Thursday, 9 May 2024
Hard News Team

แฉ!! ยุทธวิธีปั่นกระแส - ใส่ร้ายทางการเมือง มักใช้คำสั้นๆ - ซ้ำๆ มากกว่าอธิบายความยาวๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า “เพราะคำใส่ร้าย มันสั้นกว่าคำอธิบายเสมอ”

ทั้งนี้ได้อธิบายความเพิ่มเติมว่า “เรามารู้ทันยุทธวิธีในการใช้โซเชียลปั่นกระแส เขาใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี วิธีใส่ร้ายป้ายสีหรือด้อยค่าด้วยถ้อยคําซ้ำ ๆ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะการใส่ร้าย มันสั้นกว่าคําอธิบายเสมอ เช่น เขาจะใส่ร้ายได้ประโยคซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ”

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ อธิบายต่อว่า “พวกเราสังเกตนะ คำซ้ำๆ เดิม ๆ คําใส่ร้ายสั้น ๆ อย่างเช่นว่า “ประยุทธ์ตรวจสอบไม่ได้” แค่นี้นะ ย้ำคำว่า “ตรวจสอบไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้” แต่เวลาอธิบายมันยาวกว่า คนจะไม่ฟัง ดังนั้น พี่น้องเวลาเสพข่าว ถ้าเห็นคนที่ใช้แค่ถ้อยคําสั้น ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ วนไปวนมา แล้วก็ไม่แสดงตัวตน อย่าไปสนใจ อย่าไปหลงเชื่อ เพราะเขาจะสะกดจิต เขาจะใช้คําซ้ำ ๆ ๆ สะกดจิต เพราะว่าเขารู้ว่าพี่น้องทํางานทําการ ไม่ค่อยมีเวลาดูการเมืองเยอะ ดังนั้นเขาจะใช้คําซ้ำ ๆ แค่นั้น

เพราะคําอธิบาย มันยาวกว่าคําใส่ร้ายเสมอ”

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2567

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘บุญ…มีทุกศาสนา’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน ที่ได้ระบุไว้ว่า…

“บุญ…ไม่สังกัดศาสนาไหน ความดี…ไม่ว่าจะชนชาติใด หรือศาสนาใดก็ตาม ทําความดีคือดี ทําความชั่วคือชั่ว ไม่ได้รับการยกเว้น ทุกศาสนาสอนวิธีทําบุญอยู่แล้ว ไม่มีศาสนาไหนที่ไม่มีการทําบุญ เพราะนั้นทุกศาสนามีบุญของตัวเอง มีบุญที่ได้กระทํา (เขามีวิถีปฏิบัติของเขาอยู่แล้ว) ถูกต้อง”

“ทีนี้ต้องตอบตรง ๆ ว่าในห้วงสากลจักรวาล การเวียนว่ายตายเกิด มีอยู่ด้วยกันทั้งนั้น เราคุยกันอาจจะมี (การแยก) ศาสนานั้น ศาสนานี้ แต่เวลาไปเป็นความจริงแล้ว ยกตัวอย่าง งูจะเลื้อยไปประเทศใด ก็ไม่เห็นต้องมีพาสปอร์ต หรือต้องมีวีซ่าเลย ก็เลื้อยไปได้ หรือ นกจากไซบีเรียก็บินมาชัยภูมิ มาวางไข่ ก็ไม่เห็นต้องมีสัญชาติอะไร คําตอบก็คือ ‘นรก’ ไม่ได้เป็นของศาสนาไหน สวรรค์ไม่ได้เป็นของศาสนาไหน บุญกุศลไม่ใช่เป็นของศาสนาไหน เพราะฉะนั้นคนไหนทํา คนนั้นก็ได้บุญ”

ทีนี้พอเกิดแล้วทําให้จิตมีคุณภาพ จิตปราบปลื้ม ผ่องใส เมื่อปลาบปลื้มผ่องใส จิตก็ประมวลแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา แล้วก็ส่งผลแต่เรื่องดี ๆ ไม่ต้องอื่นไกล วันไหนอารมณ์แจ่มใส รับประทานข้าวก็อร่อย นอนก็หลับ เมื่อเจอคนรอบข้างก็รู้สึกเบิกบาน แต่ถ้าวันไหนอารมณ์เสีย รับประทานข้าวก็ไม่อร่อย นอนก็ไม่หลับ เจอหน้าคนก็หงุดหงิด เป็นธรรมชาติ”

5 พฤษภาคม วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ หรือพระนามลำลองว่าพระองค์ติ๊ด ทรงประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ทรงเป็นพระธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2527 ได้มีการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ณ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ตามโบราณราชประเพณี โดยพระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งทรงเป็นพระภาคิไนยในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อครั้งประสูติ พระองค์มีฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทุกพระองค์

ต่อมาในรัชสมัย รัชกาลที่ 10 วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็น ‘พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ’ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิมแล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายใน ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2530 จากนั้นประทับ ณ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา และทรงเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะวอชิงตัน (The Art Institute of Washington) จนสำเร็จการศึกษา ต่อมาทรงย้ายไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ในสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย (The Art Institute of California) ด้วยสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่น และประทับอยู่ลำพังพระองค์ในอพาร์ตเมนต์ใกล้สถาบันดังกล่าว

ต่อมาในปี 2552 ได้ทรงโอนย้ายหน่วยกิตทั้งหมด เพื่อมาทรงศึกษาต่อในสาขาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 เทอม ประมาณ 1 ปีครึ่งเท่านั้นก็สามารถสำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบนิเทศศิลป์ตามที่ตั้งพระทัยไว้

ทรงสำเร็จการศึกษาในปี 2553 และทรงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปี 2554 จาก ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี’ ณ อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ

เมื่อสำเร็จการศึกษา พระองค์ทรงนำความรู้มาออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการสวนจิตรลดา โดยทรงเลือกทำการรีแบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์จิตรลดา เพื่อให้ดูร่วมสมัย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทรงลงมือปรับโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยแต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย และคงความเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของจิตรลดาไว้อย่างเหนียวแน่น

พร้อมกันนี้ พระองค์ได้ทรงออกแบบแพคเกจจิ้งสินค้าของจิตรลดาใหม่ มากกว่า 20 ไลน์ เพื่อสร้างความสดใหม่และน่าสนใจให้กับแบรนด์ ตลอดจนออกแบบลายเสื้อฝีพระหัตถ์ ‘ทุ่งภูเขาทอง’ เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดภูเขาทอง และออกแบบลายเสื้อและถุงผ้า ‘ช้างนพสุบรรณ’ เพื่อนำทุนไปบูรณะวัดวัง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เสียหายจากอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. 2554

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงประกอบพระกรณียกิจเกี่ยวกับศิลปะ, พระพุทธศาสนา และโครงการเกษตรตัวอย่างในพระดำริที่จังหวัดสุรินทร์ น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในโครงการเกษตรส่วนพระองค์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่นเป็นทุนเดิม รวมถึงโปรดการออกแบบโบรชัวร์และโปสเตอร์ ผลงานศิลปนิพนธ์หลังสำเร็จการศึกษานิเทศศิลป์คือ ‘โครงการปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทางการเกษตรโครงการสวนจิตรลดา’ ที่ปรับเปลี่ยนและออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าโครงการจิตรลดา ภายใต้แนวคิด ‘ชีวิตที่กลมกลืน (Living Harmony)’

ผลงานของพระองค์ถูกจัดในนิทรรศการมีเดียอาตส์เอ็กซีบีเชิน (Media Arts Exhibition : MAX 2011) ร่วมกับผลงานของบัณฑิตท่านอื่น ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรจิตรกรรมและศิลปกรรมในปีนั้น ซึ่งผลงานของพระองค์ได้รับคำชื่นชมจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย ว่าทำได้ดีและมีลักษณะเฉพาะ

‘หลวงพ่อกบ’ พระอภิญญา ณ วัดเขาสาริกา ลพบุรี | THE STATES TIMES Story EP.145

'หลวงพ่อกบ' วัดเขาสาริกา หรือ 'สมเด็จพระบรมครู' ตามประวัติของท่านนั้น ไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน เกิดเมื่อไหร่ บวชเมื่อไหร่ ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่มีใครรู้แน่ชัด เพราะท่านไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว 

