Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ  

(5 พ.ย. 67) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ  (จังหวัดที่ 15 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยานในโครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร จำนวน 50 คัน ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน จำนวน 5 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน นอกจากนี้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์แก่คนพิการ จำนวน 10 คัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวบึงกาฬในครั้งนี้ทั้งสิ้น 647,630 บาท (หกแสนสี่หมื่นเจ็ดพันหกร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ
ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ  พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี คณะมูลนิธิสว่างศรีวิไลธรรมสถาน จังหวัดบึงกาฬ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี  รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์ฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้วทั้งสิ้น 15 จังหวัด 360 ครัวเรือน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,913,654 บาท (เจ็ดล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยห้าสิบสี่บาทถ้วน) 

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ  www.facebook.com/pohtecktungofficial

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

บริษัททัวร์จีนโกยรายได้อู้ฟู้ จัดโปร 11.11 กรุงเทพฯ ติดท็อปเมืองคนจีนแห่เที่ยววันคนโสด

(3 พ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ขณะที่ชาวจีนกำลังจับจ่ายซื้อของออนไลน์ในเทศกาลวันคนโสด “11.11” (วันที่ 11 เดือน 11) ประจำปีนี้ ดูเหมือนว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเถาเป่า (Taobao) จะไม่ใช่แหล่งชอปปิงเดียวที่นักชอปชาวจีนสนใจอีกต่อไป เพราะชาวจีนต่างก็กำลังใช้เวลาไปกับการท่องแพลตฟอร์มเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agency) ชั้นนำของประเทศ เช่น ฟลิกกี (Fliggy) และ ซีทริป (Ctrip) กันมากขึ้น เนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นด้วยแพ็กเกจจองโรงแรมสุดพิเศษในเทศกาลวันคนโสด ซึ่งมักมาในรูปแบบโปรโมชันลดกระหน่ำสำหรับการเข้าพักหลายคืนตามโรงแรมบูติก รีสอร์ท และ เกสต์เฮาส์

ฟลิกกีได้เห็นถึงกระแสที่ร้อนแรงหลังเริ่มจำหน่ายแพ็กเกจท่องเที่ยววันคนโสด “11.11” ของปีนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ต.ค. เพราะในเวลาเพียง 53 วินาที ก็กวาดรายได้ไปมากกว่า 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 4.75 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เคยใช้เวลานานถึง 13 นาทีในปีที่แล้ว และยอดขายก็แซงหน้ายอดขายรวมในวันแรกของปีที่แล้วได้ในเวลาเพียง 52 นาที

หลังจากที่ลูกค้าจองแพ็กเกจท่องเที่ยวเสร็จแล้ว ก็จะสามารถเลือกวันเช็กอินใดก็ได้ภายในระยะเวลาที่แพ็กเกจนั้นยังไม่หมดเขต ซึ่งทั่วไปแล้วจะอยู่ได้นานหลายเดือน แล้วจึงค่อยชำระเงินหลังลูกค้ายืนยันวันเข้าพัก

รายงานจากเมดิน (Meadin) ผู้ให้บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชี้ว่า แพ็กเกจเหล่านี้ตอบโจทย์อุปสงค์ของผู้บริโภคชาวจีนที่ต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเนื่องจากเวลาที่ต้องใช้ในการตัดสินใจซื้อมักมีจำกัด ความยืดหยุ่นของแพ็กเกจและความสะดวกสบายจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมากขึ้น เวลาที่ต้องเลือกซื้อที่พักสำหรับการท่องเที่ยว

สำหรับบรรดาโรงแรมต่างๆ ยอดขายช่วงเทศกาลคนโสดถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางของตลาดการท่องเที่ยวที่คึกคักของจีน ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า ช่วงหยุดยาววันชาติจีนระยะ 7 วันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจีน 765 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศมีมูลค่าเกิน 7 แสนล้านหยวน (ราว 3.32 ล้านล้านบาท) ในช่วงหยุดยาวข้างต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากปี 2019

ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวที่ต้องการทริปที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ของตัวเองได้ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่สนใจทริปสัมผัสประสบการณ์พิเศษนั้นเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวในระดับอำเภอเพิ่มสูงขึ้น และการจองโรงแรมขนาดเล็กก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อมองจากด้านปริมาณแล้วโรงแรมประเภทนี้มีอัตราการเติบโตสูงสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับที่พักประเภทอื่นๆ

รายงานที่เผยแพร่โดยเสี่ยวจู (Xiaozhu) แพลตฟอร์มการจองที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) ระบุว่าในช่วงวันหยุดยาววันชาติ ปริมาณการจองที่พักพร้อมอาหารเช้าของตนเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“การแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวปีนี้รุนแรงมาก หลายธุรกิจก็ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่” ซ่วยเมิ่งถิง เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายช่วงเทศกาลคนโสดของฟลิกกีกล่าว โดยเธอเชื่อว่าการขายในช่วงเทศกาลคนโสดจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมในช่วงนอกฤดูกาล เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้อย่างเต็มที่รวมถึงเพิ่มยอดการจองห้อง โรงแรมต่างๆ จึงได้ขยายช่องทางการขายแพ็กเกจด้วยการไลฟ์สดและเชิญผู้ทรงอิทธิพลมาโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตน

ฟลิกกีก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ขยับขยายช่องทางการขายตามเทรนด์ดังกล่าว โดยในการขายช่วงเทศกาลคนโสดของปีนี้ ข้อมูลด้านการตลาดของฟลิกกีตามโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน เช่น วีแชต เสี่ยวหงซู และ เวยโป๋ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  “ในแง่ของความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลคนโสด 11.11 ในปีนี้ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ซ่วยกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ tripzilla.com พบว่า 5 อันดับจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมจองทริปเดินทางช่วงวันคนโสดอันดับหนึ่งประจำปี 2024 คือ กรุงโตเกียว อันดับสองคือกรุงเทพฯ, กรุงโซล, นครโอซาก้า และไทเป ตามลำดับ

‘กษิต’ แจงยิบเหตุ รบ.อภิสิทธิ์ยกเลิก MOU 44 พร้อมหนุนเจรจาต่อ แต่ขอยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก

(5 พ.ย. 67) นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณียกเลิกเอ็มโอยู 44 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า เพราะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในขณะนั้น ได้แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นที่ปรึกษา เป็นการแสดงออกซึ่งไม่เป็นมิตร แล้วก็แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจของรัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ จึงได้ประกาศยกเลิกเอ็มโอยู 44 ด้วยการนำเรื่องเข้าครม. แล้วครม.มีมติ จากนั้นเป็นเรื่องของหน่วยข้าราชการประจำ

โดยเฉพาะกระทรวงต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องไปดูในรายละเอียดว่าจะต้องทำอย่างไร เช่น จะต้องไปแจ้งสภา และแจ้งไปทางฝ่ายกัมพูชาให้ทราบ แต่เรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินการ จากนั้นเราก็พ้นจากรัฐบาลไปแล้วคือการยุบสภา

นายกษิต กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเป็นรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ และ รัฐบาลนายเศรษฐาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน แต่เมื่อช่วงปี 57 ก็ได้ยืนยัน โดยรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ที่ยังจะคงไว้ซึ่งเอ็มโอยู44 ก็เท่ากับก็ว่าเป็นการยกเลิกมติครม.ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แล้วรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ได้แต่งตั้งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย แล้วก็ต่อเนื่องมาจนถึงบัดนี้ เท่ากับว่าเอ็มโอยูก็ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเอ็มโอยู 44 ไม่มีการยกเลิกแล้ว และทางกระทรวงต่างประเทศกำลังเตรียมเรื่องนี้ เพื่อจะเสนอ ครม. เพื่อให้ลงมติแต่งตั้งว่าใครจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ

ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าเกิดเราไม่เจรจาเรื่องเขตแดนก่อน นายกษิต กล่าวว่า เรามีเอ็มโอยู เพื่อจะเจรจาเขตแดนกับการสำรวจทรัพยากรทางธรรมชาติ ก็ต้องเจรจากันต่อไป และยังไม่ได้เริ่มเจรจา ก็อย่าไปเดาความว่าผลการเจรจาจะออกมาอย่างไร ที่วิพากษ์วิจารณ์กันก็ไม่ถูกต้อง ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ยกเลิกเอ็มโอยู44 นั้น ตนคิดว่านายภูมิธรรมต้องไปอ่านมติ ครม.ใหม่ ศึกษาเรื่องราวให้ดี

ในฐานะที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน มีข้อแนะนำสำหรับรัฐบาลปัจจุบันอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า ตนคิดว่าเราทุกคนก็ต้องรักชาติ ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง ทุกคนต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซื่อตรง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามา แล้วก็ปล่อยให้คณะผู้แทนเจรจาไป แต่อย่าให้มีนัยยะของการเมือง และผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซง กลุ่มนี้ต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้คณะผู้แทนไทยเจรจาต่อไป และผลการเจรจาก็แน่นอน ก่อนไปเจรจาก็คงต้องให้รัฐสภารับทราบ ให้ความเห็นชอบประกอบการเจรจา เมื่อผลการเจรจาคืบหน้าเป็นระยะๆ ก็ต้องกลับมารายงานที่รัฐสภา ในฐานะที่เป็นสังคมประชาธิปไตย

เศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน อ่อนแอ กระทบอุปสงค์น้ำมันดิบ แม้ OPEC+ เลื่อนแผนเพิ่มการผลิตหวังหนุนราคาน้ำมัน

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 28 ต.ค.- 1 พ.ย. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 4 – 8 พ.ย. 67 โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลง 2.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่เฉลี่ย 72.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่ม OPEC+ ตกลงเลื่อนแผนเพิ่มการผลิตหวังหนุนราคาน้ำมัน แต่ภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และจีนที่อ่อนแอ ส่งผลกดดันอุปสงค์น้ำมันดิบ

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 67 กลุ่ม OPEC+ มีมติเลื่อนแผนปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 180,000 บาร์เรลต่อวัน จากกำหนดเดิมในเดือน ธ.ค. 67 ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มชะลอตัว

ด้าน EIA รายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. 67 เพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 13.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าในปี 2567 จะอยู่ที่ 13.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปี 2568 จะอยู่ที่ 13.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ S&P Global/Caixin รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Manufacturing Purchasing Managers ’ Index: PMI) ในเดือน ต.ค. 67 เพิ่มขึ้น 1.0 จุด MoM อยู่ที่ 50.3 จุด ทั้งนี้ ดัชนีสูงกว่า 50 จุด บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว โดยเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

อีกด้านหนึ่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่ายอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ในเดือน ก.ย. 67 เพิ่มขึ้น 12,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า (Reuters Poll คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 113,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า) ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 จากผลกระทบของเฮอริเคน (เฮอริเคน Helene และ Milton) และการประท้วงของพนักงานบริษัท Boeing ในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ขณะที่อัตราว่างงาน (Unemployment Rate) คงที่จากเดือนก่อนอยู่ที่ 4.1%

สำหรับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง สำนักข่าว Press TV ของอิหร่านรายงานว่าผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei กล่าวสุนทรพจน์แก่นักศึกษาเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 67 ที่กรุงเตหะรานโดยให้คำมั่นจะตอบโต้อิสราเอลและสหรัฐฯ อย่างรุนแรงหลังถูกโจมตีฐานที่มั่นทางทหารในอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 67 โดยจะดำเนินการในเวลาที่เหมาะสม

