Monday, 20 May 2024
POLITICS TEAM

รมว.ยุติธรรม ยอมรับ มีแนวคิด ขยายเรือนจำ ขังเฉพาะนักโทษการเมือง เหตุ ลดแออัด คนเยี่ยม - ม็อบหน้าคุก แต่สถานที่ยังไม่ชัด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระทรวงยุมมีแนวความคิดจะขยายเรือนจำเป็นการเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังคดีการเมืองว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอยู่ เดี๋ยวขอดูในรายละเอียดก่อน ยังไม่มีคำตอบเรื่องนี้ ยังไม่มีคำตอบที่เบ็ดเสร็จ

ซึ่งบางทีพื้นที่เดิมมีความแออัดจึงต้องการให้ขยายออกไปอยู่กันสบาย ๆปลอดโปร่ง อีกทั้งในช่วงนี้มีม็อบไปอยู่ที่หน้าเรือนจำก็จะได้มีที่มีทางไม่แออัด ส่วนเรื่องสถานที่ยังไม่แน่นอนว่าจะย้ายไปที่ไหน แต่ขอให้มีความสะดวก ไม่ต้องการให้ประชาชนมาแออัด เพราะไหนจะม็อบ ไหนจะคนเยี่ยม จะได้ไม่แออัดกันและจะได้มีที่ทางโล่ง ๆ ให้สำหรับคนไปอยู่ เรื่องนี้ต้องมองหลายมุมแต่ได้ประโยชน์กันทุกคน

“สุดารัตน์” ชวนประชาชน จับตาการแก้รัฐธรรมนูญ ลั่นอย่าปล่อยให้การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้กล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan’ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 64 ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

อย่าปล่อยให้การเขียน “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการสืบทอดอำนาจที่สมคบคิดกันโดยพรรคพลังประชารัฐ พวก ส.ว. และองค์กรอิสระ

วานนี้ดิฉันได้ร่วมวงถกแถลง “ก้าวต่อไปของการจัดทำรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย” ได้รับฟังความเห็นอย่างหลากหลายจากหลายแวดวง ดิฉันถือโอกาสนี้ชี้ชวนให้เห็นอันตรายในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่รอเราอยู่ข้างหน้า ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ได้ยากยิ่งขึ้น

ขอเรียนว่า เป้าหมายของทุกภาคส่วนคือการใช้ รธน. ฉบับใหม่นี้ เป็นทางออกให้กับวิกฤตการเมืองของประเทศที่เรากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่ทุกขั้นตอนต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ไม่เช่นนั้น รธน. ที่เราได้มา จะเป็นชนวนก่อความขัดแย้งต่อไปข้างหน้า

การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 200 คน เพื่อจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ทว่าขณะนี้ กลไกที่จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนมากที่สุด มีแนวโน้มถูกทำลาย และแทนที่ด้วยการเขียน รธน. เพื่อการสืบทอดอำนาจ

กลุ่มสร้างไทย ได้เสนอไว้ว่า การที่รัฐสภาดึงศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการร่าง รธน.ฉบับใหม่ เรื่องแปลกประหลาดและส่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสมคบคิดเพื่อทำให้การจัดทำ รธน. ฉบับใหม่โดย สสร. เป็นไปไม่ได้

“ต้องระวังว่า ท้ายที่สุด การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะไม่ให้มี สสร. แต่ให้อำนาจรัฐสภาในการแก้ รธน. แปลว่า เสียงข้างมากในรัฐสภาคือ พวก ส.ว. 250 คน กับ พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นผู้กำหนดเกมส์แก้ รธน. ได้ทั้งหมด”

เมื่อพิจารณาไปยังที่มาของ ตุลาการศาล รธน. ยิ่งน่าวิตก เพราะแม่น้ำ 8 สาย ล้วนไหลมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน 3 คน มาจาก สนช.ที่แต่งตั้งโดย คสช. อีก 5 คนมาจาก ส.ว. ชุดปัจจุบัน ที่แต่งตั้งโดย คสช. อีกเช่นเดียวกัน

ดิฉันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ร่วมกันจับตากระบวนการแก้ไข รธน. อย่างใกล้ชิดและส่งเสียงเมื่อเห็นความบิดพริ้ว อย่าปล่อยให้การเขียน “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการสืบทอดอำนาจที่สมคบคิดกันโดยแต่เพียงพรรคพลังประชารัฐ พวก ส.ว.และองค์กรอิสระ โดยที่ “ประชาชน” ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมแต่อย่างใด

กลุ่ม #สร้างไทย


ที่มา : https://www.facebook.com/241115389300595/posts/3777462282332537/

ก้าวไกล เปิดอบรม ว่าที่ผู้สมัคร สก. เตรียมพร้อมลงสนามเลือกตั้ง กทม. เป้าหมายทำนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพฯ พร้อมเผย ผู้ท้าชิงผู้ว่ากรุงเทพฯพรรคก้าวไกล "ใหม่ ชัด โดน” แน่นอน!

