยนเรศวร์ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการสร้างเครือขายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตําบล ของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระสุวรรณเมธี (แสวง ปญฺญาปโชโต) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, นายยุทธพงษ์ ไชยศร นายอำเภอจอมทอง, พ.ต.อ.พงษ์เดช คำใจสู้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการเปิดอบรมโครงการในครั้งนี้

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล โดยได้กำหนดเป้าหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดยุทธศาสตร์ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกมิติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งได้ให้ความสำคัญและนำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินโครงการ "สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)"  โดยมีเป้าหมาย "เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน" 

จึงได้กำหนดให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศดำเนินการ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้วที่ได้ดำเนินการมา ซึ่งตอนนี้เรามีเครือข่าย จำนวน 590,000 กว่าคนทั่วประเทศ โดยได้มีการขอความร่วมมือจากเครือข่ายในการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชนปราชญ์ท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ให้สะท้อนถึงปัญหาของในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งเพื่อจะได้บูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการภาคเอกชน และประชาชน ทุกภาคส่วน รวมพลังกัน เพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชน มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สืบไป ซึ่งการจัดฝึกอบรมประชาชนตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล ของ ภ.จว.เชียงใหม่ ครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 1,900 คน โดยเป็นผู้แทนของประชาชนในพื้นที่ตำบลต่างๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจในสังกัด 38 สถานี สถานีตำรวจละ 50 คน ใช้เวลาฝึกอบรม รุ่นละ 1 วัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 3 รุ่น ในวันนี้ เป็นการอบรม รุ่นที่ 1 มีผู้แทนประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.จอมทอง, ดอยหล่อ, ฮอด, บ่อหลวง, ดอยเต่า, แม่กา, แม่แจ่ม, อมก๋อย และแม่ตื่น รวมทั้งสิ้น 500 คน  โดยมีคณะวิทยากรผู้มีความรู้ ความสามารถจากภาครัฐและเอกชน มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกท่าน จะสามารถนำความรู้ และแนวทางที่ได้จากการฝึกอบรมไปปฏิบัติ เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ระดับตำบล และเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ต่อไป

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่สำหรับการฝึกอบรมเครือข่ายประชาชนของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ เป็นผู้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องขอบคุณในความเสียสละที่ทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ และผู้ที่เข้ารับอบรมจะได้รับการคัดเลือกและอาสาเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม ชุมชน ท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่ เพราะพวกท่านทราบปัญหาในพื้นที่ดี และทราบว่าแต่ละพื้นที่ต้องการอะไร ทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านความขัดแย้ง ความเห็นแตกแยกทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ฝนแล้ง น้ำไม่พอสำหรับบริโภคหรือการเกษตร น้ำไม่ไหลไฟฟ้าดับ ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด วัยรุ่นมั่วสุม และทุกปัญหา นอกเหนือไปจากการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในหน่วยงานของตำรวจ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พวกท่านยังได้ร่วมสนับสนุนการทำงานของตำรวจอีกด้วย ดังนั้นการฝึกอบรมในครั้งนี้ จึงเป็นการเสริมสร้างความรู้ในด้านต่างๆ รวมทั้งได้มารู้จักพี่น้องเครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อรวมกันเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่มีพลังในการขับเคลื่อน ในการแก้ไขปัญหา ร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ อันจะทำให้ทุกปัญหาได้รับการแก้ไข เรื่องของความเดือดร้อน และความต้องการของพี่น้องประชาชน จะได้รับการแก้ไข และตอบสนองโดยทันที อีกทั้งชุมชนและสังคม ก็จะมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป

'น้ำใจคนกระบี่' แห่ร่วมบริจาคโลหิต หลังทราบข่าว ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ขาดแคลน

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 สืบเนื่องจาก มีการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวดังในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทางธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ แจ้งความประสงค์ขอรับบริจาคเลือดซึ่งมีจำนวนน้อยต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากบุคคลในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนดร. 1 intercare จังหวัดกระบี่ นำโดย ดร.พิชญุ์นี ขาวล้วน  ผู้บริหารโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่จัดทำโครงการจิตอาสา บริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยนักเรียนโรงเรียนดร. 1 อินเตอร์แคร์กระบี่รุ่น 27 ร่วมกันบริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความประสงค์บริจาคโลหิต โดยมี นายแพทย์สุรัตน์ ตันติทวีวรกุล ผอ.โรงพยาบาลกระบี่ มาให้กำลังใจต่อผู้ที่มีความประสงค์ร่วมบริจาคโลหิต 

