Thursday, 26 June 2025
TheStatesTimes

‘เอกนัฏ‘ เผย รทสช.ไม่ขัดแก้ รธน. แม้ไม่มีนโยบายหนุน แต่ย้ำชัด!! ห้ามแตะหมวด 1,2 – มาตรการปราบโกง

’เอกนัฏ‘ เผย รทสช.ไม่ขัดแก้รธน. แม้ไม่มีนโยบาย แต่ขอห้ามแตะหมวด 1,2 – มาตรการปราบโกง เผย “พีระพันธุ์” ขอไปศึกษาข้อกฎหมาย-เอ็มโอยู 44 เพิ่มเติม ห่วงไทยเสียผลประโยชน์

(5 พ.ย. 67) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่า ได้มีการพูดคุยกัน 2 เรื่อง คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยังได้รับคำยืนยันว่า ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะไม่มีการแตะมาตรา 112 ซึ่งเป็นจุดยืนหลักของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เราจะไม่สังฆกรรมไม่สนับสนุนและพร้อมจะขัดขวางทุกวิถีทางในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 รวมไปถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่นับรวมเรื่องมาตรา 112 และตนได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรค รทสช. เรามีจุดยืนที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มหาเสียงว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่นโยบายหลักของพรรค แต่หากเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่น เราไม่ขัดข้อง แต่จะไม่ต้องแตะหมวด 1 และ 2 ของรัฐธรรมนูญ รวมถึงมาตรการการป้องปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ส่วนจุดยืนของพรรค รทสช.ต่อเรื่องการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชานั้น ภาพใหญ่ของพรรค รทสช. เรารักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่สุดอยู่แล้ว ต้องไม่มีการนำพื้นที่อธิปไตยไปเจรจาต่อรองในทุกรูปแบบ ซึ่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ซึ่งได้รับคำยืนยันในที่ประชุมพรรคร่วม ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ว่า ไม่ว่าผลการเจรจาจะออกมาแบบไหน จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ 

ส่วนสิ่งที่คนกังวลคือ เรื่องเกาะกูด ก็ได้รับคำยืนยันว่า เป็นของประเทศไทยแน่นอน ไม่ว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม หรือจะยกเลิกเอ็มโอยู 44 เกาะกูดก็ยังเป็นของไทย เป็นจุดยืนของพรรคร่วมทั้งหมด ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน จะต้องเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทยหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่ามีใครบ้างที่จะนั่งเป็นคณะกรรมการ ทราบเพียงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการเดินหน้าต่อจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2557 และรัฐบาลทุกยุคก็ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อไปเจรจากับกัมพูชา ส่วนผลการเจรจาเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

เลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวว่า หลังประชุมพรรคร่วม ตนได้โทรศัพท์หานายพีระพันธุ์ สิ่งที่นายพีระพันธุ์ให้ความสำคัญคือ เรื่องเขตแดน เนื่องจากเป็นนักกฎหมาย จึงจะไปศึกษากฎหมายเพิ่มเติม ทั้งในตัวเอ็มโอยู 2544 และกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเอ็มโอยู 2544 เดิมทีเป็นภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานด้านความมั่นคง ในส่วนของกระทรวงพลังงานเป็นเรื่องการเจรจาผลประโยชน์ร่วม ซึ่งนายพีระพันธุ์ระบุว่า ในส่วนนี้ต้องดูให้ดี คำว่าผลประโยชน์ร่วมทุกฝ่ายก็อยากได้ ทำอย่างไรจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุด 

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังมีความกังวล เพราะเดิมทีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีการสัมปทานไปก่อนหน้านี้ นายพีระพันธุ์จึงกำลังศึกษาอยู่ว่า หากเป็นไปแบบนั้นจริง ประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เกิดความอุ่นใจ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เป็นเรื่องเขตแดนของประเทศ ซึ่งไม่เฉพาะพื้นที่บนเกาะกูดเท่านั้น แต่ในทางกฎหมายยังหมายรวมถึงพื้นที่ในทะเล หรือพื้นที่สิทธิประโยชน์ทางทะเล ถ้าเรายืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทย พื้นที่อื่นที่เกี่ยวเนื่องก็ต้องเป็นของไทยด้วย ซึ่งเป็นที่มาที่ไทยได้ประกาศพื้นที่ไหล่ทวีปเมื่อปี 2516 ไทยก็ต้องรักษาเขตแดนของเรา ส่วนการเจรจาผลประโยชน์ร่วมก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเช่นกัน 