ณ สำนักงานพรรคก้าวไกล เขตบางเเค กรุงเทพมหานคร พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต25 บางขุนเทียน ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ฝ่ายอบรมพรรคก้าวไกล อมรมเเละพบปะว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สังกัดในนามพรรคก้าวไกลที่จะร่วมผลักดันเเละดูเเลนโยบายยุทธศาสตร์โครงสร้างของกรุงเทพมหานครเพื่อยกระดับเเลคุณภาพชีวิต เเละแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพมหานคร

พิธา กล่าวถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกลในการส่งผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เพื่อเเข่งขันพัฒนาศักยภาพ เเละกำหนดนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครมีปัญหาสำคัญที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการไร้รอยต่อของการคมนาคม เเละนโยบายในการเอางบประมาณ 5% มาให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการออกเเบบกรุงเทพมหานคร

พิธา กล่าวต่อไปว่า "ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาผมลงพื้นที่กว่า 8 จังหวัดในการรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อสะท้อนเเละนำไปผลักดันในสภาผู้แทนราษฎร เเละตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป จะลงพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วยเพื่อทำงานเชิงโครงสร้างเเละนโยบายอย่างเข้มข้น เเละขอให้ผู้สมัครทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจไม่ย่อท้อ ให้นึกถึงวันเเรกที่ได้เข้ามาทำงานการเมือง

สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ถึงจุดประสงค์ที่ตั้งเป้าหมาย ว่าเข้ามาทำการเมืองในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่ช่วยผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพมหานคร โดยเป้าหมายที่สำคัญ คือต้องมาจากใจของผู้สมัคร ในการตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพกรุงเทพมหานคร เเละในประเด็นต่อมาคือให้ตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลข จากสถิติเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อดีตพรรคอนาคตใหม่มีฐานเสียงกว่า 800,000 คะเเนนสำหรับกรุงเทพมหานคร เป็นป๊อบปูลาร์โหวตในกรุงเทพที่เยอะที่สุดในบรรดาทุกพรรคการเมือง"

"ผมในฐานะหัวหน้าพรรค เห็นว่ากรุงเทพมหานครมีความสำคัญต่อพรรคก้าวไกลมาก 800,000 เสียง ของชาวกทม.ที่ไว้วางใจพรรคอนาคตใม่คือ คะเเนนที่สำคัญ ที่เราจำเป็นต้องสานต่อความหวังของพี่น้องประชาชน ทำนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพที่สุด"

"ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและส.ส. จะไปร่วมลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาได้จริงอย่างตรงจุด มีการพูดกันเเบบปากต่อปากถึงศักยภาพ เเละจุดเเข็งของว่าที่ผู้สมัครของเรา เราต้องมีหัวคะเเนนทางอุดมคติ ทางอุดมการณ์ ทางนโยบาย ที่เราจะช่วยกันพัฒนาศักยภาพของกรุงเทพมหานครเเละผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เพื่อร่วมทำกรุงเทพในฝันของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวกรุงเทพมหานคร" พิธา กล่าว

"การทำงานของผมจะเป็นการทำงานแบบไร้รอยต่อ เราจะทำงานตั้งเเต่สภาผู้เเทนราษฎร จนถึงระดับท้องถิ่น เพื่อรับทราบปัญหา นำไปสู่การผลักดันให้เกิดการเเก้ไขอย่างตรงจุด"

