Thursday, 10 October 2024
POLITICS TEAM

SMS ขยะหลอกได้รับสิทธิเงินกู้ระบาดหนัก ‘หมอแล็บแพนด้า’ เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพเด็ดขาด

ระบาดหนักขึ้นทุกวัน สำหรับมิจฉาชีพที่ส่งข้อความ หรือ SMS ขยะ ลวงเหยื่อให้กดเข้าไปในลิงค์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน ล่าสุด เฟซบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัย โดยระบุว่า ถ้าใครไปเจอข้อความแบบนี้ อย่ากดเข้าไปเด็ดขาดนะครับ มันคือมิจฉาชีพ

วิธีการของกลุ่มนี้คือ มันจะให้เราโหลดแอปกู้เงิน แล้วจะมีพนักงานไลน์มาคุยกับเรา พอเรากู้เงินผ่าน พนักงานพวกนี้มันจะบอกให้เราต้องโอนค่าค้ำประกันเงินกู้ 10% ของวงเงินกู้เรา สมมติว่าเราจะกู้ 5 แสน เราต้องโอนให้มัน 5 หมื่นถึงจะกู้ได้

พอเราหลงเชื่อโอนไป 10% เสร็จเรียบร้อย มันจะบอกว่าข้อมูลของเราไม่ถูกต้อง ทั้งที่ข้อมูลเราถูกต้องทุกอย่าง จากนั้นไม่นาน มันจะบอกให้เราออกจากระบบแล้วล็อกอินเข้าใช้งานใหม่ เลขบัญชีที่เราเคยกรอกข้อมูลไว้ มันดันเปลี่ยนแปลงไป

แล้วมันก็บอกว่าเราต้องจ่ายค่าแก้ไขข้อมูลให้มันอีก 30% ของวงเงินกู้ ถึงจะถอนเงินกู้ออกมาได้ สุดท้ายบางแอปมันปิดหนีเราไปเลย

บางคนก็จะโดนพวกมันขู่ว่า มันรู้เลขบัญชีเราแล้ว ถึงเราไม่กู้มันจะตัดบัญชีเราอัตโนมัติ 10% ทุกเดือน ถ้าจะยกเลิกสัญญา ต้องเอาบัตรประชาชนไปสำนักงานใหญ่มันเท่านั้น ไม่รู้ว่าสำนักงานมีจริงมั้ยก็ไม่รู้

สรุปคือ อย่าไปกด อย่าไปโหลด อย่าไปให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ไม่งั้นชีวิตจะเป็นทุกข์ ฝากบอกต่อๆกันด้วยนะครับ


ที่มา : เพจ หมอแล็บแพนด้า https://www.facebook.com/MTlikesara/photos/a.163769617162564/1624585334414311/

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช ที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล สามารถเอาชนะคู่แข่ง พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิม และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปได้

เหตุที่เสาไฟฟ้าล้ม

พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นเจ้าถิ่นภาคใต้มาก่อน ส่งเสาไฟฟ้าลงยังได้รับเลือกเป็น ส.ส.

แต่นี้ต่อไป คงไม่ใช่แล้ว

เหตุทุกอย่างล้วนเกิดจากสุเทพก้าวข้ามเส้น กระสันอำนาจ หวังเดินทางลัด ล้มเลือกตั้ง อ้างปฏิรูปจนระบบพัง ปล่อยเสือเข้าป่า ให้ทหารแหกค่ายมายึดอำนาจจนติดใจ ตั้งเป็นพรรคพลังประชารัฐ

จนถึงวันนี้ เสือย้อนกลับมากัดพรรคประชาธิปัตย์ จนไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าถิ่นภาคใต้อีก แถมกรุงเทพฯยังสูญพันธุ์เหมือนเดิม ลามไปถึงผู้ว่า กทม. ที่เคยได้เป็นติดต่อกันมาหลายสมัย

หลังจากนี้อย่าได้หวังว่าอะไรจะเหมือนเดิม

เรื่องของเรื่องมาจาก กปปส. โดยแท้ ที่ทำให้เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาดอย่างทุกวันนี้