และสำหรับผู้มีความประสงค์มีจิตอาสาต้องการบริจาคเลือดสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารเลือดโรงพยาบาลกระบี่ เวลา 8:30 น. -13:00 น วันจันทร์ - วันศุกร์ บริจาคโลหิตด้วยหัวใจส่งต่อการให้ที่งดงามให้เลือดเท่ากับให้ชีวิต 

โดยครั้งนี้ มีนักเรียนโรงเรียนดร. 1 intercare ร่วมกิจกรรม โครงการจิตอาสา #IKSบริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ นักเรียนโรงเรียนด็อกเตอร์หนึ่งอินเตอร์แคร์กระบี่ รุ่น27 บริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลกระบี่  และนอกนี้ยังมีประชาชนที่ได้ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ทางเพจข่าวในท้องถิ่นได้เดินทางมาร่วมกันบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง

พร้อมส่งเสริมการศึกษา!! 'บริษัท ไทยแอโรว์' ส่งมอบกันสาดอาคารเรียนมูลค่า 300,000 ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ

ที่ภายในห้องประชุมเอนกประสงค์ โรงเรียนสุเหร่าบางกะสี ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดกิจกรรมส่งมอบกันสาดอาคารเรียน มูลค่า 300,000 บาท ภายใต้ชื่อโครงการ CSR ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิและในเครือ 

โดยมี นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด พร้อมด้วย นายรังสรรค์ หมัดโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการ บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ตลอดจนพนักงานบริษัทร่วมเป็นตัวแทนในการส่งมอบกันสาดอาคารเรียน ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี มีความยาวอยู่ที่ 67 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมูลค่า 300,000 บาท ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ มีคณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำโดย นางพันวลี ใจมั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี นำคณะครูและนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ

โดยทางด้าน นายสุชาติ กุลเจริญ กรรมการบริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไทยแอโรว์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านสังคม ในเขตพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิ ได้ดำเนินการก่อสร้างกันสาดอาคารเรียนให้กับทางโรงเรียนสุเหร่าบางกะสี โดยมีมูลค่าในการก่อสร้าง จำนวน 300,000 บาท มีความยาวประมาณ 67 เมตร ติดตั้งอยู่ที่บริเวณอาคารเรียนทางด้านหลังเพื่อใช้ในการบังแดดหลบฝนให้กับน้องๆ หนูๆ นักเรียนสุเหร่าบางกะสี

ซึ่งในวันนี้ทางคณะผู้บริหารได้ส่งมอบกันสาดอาคาร ให้กับโรงเรียนสุเหร่าบางกะสีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ยังเป็นการฉลองเนื่องในโอกาส ครบรอบ 60 ปี ไทยยาซากิอีกด้วย

เพชรบูรณ์-อบจ.เพชรบูรณ์ มอบทุนนักเรียนยากจนและด้อยโอกาสเข้าศึกษาต่อคณะพยาบาลหวังผลิตบุคลากรมาเติมเต็มงานสาธารณสุขหลังได้รับการถ่ายโอน รพ.สต. มาสังกัด

15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส โดยมี นายวันเฉลิม เพ่งพินิจ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายคณีธิป บุญยเกตุ นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย รองนายก อบจ.เพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ปกครอง นักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือก และนักเรียนโรงเรียน อบจ.เพชรบูรณ์ร่วมในพิธี

นายวันเฉลิม เพ่งพินิจ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งผลต่อความมั่งคงและยั่งยืนของประเทศชาติในอนาคต ปัจจุบันยังคงมีนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ขาดโอกาสในการศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ประสบปัญหาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ทำให้เป็นเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ ของสังคม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แบ่งเบาภาระของพ่อ แม่ และผู้ปกครอง จึงได้จัดทำโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยได้พิจารณาจ่ายทุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ศึกษาในสาขาทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐ จำนวน 5 ทุนๆละ 33,000 บาท ต่อปีการศึกษา   