โลกระทึก 7 Swing States ทรัมป์ คะแนนนำ แฮร์ริส 4 ต่อ 2 รัฐ

(6 พ.ย. 67) ยังสูสีพร้อมพลิกกลับได้เสมอ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปิดหีบไปแล้วส่วนใหญ่ที่ 41 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่รัฐสวิงสเตต (Swing States) ซึ่งจากผลคะแนนตอนนี้โดนัลด์ ทรัมป์" แทบจะสูสีกันแบบคนละครึ่งกับ "คามาลา แฮร์ริส"

ทรัมป์มีคะแนนนำใน 4 รัฐ คือ จอร์เจีย, มินเนโซตา, นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน 

ส่วนแฮร์ริสมีคะแนนนำในรัฐ 2 รัฐ คือ มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย 

ก่อนหน้านี้ด้านสำนักข่าว NBC เผยผลสำรวจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวสหรัฐช่วงระหว่างวันที่ 30 ต.ค. ถึง 2 พ.ย. โดยพบว่าจากผลสำรวจทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกกัน และนางกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนผลสำรวจที่สูสีเท่ากับ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายฝ่ายที่เชื่อว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 นี้ผู้สมัครทั้งสองจะต้องอาศัยการชิงชัยในพื้นที่รัฐสวิงสเตท (Swing States) ที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะก้าวสู่ทำเนียบขาว

สำหรับรัฐสวิงสเตทที่จะเป็นตัวชี้ขาดของทั้งสองฝ่ายประกอบด้วย รัฐเนวาดา, รัฐแอริโซนา, รัฐวิสคอนซิน, รัฐมิชิแกน, รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐนอร์ทแคโรไลนา, และรัฐจอร์เจีย

สำหรับผลโพลสำรวจผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในแต่ละรัฐสวิงสเตทพบว่า ทั้งกมลา แฮร์ริสและนายโดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนเสียงสูสีในสวิงสเตททั้ง 7 รัฐ โดยผลสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสมีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยในรัฐเนวาดา นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยในรัฐแอริโซนา ขณะที่ทั้งคู่มีคะแนนสูสีกันในรัฐมิชิแกน จอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย

รัฐเพนซิลเวเนีย
เพนซิลเวเนียเคยเป็นรัฐที่เดโมแครตวางใจได้ แต่ปัจจุบันเดโมแครตไม่สามารถยึดฐานเสียงในรัฐคีย์สโตนได้อีกต่อไป ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันเคยชนะเสียงข้างมากในรัฐนี้ ซึ่งมีประชากร 13 ล้านคน ด้วยคะแนนนำ 0.7% ในปี 2016 จากนั้นไบเดนก็สามารถเอาชนะในรัฐนี้ได้ด้วยคะแนนนำ 1.2% ในปี 2020

รัฐแอริโซนา
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะในรัฐแอริโซนาในปี 2016 ด้วยคะแนนเกือบ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่แพ้รัฐนี้ให้กับโจ ไบเดนในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์ การสำรวจความคิดเห็นในปีนี้พบว่าทรัมป์และกมลา แฮร์ริสมีคะแนนเท่ากัน

รัฐวิสคอนซิน
วิสคอนซินเป็นรัฐที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งที่นั่นในปี 2016 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งที่นั่นในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

รัฐจอร์เจีย
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะในรัฐจอร์เจียในปี 2016 ด้วยคะแนนประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่แพ้ให้กับโจ ไบเดนในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 12,000 คะแนน การแข่งขันในปีนี้เป็นการเสี่ยงดวง โดยทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนเท่ากันในการสำรวจความคิดเห็น

รัฐมิชิแกน
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งในรัฐมิชิแกนในปี 2016 สร้างความประหลาดใจให้กับพรรคเดโมแครตในรัฐที่พรรครีพับลิกันไม่เคยชนะเลยตั้งแต่ปี 1988 โจ ไบเดนชนะในรัฐนั้นในปี 2020 โดยเอาชนะทรัมป์ไป 3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อกมลา แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนเท่ากันในทางสถิติ จึงเป็นการเสี่ยงดวงก่อนวันเลือกตั้ง