“ยังไม่ถึงกับว่า นายพีระพันธุ์ไม่สบายใจเรื่องนี้ เพียงแต่สไตล์การทำงานของท่านต้องศึกษาให้เกิดความละเอียดในทุกเรื่อง จนกว่าท่านจะมั่นใจ เพราะมันเป็นเรื่องข้อกฎหมาย มีกฎหมายระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง และทำกันมา 20-30 ปีแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ในใจของเราอยู่แล้ว ต้องทำให้รอบคอบ อย่าให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์ ต้องไปดูว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่”นายเอกนัฏ กล่าว

เทศกาลช้อปปิ้ง THE MERRY VILLE JOLLY MARKET กลับมาอีกครั้ง! พร้อมเปิดพื้นที่ให้พ่อค้าร่วมออกบูธต้อนรับนักช้อปช่วงปลายปี

(5 พ.ย. 67) ฤดูกาลแห่งการช้อปปิ้งเริ่มขึ้นแล้ว! เตรียมพบกับเทศกาลปลายปีสุดอลังการที่จะเนรมิตบรรยากาศความสุขตลอดเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่ Central World (Sq.C) งานที่ทุกสายช้อปและสายขายต้องไม่พลาด! THE MERRY VILLE JOLLY MARKET เปิดให้จองพื้นที่บูธครบทั้ง 4 EP ให้คุณได้มาร่วมสร้างความทรงจำพิเศษไปด้วยกัน!
📅 กำหนดการเปิดบูธ:
• EP.1: วันที่ 5-19 พฤศจิกายน (15 วัน)
• EP.2: วันที่ 20 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม (14 วัน)
• EP.3: วันที่ 4-17 ธันวาคม (14 วัน)
• EP.4: วันที่ 18 ธันวาคม - 5 มกราคม (19 วัน)

ภายในงานนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศการช้อปปิ้งช่วงปลายปีแล้ว บริเวณโดยรอบยังตระการตาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ต้นคริสต์มาสยักษ์สุดอลังการ และงาน Countdown สุดมันส์ที่ทุกคนรอคอย! รวมร้านเด็ดร้านดังที่จะทำให้พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายปังๆ และลูกค้าช้อปได้อย่างเพลิดเพลินที่สุด!

อย่ารอช้า! รีบจับจองพื้นที่เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาสุดพิเศษนี้ไปพร้อมๆ กัน มาเปลี่ยนทุกก้าวเดินใน Central World ให้เป็นความทรงจำที่ไม่เหมือนใครในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี

📲 ติดต่อจองพื้นที่:
• LINE: @fyimarket (มี @)
• โทร 098-983-8995
• โทร 065-957-4514

อย่าพลาด! มาร่วมเปิดโอกาสเปิดบูธขายอาหาร เครื่องดื่ม และขนม ต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักช้อปปลายปีไปด้วยกัน งานดีๆ แบบนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น!

ขีปนาวุธหลายลูกตกทะเลโสมใต้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ เริ่มเปิดหีบ

(5 พ.ย. 67) คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 พ.ย.) เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบทิ้งตัวจำนวนหลายลูกลงสู่ทะเลตะวันออก เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเริ่มขึ้น

JCS ระบุว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้ถูกตรวจพบในเวลาประมาณ 07.30 น. โดยยิงจากเมืองซารีวอน ทางตะวันตกของจังหวัดฮวังแฮเหนือ อย่างไรก็ตาม JCS ไม่ได้ให้รายละเอียดจำนวนขีปนาวุธที่ถูกยิง และระบุว่ากำลังอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์สถานการณ์

ในแถลงการณ์ JCS กล่าวว่า “ขณะที่กองทัพของเราเสริมการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม เรายังคงรักษาความพร้อมอย่างเต็มที่ และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกับทางการสหรัฐฯ และญี่ปุ่น”

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเช้าวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงใกล้เคียงกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ชาวอเมริกันจะต้องเลือกระหว่างคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