ด้านนายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูณ์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน ซึ่งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงและยั่งยืนของประเทศชาติ จึงได้จัดทำโครงการศึกษาสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนและด้อยโอกาส องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีโอกาสในการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ในสาขาทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ซึ่งเป็นสาขาที่มีความสำคัญ และยังขาดแคลนบุคลากรเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการได้รับถ่ายโอน รพ.สต. มาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ การผลิตบุคลากรมาเติมเต็มงานบริการด้านสาธารณสุขจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเพชรบูรณ์ให้ได้รับการบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ตรวจเยี่ยมการฝึกตำรวจควบคุมฝูงชน เน้นย้ำการเคารพสิทธิประชาชนตามกฏหมาย และฝึกให้เกิดความมั่นใจในการปฎิบัติหน้าที่

วันนี้ (15 พ.ย.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มาตรวจเยี่ยมการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน สังกัด บช.น. โดยมี พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผบก.อคฝ. พล.ต.ต.ศรกฤษณ์ แก้วผลึก อดีต รอง ผบช.ศ. เป็นผู้ควบคุมการฝึก โดยได้ทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจรวม 340 นาย ระหว่างวันที่ 12-15 พ.ย.66 ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง โดยเป็นการฝึกให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมฝูงชนและการชุมนุมสาธารณะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนตามกฏหมาย รวมทั้งยังมีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อรักษาความสงบของประชาชน โดยในการนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้เน้นย้ำให้ผู้เข้ารับการฝึกตั้งใจฝึกฝนอบรม และหมั่นทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รวมทั้งได้มอบเครื่องดื่มและเงินสนับสนุนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของกำลังพลในการฝึกอบรมต่อไป

เลขาธิการศอ.บต. ชื่มชมพลังจิตอาสาทำสิ่งดีงามช่วยสังคม ชี้ คือจุดแข็งใน จชต.

วันพุธที่ 15​ พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์. เลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับ คณะสื่อในพื้นที่ และ ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับการสนับสนุนให้ทำดีเพื่อสังคมจากนายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายฐกร รัตนกมลพร และ ครอบครัว พญ. สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ นพ.ชัยวัฒน์  เตชะไพฑูรย์ เนชั่นทีวี บรรณาธิการศูนย์ข่าวอิศรา ในโอกาสนี้ทางกลุ่มได้นำขนมหมอแกง และขนมดู เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่ทำขายแล้วนำเงินมาช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง ขาดโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเด็กกำพร้าในพื้นที่ ได้นำขนมมามอบให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์. เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ นอกจากนี้ยังมี นายนฤพล สุคนธชาติ ประธานสมาพันธ์ SME จังหวัดยะลา ยังร่วมมอบดอกไม้อีกด้วย 

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ผมชื่นชมพลังเหล่านี้มาก ซึ่งก่อนมาได้รับหน้าที่ ก็พยายามศึกษาในระดับพื้นที่ว่า เรามีพลังอะไรที่แอบแฝงอยู่บ้าง และค้นพบจุดแข้งของพื้นที่นี้เลย ก็คือ กลุ่มจิตอาสา หรือ อีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มสตรี ที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆกลุ่มเหล่านี้ มีพลังมาก ที่ขับเคลื่อนความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตของครอบครัว ชุมชน อันนี้เป็นระดับเล็กที่สุดในประเทศ ซึ่ง ถ้าจุดเล็กๆมีความเข็มแข้ง มีคุณภาพ แล้วในระดับต่อไป หมู่บ้าน อำเภอ ตำบลก็จะมีความเข็มแข้ง มีชุมชนที่ดี 