ขณะที่ ณัฐชา กล่าวว่า ในวันนี้สนามการเเข่งขันสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเริ่มเข้มข้น ซึ่งจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สก. ในช่วงเดือนตุลาคม ดังนั้นพรรคก้าวไกล เรามีเวลาในการเตรียมความพร้อมกว่า 7 เดือน ที่สำคัญคือขอให้ผู้สมัครทุกท่านมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล พร้อมผลักดันเเละร่วมสร้าง ร่วมนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง ให้กับชาวกรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อถามถึงผู้ท้าชิงผู้ว่ากรุงเทพมหานครในนามพรรคก้าวไกลเป็นใคร ด้าน พิธาระบุว่ายังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อในขณะนี้แต่ขอรับประกันว่าเขาคือความหวังและโอกาสของชาวกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน อย่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า “ผู้ท้าชิงผู้ว่าฯกรุงเทพในนามพรรคก้าวไกล “ใหม่ ชัด โดน” อย่างแน่นอน”

ส่วน บรรยากาศในการพบปะระหว่างหัวหน้าพรรคก้าวไกล เเละว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร บรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการเปิดโอกาสให้ผู้ว่าสมัคร สก. ได้ซักถามข้อสงสัย เกี่ยวกับปัญหาในการลงพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อที่จะตอบข้อสงสัยจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุง เเละสร้างนโยบายเพื่อไปพัฒนาคุณภาพชีวิตกรุงเทพมหานครเพื่อให้ได้กรุงเทพในฝัน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองในอนาคตต่อไป

กองสลากฯ เตรียมทดองใช้แอปฯ ซื้อ-ขาย "สลากกินแบ่งรัฐบาล" แก้ปัญหาหวยแพง นำร่องใช้กับเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย GLO official Sellers ในกรุงเทพฯ และนนทบุรี 56 แห่ง

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 64 นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า เตรียมทดลองนำระบบแอปพลิเคชันรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ซื้อขายสลากแทนเงินสด เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา และปัญหาการขายต่อทำกำไร โดยวิธีการซื้อขายสลากจะยังซื้อขายเป็นใบผ่านตัวแทนจำหน่ายตามปกติ เพียงแต่ชำระเงินด้วยแอปฯ แทนการจ่ายเงินสดเท่านั้น ซึ่งเบื้องต้นจะนำร่องใช้กับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายสลาก 80 บาท จีแอลโอ ออฟฟิเชียล เซลเลอร์ส (GLO official Sellers) ในกรุงเทพฯ และนนทบุรี 56 แห่ง ซึ่งกำลังเปิดรับสมัครและคัดเลือกในขณะนี้ก่อน

ทั้งนี้ การเปิดให้มีการซื้อขาย "ลอตเตอรี่" ผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้มีข้อมูลยืนยันได้ว่า มีการขายสลากในราคาใบ 80 บาทจริง และระบุตัวตนของผู้ซื้อและผู้ขายได้ว่ามีการขายให้กับใคร ขายแล้วมีการนำไปจัดรวมชุดหรือเก็งกำไรต่อหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ให้นักเสี่ยงมีความมั่นใจว่า เมื่อซื้อลอตเตอรี่ไปแล้วหากเกิดถูกรางวัลขึ้นมาก็มีหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่จากร้านนี้จริง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการเกิดดราม่าหวย และฟ้องร้องกันหลายกรณี

สำหรับแอปพลิเคชันรับชำระเงินที่นำมาใช้ จะเป็นแอปฯ ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้อยู่แล้ว เช่น เป๋าตัง และ ถุงเงิน แต่ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นแอปฯ รับชำระเงินประเภทนี้เท่านั้น อาจเป็นของสถาบันการเงินอื่นๆ ก็นำมาใช้ซื้อขายลอตเตอรี่ได้

ส่วนการรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลาก 80 บาท จีแอลโอ ออฟฟิเชียล เซลเลอร์ส ในกรุงเทพฯ และ นนทบุรี ซึ่งปิดไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดสมัครทั้งสิ้น 520 ราย แบ่งเป็นตัวแทนในเขตกรุงเทพ 460 ราย นนทบุรี 60 ราย โดยพื้นที่ที่สมัครมากสุดในกรุงเทพฯ เป็นเขตพระนครซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดค้าสลากคอกวัว ส่วนจังหวัดนนทบุรี มีอำเภอเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดค้าสลากสนามบินน้ำสมัครเข้ามามากสุด

ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากปิดรับสมัครแล้ว จะนำรายชื่อผู้สมัครเข้าตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น จากนั้นจะมีการสอบสัมภาษณ์ถึงแผนดูแลการจำหน่ายสลากไม่เกิน 80 บาท ซึ่งหากมีผู้ผ่านเกณฑ์มากกว่าเขตละ 1 ราย ก็จะมีจับสลากเลือกเพื่อหาตัวแทนเข้าร่วมเครือข่ายขายสลาก 80 บาทต่อไป โดยคาดว่าจะทราบผลได้ประมาณเดือนพ.ค.นี้ โครงการนี้เป็นหนึ่งในหลายแนวทาง ที่พยายามนำมาแก้ไขปัญหาสลากขายเกินราคา โดยจะนำร่องเปิดให้เฉพาะตัวแทนผู้ค้าเดิมที่อยู่พื้นที่กรุงเทพ และนนทบุรีเข้ามาสมัครผ่านทางออนไลน์ก่อน

จากนั้นจะใช้เวลา 3 - 6 เดือนเพื่อประเมินผล หากได้ผลดีจะขยายไปยังจังหวัดอื่นต่อไป ซึ่งผู้เข้าร่วมเครือข่ายผู้ค้าจะต้องขายลอตเตอรี่ไม่เกินฉบับละ 80 บาท และจะได้รับสลากไปขายงวดละ 25 เล่มโดยมีการทำสัญญาแบบปีต่อปี

ผลสำรวจกระแทก ‘ยูเอ็น’ เสียงข้างมาก คนไทยหนุน ตำรวจจัดการ ‘ม็อบ’ พังประเทศ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ‘ยูเอ็น ฟัง’ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,633 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-6 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ระบุว่า ม็อบทำลายทรัพย์สินราชการ ทำลายเงินภาษีของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 3.8 ระบุว่า ไม่ทำลาย ที่น่าพิจารณา คือ

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.7 ต้องการให้ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง จับกุมกลุ่มม็อบที่ทำลายทรัพย์สินจากเงินภาษีของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 3.3 ไม่ต้องการ นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.9 สนับสนุนการทำงานของตำรวจในเหตุการณ์ ม็อบ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ร้อยละ 95.9 เช่นกันระบุว่า ตำรวจ จัดการม็อบ 28 ก.พ.ได้ดีกว่ามาตรฐานสากล และดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก ร้อยละ 95.4 ระบุว่า การพาคนและม็อบลงถนนจะนำไปสู่ความแตกแยกและการสูญเสียของคนในชาติ ร้อยละ 94.1 ระบุว่า มีนักวิชาการอยู่เบื้องหลังหนุนม็อบ สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติและของประชาชน และร้อยละ 92.3 ระบุว่า มีต่างชาติอยู่เบื้องหลังหนุนม็อบ สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติและของประชาชนคนไทย ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.6 ระบุว่า การทำหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมม็อบ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาทำได้ดี ขณะที่ร้อยละ 3.4 ระบุว่า ทำได้ไม่ดี

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ‘ยูเอ็น ฟัง’ เป็นหัวข้อของโพลนี้ที่”เปิดใจประชาชน”ต่อสถานการณ์ม็อบ และการพาคนลงถนนที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชัดเจนว่า ม็อบและการพาคนลงถนนนำไปสู่ความรุนแรงบานปลายและการสูญเสีย ขบวนการเบื้องหลัง คือ ต่างชาติ นักการเมือง นักวิชาการ และกลุ่มผู้หลบซ่อน (Unknown) ยุยง ปลุกปั่น กลุ่มเยาวชน ให้เกิดความเกลียดชังและจ้องทำลายสถาบันหลักของชาติและของประชาชน เพื่อให้คนในชาติอ่อนแอและทำร้ายทำลายทรัพย์สินจากเงินภาษีของประชาชนจนเหลือแต่ซากหักพัง

และแหล่งทุนต่างชาติก็จะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ชาติและของประชาชนคนไทยเอาไปยึดครองในช่วงจังหวะคนไทยอ่อนแอและสูญเสียขาดพลังต่อรอง เมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดแบบนี้แล้ว คนไทยทุกคนต้องรู้รักสามัคคี ความสุขประชาชน คือ รู้เท่าทันเกมสงคราม (War Game) ม็อบนี้ไม่ตกเป็นเหยื่อของเกมนี้ที่ถูกคนไทยบางคนไปร่วมขบวนการกับต่างชาติ ยุยงปลุกปั่นคนรุ่นใหม่ที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ คาดคิดไม่ถึง จึงตกเป็นเครื่องมือทำลายทรัพย์สมบัติชาติกันเอง ดังนั้นทุกคนจึงต้องรักและสามัคคีกัน เพื่อความสุขประชาชน และช่วยกันพูดต่อให้ ‘ยูเอ็น ฟัง’