เลือกตั้งครั้งหน้า ขอทำนายไว้ 25 ที่นั่ง หากยังไม่ยกเครื่อง


ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/photos/a.725057480874317/4276380015742028/

คนพิการไม่มีบัตรคนจน 8.3 เฮ! หลังบอร์ดคนพิการ เล็งเสนอครม.พิจารณาเบี้ยผู้พิการกลุ่มไม่มีบัตรคนจน - อายุเกิน 18 ปี จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท พร้อมขยายเวลายื่นกู้ฉุกเฉินประกอบอาชีพถึง 31 พ.ค. 64

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้พิจารณาแนวทางการส่งเสริมการมีงานทำและการให้ความช่วยเหลือผู้พิการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 สาระสำคัญของการประชุม มีดังนี้

1.) เห็นชอบปรับเพิ่มสวัสดิการเบี้ยผู้พิการให้กับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการแต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 8.3 แสนคน จาก800บาท/เดือน เป็น 1,000 บาท/เดือน ให้เท่ากับผู้พิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการที่อายุต่ำกว่า18ปี ซึ่งครม.ได้มีมติปรับเพิ่มให้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการจะต้องนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาต่อไป

2.) เห็นชอบขยายเวลาการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพกรณีฉุกเฉินของกองทุนพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ วงเงินกู้ไม่เกิน10,000บาทต่อราย โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ย ปลอดชำระหนี้ 1 ปี จากเดิมที่หมดเขต 31 มี.ค. 64 ขยายไปถึง 31 พ.ค. 64 ประชาชนผู้สนใจสามารถยื่นคำร้องขอกู้ได้ที่ www.dep.go.th หรือสอบถามสายด่วน พม. 1300

3.) เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาการกำหนดโควต้าการรับสิทธิวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่คนพิการโดยเฉพาะกลุ่มคนพิการที่มีความพิการในระดับรุนแรงหรือมีปัญหาด้านสุขภาพ

4.) เห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษีให้สถานประกอบการที่จ้างงานคนพิการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คือ 1.) การจ้างคนพิการตามมาตรา33 ที่หักภาษีได้ 2 เท่า ขอเพิ่มเป็น 3 เท่า 2.)การจ้างคนพิการมากกว่า 60% ของลูกจ้างที่หักภาษีได้ 3 เท่า ขอเพิ่มเป็น 4 เท่า

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า "ที่ประชุมมีความห่วงใยผลกระทบของโควิด-19ที่มีต่อผู้พิการ การประชุมครั้งนี้จึงเน้นไปที่การให้การช่วยเหลือฉุกเฉินเพื่อให้ผู้พิการก้าวพ้นความยากลำบากที่ประสบอยู่ขณะนี้ และส่งเสริมโอกาสแก่ผู้พิการเพื่อให้เข้าถึงการจ้างงาน มีรายได้ สามารถพึ่งพิงตนเองได้

ซึ่งขณะนี้แผนการส่งเสริมการมีงานทำของผู้พิการ ได้กำหนดแนวทางการบูรณาการ 29 หน่วยงาน ครอบคลุมการส่งเสริมการมีงานทำ การให้การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย และการพัฒนาทักษะ เพื่อประโยชน์แก่คนพิการ ตามเป้าหมายปี 64 สองแสนคนทั่วประเทศ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกี่ยวกับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาถุงมือยางเทียมในองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังดำเนินการอยู่และจะเร่งให้เสร็จโดยเร็ว

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังดำเนินการอยู่และจะเร่งให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนที่ติดขัดอยู่ คือ ผู้ที่มีหน้าที่ต้องมาชี้แจงนั้นอาจจะเลื่อนเวลา แต่ตามระเบียบมีระบุอยู่ เมื่อถึงกำหนดแล้วจะไม่สามารถเลื่อนได้ จึงได้เร่งให้รีบสรุปผลโดยเร็ว

เมื่อสรุปผลการหาข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วจะนำเข้าสู่กระบวนการลงโทษ คือ มี 2 ส่วน 1.ตั้งกรรมการชี้โทษว่ามีความผิดระดับไหนต้องลงโทษอย่างไร 2.ชี้โทษทางแพ่งที่จะชดใช้ค่าเสียหายว่าผู้กระทำความผิด จะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไร

นี่คือในส่วนของระดับผู้อำนวยการ อ.ค.ศ. ลงมา แต่ส่วนที่สูงกว่านั้น ถ้าพบผู้กระทำความผิดจะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลซึ่งอยู่ในกระบวนการที่ ป.ป.ช.ดำเนินการอยู่เช่นกันและได้มีการอายัดบัญชีเส้นทางการเงิน 2,000 ล้านบาท ที่อดีตรักษาการผู้อำนวยการโอนไปให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ แล้ว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุด้วยว่า ในส่วน 8 สัญญา ฝ่ายกฎหมายของ อ.ค.ส. ได้รายงานแล้วน่าจะเป็นโมฆะ 112,500 ล้านบาท (มูลค่าธุรกรรมการขาย) เพราะบางบริษัทที่มาเซ็นต์ไม่ประทับตราบริษัทหรือไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ถือว่าไม่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นก็จะมีปัญหาเฉพาะเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาทที่โอนไปซึ่งอายัดแล้ว ต่อไปเมื่อชี้มูลความผิดใครรับผิดชอบอะไรก็จะเป็นไปตามกฎหมาย

"ขอเรียนว่าใครผิดก็ไม่เอาไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมมาเร่งรัดติดตามต้องดำเนินการจริงจัง ไม่ต้องการเห็นการทุจริตใดๆ เกิดขึ้น ถ้าเกิดก็ต้องตามจัดการจนถึงที่สุดไม่ว่าจะเป็นทางวินัย อาญา หรือทางแพ่งก็ตาม" นายจุรินทร์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จ่อฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก วันที่ 12 มีนาคม เวลา 09.00 น. พร้อมแจ้งรัฐมนตรีที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ลงชื่อปักเข็มพร้อมกัน

ภายหลังจากที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผ่านการรับรองจาก อย.ของไทยแล้ว ล่าสุดในศุกร์ที่ 12 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปยังสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรก

โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯ จะเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดวัคซีน คือ ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน รับฟังคำแนะนำ ชั่งน้ำหนักตัว วัดความดันโลหิต รับฟังคำชี้แจงขออนุญาตฉีดวัคซีน ด้วยการลงนามอนุญาตให้ฉีดวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ และรับการฉีดวัคซีน จากนั้นเข้าห้องพักสังเกตอาการจากคณะแพทย์ 30 นาที พร้อมลงทะเบียนในระบบเพื่อบันทึกชนิดของวัคซีนและติดตามอาการ ก่อนรับนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป

ซึ่งนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯ ได้แจ้งให้รัฐมนตรีที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิดให้ไปฉีดวัคซีนโดยพร้อมเพรียงกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อรัฐมนตรีที่รับการฉีดวัคซีน โดยเหตุผลของการให้ ครม.ฉีดวัคซีนครั้งนี้ เนื่องจากได้พบปะประชาชนเป็นจำนวนมาก

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของรัฐมนตรีแต่ละคน พร้อมระบุว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังรายงานว่าในวันที่ 25 มีนาคมนี้ วัคซีนล็อตที่ 2 จากบริษัท ซิโนแวค จะเดินทางถึงประเทศไทย ขณะเดียวกันที่จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มีนาคมนี้

เลขาฯ สมช.เผย ศบค.ชุดเล็กเตรียมหารือ เล็ง! มาตรการสงกรานต์ 64 งดสาดน้ำ - ประแป้ง ปลดล็อกเพียงกิจกรรมที่ใส่หน้ากากได้ พร้อมชงมาตรการส่ง ศบค.ชุดใหญ่ 19 มี.ค. นี้ ในส่วนสมุทรสาครย้ำจัดได้ในระดับหนึ่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ศปก.ศบค.ประจำวันว่า ในการประชุมวันนี้ได้หารือมาตรการป้องกันโควิด-19 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะหารือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่าจะจัดในรูปแบบนิวนอร์มัลอย่างไร เพื่อนำเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กในวันที่ 11 มีนาคม ก่อนเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 19 มีนาคม

