บรรดาผู้นำทั่วโลก น้อมเกล้าแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคต สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 องค์พระประมุขที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักร สิริพระชนมายุ 96 พรรษา รวมเวลาครองราชย์ 70 ปี
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า "ในฐานะประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์นานที่สุดและพระชนมายุยืนที่สุดของสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นที่ชื่นชมอย่างกว้างขวางทั่วโลก ต่อความกรุณา อุทิศตัวและความสง่างามของพระองค์ พระองค์สร้างความอุ่นใจตลอดช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หลายทศวรรษ ในนั้นรวมถึงการปลดปล่อยอาณานิคมในแอฟริกาและเอเชีย และวิวัฒนาการของเครือจักรภพ"
"สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เป็นมิตรที่ดีกับสหประชาชาติ ทรงเสด็จเยือนสำนักงานใหญ่ของเราในนิวยอร์ก 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันกว่า 50 ปี พระองค์มุ่งมั่นอย่างหนักแน่นต่องานด้านการกุศลและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และตรัสสร้างแรงบันดาลใจแก่บรรดาคณะผู้แทน ณ ที่ประชุมโลกร้อน COP26 ในกลาสโกว์ เกล้ากระหม่อมของแสดงความชื่นชมสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ต่อความมั่นคงของพระองค์ การอุทิศตนตลอดชีวิตเพื่อรับใช้ประชาชนของพระองค์ โลกจะจดจำการอุทิศตัวและความเป็นผู้นำของพระองค์"
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ระบุในถ้อยแถลงว่า "ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พระองค์ทรงยืนหยัดอย่างมั่นคง และเป็นบ่อเกิดแห่งความอุ่นใจและความภาคภูมิใจของชาวสหราชอาณาจักรหลายชั่วอายุ ในนั้นจำนวนมากไม่รู้ว่าประเทศของพวกเขาจะเป็นไปในทิศทางไหนหากปราศจากพระองค์ มรดกของเธอจะเป็นส่วนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร และในเรื่องราวของโลกของเรา"
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวว่า "สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 จะถูกจดจำในฐานะผู้กล้าหาญในช่วงเวลาของเรา พระองค์มอบแรงบันดาลใจผู้นำของประเทศและประชาชนของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีความสง่างามและมีทำนองคลองธรรมในชีวิตสาธารณะ ข้าพเจ้าของส่งความคิดคำนึงถึงครอบครัวของพระองค์และประชาชนชาวสหราชอาณจักร ในชั่วโมงอันน่าเศร้านี้"
เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ระบุในถ้อยแถลงว่า "ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ปากีสถานขอร่วมกับสหราชอาณาจักรและบรรดาชาติต่างๆ ในเครือจักรภพ ในการไว้อาลัยต่อการสวรรคตของพระองค์ กระผมขอน้อมเกล้าแสดงความอาลัยด้วยความจริงใจถึงเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนและรัฐบาลของสหราชอาณาจักร"
จันติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระบุว่า "มันเศร้าสลดใจอย่างที่สุด หลังเราได้ทราบข่าวการจากไปของกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของแคนาดา สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 พระองค์ทรงยืนหยัดอย่างมั่นคงในช่วงชีวิตของเรา และการรับใช้ชาวแคนาดาของพระองค์ จะยังคงเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศของเราไปตลอดกาล"
จาซินดา อาร์เดิร์น นายรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ น้อมเกล้าแสดงความอาลัยว่า "ฉันรู้ว่าฉันต้องพูดแทนประชาชนทั่วนิวซีแลนด์ แสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้งถึงสมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์ ต่อการจากไปของสมเด็จพระราชินี สำหรับเราพระองค์ทรงเป็นชื่นชมและเป็นกษัตริย์ที่เราให้ความเคารพอย่างสูง พระองค์ทรงเป็นเหมือนแม่และยายของพวกเรา"
แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่า "ด้วยการจากไปของ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 การครองราชย์ครั้งประวัติศาสตร์และการอุทิศทั้งชีวิตในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ครอบครัว ความศรัทธาและการรับใช้ได้มาถึงจุดจบ หัวใจของชาวออสเตรเลียขอยืนเคียงข้างประชาชนชาวสหราชอาณาจักรผู้โศกเศร้าในวันนี้ เรารู้ดีว่าพวกรู้สึกอย่างไรที่ต้องสูญเสียส่วนสำคัญที่สร้างประเทศของพวกเขาขึ้นมา คำปลอบโยนสามารถพบได้ในคำตรัสของสมเด็จพระราชินีเองที่ว่า ความเศร้าคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความรัก"
นอกจากไบเดนแล้ว ในส่วนของสหรัฐฯ มีบุคคลสำคัญหลายคนที่ร่วมน้อมเกล้าแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ในนั้นรวมถึง แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มิตช์ แม็คคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา เช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน