Thursday, 12 December 2024
THE STATES TIMES TEAM

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวจัดการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี ตำรวจไทย-ตำรวจมาเลเซียชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค.66 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

วันที่ 8 ธ.ค.66 เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารการกีฬาประเภทรักบี้ฟุตบอล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 โดยมี พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานการจัดการแข่งขันฯ และพ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียอย่างเน้นเฟ้น ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จะมาคุกคามประชาชนระหว่างสองประเทศ โดยการจัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานกว่า 62 ปี มีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 12 - 15 ธ.ค.66 และจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 14 ธ.ค.66 ณ สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ครั้งที่ 34 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแข่งขันชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี
2. การแข่งขันชิงถ้วย "สุวิมล" ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการ
ตำรวจ ร่วมรับชมผ่านและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทยในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณี ระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 ในวันที่ 14 ธ.ค.66 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ตม.สนามบิน ย้ำมาตรการคุ้มครองข้อมูลบุคคลป้องกันมั่วเช็กคนเข้าออกประเทศ

วันนี้ (8 ธ.ค.2566) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เปิดเผยมาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เดินทางเข้า - ออกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่างๆ มักประสานขอตรวจสอบข้อมูลคนเข้า - ออกประเทศ โดยอ้างเหตุผลทางคดี หรือเหตุผลทางด้านความมั่นคง ส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลบุคคลในฐานข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง 

พล.ต.ต.เชิงรณ ฯ เปิดเผยว่า กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 มีภารกิจในการตรวจอนุญาตบุคคล ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรผ่านด่านท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลการเดินทางเข้า - ออกราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินดังกล่าว มักมีบุคคลหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร้องขอเพื่อทำการตรวจสอบ โดยอ้างว่าเพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานทางกฎหมายในหลายกรณี ซึ่งการขอตรวจสอบดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้เดินทาง และก่อให้เกิดความเสียหายได้ ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยได้มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือที่เรียกว่า กฎหมาย PDPA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 โดยกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ และเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลซึ่งประชาชน และสังคม อาจเกิดความวิตกกังวลในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของตน ดังนั้น กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จึงได้กำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 โดยมีมาตรการตามหนังสือ บก.ตม.2 ที่ 0029.312/8295 ลง 1 ธ.ค.66 โดยสรุป ดังนี้

1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นภายใต้กรอบกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2540  โดยจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้าหรือในขณะนั้น  หรือเป็นกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้กระทำได้ด้วยบทบาทภารกิจหน้าที่ในการตรวจอนุญาตบุคคลทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เช่น    

1.1 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีเมื่อพบการแจ้งเตือนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แจ้งนายตำรวจผู้ควบคุมระดับสารวัตรขึ้นไป ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระบบฐานข้อมูลนั้น เช่น กรณีเป็นบุคคลต้องคำสั่งศาลห้ามเดินทาง กรณีมีหมายจับคดีอาญา กรณีบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นต้น

1.2 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะกรณีที่มีคำสั่งศาลหรือกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ 
หรือหน่วยงานของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อมูลและมีการแจ้งขอเป็นหนังสือราชการ เช่น การใช้อำนาจของพนักงานสอบสวน ตาม ป.วิอาญา 

1.3 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีได้รับการสั่งการจากผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยภายใต้ดุลยพินิจและอำนาจตามกฎหมาย 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เกินสมควรแก่กรณี อันอาจเข้าข่าย เป็นการกระทำละเมิด ดังนั้น ในการเข้าถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กระทำโดยจำกัดเท่าที่จำเป็นแก่กรณีที่มีการร้องขอหรือสั่งการและเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

2. การป้องกันการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการ ดังนี้
2.1 ดำเนินการกำหนดสิทธิ และจำกัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในการเข้าถึง หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะราย หรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ มีการเพิกถอนสิทธิ เมื่อมีการลาออก เปลี่ยนตำแหน่ง หรือย้ายตำแหน่ง ตามคำสั่ง 