นอกจากนี้ การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 5 วันหลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธฮวาซอง-19 (Hwasong-19) ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ ลงสู่ทะเลตะวันออกเมื่อวันที่ 31 ต.ค. โดยทฤษฎีแล้ว ขีปนาวุธรุ่นนี้สามารถพุ่งถึงดินแดนสหรัฐฯ

'อิมาน คาลิฟ' กำปั้นเหรียญทองหญิงโอลิมปิก มีโครโมโซม XY - อัณฑะภายใน

(5 พ.ย. 67) ผลตรวจเพศของอิมาน คาลิฟ นักมวยหญิงเหรียญทองโอลิมปิก 2024 จากแอลจีเรีย ถูกเปิดเผย โดยพบว่าเธอมีโครโมโซม XY และมีอัณฑะภายในซึ่งบ่งบอกถึงเพศชาย 

คาลิฟเป็นหนึ่งในนักมวยสองคนที่มีประเด็นเกี่ยวกับการตรวจเพศสภาพ ร่วมกับหลิน อวี้ถิงจากไต้หวัน ซึ่งทั้งคู่เคยถูกริบเหรียญรางวัลจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 2023 ที่จัดโดยสมาคมมวยนานาชาติ (ไอบีเอ) เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจเพศสภาพ แต่ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ทั้งสองสามารถร่วมแข่งขันได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้ คาลิฟ วัย 25 ปี สามารถเอาชนะนักชกชาวจีน หลิ่ว ไปด้วยคะแนนขาดลอย 5-0 เสียง ในรอบชิงชนะเลิศมวยสากลสมัครเล่น รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 66 กิโลกรัมหญิง คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมสปารีสไปครอง ขณะที่ในรอบรองชนะเลิศ คาลิฟ ยังชนะ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยชาวไทย เพื่อผ่านเข้ารอบชิง ขณะที่จันทร์แจ่ม จบการแข่งขันด้วยการคว้าเหรียญทองแดงจากการแข่งขันโอลิมปิก

อย่างไรก็ตาม เรื่องเพศที่แท้จริงของคาลิฟ ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม แม้เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เกิด โดยล่าสุด เดฟเฟ อัล อัลเดีย ผู้สื่อข่าวชาวฝรั่งเศสได้เปิดเผยเอกสารผลตรวจเพศจากโรงพยาบาลในฝรั่งเศสและแอลจีเรีย ผ่านนิตยสารรีดักซ์

เอกสารแสดงว่า คาลิฟ มีโครโมโซม XY ซึ่งเป็นโครโมโซมของผู้ชาย รวมถึงมีอัณฑะภายใน, องคชาตขนาดเล็ก และไม่มีมดลูก อาการนี้เกิดจากภาวะขาดเอนไซม์ 5-alpha reductase ทำให้เมื่อแรกเกิด คาลิฟ ถูกกำหนดให้เป็นเพศหญิงโดยพิจารณาจากอวัยวะเพศภายนอก

จากเอกสารดังกล่าว คาลิฟเคยถูกแบนจากการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2023 ของไอบีเอมาแล้ว

‘สุชาติ’ หารือ ‘รมช. การค้าตุรกี’ ผลักดันเจรจา FTA ต่อ สานสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนไทย-ตุรกี

(5 พ.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้พบหารือทวิภาคีกับนายมุสตาฟา ตุซคู (H.E. Mr. Mustafa Tuzcu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าสาธารณรัฐตุรกี ในห้วงการเดินทางเยือนตุรกี เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการถาวรว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า (COMCEC) ครั้งที่ 40 ภายใต้องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2567 ณ นครอิสตันบูล 

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะการกลับเข้าสู่การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี ซึ่งได้หยุดชะงักลงตั้งแต่ปี 2565 หลังจากการเจรจาร่วมกันมา 7 รอบโดยขอให้คณะเจรจาสองฝ่ายกลับเข้าสู่การเจรจา FTA ระหว่างกันโดยเร็ว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายนอกจากนั้น ฝ่ายตุรกียังได้แสดงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee (JTC) ระดับรัฐมนตรี ณ กรุงอังการา ซึ่งเป็นกลไกการหารือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับตุรกี ที่สองฝ่ายได้จัดตั้งไว้แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีการประชุมระหว่างกัน 