รัฐเนวาดา 
พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเนวาดาใน 2 ครั้งล่าสุด แต่ผลสำรวจและแนวโน้มการลงคะแนนในรัฐทำให้รัฐนี้กลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อพยายามเปลี่ยนรัฐให้หันมาสนใจเขา กมลา แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนเท่ากัน และรัฐนี้ถือเป็นรัฐที่ “เสี่ยงดวง”

รัฐนอร์ทแคโรไลนา
รัฐนอร์ทแคโรไลนาไม่ได้ลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2008 แต่ทีมหาเสียงของกมลา แฮร์ริสตั้งเป้าว่ารัฐนี้จะเป็นรัฐที่เธอสามารถชนะได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากประชากรผิวดำจำนวนมาก โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ในปี 2016 ด้วยคะแนน 3 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2020 ด้วยคะแนน 1 เปอร์เซ็นต์

‘พลัฏฐ์’ ชวนร่วมงานวัดภูเขาทอง 2567 วัดสระเกศฯ ชูไฮไลต์ ‘ประเพณีห่มผ้าแดง’ มงคลพิธีที่สืบทอดตั้งแต่สมัย ร.5

‘พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์’ ชวนร่วมงานเทศกาลลอยกระทง งานวัดภูเขาทอง 2567 พร้อมร่วมสืบสาน ประเพณีห่มผ้าแดง บูชาพระบรมมาสารีริกธาตุ องค์พระเจดีย์บรมบรรพต ที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดย งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ภูเขาทอง จัดขึ้นในตั้งแต่ วันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567

นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีตผู้สมัคร สส. กทม. เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมวัดภูเขาทอง ซึ่งนับเป็นหนึ่งในงานวัดที่ต้องไม่พลาด และช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ทางวัดก็งดจัดกิจกรรมไปเนื่องจาก โควิด-19 สำหรับในปีนี้ งานวัดภูเขาทอง 2567 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 

ขณะที่ พิธีห่มผ้าแดง ถวายองค์พระเจดีย์บรมบรรพต  (ภูเขาทอง) ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงานในปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.00 น. 

นอกจากนี้ ขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยว สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์
- พระประธาน พระอุโบสถ วัดสระเกศ
- หลวงพ่อโต
- หลวงพ่อดำ วัดสระเกศ
- พระอัฏฐารส
- หลวงพ่อดุสิต
- คัมภีร์โบราณ 2,000 ปี
- พระพุทธมงคลบรมบรรพต (หลวงพ่อดวงดี)
- พระพุทธมงคลสุวรรณบรรพต (หลวงพ่อโชคดี)

นอกจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสประเพณี วัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ
- สนุกสนานกับ เกมส์งานวัด ชิงช้าสวรรค์ การแสดงดนตรีลูกทุ่งย้อนยุค
- ตื่นตากับการแสดงศิลปะวัฒนธรรม
- แต่งชุดไทย เดินเที่ยวตลาดย้อนยุค
- ลอยประทีปเทียนหอมบูชาพระพุทธเจ้าน้อย
- การออกร้านค้าชุมชน ชอปของกินอาหารอร่อยมากมาย
- ตระการตาไฟประดับกว่า 1 ล้านดวง

สำหรับประเพณีการห่มผ้าแดง นี้มีที่มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เล่ากันว่า หลังจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 3 พรรษา ทรงเสด็จไปโปรดเมืองเวสาลี ที่กำลังเดือดร้อนจากโจรผู้ร้ายเที่ยวเข่นฆ่าชาวเมือง 

เมื่อเหตุร้ายนั้นหมดไป ชาวเมืองจึงพากันสรรเสริญพระองค์ แต่พระองค์ตรัสว่า ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ความอัศจรรย์ แต่เป็นเพราะอานุภาพแห่งบุญบารมีที่พระองค์เคยนำผ้ามาประดับบูชาเจดีย์ในอดีตชาติ ซึ่งความเชื่อนี้ได้สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน 

ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงนำเอาผืนผ้าสีแดงมาห่มคลุมให้องค์พระเจดีย์ โดยหวังให้ชีวิตในชาติหน้าของตัวเองมีความสงบร่มเย็นเช่นกัน

ส่วนประเพณีการห่มผ้าแดงภูเขาทอง เป็นประเพณีเก่าแก่ตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สืบมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการจัดมานานกว่า 130 ปีแล้ว หลังได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้มีการจัด พิธีการห่มผ้าแดง ขึ้นทุกปีใน วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 จนถึง วันแรม 2 ค่ำ เดือน 12 ตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังพิธีลอยกระทง รวม 10 วัน 10 คืน

ความหมายของการห่มผ้าสีแดง
ความหมายของการห่มผ้าสีแดงให้กับ องค์พระบรมสารีริกธาตุ ภูเขาทอง เนื่องจากสีแดงตามความเชื่อโบราณคือ สีแห่งความเป็นมงคล นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า ผู้ที่เขียนชื่อ และนามสกุล ลงบนผ้าสีแดงแล้วนำผ้านั้นไปห่มพระบรมสารีริกธาตุก็จะได้รับความเป็นสิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้า แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย

ส่องโปรไฟล์ ‘จิ๊บ-ศศิกานต์’ รองโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ร่วมขับเคลื่อนนำเสนอผลงานรัฐบาลแบบเชิงรุก

(6 พ.ย. 67) รู้จัก 'รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี' คนใหม่ในโควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ 'นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์' หลังคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ จิ๊บ เกิดที่ จ. ตรัง จบการศึกษาชั้นมัธยมต้น จาก โรงเรียนบูรณะรำลึก จ.ตรัง และ มัธยมปลายจาก รร. สาธิต ม.สงขลานครินทร์ จ. ปัตตานี  

จบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีจาก คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอกสาขาวิทยุ-โทรทัศน์ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2

หลังจากนั้น ได้เบนเข็มไปเรียนปริญญาโท สาขา International Marketing Management  University of Surrey ที่ประเทศอังกฤษ 

กว่า 20 ปีที่ ศศิกานต์ คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการบริหารการสื่อสารการตลาดในองค์กรเอกชนใหญ่ๆ  และในฐานะสื่อสารมวลชน เธอได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์มากมาย  รวมถึงยังเคยเป็นคอลัมนิสต์บนเว็บไซต์สื่อออนไลน์และสื่อหนังสือพิมพ์อีกด้วย

นางสาวศศิกานต์ ได้ก้าวสู่สนามการเมืองครั้งแรก โดยเป็นหนึ่งใน 30 ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และเป็นผู้สมัครผู้ว่ากทม. ที่มีอายุน้อยที่สุด เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2565  โดยเธอเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด 

ต่อมา ปี  2566 นางสาวศศิกานต์ ลงสมัคร สส. ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติ เขต บางแค-ภาษีเจริญ 

และล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งนางสาวศศิกานต์ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

ศศิกานต์ ให้ความสำคัญกับ จรรยาบรรณในการสื่อสารเป็นอย่างมาก ในฐานะนักสื่อสารมวลชนที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพ  ต้องนำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม

ยูเครนรบเกาหลีเหนือครั้งแรก เซเลนสกี โวยตะวันตกเมินเฉยไม่จัดการคิม

โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ยืนยันรายงานที่ว่ากองทัพยูเครนได้ปะทะกับทหารเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก พร้อมชี้ว่านี่ถือเป็นบทใหม่ของความไม่มั่นคงระดับโลก

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เซเลนสกีแถลงผ่านวิดีโอบนเว็บไซต์ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ว่า "การสู้รบครั้งแรกกับทหารเกาหลีเหนือได้เปิดบทใหม่ของความไม่มั่นคงในโลกใบนี้" 

