12 กันยายน พ.ศ. 2565 เปิดตัว ‘ศูนย์สิริกิติ์’ โฉมใหม่ ใหญ่กว่าเดิมกว่า 5 เท่า
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดบริการใหม่อีกครั้งวันที่ 12 กันยายน 2565 หลังปิดปรับปรุงกว่า 3 ปี ใช้งบลงทุนไปกว่า 15,000 ล้านบาท ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ได้ฤกษ์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากปิดปรับปรุงไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 โดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ใช้งบลงทุนไปกว่า 15,000 ล้านบาทในการพลิกโฉมใหม่ทั้งหมด
โดยศูนย์สิริกิติ์โฉมใหม่ ได้ขยายพื้นที่รวม (Total Space) เพิ่มขึ้น จากเดิม 65,000 ตารางเมตร เป็น 300,000 ตารางเมตร หรือเกือบ 5 เท่า ขยายพื้นที่จัดงาน (Event Space) จากเดิม 25,000 ตารางเมตร เป็น 78,500 ตารางเมตร เพิ่มจำนวนห้องประชุมจากเดิม 13 ห้อง เป็น 50 ห้อง มีศักยภาพรองรับการจัดงานในทุกรูปแบบ นอกเหนือจากงานประชุมและงานไมซ์
สำหรับศูนย์สิริกิติ์โฉมใหม่ ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ ด้วยเจาะอุโมงค์เชื่อมต่อรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) เข้าสู่ศูนย์การประชุมโดยตรง และการปรับปรุงครั้งนี้ พื้นที่จอดรถที่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมรองรับการจอดรถได้ 600 คัน เพิ่มเป็น 3,000 คัน โดยในปี 2565 นี้ ยังจอดรถฟรี 3 ชั่วโมงแรก ขยายพื้นที่รีเทล/ร้านอาหาร จากเดิม 5,000 ตารางเมตร เป็น 12,000 ตารางเมตร
โดยไฮไลต์งานที่จะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในปีนี้ ก็คือ เป็นสถานที่จัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ในวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับโลกที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพนั่นเอง