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/95172

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณคนคอนที่ลงคะแนนให้พรรคพปชร. ทุกคน ส่งผลให้ผู้สมัครของพรรคได้รับชัยชนะเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ลั่นเป็นเรื่องประชาธิปไตย เชื่อไม่ทำให้ผิดใจกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมินตอบกระทบการปรับครม.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ผู้สมัครของพรรคพปชร. ชนะเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ว่า ขอบคุณคนใต้ที่ลงคะแนนให้พรรคพปชร. ขอบคุณทุกคน

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ทิศทางทางการเมืองในภาคใต้จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ก็ว่ากันไป ไม่มีการโกรธกัน ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคปชป. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของประชาธิปไตย

หลังจากนี้ หากมีการเลือกตั้งภาคใต้อีกพรรคพปชร. จะส่งลงแข่งขันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่แน่ ก็แล้วแต่ว่าเรามีความพร้อมหรือไม่ เมื่อถามว่า การชนะเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า พรรคพปชร. ก็มีนิมิตหมายที่ดีมาตลอด เมื่อถามว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเรื่องปัญหาการรณรงค์หาเสียงมาที่พรรคพปชร. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ผู้สมัครของพรรคพปชร. ได้รับเลือกเข้ามาจะกระทบต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถาม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย! ยอดลงทะเบียน ม.33เรารักกัน แล้วกว่า 8.2 ล้านคน ทั้งยังเปิดให้ผู้ประกันตนที่ไม่เคยลงทะเบียน ไม่มีสมาร์ทโฟน พกบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด ลงทะเบียนที่ สปส. ทั่วประเทศ

โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ซึ่งได้เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.- 7 มี.ค.64 จากเป้าหมายดำเนินการ 9.27 ล้านคน ปรากฏว่า มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,208,286 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 23.00 น.) คงเหลืออีกประมาณ 1 ล้านกว่าคนในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วย ผู้ที่รับเงินในโครงการเราชนะไปแล้ว ผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท และผู้ที่มีปัญหาอื่น ๆ ทางเทคนิค เช่น ชื่อ - นามสกุล ไม่ตรงกับฐานข้อมูลสำนักทะเบียนราษฎร หรือไม่ตรงกับฐานข้อมูลผู้ประกันตน ลงทะเบียนช้า ไม่มีสมาร์ทโฟน

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการสำหรับผู้ประกันตนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและยังไม่เคยลงทะเบียนเลย ขอให้เข้ามาติดต่อเพื่อลงทะเบียนที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศที่ท่านสะดวกในวันที่ 15 - 28 มี.ค.64 ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาเพื่อลงทะเบียนขอรับสิทธิด้วย

โดยสำนักงานประกันสังคมจะจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องการลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.30 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ผ่านสามารถขอทบทวนสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ได้ในวันที่ 15 - 28 มี.ค.64 ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม

หลังจากกรณีการจับกุม นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน ทางเพจ 'Potato Corner Thailand' ร้านเฟรนช์ฟรายส์ชื่อดังของ 'พีช พชร' ที่ได้โพสต์ข้อความเพื่อทำการตลาด

“Potato Corner ฟรายส์คลุกผงเจ้าแรกแห่งไทย โดนแจ้งข้อหาฟรายส์อร่อยเกินไป เบื้องต้น “น้องโตโต้” (นามสมมติ) ได้ถูกจับกุมที่ร้าน Potato Corner สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ชั้น 6"

โดยทางแบรนด์ได้อธิบายว่าได้ใช้มาสคอตประจำร้านชื่อว่า “น้องโตโต้” เป็นคาแรกเตอร์มันฝรั่ง สื่อถึงสินค้าหลักที่เป็นเฟรนช์ฟรายส์มาโดยตลอด

แต่ด้านดราม่ากลับมองว่าแบรนด์ได้ล้อเล่นกับความเป็นความตายของคนๆ หนึ่ง และได้ติดแฮชแท็ก #แบนPotatoCornerThailand จนเชื่อได้ว่าร้านของหนุ่มพีชอาจต้องถูกวิกฤติแบนหนักแน่ ๆ

อย่างไรก็ตามได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อ Atom SP โพสต์ภาพลูกค้าเข้าแถวต่อคิวยาวหน้าร้าน หวังลิ้มรส Potato Corner เฟรนช์ฟรายส์ชื่อดังของพระเอกไฮโซทายาทห้างดัง แต่กลับต้องถามชาวเน็ตกลับว่า ติดแฮชแท็ก #แบนPotatoCorner แบนยังไงทำไมขายดีขึ้น

โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ระบุว่า...

ทัวร์ตั้งใจขับรถมากิน #potatocorner แต่ โดยมีคนต่อแถวชั่วคราว 50 คิวโดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มากกว่าเกินกฎหมาย

#มันแบนยังไงของมันวะ

#ว๊ากคนอยากกินไม่ได้กิน


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000022189

สำนักงานวิจัยแห่งชาติ เผยคนกรุงเริ่มการ์ดตก หลัง AI ตรวจพบคนเริ่มใส่แมสลดลงอย่างต่อเนื่อง เขตยานนาวา มีคนสัญจรที่ไม่ใส่หน้ากากหรือใส่ไม่ถูกต้องมากที่สุดถึง 19.32% จ่อรายงานศบค.เร่งกระตุ้นให้คนกลับมาใส่แมสให้ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายธนารักษ์ ธีระมั่นคง สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดเผยรายงานผลการติดตามการใส่หน้ากากอนามัยโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)โดยเตรียมข้อมูลรายงานให้ศบค.ชุดเล็กทราบ ว่า มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง เพราะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯใส่หน้ากากอนามัยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ที่ไม่ใส่หน้ากากหรือใส่ไม่ถูกต้องรวมกันสูงถึง 3.97%

ถึงแม้ว่าตัวเลขการใส่หน้ากากอนามัยโดยรวมยังสูงอยู่ที่ 96 % แต่โดยรวมทั้งเดือนที่ผ่านมา มีข้อมูลชัดเจนว่าประชาชนมีความระมัดระวังน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และช่วงวันหยุดยาวเนื่อง มีคนออกมาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นจำนวนมาก โดยใส่หน้ากากอนามัยน้อยลง มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการแพร่ระบาด จึงอยากขอความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อให้มากขึ้น

ระบบปัญญาประดิษฐ์ เอไอมาสต์ นี้ ได้เพิ่มพื้นที่ในการเฝ้าระวังตรวจจับการใส่หน้ากากอนามัยมาเป็น 31 จุด ครอบคลุม 30 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดย พบว่าเขตยานนาวา มีประชาชนผู้สัญจรที่ไม่ใส่หน้ากากหรือใส่ไม่ถูกต้องมากที่สุดถึง 19.32% หรือสูงถึง 1 ใน 5 คน โดยถัดมาเป็นเขตบางคอแหลมที่มีอัตราการใส่หน้ากากไม่ถูกต้องหรือไม่ใส่หน้ากากอนามัยสูงถึง 10.15%

นอกจากนี้ ยังมีเขตที่อัตราการไม่ใส่หน้ากากหรือใส่ไม่ถูกต้องสูงกว่า 5% มีมากถึง 11 เขต และมากที่สุดตั้งแต่เริ่มใช้ระบบการประเมินนี้

ภาพโดยรวมแล้ว 2 สัปดาห์ล่าสุดใกล้เคียงกับช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ โดยช่วงเช้าประชาชนใส่หน้ากากอนามัยมากกว่าในช่วงบ่าย ซึ่งแสดงถึงความระมัดระวังน้อยลงในตอนเย็นของแต่ละวัน นอกจากนี้ในวันหยุดโดยเฉพาะวันอาทิตย์จะมีแนวโน้มอัตราการไม่ใส่หน้ากากหรือใส่หน้ากากอนามัยไม่ถูกต้องสูงสุดในทุกสัปดาห์ และในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลต่าง ๆ ก็มีอัตราการไม่ใส่หรือใส่ไม่ถูกต้องสูงขึ้นมาก

นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า "หลังจากที่ได้ใช้เทคโนโลยีเอไอมาประเมินมาได้ 2 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม อว.พบว่าอัตราการใส่หน้ากากอนามัยลดลงเรื่อย ๆ น่าเป็นห่วง จึงอยากกระตุ้นและรณรงค์ขอความร่วมมือการสวมใส่หน้าการอนามัย และขอให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น” ทั้งนี้สถานการณ์เรื่องโรคโควิดของประเทศดีขึ้นมาก “ขณะนี้ประเทศไทยได้เริ่มใช้วัคซีนแล้ว โดยมีจำนวนผู้ฉีดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top