เซเลนสกีกล่าวขอบคุณชุมชนระหว่างประเทศที่แสดงการตอบสนองต่อการส่งทหารเกาหลีเหนือไปประจำการในรัสเซีย โดยไม่เพียงแต่แสดงความห่วงใย แต่ยังเตรียมมาตรการสนับสนุนยูเครนในการป้องกันตนเอง "เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ความพยายามของรัสเซียในการขยายสงครามล้มเหลว ทั้งในกรณีของรัสเซียและเกาหลีเหนือ" เขากล่าวเสริม

รุสเตม อูเมรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ KBS ของเกาหลีใต้ ยืนยันว่าการปะทะระหว่างกองทัพยูเครนและทหารเกาหลีเหนือได้เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเป็นการสู้รบระดับไม่รุนแรง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของสถานที่และเวลา โดยระบุว่าอาจถือได้ว่าเกาหลีเหนือได้เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามรัสเซีย-ยูเครนอย่างเป็นทางการแล้ว

ด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่ามีทหารเกาหลีเหนือประมาณ 10,000 นายอยู่ในแคว้นคุสค์ ทางตะวันตกของรัสเซีย และอาจเข้าร่วมการสู้รบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับ ทรภ.3 อำนวยความสะดวกและคุ้มกันการเดินทางของเรือ Amerigo Vespucci เรือใบที่สวยที่สุดและเก่าแก่ที่สุดจากอิตาลี เทียบท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต

เมื่อวันที่ (5 พ.ย.67) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) เปิดเผยว่า พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ( (ผบ.ทรภ.3/ผอ.ศรชล.ภาค 3) สั่งการให้ ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับ ทรภ.3 ร่วมกัน จัดเรือ และ อากาศยาน แสดงกำลัง ต้อนรับ คุ้มกัน ดูแลความปลอดภัย การมาเยือนเมืองท่าภูเก็ต ของเรือ Americo Vespucci ซึ่งเป็นเรือใบ ที่ได้รับการขนานนามว่าสวยที่สุด และมีอายุมากที่สุด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางรอบโลก ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเรือใบสามเสาที่งดงาม โครงเรือและลวดลายแกะสลักได้รับการออกแบบอย่างประณีตและสง่างาม ผสมผสานความคลาสสิกและความอลังการอย่างลงตัว ซึ่งจะดึงดูดสายตาของผู้มาเยือน ณ ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 6-10 พฤศจิกายน 2567

และในวันที่ 5 พ.ย.67 เวลา 15.30 น. ศรชล.ภาค 3 และ ทรภ.3 ได้จัดเรือ ต.111 เรือ ต. 272 และ เฮลิคอปเตอร์ S-76B ออกไปแสดงกำลัง ต้อนรับ คุ้มกันความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก ในการเข้าเทียบท่า ทำการติดต่อสื่อสารระหว่างเรือ Americo Vespucci ได้อย่างชัดเจน และคุ้มกันเรือ มาจนถึงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

โดยในวันนี้ นอกจากเรือของทางราชการที่ออกไปต้อนรับแล้ว ยังมีเรือใบของนักท่องเที่ยวต่างวิ่งเรือมาใกล้ๆ เรือ Americo Vespucci เพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหลังจากที่ทำการเทียบท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ในวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเปิดให้ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนทางออนไลน์ ได้ขึ้นเยี่ยมชมเรือ ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมือง ที่ประเทศอินเดียต่อไป

‘พีระพันธุ์‘ เตรียมออกกฎหมายแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน หลังกองทุนน้ำมันฯ เลิกชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ ปี 69