2.2 ให้หน่วยงานในสังกัดกำหนดแนวทางการทำงานที่เป็นมาตรฐาน (Standard Operating Procedure หรือ SOP) ในการเข้าถึง และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบถ่ายภาพหรือจัดพิมพ์รวมถึงการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบนำอุปกรณ์เข้าออก เป็นต้น

2.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ พ.ศ.2544

3. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบันทึกกิจกรรม
การใช้งาน หรือการเก็บบันทึกการเข้า - ออก (Log Files) ระหว่างการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึงการใช้ข้อมูล การทำลายข้อมูล หรือการนำไปใช้โดยมิชอบ รวมทั้งการแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต 

4. ข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดหากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือการเปิดเผยข้อมูลนั้นไม่เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมาย ให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยและอาญาพร้อมทั้งรายงานให้ ผบก.ตม.2 ทราบโดยเร็ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ขอเชิญชวนเข้าร่วมงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม นี้ อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ด้วยสภากาชาดไทยจัดงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร และทางระบบ Online ภายใต้แนวคิด “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” พร้อมเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานย้อนวันวานด้วยการ “นุ่งโจงห่มไทยเที่ยวงานวันกาชาด” โดยในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมออกร้านในงานกาชาดด้วยเช่นกัน ณ โซน 5 

สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติปีนี้ มีกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมมากมาย ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการตำรวจไทย “ย้อนรอย 100 ปีกิจการตํารวจไทย” มีมุมให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมถ่ายภาพกับภาพเหมือนของตำรวจโบราณ , ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ “ตํารวจไซเบอร์ผู้พิทักษ์ภัยออนไลน์ 24 ชั่วโมง” , กิจกรรมบนเวทีและการแสดงของศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะมาสร้างความสนุกในทุกวัน โดยในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณอินดี้ อินทัช เหลียวรักวงศ์ , ฟังเพลงยุค 90”S โดย คุณต๊ะ บอยสเกาท์ , ร่วมเล่นเกมส์กับคุณน้ำหวาน เดอะเฟซ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “สนุกกับเกม” ได้แก่ เกมปาโป่ง และเกมตักไข่นำโชค ให้ผู้เข้าร่วมชมร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมสนุกและชิงของรางวัลมากมายอีกด้วย

ในส่วนร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ซึ่งคัดสรรสินค้าคุณภาพงานฝีมือจากหน่วยงานและครอบครัวข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ , มีการลุ้นรางวัลกับกิจกรรม “พฤกษากาชาด” และจำหน่ายสลากกาชาดของสมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่อออกรางวัลให้กับผู้โชคดี โดยมีของรางวัลใหญ่มากมาย นอกจากนี้ ในแต่ละวันจะมีศิลปินดารามาร่วมกิจกรรมที่ร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจในทุกวันอีกด้วย สำหรับในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณแจ๊ส ชวนชื่น , คุณหมิว ลลิตา , คุณบอย พีชเมคเกอร์ และคุณเจี๊ยบ พิจิตรา

นอกจากนี้ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. ขอเชิญประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาด ประจำปี 2566 “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมงานกาชาด ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ณ โซน 5 อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน

สถาบันพระปกเกล้า ชวนเที่ยวงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย”

วันที่ 7 ธันวาคม ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ.หลานหลวง กรุงเทพฯ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าเป็นประธานเปิดงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” โดยมี ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายณัฐพงษ์ รอดมี ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าอาจารย์ กู้เกียรติ ภูมิรัตน์ ประธานการจัดงาน และที่ปรึกษาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าด้านพลเมืองพร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า ศิลปิน ดารา ผู้ประกาศข่าวที่เป็นศิษย์สถาบันพระปกเกล้า ร่วมงานในครั้งนี้ 

นายวิทวัส กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์มากมาย ทั้งการพัฒนาประเทศ การศึกษา การวางรากฐานประชาธิปไตยให้กับราษฎร คุณูปการที่ใหญ่หลวง คือ การที่พระองค์ท่านสละพระราชอำนาจที่มีอยู่เดิมเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวงชนชาวไทย  