แต่หากใครถาม 'หลวงพ่อกบ' ก็มักตอบเพียงว่า "กูไม่มีอดีต กูมีแต่ปัจจุบันและอนาคต" และหากใครถามถึงอายุท่านจะว่า "กูจำไม่ได้" แล้วท่านก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย

'ม.วอชิงตัน' ทดลองพ่นเกลือให้เมฆ เพื่อหักเหแสงอาทิตย์ หวังลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ รอลุ้นผลอีก 3 ปี

แม้แสงจากดวงอาทิตย์ คือ แหล่งพลังงานความร้อนและแสงสว่างของโลก แต่ในขณะเดียวกันภาวะโลกเดือด (หรือภาวะโลกร้อน) ก็ทำให้ความร้อนที่ได้จากแสงอาทิตย์ยังถูกกักเก็บเอาไว้ในโลกและทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 

(4 พ.ค.67) TNN Tech รายงานว่า จากปัญหาดังกล่าว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) จึงริเริ่มทดลองแก้ปัญหา ด้วยการลดความร้อนจากดวงอาทิตย์ โดยการสร้างเมฆเทียมเพื่อหักเหแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรกของโลก 

การทดลองดังกล่าวอิงจากพื้นฐานว่าเมฆสามารถหักเหแสงอาทิตย์ได้ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวในธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทีมนักวิจัยจึงเริ่มโครงการสร้างกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มความสว่างของเมฆเหนือมหาสมุทร (Marine Cloud Brightening: MCB) เพื่อให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้โดยการสร้างและออกแบบของมนุษย์

ทั้งนี้ MCB เป็นการใช้ประโยชน์จากเมฆเหนือมหาสมุทรที่มักลอยตัวต่ำ เป็นวัตถุดิบในการสร้างเมฆที่ช่วยสะท้อนและหักเหแสง โดยการพ่นละอองเกลือเพื่อให้ไปถึงเมฆ ละอองเกลือจะทำให้เมฆเพิ่มความสามารถในการสะท้อนแสง และลดปริมาณความเข้มแสงที่ผ่านเมฆเข้ามาสู่โลก พร้อมทำให้เมฆมีความขาวชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระบวนการด้วยเช่นกัน

โดยสิ่งที่ทีมนักวิจัยทำก็คือการสร้างเครื่องพ่น (Spraying) น้ำทะเลไปยังระดับความสูงที่เมฆเลยตัวอยู่ พร้อมติดตั้งตัวเครื่องพ่นบน ยูเอสเอส ฮอร์เน็ต (USS Hornet CV-12) เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งปลดประจำการในปี 1970 ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay Area) ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา 

แม้ผลลัพธ์การทดลองเบื้องต้นจะยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่นักวิจัยในทีม ตลอดจนนักบรรยากาศศาสตร์ (Atmospheric scientist) เชื่อว่า การรบกวนธรรมชาติของเมฆด้วยเทคนิค MCB มีความเป็นไปได้ในการทดลอง โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการสร้างละอองในอากาศ (Aerosoid) ที่มีความเหมาะสมในแง่ของขนาดและความเข้มข้น รวมถึงเครื่องพ่นที่มีกำลังการปล่อยที่เหมาะสมด้วย

อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อบันทึกข้อมูลการทดลอง โดยติดตั้งเครื่องมือวัดสภาพอากาศเหนือ USS Hornet รวมถึงปรับปรุงแบบเครื่องพ่นให้เหมาะสม โดยตั้งงบประมาณตลอดระยะเวลาโครงการไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 370 ล้านบาท ซึ่งประมาณร้อยละ 10 ของงบ หรือประมาณ 37 ล้านบาท จะเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้ USS Hornet เป็นสถานที่ทดลองด้วย

ชาวโซเชียลชื่นชม หนุ่มเจ้าของร้าน ซ่อมรถคู่ใจให้ ‘ลุงเก็บของเก่า’ ฟรี หลังลุงเข็นมาไกลเกือบกิโล นั่งปล่อยโฮหน้าร้าน เพราะไม่มีเงินซ่อม