เลขาธิการศอ.บต. ยังได้ยกตัวอย่างด้วยว่า มีคำอยู่สองสามคำ ที่รับฟังมาแล้วชื่นชม คำว่า กิจกรรมอะไรที่ทำภายในครอบครัวทำในชุมชน เขารวมตัวกันทำอาหาร เป็นกิจกรรมที่ทำรายได้ มีผลผลิตเล็กๆ น้อยๆในพื้นที่ ทำกันในหมู่บ้าน ทำทานกันเอง ต่อมาสามารถได้รับการพัฒนา ให้ความรู้ สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ ขายได้ เช่นขนมต่างๆผลผลิตทางการเกษตรบางอย่าง ที่นำมาแปรรูปเป็นสิ้นค้าพื้นบ้าน พอได้รับการส่งเสริมจากภาคเอกชน เข้ามาพัฒนาการบรรจุภัณฑ์ การจัดการซื้อขาย การตลาด สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากจนเลี้ยงตัวได้อันนี้ เรียนเลยว่านี้คือพลังของจิตอาสา

แล้วเขาก็ไม่ทิ้งคนอื่น รายได้ที่ได้มาบางส่วนก็นำไปช่วยเหลือผู้คน ผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ ผู้ป่วยติดเดียง เด็ก เยาว์ชน กำพร้า มีการแบ่งปั่น อันนี้จริงๆต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่งดงามมาก และเป็นจุดเล็ก ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะแบกหินก้อนใหญ่ได้ แต่เราสามารถช่วยกันถือหินก่อนเล็กๆได้ จากหลายคนก็เป็นกำแพงได้ จุดนี้เป็นจุดแข็งที่ในพื้นที่มี จะสนับสนุนพลังเหล่านี้ ให้เกิดคุณภาพ ให้มากขึ้น มีประโยชน์  มีทั้งกิจกรรมและมีรายได้แล้วสังคมสาธารณะได้รับประโยชน์ด้วย ไม่มีอะไรที่เสียหายเลย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงามมากกว่า

นอกจากนี้ทางศูนย์พัฒนาอาชีพฯได้ร่วมแสดงความยินดีกับนางสุนิสา รามแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ในโอกาส รับตำแหน่งประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาอีกด้วย   

จากนั้นยังได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจรวมทั้งมอบสิ่งของให้ช่วยเหลือประชาชนที่ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือในพื้นที่ยะลาและปัตตานีต่อไป  

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายตำรวจท่องเที่ยว เด้งรับนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ

เมื่อวานนี้ (วันอังคารที่ 14 พ.ย.66) เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 4) เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการ โดยมี พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. และ รอง ผบช.ทท. ให้การต้อนรับ ในการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) ได้กำชับการทำคนน้อยให้เป็นคนมาก ตำรวจท่องเที่ยวต้องร่วมเข้าไปตรวจตราดูแลนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมกับสถานีตำรวจ ต้องตรวจตามแผนการตรวจ พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต้องป้องกันเหตุให้ได้ ต้องไม่มีเหตุเกิดกับนักท่องเที่่ยว หากเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว เราต้องให้ความสำคัญ ต้องกระตือรือร้น ตำรวจท่องเที่ยวต้องช่วยตำรวจพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย หากเป็นเหตุสำคัญ หรือคดีสำคัญ ผู้กำกับการต้องไปควบคุมกำกับดูแลด้วยตนเอง หากติดปัญหาทางตัว รอง ผบ.ตร. ก็จะช่วยแก้ปัญหา ประสานการปฏิบัติให้เอง จะไม่ปล่อยให้ลูกน้องต้องทำงานโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน 

ตำรวจท่องเที่ยวต้องหมั่นดูแลสถานทูต ต้องรู้จักประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตในพื้นที่ และช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวชาติต่าง ๆ ในการประชุมระดับจังหวัด สารวัตรท่องเที่ยวต้องรู้จักไปประชุมด้วยตนเอง เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ในจังหวัดได้ ไม่ใช่มอบรองสารวัตร หรือชั้นประทวนไปประชุม จนทำให้ตำรวจท่องเที่ยวไร้ตัวตนในการทำงานในพื้นที่สำคัญ หรือการทำงานระดับจังหวัด หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เช่น สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องประสานความร่วมมือตรวจสอบความปลอดภัย การบำรุงรักษาเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์เหล่านั้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว และต้องรู้จักประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