ในวาระ 130 ปี พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และในวาระ 91 ปีที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับแรก สถาบันพระปกเกล้าจึงได้จัดงาน“13 ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า พระผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” ขึ้น ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการเสวนาวิชาการ การบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิ กิจกรรมวิพิธทัศนา และการแสดงต่างๆ เพื่อเป็นการหวนย้อนรำลึกถึงงานฉลองรัฐธรรมนูญในอดีตที่ผ่านมา 

ขอเชิญร่วมเที่ยวชมงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” ตั้งแต่วันที่ 7-10 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 15.30 – 20.30 น. ร่วมกิจกรรมเสวนาวิชาการ รับชมการแสดงวิพิธทัศนา ร่วมย้อนอดีตกับงานฉลองรัฐธรรมนูญ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อปวงชนชาวไทย

'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย' จัดพิธีมอบทุนการศึกษา พร้อมผ้าห่มกันหนาวให้แก่เยาวชนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2566 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

วานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาสำหรับเยาวชนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2566 ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 45 อำเภอพนมทวน โรงเรียนร่มเกล้ากาญจนบุรี (ในพระราชดำริ) โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาคม โรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ โรงเรียนบ้านเกริงกระเวีย โรงเรียนบ้านห้วยเสือ อำเภอทองผาภูมิ และโรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา อำเภอสังขละบุรี รวม 7 แห่ง จำนวน 60 ทุน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 450,000 บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบผ้าห่มกันหนาวพร้อมขนมให้กับนักเรียนที่เข้ารับมอบทุนฯ โดยจัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ หอประชุม โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการส่งเสริมด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลง ตำรวจ ปส. จับเครือข่าย ภาคเหนือ พบซุกยาบ้า 10 ล้านเม็ด หลังใช้กล้วยน้ำว้าวางอำพรางท้ายกระบะ

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เดินหน้าปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร(ผอ.ศอ.ปส.ตร.)กำหนดนโยบายหลักในการสืบสวนปราบปรามทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ให้สิ้นซาก  

ล่าสุด วันนี้ 6 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นาลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต. ธนรัชน์ สอนกล้าผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส, ผู้แทนจาก กอ.รมน., สำนักงาน ป.ป.ส. และ พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ. อนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดรายนี้ ได้ผู้ต้องหา 5 ราย และยึดยาบ้าได้ 10 ล้านเม็ด 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.66 บช.ปส. โดย กก.2 บก.ปส.3 และ บก.ขส.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นปส.ขกท.ศปก.ทบ.(ขกท.ศปก.นสศ.) ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามพฤติกรรมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ พบว่าจะใช้รถกระบะลักษณะตีคอก ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร และ รถกระบะอีซูซุ ยX 81XX เชียงใหม่ ลำเลียงยาเสพติดจาก จว.เชียงใหม่ ลงไปยังพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา โดยอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร ต่อมาได้พบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายขับรถกระบะ ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร เข้าไปรับ ยาเสพติดบริเวณ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ จากนั้นได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยมีรถยนต์อีซูซุ ยX 81XX เชียงใหม่ ขับนำทางและนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นมี รถเก๋งฮอนด้า ญX 28XX กรุงเทพ ขับรถมาจอดที่หน้ารถกระบะ ก 13XX(ป้ายแดง) กำแพงเพชร แล้วมีคนลง จากรถเก๋งแล้วขึ้นไปขับรถกระบะลักษณะตีคอกฯออกไป โดยมีรถเก๋งขับนำทางไป ต่อมาพบรถกระบะ ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร ขับมาจอดภายในซอยหมู่บ้านฉัตรนคร แขวง/เขตประเวศ กรุงเทพฯ ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้นรถกระบะลักษณะตีคอก พบมีการใช้กล้วยน้ำว้าจำนวนมาก มาวางปิดทับซุกซ่อนกระสอบบรรจุยาบ้า จำนวนประมาณ 10 ล้านเม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่ขับรถบรรทุกยาเสพติด และรถนำทั้งหมด จำนวน 5 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. เผยว่า ภายใต้แผน “ตามล่า 100 เครือข่าย” ในคดีนี้พบว่าผู้ต้องหาเครือข่ายนี้มีการรับยาเสพติดจากในพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์กระบะลักษณะตีคอกและใช้กล้วยซึ่งเป็นผลผลิตการเกษตรของชาวเขาตามแนวชายแดนปิดทับซ่อนไว้ เช่นเดียวกับการจับกุมเมื่อก่อนหน้า ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมยาบ้าจำนวน 13.4 ล้านเม็ด ที่ด่านตรวจ จว.ชุมพร ซึ่งใช้รถกระบะมีคอกใช้กล้วยปิดทับและมีการรับยาบ้ามาจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่เช่นกัน สำหรับ อ.เชียงดาว เป็นหนึ่งใน 5 อำเภอ ตามแนวชายแดนของ จว.เชียงใหม่ที่พบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นประจำ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้สั่งการ