(6 พ.ย. 67) “พีระพันธุ์” ใช้โมเดลพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายฯ เตรียมคลอดกฎหมายช่วยแก้ปัญหาเกษตรกร
ผู้ปลูกปาล์มน้ำมันโดยดึงกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมแก้ปัญหากับกระทรวงพลังงานแบบครบวงจรทั้งเกษตรกรและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม หวังช่วยหาทางออกให้เชื้อเพลิงชีวภาพภายหลังจากปี 2569 ที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องยกเลิกชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อปลดภาระกองทุนน้ำมันฯ คาดเตรียมตั้งคณะทำงานในสองสัปดาห์นี้ 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวใน
การบรรยายพิเศษหัวข้อ “ทิศทางของน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคต” ในกิจกรรมศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการพัฒนาให้กับคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) และผู้เกี่ยวข้อง จัดโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ว่า แม้ว่าปี 2569 จะเป็นปีสุดท้ายที่กองทุนน้ำมันฯ จะเลิกชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งได้แก่ ไบโอดีเซล และเอทานอล แต่ไม่ได้หมายความว่า จะยกเลิกการผสมเชื้อเพลิงชีวภาพในน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นราคาขายปลีกน้ำมันจะยิ่งสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันราคาเชื้อเพลิงชีวภาพอยู่ในระดับสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเท่าตัว ยิ่งผสมยิ่งทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ซึ่งต่างจากเดิมวัตถุประสงค์การนำเชื้อเพลิงชีวภาพมาผสมในน้ำมันเพราะมีราคาถูกนำมาผสมเพื่อลดราคาน้ำมันลง

“ในความเป็นจริงแล้วจุดประสงค์ของการนำไบโอดีเซลมาผสมในดีเซล เอทานอลผสมในเบนซินไม่ได้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่ต้องการนำมาผสมเพื่อได้ปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นการช่วยลดต้นทุนราคาน้ำมัน ลดรายจ่ายจากการนำเข้าน้ำมันให้ประเทศ แต่เนื่องจากการอุดหนุนเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานทำให้กลายเป็นความเข้าใจทั่วไปว่าเกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่ความจริงเป็นเพียงผลพลอยได้ ซึ่งต้องสร้างความเข้าใจด้วยว่า กระทรวงพลังงานไม่ได้มีบทบาทหลักในการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็หลีกหนีไม่ได้เนื่องจากนโยบายนี้ได้ปล่อยดำเนินการมาเนิ่นนาน และไม่มีหน่วยงานอื่นช่วยคิดแก้ปัญหา กระทรวงพลังงานจึงต้องพยายามช่วยหาทางออกให้กับเกษตรกร”

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า มีแนวคิดจะนำรูปแบบการแก้ปัญหาเรื่องอ้อยกับน้ำตาลตามพ.ร.บ.อ้อยและ
น้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 มาปรับใช้ โดยเล็งเห็นแนวทางของการแก้ปัญหาเรื่องอ้อยและน้ำตาล เพราะหากปล่อยไว้โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันจะได้รับผลกระทบ จึงเตรียมยกร่างกฎหมายเหมือนพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลฯ ให้เป็นกฎหมายปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม อยู่ในความรับผิดชอบกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งโชคดีที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี โดยจะร่วมกันทำงานระหว่างสองกระทรวงเพื่อรองรับเมื่อเชื้อเพลิงชีวภาพจะต้องถูกยกเลิกการชดเชยจากกองทุนน้ำมัน ฯ ในปี 2569 คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะมีคณะทำงานชุดนี้เกิดขึ้นเพื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงานทำงานด้วยกัน โดยพยายามจะเร่งออกกฎหมายให้เป็นทางออกของกองทุนน้ำมันฯ ต่อไป

สำหรับกฎหมายอ้อยและน้ำตาลซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมมีส่วนช่วยทำให้การผลิตและจำหน่ายอ้อยและน้ำตาลทรายสอดคล้องกัน ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทรายร่วมมือกับทางการตั้งแต่ผลิตอ้อยไปจนถึงการจัดสรรเงินรายได้จากการขายน้ำตาลทรายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นระบบที่ดีเกษตรกรพอใจได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังมองอนาคตการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคต หากความต้องการสูงขึ้นจะสามารถดูดซับวัตถุดิบอย่างปาล์มน้ำมันไปใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งการวางแนวทางพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพต้องวางฐานให้เข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศมาลงทุน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top