อีกทั้งในสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตำรวจท่องเที่ยวก็ต้องช่วยตำรวจพื้นที่ ออกตรวจพื้นที่ตามแผนการตรวจร่วมที่ได้ประชุมกำชับสั่งการไปแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะตรวจสอบผลการตรวจผ่าน ระบบ Police 4.0 ด้วยตนเอง หากพื้นที่ใดไม่ตรวจ ไม่มีผลการตรวจ ไม่ใส่ใจ ก็จะขอพบสารวัตรท่องเที่ยวที่รับผิดชอบเพื่อสอบถามถึงสาเหตุว่าติดขัดหรือมีปัญหาข้อขัดข้องประการใด แต่ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ก็ต้องช่วยกันตรวจตามแผน ตามอำนาจหน้าที่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เน้นย้ำว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยตำรวจที่สำคัญ เป็นหน่วยตำรวจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชางต่างชาติ มีส่วนในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ อันเป็นนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล นโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล เช่น ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากชาติสำคัญ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน หรือการเปิดสถานบริการในพื้นที่สำคัญ เช่น กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ถึงเวลา 04.00 น. ตำรวจท่องเที่ยวก็ต้องตามให้ทัน ต้องปรับแผนการตรวจ การบริการนักท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

'พัชรวาท' ตั้งเป้าปีหน้า 'สวนสัตว์เชียงใหม่' ปั๊มเม็ดเงินเกือบ100 ล้านบาท หลังเพิ่มสัตว์นานาชนิด ดึงดูดนักท่องเที่ยว

มีกิจกรรมหลากหลาย พร้อมชวนคนไทยหนาวนี้ ปักหมุดเที่ยวจุดแลนด์มาร์ค “แหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์ วิจัย สัตว์ป่า” เชิญชวนสักการะ “พระนวพุทธมหาบารมี” พระพุทธรูปองค์แรกของไทยที่บูรณะจากชิ้นส่วนองค์เดิมสมัยล้านนา 

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่เชียงใหม่เพื่อมอบนโยบายเรื่องไขปัญหาหมอกควัน ตนยังได้ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังการบรรยายพิเศษของสวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พร้อมนั่งรถชมพื้นที่โดยรอบสวนสัตว์เชียงใหม่ สามารถเข้าชมสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เพิ่มความหลากหลายของสัตว์มากขึ้น เพื่อส่งมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน โดยมีโซนสัตว์แอฟริกา อาทิ ยีราฟ ที่ได้รับมอบเพิ่มมาใหม่ 1 ตัว ชื่อเดิมว่า "น้องแหว่ง" หรือ "น้องต้นคูน" เพศผู้ อายุ 6 ปี 1 เดือน และ ม้าลาย ชื่อ "ต้นหนาว" เพศผู้ อายุ2 ปี11 เดือน  ตลอดจนสัตว์อื่นๆ ซึ่งได้รับทราบจากรายงานว่าสวนสัตว์เชียงใหม่ในปีนี้มีรายได้ถึง 79.50 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผน และในปีหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 97 ล้านบาท

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้ร่วมกิจกรรม “แอ่วเหนือ ม่วนหนาว สุดว้าว ที่สวนสัตว์เชียงใหม่” “Chiangmai Zoo Winter Land” ณ บริเวณด้านหน้าส่วนจัดแสดงหิมะเทียม (Snow Buddy Winter Land) และนั่งรถบริการไปสักการะองค์ “พระนวพุทธมหาบารมี” ณ โบราณสถานวัดกู่ดินขาว ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์ที่ตนเคยเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 สำหรับองค์พระนวพุทธมหาบารมีองค์นี้ มีความพิเศษ เพราะเป็นการบูรณะพระพุทธรูปองค์แรกของประเทศไทยที่ใช้นวัตกรรมการบูรณะโดยใช้ชิ้นส่วนเดิมเป็นองค์ประกอบขึ้นเป็นองค์พระ เพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์และรักษาองค์พระเดิม ภายหลังที่ได้พบชิ้นส่วนพระอุระที่หลงเหลือจากสมัยล้านนา