“ผมแจ้งฝ่ายตุรกีว่าไทยพร้อมเข้าร่วมประชุม JTC ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 1 เพื่อจะได้หารือถึงแนวทางกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ผมได้เชิญชวนฝ่ายตุรกีให้เข้ามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EEC ขณะเดียวกัน ฝ่ายตุรกีก็เชิญชวนไทยเข้าไปลงทุนในตุรกี ซึ่งผมได้แจ้งว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ และผมจะส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในตุรกีต่อไป  ส่วนการเจรจา FTA ที่ค้างอยู่ ผมขอให้ทีมเจรจาสองฝ่ายพูดคุยกันต่อ เพื่อผลักดันให้การเจรจาเดินหน้าต่อไป ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันของทั้งสองประเทศ“ นายสุชาติกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 33 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 4 ในตะวันออกกลาง ในระยะ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2567 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,221 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง และเส้นใยประดิษฐ์ และสินค้านำเข้า ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องประดับอัญมณี น้ำมันดิบ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป

‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ เปิดศึกท้ารบ ‘ทนายเดชา’ เหตุเชื่อว่า ลึก ๆ แอบฟอกขาวช่วย ‘ทนายตั้ม’

(5 พ.ย. 67) คลิปบางช่วงบางตอน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ประกาศชักธงพร้อมรบกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เนื่องจากรู้สึกว่า การที่ทนายเดชา ไลฟ์เฟซบุ๊ก พูดเรื่องคดีมาดามอ้อย ตั้งข้อสังเกต เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ทำไมถึงเพิ่งออกมาร้องเรียน บอกว่า สอบปากคำมาหลายครั้ง ไม่มีหมายจับ คดีจะหมดอายุความ นายสนธิ มองว่า ทนายเดชา ออกมาปั่นกระแส เพื่อให้คนหลงทิศ และลึก ๆ ก็เชื่อว่าช่วยทนายตั้ม

ทนายเดชา ได้มาร่วมออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 (วานนี้) ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยฟอกขาวให้ทนายตั้ม สาเหตุที่ นายสนธิ พาดพิงถึงอาจจะไม่พอใจที่ความเห็นไม่ตรงกัน พร้อมให้ตรวจสอบทุกกรณีว่า ไม่มีเรี่องสีเทา ยกเว้นปริมาณแอลกอฮอล์

สหราชอาณาจักร ขึ้นค่าเทอมมหาวิทยาลัย ในรอบ 8 ปี หลังเงินเฟ้อพุ่ง ส่งผลให้ค่าเรียนต่อปีทะลุ 9.5 พันปอนด์

(5 พ.ย. 67) ลอนดอน, 5 พ.ย. สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า - บริดเจ็ท ฟิลลิปสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักร ประกาศว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในปี 2025 ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016

การปรับเพิ่มครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อ โดยจะทำให้ค่าธรรมเนียมการศึกษารายปีสูงสุดอยู่ที่ 9,535 ปอนด์ (ราว 4.2 แสนบาท) ขณะที่สินเชื่อเพื่อการดำรงชีพสำหรับนักศึกษาจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ฟิลลิปสัน เน้นย้ำถึงความท้าทายทางการเงินในระดับอุดมศึกษา และกล่าวเป็นนัยถึงการปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมีเป้าหมายขยายการเข้าถึงสำหรับนักศึกษาที่ด้อยโอกาสอีกด้วย

ด้านลอรา ทรอทต์ รัฐมนตรีเงาว่าการกระทรวงฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเสนอให้เพิ่มนักศึกษาเข้าในรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจด้านงบประมาณครั้งล่าสุด

‘JobThai’ เผยนายจ้าง 82% ยินดีรับคนจบไม่ตรงสาย พร้อมเปิด 5 ทักษะที่บริษัทต้องการจากคนวัยทำงาน

(5 พ.ย. 67) นายจ้าง 82% ยินดีรับวัยทำงานที่ไม่จบมาตรงสายงานเข้าทำงาน เพียงแต่ต้องอัปสกิลหรือเพิ่มทักษะในด้านที่เกี่ยวข้องกับงานก็เพียงพอแล้ว