ทั้งสองคดีนี้ให้ได้โดยเร็วและจะดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่พื้นที่ชายแดนอย่างจริงจังโดยจะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่เร่งด่วนตามมาตรา 5 (10) ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกำหนดสถานะของพื้นที่ชายแดนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ชายแดน  15 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ 6 อำเภอ ของจังหวัดเชียงราย 5 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ และ 4 อำเภอของ จว.นครพนม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เผยว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ โดยพบว่าผู้มีอิทธิพลส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ต้องดำเนินการปราบปรามโดยเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกลไกในระดับพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย ได้เปิดปฏิบัติการ(Kick Off) ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 66 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานร่วมกัน “แยกปลาแยกน้ำ”ระหว่างผู้เสพผู้ค้า ดำเนินการปราบปรามผู้ค้า ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับเดือน พฤศจิกายน 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ  21 คดี ผู้ต้องหา 42 คน ของกลาง ยาบ้า 36,351,455 เม็ด, ไอซ์ 125.84 กก. เฮโรอีน 11.87 กก., โคเคน 3.229 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 24,680,000 ล้านบาท

ผบ.ตร. มอบของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ เปิดตัวแอปพลิเคชันหนึ่งเดียวที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลให้นักท่องเที่ยว พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ย้ำความมั่นใจท่องเที่ยวปลอดภัย

วันนี้ (2 ธันวาคม 2566) เวลา 10.00 น.ที่จุดตรวจศาลเจ้าพ่อ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ โดยมี พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 , นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ,พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. , พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 , พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. , นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง , นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ , ดร.มัลลิกา สังข์สนิท รองอธิการบดีฝ่ายพันธกิจสัมพันธ์ นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) , ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา , นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ , ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว ร่วมเปิดศูนย์กว่า 500 คน

ผบ.ตร. เปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ด้วยการสแกน QR Code เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน Korat Safe Trip ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแรกที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ในการดูแลนักท่องเที่ยวจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา รวมไว้ในที่เดียว ถือเป็นโมเดลต้นแบบ นำร่องเป็นแห่งแรก จากนั้น ผบ.ตร.ได้เยี่ยมชมบูทผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมอบผ้าห่ม แจกไอศกรีมให้กับนักเรียนในพื้นที่ พร้อมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมดูแลความปลอดนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

โดยการเปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและให้บริการนักท่องเที่ยว (TOURIST SERVICE CENTER) ณ จุดตรวจศาลเจ้าพ่อ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สอดรับกับนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จึงสนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้เปิดศูนย์ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัย และให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย โดยเน้นใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการการทำงาน เพื่อลดปริมาณงานของกำลังพล แต่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพของงานให้มีคุณภาพมากขึ้น 

ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงเบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ เพื่อจะให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูล และสามารถแจ้งข้อมูลได้ทันท่วงที รวมถึงตัดปัญหาการสื่อสารระหว่างกันในเรื่องภาษาที่อาจสื่อสารกันไม่เข้าใจ เพื่อให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในส่วนของกำลังพลในการรักษาความปลอดภัยและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ร่วมปฏิบัติในศูนย์แห่งนี้ ประกอบด้วยกำลังตำรวจของ 5 สถานีในพื้นที่อำเภอปากช่อง ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีฝ่ายปกครอง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกู้ภัย รวมทั้งหมดภาคเอกชนผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้การสนับสนุน จึงเชื่อมั่นว่าศูนย์แห่งนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย และการบริการที่ดีแก่นักท่องเที่ยวอันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ภารกิจดังกล่าว ถือเป็น 1 ใน 4 นโยบายเน้นหนักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เขาเกิดความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว หรือกรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือ ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องมาช่วยกัน เราจะทำอย่างไรที่จะให้ชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวประเทศไทย และคนไทยเองก็อยากมาเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เรื่องของความปลอดภัยและการบริการที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับแอปพลิเคชัน Korat Safe Trip ถือว่าเป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ สถาบันการศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาแอปพลิเคชัน ให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ให้กับนักท่องเที่ยว

ศรชล.ภาค 1 ร่วมจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวง ร.9

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค ) โดย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จว.สมุทรสงคราม และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จว.สมุทรสงคราม (ศรชล./ศคท.จว.สส.) โดย น.อ.อชิตะสิน กำมะณี รอง ผอ.ศรชล.จว.สส.ศรชล.ภาค 1 มอบหมายให้ ร.อ.ไพศาล อิสระฉันท์ จนท.วิเคราะห์นโยบายและแผน ศรชล.จว.สส. และ ร.ท.พรสวรรค์ พึ่งพร จนท.ยุทธการและการข่าว ศรชล.จว.สส. พร้อมด้วย ร.ท.สุชาติ เอี่ยมสะอาด  เจ้าหน้าที่ส่งกำลังบำรุง ศรชล.จว.สส. ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 กอ.รมน.สมุทรสงคราม มณฑลทหารบกที่ 16 ทสจ.สมุทรสงคราม ศูนย์ป่าไม้สมุทรสงคราม รร.วัดคลองโคน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันพ่อแห่งชาติ วันชาติ และวันดินโลก วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2566

โดยมีนายเกรียง มหาศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางและชายฝั่งที่ 8 เป็นประธานในพิธี โดยปลูกป่าชายเลนภายในพื้นที่โครงการปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลนและป้องกันไฟป่า จังหวัดสมุทรสงคราม บริเวณชายฝั่งทะเลตำบลคลองโคน อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม 

ผบ.ทรภ.1 เยี่ยมกำลังพลและครอบครัว ในสังกัดสังกัด รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ สร้างขวัญกำลังใจ

พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่1 พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมกำลังพลและครอบครัว ในสังกัดทัพเรือภาคที่ 1 ที่เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จำนวน 2 นาย 1. พันจ่าเอก วรวุฒิ ยันตะพันธ์ (ภรรยาคลอดบุตร) 2. พลทหาร วีระพล  มรรคผล (ผ่าตัดไส้ติ่ง) เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล และ ครอบครัวของผู้ใต้บังคับบัญชา “ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีขวัญ กำลังใจ และสวัสดิการที่ดี”

การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ “ผู้บังคับหน่วยต้องให้ความสนใจ ดูแลกำลังพลและครอบครัวผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างสม่ำเสมอ

พังงา หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ส่งชุดครูฝึกฯ ฝึกทบทวน USAR TEAM

ที่ กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งและกองพันรักษาฝั่งที่ 11 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3,นาวาโท ศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ,นาวาโท กัณฑภณ ศุกระรงคะ ผู้บังคับกองพันรักษาฝั่งที่ 11,นาวาโท พุทธพร สุขอนันต์ รองผู้บังคับการ กองฝึกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลและชายฝั่ง และชุดครูฝึกค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง(USAR TEAM)ได้ฝึกการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติฝึกทบทวน USAR TEAM 