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การมาตรวจเยี่ยมสวนสัตว์เชียงใหม่ในครั้งนี้ ได้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมมือกัน จนทำให้สวนสัตว์มีการพัฒนาอย่างมาก เป็นแหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์ วิจัย สัตว์ป่า และเป็น Landmark แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนเดินทางมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้ รับรองว่าจะประทับใจไม่รู้ลืม ทางสวนสัตว์จะมีกิจกรรมมากมาย อาทิ ช่วงปลายเดือนนี้ จะมีกิจกรรมลอยกระทงในสโนว์บัดดี้ เดือนธ.ค.จะมีกิจกรรมเกิดวันไหนไปสวนสัตว์ และหมอกบนดินถิ่นล้านนา เป็นต้น

วธ.ร่วมกับ จังหวัดน่าน ภาคีเครือข่ายวัฒนธรรมภาคเหนือ เปิดตัวตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน จังหวัดน่าน

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดพิธีเปิดตัวตลาดบก “ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน” หนึ่งใน 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้น เศรษฐกิจสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชนจากการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียง โดยมี นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รับมอบหมายจากท่านปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิด โอกาสนี้  นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวรายงาน นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้บริหาร สวธ. วัฒนธรรมจังหวัดน่าน พร้อมวัฒนธรรม 23 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีเมืองน่าน  ประธานชุมชนบ้านภูมินทร์-ท่าลี่ ผู้ขับเคลื่อนตลาด นักท่องเที่ยวและประชาชน เข้าร่วมงาน ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน 

นายโกวิท ผกามาศ  อธิบดี สวธ.กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายและพันธกิจสำคัญในการเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้มีการรักษาสืบทอด พัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งขับเคลื่อนงานศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม โดยปรับบทบาทสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน จึงได้ดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยทุนทางวัฒนธรรม การส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : การดำเนินงานพัฒนาตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย ด้วยการพัฒนาศักยภาพเส้นทางท่องเที่ยวตลาดบก สืบสานวัฒนธรรมไทย และจัดพิธีเปิดตัว 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม พร้อมสนับสนุนขยายช่องทางการตลาด ประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ ในวงกว้าง ให้ตลาดชุมชนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนเกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป

ด้าน นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าทุนทางเศรษฐกิจด้วยทุนทางวัฒนธรรม “การส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน อัตลักษณ์ไทย สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการคัดเลือกตลาดบก และตลาดน้ำ ที่มีศักยภาพและมีความพร้อม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดย “ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน” ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ตลาดบก สืบสานวัฒนธรรมไทย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้ดำเนินโครงการด้วยการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนให้พร้อมต่อการบริหารจัดการชุมชนและบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาที่มีอยู่ นำเสนออัตลักษณ์ของชุมชนให้สอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยว และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของการท่องเที่ยวโดยชุมชนและองค์กรเครือข่าย ในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การบริการ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการองค์กร และแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ตามความเหมาะสมของบริบทพื้นที่

ด้าน นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน  เปิดเผยว่า ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านเป็น 1 ในตลาดบก ที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน อัตลักษณ์ไทย สู่เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม : 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ผ่านตลาดบกหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ต้องการให้จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดน่าน ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ภายในถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน มีการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม อาหารพื้นเมือง เสื้อผ้าพื้นเมืองและของที่ระลึก ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลองชิม โดยสามารถซื้ออาหารมานั่งรับประทานที่ลานข่วงเมืองน่าน มีเสื่อปูและขันโตกวางแทนโต๊ะให้นั่งทานอาหาร กระผมคิดว่าการเปิดตัวถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านในครั้งนี้  ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเป็นการกระตุ้นสร้างการรับรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรคฺ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน เมืองเก่าน่านแห่งนี้
           
“ ในโอกาสนี้ กระผมและชาวจังหวัดน่าน ขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมเปิดตัวถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านเพื่อนำผลไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่จังหวัดน่าน” รองผู้ว่าฯจังหวัดน่าน กล่าว    

พิธีเปิดตลาดถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน เริ่มด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชาวเหนือ  
ชื่อชุด “สาวน่านจ่ายกาดข่วงเมืองน่าน” จากนั้นประธานกล่าวเปิดงาน จบแล้วได้มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้แทนถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านและมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน ได้แก่ นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน  รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะการประกวดคลิปสั้นผ่าแพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 5  รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ นายองค์ปกรณ์ อินถา ทีมGUDJEB  รองชนะเลิศ อันดับ ๑ นายสิทธิโชค สีหราช รองชนะเลิศ อันดับ ๒ 