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.ชุดใหญ่ มีนโยบายผ่อนคลายมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็ต้องดูว่าสามารถผ่อนคลายได้ถึงจุดไหน ดังนั้นจึงต้องหารือให้เกิดความรอบคอบเพื่อเดินหน้าทางเศรษฐกิจต่อไป และควบคู่กับความปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะพี่น้องประชาชนให้ความเป็นห่วงว่าหากจัดเทศกาลสงกรานต์จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีก และจะทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมา

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "โดยการผ่อนคลายที่ ศบค.ชุดเล็กนำเสนอ คือ สามารถจัดกิจกรรมและท่องเที่ยวได้ เช่น การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และการสรงน้ำพระ แต่กิจกรรมการเล่นสงกรานต์ใดที่ต้องถอดหน้ากาก เช่น การสาดน้ำ การประแป้ง และกิจกรรมบนถนนข้าวสาร อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยง โดยเราจะอนุญาตให้กิจกรรมที่ยังสวมหน้ากากอยู่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขว่าจะอนุญาตให้มากน้อยเพียงใด"

เมื่อถามว่า มีความกังวลเรื่องการเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "ไม่มีความเป็นห่วง เพราะคนไทยให้ความร่วมมือทำตามมาตรการ รวมถึงภาครัฐ และผู้จัดกิจกรรมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีซึ่งอาจจะทำให้เราสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มขึ้น"

เมื่อถามว่าจะผ่อนคลายให้จัดกิจกรรมสงกรานต์ในจังหวัดสมุทรสาครได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "กำลังพิจารณาอยู่ และช่วงเช้าได้ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับจังหวัดสมุทรสาคร โดยทางจังหวัดได้ขอผ่อนคลายลงมาบ้าง แต่ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กแจ้งว่าอาจจะผ่อนคลายได้ไม่สุด หรือเทียบเท่าจังหวัดอื่น

โดยจะเริ่มผ่อนคลายในวันที่ 1 เมษายน แต่ก็ยังอยู่ในมาตรการเฝ้าระวังร่วมกับจังหวัดปทุมธานี แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะเฝ้าระวังแค่จังหวัดสมุทรสาครจังหวัดเดียว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาซึ่งจะหารือกันในสัปดาห์หน้าก่อนนำเข้าก่อนนำเข้า ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 19 มีนาคม"

เมื่อถามย้ำว่า จังหวัดสมุทรสาครไม่สามารถจัดกิจกรรมสงกรานต์ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "อาจจะจัดได้ระดับหนึ่ง หรือจัดโดยใช้มาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และการคัดกรองอุณหภูมิ หากประชาชนคงมาตรการเหล่านี้ไว้เราก็จะผ่อนคลายมาตรการลงเรื่อย ๆ"

‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โพสต์โชว์ ฉีดวัคซีนกันโควิด-19 เข็มที่ 2 พร้อมพี่ชายที่แสนดี ‘โทนี่ - ทักษิณ ชินวัตร’ คอยให้กำลังใจไม่ห่างเช่นเคย

วันที่ 10 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Yingluck Shinawatra’ โชว์ภาพฉีดวัคซีนกันโควิด-19 เข็มที่ 2 แล้ว โดยระบุว่า

สองสามวันก่อนดิฉันไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่สองแล้วค่ะ ครั้งนี้มีคุณโทนี่พี่ชายที่แสนดี มาคอยให้กำลังใจดิฉันเช่นเคย

ดิฉันรับวัคซีนของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ค่ะ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเข็มแรกที่ฉีดไป ความรู้สึกตอนฉีดระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองนั้นไม่ต่างกัน แต่เข็มแรกอาจจะมีความกังวลว่าจะมีอาการแพ้ไหม และรู้สึกหนักที่ต้นแขนที่ฉีดยามากหน่อย เพราะร่างกายเรายังไม่คุ้นเคย ทำให้รู้สึกเพลียบ้างเล็กน้อย แต่สำหรับเข็มที่สองความกังวลลดลงไป หลังฉีดเสร็จส่วนตัวดิฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยปวด เพียงแขนรู้สึกหนัก เมื่อยล้าเล็กน้อย สักพักก็กลับไปเหมือนปกติ ทั้งนี้ร่างกายหลังฉีดวัคซีนอ่อนเพลียและง่วงซึมบ้าง ดังนั้นหลังการฉีด จึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ

หลังจากนี้อีกประมาณ 1 เดือน แพทย์จะให้ดิฉันตรวจ Anti Body หรือ การตรวจระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันเพียงพอแล้ว เพราะตามทฤษฎีร่างกายควรจะมีภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดเข็มที่สอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดความประมาท เรายังคงต้องกินของร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างเหมือนเดิมค่ะ

ในอนาคตอันใกล้ทุกประเทศจะทยอยให้ประชาชนของตนเองได้ฉีดวัคซีน เพื่อได้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น สร้างรายได้ให้กับประชาชน ดิฉันเชื่อว่าใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือวัคซีนพาสปอร์ต คงจะเป็นเอกสารอีกหนึ่งชิ้นที่เราจะต้องแสดงคู่กับหนังสือเดินทาง เพื่อเป็นใบเบิกทางในการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ได้

คมนาคมฯ เตรียมเปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง พ.ย.นี้ โดยมีอัตราค่าโดยสาร 14 - 42 บาท พร้อมเตรียมลดจำนวนเที่ยวเดินลดหัวลำโพง หลังเปิดสถานีกลางบางซื่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ โดยจะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ (2564) เพื่อให้รถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ - รังสิต และบางซื่อ - ตลิ่งชัน และสถานีกลางบางซื่อ สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก สบาย และปลอดภัย

ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรม และอนุกรรมการ การเตรียมการเปิดให้บริการและบริหารโครงการรวม 5 ด้าน คือ

1.) ด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง

2.) ด้านสถานี

3.) ด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร

4.) ด้านการสื่อสารสาธารณะ

และ 5.) ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า

ทั้งนี้ยืนยันว่า การเดินรถของรถไฟสายสีแดง จะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกสถานี เพื่อพร้อมเปิดให้บริการประชาชน และต้องมีระบบขนถ่ายผู้โดยสารจากสถานี เข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย

ขณะเดียวกันในส่วนของสถานีหัวลำโพง จะเริ่มมีการลดจำนวนเที่ยวการเดินรถไฟทางไกลที่เข้าสู่สถานีหัวลำโพง โดยพิจารณาถึงความจำเป็นในการให้บริการประชาชน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พร้อมทั้งให้ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการในเชิงพาณิชย์ โดยให้อนุรักษ์ความเป็นรถไฟไทย ที่มีระบบเชื่อมต่อการเดินทางเข้าไว้ด้วยกัน

สำหรับอัตราค่าโดยสารสายสีแดง มีการเคาะราคาต่ำสุดที่ 14 บาท สูงสุดไม่เกิน 42 บาท และมีส่วนลดราคาให้กับบัตรโดยสารรายเดือน บัตรโดยสารร่วม บัตรนักเรียน บัตรผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้พิการ

'ศาสตรา' ชี้นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วาจาสถุลละเมิดผู้อื่น อาจารย์ปกป้อง สิ้นสภาพแล้ว มหาลัยนี้เสื่อม

โดย นายศาสตรา โตอ่อน อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายมหาชน) ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Sattra Janto Toaon ว่า…

“นศ.ธรรมศาสตร์จำนวนมากละเมิดสิทธิของผู้อื่นผ่านวาจาสถุลหลายกรรมหลายวาระ คณาจารย์ออกมาปกป้องแบบไม่ลืมหูลืมตาสิ้นสภาพแล้ว มหาลัยนี้ เสื่อม

“มหาลัยธรรมศาสตร์สร้างจากภาษีประชาชนถ้าประชาชนไม่โอบอุ้มจะไปรอดไหม หยุดส่งลูกเรียนธรรมศาสตร์ ถ้าดื้อให้มันหากินเองดูสิจะแน่แค่ไหน chicken!.”


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/95457


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top