เป็นการพัฒนาศักยภาพการกู้ชีพและแนะนำอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยโดยระบบเชือกขั้นพื้นฐาน และการบำรุงรักษาอุปกรณ์,ระบบบัญชาการณ์เหตุการณ์ และการปฏิบัติงานค้นหาและกู้ภัย,การใช้เปลตะกร้าและเปลSked, การค้นหาและกู้ภัยอย่างรวดเร็ว( ASR3 )การค้นหาทางกายภาพ,เทคนิคการตัดเจาะ,เทคนิคการเคลื่อนย้ายวัตถุหนักออกจากผู้ประสบภัยและการทำระบบเชือกในแบบต่างๆผู้เข้าฝึกในครั้งนี้จำนวน 36 คน การอบรมครั้งนี้อบรมตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566ถึง 2 ธันวาคม2566 รวมเป็นระยะเวลา 11 วันและวันนี้มีการตรวจเยี่ยม ชมการสาธิตต่างๆ การกู้ภัยให้กับ ชุด USAR TEAM ของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 และมีหน่วยงานต่างๆเข้าชม การสาธิตครั้งนี้ด้วย

นาวาโท ศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กล่าวว่า การจัดตั้งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue: USAR) มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถสำหรับเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งของโครงสร้างการสนับสนุนในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ในส่วนงานด้านการค้นหาและกู้ภัยหรือ สปฉ.9โดยมีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ซึ่งจะถูกสถาปนาขึ้นเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการค้นหาและกู้ภัยของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเมื่อเกิดสาธารณภัยระดับ 3และ 4 และ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอ และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด สำหรับสาธารณภัยระดับ 1 และ 2 ดังที่ระบุไว้ในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ผบ.ทร. และหน่วยควบคุมทางยุทธการโดย ผบ.ทรภ.3 ที่ต้องการมีหน่วยที่จะใช้งานในการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตเมืองในภาวะวิกฤติ นอกจากกำลังพลของ ทร.ปกติที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนทุกครั้งเมื่อเกิดความเดือดร้อนต่างๆ ที่กระทำในทันทีที่มีภัย  ดังนั้น สอ.รฝ.จึงได้จัดให้มีชุดครูฝึก USAR 

เพื่อมาทบทวนและเพิ่มขีดความสามารถให้กับกำลังพลชุด USAR ในพื้นที่ ได้เกิดความมั่นใจในการดำเนินการเมื่อมีภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ และ ชุด USAR ที่เป็นกำลังพลของ พัน.สอ.22 และ พัน.รฝ.11ที่จัดเตรียมไว้สำหรับใช้สนับสนุนงานการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตเมืองที่สามารถใช้ทำงานร่วมสนับสนุนการช่วยชีวิตประชาชน เมื่อเกิดภัยได้อย่างทันทีที่ได้รับการร้องขอจากจังหวัดภูเก็ต และพังงา เพื่อให้การค้นหาและช่วยชีวิตใน เขตเมืองในพื้นที่ภูเก็ต พังงา มีประสิทธิภาพและทันท่วงที และมีกำลังพลที่รับการฝึกจัดจากกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 และกองพันรักษาฝั่งที่ 11 หน่วยละ 1 ทีม ๆ ละ 18 นาย ประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 1 นาย และนายทหารประทวน จำนวน 17 นาย โดยได้รับการสนับสนุนทีมครูฝึกจาก สอ.รฝ. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 ภูเก็ต ร่วมกับ สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงาและทีมกู้ภัยทางสูงจาก เซาท์เทิร์น โรปทีม (Southern Rope Team)ตัวแทนจาก ระนองและพังงา

สำหรับผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้จัดการอบรมภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือครั้งนี้เป็นการอบรมครั้งที่ 2 และครั้งนี้ทางกองพันรักษาฝั่งที่ 11เป็นชุดออกปฏิบัติงานหลักร่วมกับกองพันต่อสู้อากาศยาน ที่22 

ในการฝึกและสาธิตครั้งนี้กองพันรักษาฝั่งที่ 11 กรมรักษาฝั่งที่1จัดชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมืองหรือชุด USAR TEAM โดยให้กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหน่วยรับผิดชอบจัดกำลังพลเป็นชุด USAR TEAM ในการบัญชาการณ์เหตุการณ์และพร้อมให้การช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ เมื่อได้รับการแจ้งจากทัพเรือภาคที่ 3


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top