นายพิภพ ตั้งจิตนุสรณ์ รางวัลชมเชย นางสาวพิมพ์มาดา วงค์วิริยะ และนางสาวพิมพ์ลดา สมคำ หลังจากนั้น ประธานในพิธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ผู้แทนตลาด หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติ เดินเยี่ยมชมการสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (C - POT/C CPOT) ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน พร้อมรับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ชุด ฟ้อนล่องน่าน (ชุมชนภูมินทร์ - ท่าลี่) ดนตรีวงล่องน่าน (กลุ่มศิลปินพื้นบ้านร่วมสมัย) และปิดท้ายด้วยการเดินแบบผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (C - POT/C CPOT) ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน  จังหวัดน่าน ถือเป็นตลาดบก ลำดับที่ 7 ต่อจาก  -ตลาดจีนโบราณชากแง้ว จังหวัดชลบุรี  -ตลาดสู้ศึกคึกคัก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ -ตลาดเชียงคาน จังหวัดเลย -ตลาดคลองบางหลวง ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ  -ตลาดริมน้ำคลองแดน จังหวัดสงขลา ที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยตลาดบกที่จะจัดพิธีเปิดลำดับต่อไป ได้แก่ - ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566  -ตลาดเขมราษฎร์ธานี อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566  -ตลาดตรอกโรงยา อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 และปิดท้ายด้วย -ตลาดเก่าหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 จึงขอเชิญชวนประชาชน ไปเที่ยวชมอุดหนุนสินค้าของดี สัมผัสวิถีชุมชน กระจายรายได้ให้ท้องถิ่น

ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน หรือ ถนนคนเดินเมืองน่าน ตั้งอยู่ถนนผากองติดกับวัดภูมินทร์ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังปู่ม่านย่าม่าน หรือกระซิบรักบันลือโลกที่โด่งดัง และซุ้มพญานาคคู่ที่เชื่อกันว่าหากคูรักใดได้มาลอดซุ้มนี้จะทำให้ความรักยั่งยืนเป็นนิรันดร์ เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม เป็นถนนคนเดินที่ไม่ยาวมาก ระยะทางประมาณ 500 เมตร จุดเริ่มต้นอยู่บริเวณสี่แยกวัดพระธาตุช้างค้ำ ผ่านวัดภูมินทร์ไปถึงสามแยกถนนจัทรประโชติ บริเวณหน้าวัดภูมินทร์มีลานข่วงเมืองน่านขนาดใหญ่ จัดเป็นที่นั่งทานอาหารปูเสื่อ พร้อมขันโตก ให้วางอาหารที่ได้ซื้อมาทานบริเวณนี้ พร้อมฟังดนตรีสดขับกล่อม ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของการเที่ยวเมืองน่าน ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถนนคนเดินแห่งนี้ที่มีเสน่ห์แบบเมืองน่านเนิบๆ ซึ่งมีอาหารพื้นเมือง เช่น ไข่ป่าม ข้าวกั๋นจิ้น น้ำพริกหนุ่ม ไสอั่วและแกงทางเหนือต่าง ๆ ให้ลองลิ้มชิมรส นอกจากนี้ยังมีจำหน่าย เสื้อผ้าพื้นเมือง  ผ้าพันคอ งานแฮนด์เมด ที่สามารถซื้อเป็นของขวัญของฝากได้ในราคาที่แสนย่อมเยา เดินเล่นชิวๆกับบรรยากาศที่เย็นสบายในช่วงปลายฝนต้นหนาว  โอกาสนี้ สวธ.ขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้มาลองสัมผัสชีวิตสโลไลฟ์ของบรรยากาศเมืองน่านดูสักครั้งแล้วจะเผลอตกหลุมรักเมืองน่านเนิบๆแบบไม่รู้ตัว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิธิธร จิตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ตรวจการจราจรพื้นที่ใจกลางเมือง และให้กำลังใจตำรวจจราจรในพื้นที่