(4 พ.ค.67) จากคลิปของผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘beawtyfriendly’ ที่ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือคุณลุงเก็บของเก่าคนหนึ่ง นั่งร้องไห้พร้อมกับรถคู่ใจอยู่ที่ร้านซ่อม เจ้าของร้านใจดีซ่อมให้ฟรีๆ พร้อมทำเครื่องรถให้ใหม่ ชาวแห่ชื่นชมโอนเงินช่วยเหลือ

ล่าสุด นายกฤศรา กิจวัฒนโอภา เจ้าของร้านช่างตั้มพนม ได้เปิดเผยว่า ตนกับแฟนเปิดร้านซ่อมรถจยย.อยู่แล้ว และวันนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านจึงไม่เห็นว่าลุงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีพี่ร้านข้างๆ เห็นลุงเดินเข็นรถร้องไห้มาหยุดที่หน้าร้านตน จึงได้ไปตามตนที่หลังร้านให้ออกมาหาลุง

ตอนแรกคิดว่าลุงเอารถมาซ่อมตามปกติ พอออกมาดูก็เห็นว่าลุงนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตอนนั้นแฟนก็เลยบอกกับคุณลุงไปว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวดูให้เดี๋ยวเช็คให้ พอเช็ครถให้คุณลุงก็เห็นว่าคาร์บูเรเตอร์พัง เลยเปลี่ยนให้ และได้คุยกับคุณลุงว่าเข็นมาจากไหน คุณลุงก็บอกว่าเข็นมาจากไฟแดง ซึ่งถ้าเข็นมาจากไฟแดงนั้นห่างจากร้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับบอกว่าจะเป็นลม เหนื่อย และร้อนมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ระหว่างนั้นก็เลยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไปอีกหนึ่งมื้อ จะได้ให้คุณลุงใจเย็น ตอนนั้นคุณลุงก็ดีขึ้นมาก

นายกฤศรา กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติตนเคยเห็นคุณลุงประจำอยู่แล้ว เพราะว่าตนชอบแจกผัก ผลไม้ข้าวสารอยู่ที่หน้าร้าน คุณลุงเขาเป็นคนเก็บของเก่า เวลาเขาผ่านมาแถวนี้เขาก็แวะมาเอาของแจกอยู่ตลอด หรือเวลามีขวดน้ำของเก่าต่างๆ ตนก็จะเก็บไว้ให้ลุง ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

โดยปกติเวลาเห็นคุณลุงจะเป็นคนยิ้มแย้มเฮฮาชอบพูดคุยหัวเราะเสียงดัง แต่วันนั้นพอเจอเหตุการณ์ที่เขานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน ตนก็ตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขั้นต้องร้องไห้ ตอนนั้นก็ปลอบใจกันไป ซึ่งตนคิดว่าเขาคงกลัวเรื่องค่าซ่อมที่ไม่มีเงินจ่าย และอีกอย่างนึงคงกลัวรถพังเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตนก็ตั้งใจที่จะซ่อมให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว เพราะปกติตนก็ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนี้คุณลุงก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาขับผ่านหน้าร้านก็มักจะบีบแตร ยิ้มให้หายเหมือนเดิม และตอนนี้รถของคุณลงก็เปลี่ยนคาร์บูไปแล้วแต่ยังมีส่วนอื่นที่น่าจะมีปัญหาอยู่ น่าจะเครื่องหลวม ก็เลยซ่อมเพิ่มเติมให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะทำสตาร์ทมือให้คุณลุงเพิ่มเติมด้วย ทุกอย่างตนจะทำให้คุณลุงฟรีๆ และก็มีคนใจบุญส่งเงินมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง

ที่ตนก็ตั้งใจจะซ่อมให้เสร็จหมดทุกอย่าง เพราะคุณลุงจะได้นำรถที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปใช้ต่อได้ นอกจากลุงแล้วเวลาตนเจอรถจยย.จอดเสียอยู่ข้างทาง หรือว่ารถเข็นอยู่ ตนก็จะจอดช่วยเหลือตลอด เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าเขาจะเจอร้านซ่อมหรือจะมีใครช่วยเขาหรือไม่ และที่ทำมาโดยตลอดก็คือทำทานแจกกับข้าวให้คนเฝ้าไข้ ตามโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อยข้าวหนึ่งมื้อก็ทำให้เขามีกำลังใจในการอยู่ต่อไป ให้เขาเฝ้าไข้ จะได้มีแรง