วันอังคารที่ 14 พ.ย.66 เวลา 07.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) รับผิดชอบงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิธิธร จิตกานนท์ ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. ร่วมกันลงตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่ใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานคร ใน ถ.อโศกมนตรี , ถ.เพชรบุรี, ซ.นานา และ ถ.สุขุมวิท โดยมี พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบงานจราจร, พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5 , พ.ต.อ.จิรกฤต จารุณภัทร์ รอง ผบก.จร., พ.ต.อ.นิมิตร โนพูนทอง ผกก.สน.ลุมพินี และ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ร่วมตรวจสภาพการจราจร เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริง บริเวณหน้าโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ซึ่งมีผู้ปกครองมา รับ-ส่ง บุตรหลานเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลต่อสภาพการจราจรบน ถ.อโศกมนตรี ต่อเนื่องแยกอโศกมนตรี และ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ที่เป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนใช้เดินทางเป็นจำนวนมาก แต่ก็พบว่าทาง สน.ลุมพินี , สน.ทองหล่อ ได้ร่วมกับสำนักงานเขตในพื้นที่ และ สมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลบุตรหลานและประชาชนบริเวณดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีปัญหารถสะสมบริเวณหน้าโรงเรียนแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ไปตรวจสภาพการจราจรบริเวณ ถ.สุขุมวิท บริเวณแยกอโศกมนตรี พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ มอบกาแฟกระป๋อง ไว้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ท่าน ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้รับผิดชอบดูงานจราจรภาพรวมทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับรายงานถึงปัญหาการจราจรต่าง ๆ มาแล้ว วันนี้จึงตัดสินใจมาตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่เพื่อให้เห็นด้วยสายตาตัวเอง และต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน พ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง ผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ได้ลงมาตรวจสอบสภาพการจราจรด้วยตนเอง ปัจจุบันปัญหาการจราจรเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประเทศ ที่ตำรวจต้องบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันแก้ไขปัญหา จะทำเพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ โดยเร่มด้วยการสั่งให้สำรวจสภาพปัญหาทางกายภาพ ปัญหาภูมิประเทศ ที่ส่งผลต่อการจราจร ทำให้การจราจรติดขัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น พื้นผิวการจราจรที่ขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ แล้วประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เอง จะลงมาช่วยเสริมเติมเต็มในการช่วยประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียงด้วย

ส่วนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเราต้องทำเพื่อการจัดการจราจร จัดระเบียบสังคม ต้องไม่ทำเพื่อหวังเงินค่าปรับหรือเงินรางวัล และการตั้งด่านจราจรก็ทำเพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยมุ้งเน้นเป้าหมายที่การลดอุบัติเหตุ และให้การกระทำความผิดลดลงและหมดไป  ทั้งนี้เรายังต้องตั้งด่านตามปกติ ซึ่งผมได้สั่งการลงไปแล้วว่าจะต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ที่ด่านจราจร เพราะด่านคือตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เห็นด่านต้องวิ่งเข้าด่าน เพราะเขามั่นใจในความปลอดภัย หากพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ จะต้องดำเนินคดีทางอาญา และคดีทางวินัย ในเรื่องสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรต่าง ๆ ต้องลดลง และต้องลดลงอย่างมีนัยนะสำคัญ ไม่ใช่ลดลงด้วยการทำตัวเลข ต้องเอาเรื่องจริงมาพูดคุยกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะมาช่วยเสริมเติมเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ก็ช่วยกันทำงานดีอยู่แล้ว และในวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้เตรียมการ เตรียมแผนในเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ และกลับมาทำงานด้วยความปลอดภัย สิ่งสำคัญคือการสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย สร้างวินัยจราจร สิ่งใดที่เป็นควิกวินที่ต้องรีบทำ ต้องเร่งดำเนินการ เช่น การรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค การรณรงค์เมาไม่ขับ เรื่องฟุตบาท ทางเท้าต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน ประชาชนมีความเชื่อมั่น  

สุดท้ายในการตรวจเยี่ยม การลงพื้นที่ ดูการปฏิบัติหน้าที่ของเพื่อนข้าราชการตำรวจ ก็จะได้นำความห่วงใยจากท่าน ผบ.ตร. ลงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สร้างขวัญและกำลังใจ ช่วยเสริม เติมเต็มเป็นสำคัญ ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top