ทัวร์ลงหนัก!! หลัง ‘Netflix’ โปรโมตเดี่ยวสเปเชียล ‘โน้ส อุดม’ ฟาด!! ‘ไร้สาระ-คิดแต่ตรรกะฝั่งตัวเอง-นึกว่าจะฉลาดกว่านี้’

(4 พ.ค.67) ทัวร์ลงหนักเลยทีเดียว สำหรับเพจ ‘Netflix’ ที่มีคนติดตาม 91 ล้านคน โดยมีการโปรโมตทอล์กโชว์ เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ของ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ ตัดตอนที่โน้สได้พูดเหน็บแนมเรื่องความพอเพียง แซะคนอยากเป็นเกษตรกรตามดารา อินฟลูฯ อยากอยู่กับธรรมชาติ อีด-ก เขาลงมาจากรถตู้ พอกครีมกันแดดหลายตลบ เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแอร์ อย่าดัดจริต โดยแคปชันระบุว่า

“อยากพอเพียง อยากปลูกผักตามอินฟลูฯ แต่ลืมคิดว่าเขาลงจากรถตู้ พอกครีมกันแดดมาเกี่ยวข้าว กลับมาคราวนี้ พี่โน้ส อุดม เขาจัดเต็ม ไม่กั๊ก ไม่เซ็นเซอร์ เชิญรับชมพร้อมกันได้ใน เดี่ยวสเปเชียว ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ Netflix”

งานนี้ชาวเน็ตฟาดไม่ยั้ง อาทิ พอเพียงเป็นคำที่มีความหมายในตัวเอง คนที่ไม่พอก็ไม่ได้แปลกอะไร คนที่แปลกคือคนที่พยายามด้อยค่ามันเพราะอคติ, พอไม่พออยู่ที่ความพอใจ ความพอใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่าคิดแต่ฝั่งตรรกะตัวเอง ใครไม่พอก็หากันต่อไป ใครพอเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่เขามี แล้วไม่ต้องดินมาก แค่นั้นเอง,

มันไม่เกี่ยวกับง่ายหรือยาก มุงไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแล้วเอามาแซะ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้ ภูมิใจจริงๆ ไม่เคยอุดหนุนอะไรสักอย่าง, คุณนิยามคำว่าพอเพียงผิดมหันต์ มันจึงเหมือนเป็นการเหน็บแนม ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคุณจริงๆ , อยากฟังทฤษฎีใช้เงินไปสวรรค์ของวัดดังแถวปทุมนะ, พอเพียงมันก็คือทางสายกลาง แบบที่พระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ การไม่ยึดติดสุดทางทั้งไม่ลำบากไปไม่สบายไป เอาแบบพอดี แต่โน้ส อุดม คงไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเชื่อคำสอนของธัมมชโยมากกว่า ฯลฯ

โซเชียล ชื่นชม ‘ตร.ทางหลวง’ บึ่งรถนำตัวเด็กป่วย ส่งถึงมือหมอ หลังได้รับแจ้งเหตุ มีเด็ก ‘ช็อก-ไข้สูง-ชักเกร็ง’ บนรถสองแถว

(4 พ.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงสกลนคร’ โพสต์ข้อความระบุว่า 

ประชาชนขอความช่วยเหลือเด็กป่วยบนรถโดยสารมีอาการไข้สูง ชักเกร็ง ก่อนนำขึ้นรถวิทยุตำรวจทางหลวง 4508 ส่งโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ถึงมือคุณหมออย่างปลอดภัย ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือตำรวจทางหลวง

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 02.38 นาที และมีข้อความประกอบในวิดีโอว่า ประชาชนขอความช่วยเหลือมีเด็กป่วยอยู่บนรถโดยสาร บริเวณสี่แยกธาตุ เมืองสกลนคร ซึ่ง รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับไปจอดใกล้กับรถโดยสารแล้ววิ่งลงไป นำทางผู้หญิงสวมเสื้อสีแดงอุ้มเด็กชายรายหนึ่งพร้อมกับหญิงเสื้อขาว ให้ขึ้นบนรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นคลิปก็ตัดไปบนรถ เด็กชายก็ร้องงอแงในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ หญิงเสื้อขาวที่พยายามใช้ผ้าลูบไปที่เด็ก พร้อมกับตบก้นเพื่อเรียกสติของเด็กให้รู้สึกตัว

ขณะเดียวกัน จนท.เปิดสัญญาณไฟไซเรนและรีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลสกลนคร พร้อมกับประสานงานทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกทางจราจร ระหว่างขับรถมีการใช้เสียงขอความร่วมมือจากประชาชนว่าต้องรีบนำเด็กที่มีอาการชักนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนำส่งถึงมือหมออย่างปลอดภัย

‘นิพิฏฐ์’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องไม่มีการเมือง มาแทรกแซง หนุน!! ผู้ว่าฯ อย่าเพิ่งถอดใจ ปชช. ยังต้องการให้เป็น ‘วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต’

(4 พ.ค.67) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า สายเลือดพ่อ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น

-มีครั้งหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้ตำหนิคุณทักษิณ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ 'ทองคำช่วยชาติ'

-รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษธปท. ถึงกับประกาศว่า ธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ

-หลายคนโทรมาคุยกับผมในเรื่องนี้

-ผมได้แต่ฟัง และบอกว่า “เป็นเช่นนี้”

-เมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะ “เป็นเช่นนี้แหละ”

-อย่าแปลกใจเลย อุ๊งอิ๊ง ก็มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยม และกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ ประเทศก็จะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน

-ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม

-ผมไม่กลัว และ ไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้า ก็มีไป ผมขอเพียงพื้นที่เล็กๆให้ผมได้เหยียบเดินแบบ “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน”

-ขอให้กำลังใจผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ

-วีรบุรุษ มี 2 ประเภท คือ วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ กับ วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว

-ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น “วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต มากกว่า วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว” ครับ

‘อัครเดช’ หนุนนายกฯ ดัน ‘ไฟไหม้กากสารเคมีอุตฯ’ เป็นเรื่องสำคัญ ชี้!! หมักหมม มานานหลายปี ต้องสร้างความเชื่อมั่น เร่งหาคนผิดมาลงโทษ

(4 พ.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม(กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและฝ่ายความมั่นคงมาช่วยแก้ปัญหาไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมี รวมถึงการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สั่งให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดทั่วประเทศเข้ามาช่วยสำรวจร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และคิดว่าการมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดูแล ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาดำเนินการ

“การที่ต้องเอาฝ่ายความมั่นคงมาช่วยและเอากระทรวงอื่นๆมาร่วมแก้ปัญหา ถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ที่จะต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ดังนั้นที่ท่านนายกฯได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงเข้ามาช่วย และ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และตอนนี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมก็ลงมาดูแลปัญหาด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ จึงต้องได้รับความร่วมมือจากกระทรวงอื่นด้วย” ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม กล่าว

นายอัครเดช ยังย้ำอีกว่า ปัญหานี้ตนต้องการให้นายกรัฐมนตรี ยกเป็นปัญหาระดับชาติ เพราะที่ต้องเป็นปัญหาระดับชาติ เนื่องจากเป็นปัญหาที่หมักหมมมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดราชบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง และจากที่ทราบก็ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีการกองเก็บกากดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐมเป็นต้น ซึ่งถ้ามีการเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีกจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะตอนนี้ประชาชนให้ความสนใจเรื่องนี้มาก ฉะนั้นเรื่องการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรี กับ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพพยากรธรรมชาติฯ ลงมาช่วยกระทรวงอุตสาหกรรมดูแล ก็จะทำให้การควบคุมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญการเกิดเหตุที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นจะต้องหาผู้กระทำความผิดให้ได้ ต้องสอบสวนให้ได้อย่างรวดเร็ว และต้องตอบสังคมให้ได้ว่ามันเป็นที่การวางเพลิง หรือเป็นที่อุบัติเหตุ และถ้ามันเป็นการวางเพลิงต้องหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top