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ หัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ JobThai.com  ได้บรรยายในงาน Work Life Fest 2024 ระบุว่า สายงานบางอย่างอาจถูกทดแทนด้วย AI แต่ขณะเดียวกันก็จะเกิดงานใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย
วัยทำงานต้องเอาตัวรอดในตลาดงานโลกอนาคต ด้วยการอัปสกิลให้ตนเอง โดยทักษะที่สำคัญต่อโลกการทำงานแห่งอนาคต ได้แก่ Technical Skills ทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง, Human Skills ทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ ส่วน Soft Skill หรือทักษะด้านอารมณ์ วัยทำงานควรมี Soft Skill แบบไหนบ้างจึงจะเป็นที่ต้องการขององค์กร ผลสำรวจพบว่า มี 5 ทักษะทางด้านอารมณ์ (ทักษะด้านลักษณะอุปนิสัยและความสามารถเชิงสมรรถนะ ที่จะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี) เพื่อดึงดูดให้นายจ้างอยากจ้างงานมากขึ้น ประกอบด้วย

1. ทักษะด้านการสื่อสาร Communication : องค์กรต่างๆ ต้องการพนักงานที่สื่อสารรู้เรื่อง ทักษะพื้นฐานฟังพูดอ่านเขียนไม่พอ แต่ต้องต้องสามารถวิเคราะห์และสรุปข้อมูลออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วสื่อสารให้ทาร์เก็ตกรุ๊ปเข้าใจได้

2. ทักษะความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบ : เวลาทำงานพนักงานจะต้องรู้หน้าที่ของตน สามารถรู้ได้ว่าในแต่ละวันมี Task อะไรที่จะต้องทำให้สำเร็จ และจะต้องทำได้อย่างดีมีประสิทธิภาพด้วย งานต้องละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ หากระบุว่าจะส่งงานเมื่อไหร่ก็ต้องทำให้ได้ตามกำหนดเวลานั้น

3. ทักษะการดูแลลูกค้า Customer experience : องค์กรอยากได้พนักงานที่ “อ่านใจลูกค้าให้ออก” เวลาพูดคุยสื่อสารกับลูกค้า ต้องรู้ว่าขณะนั้นลูกค้าใช้โทนเสียงแบบนี้แปลว่าต้องการความช่วยเหลือ หรือกำลังเดือดร้อนแล้วต้องการให้เราช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง เมื่อรับทราบแล้วเราต้องแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าทันที หากเราไม่ใส่ใจ แก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ เขาก็จะไม่ใช้บริการเราอีก แต่ถ้าเราแก้ไขให้ได้ สร้างความประทับใจ ลูกค้าก็จะภักดีต่อแบรนด์ไปอีกนานเท่านาน

4. ทักษะด้านการบริหารคุณภาพ : พนักงานต้องสามารถทำงานที่มีคุณภาพ และตรวจสอบได้ ต้องมีทักษะในการสำรวจตรวจสอบงานของตนเองว่า วิธีการทำงานของเราทำอย่างไรให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือสามารถพัฒนางานให้ดีกว่านี้ได้อย่างไรบ้าง ต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนางานของตนเ

5. ทักษะการฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว Resilience : การทำงานทุกอย่างย่อมเกิดปัญหาขึ้นมาได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเกิดปัญหาแล้ว วัยทำงานตั้งสติได้อย่างรวดเร็วหรือไม่? ทักษะที่สำคัญอีกอย่างที่พนักงานควรมีคือ Resilience หรือการมีสติ พลิกฟื้นจากวิกฤติกลับมาได้ และแก้ไขปัญหาให้ผ่านไปได้ด้วยดี 

นอกจากนี้ วัยทำงานหลายคนโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ (First Jobber) อาจกังวลว่านายจ้างหรือองค์กรต่างๆ มักต้องการทักษะใหม่ๆ หลายอย่างมากซึ่งอาจจะพัฒนาตนเองได้ไม่พอ หรือไม่ทันกับความต้องการนั้น แล้วยิ่งหากเรียนจบมาในสาขาที่ไม่เป็นที่ต้องการขององค์กรส่วนใหญ่ จะต้องทำอย่างไร

เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เพราะผลสำรวจเผยว่า นายจ้างมากถึง 82% ยินดีรับวัยทำงานที่ไม่จบมาตรงสายกับตำแหน่งงานนั้น เพียงแต่ต้องมีการอัปสกิลหรือเพิ่มทักษะในด้านที่เกี่ยวข้องกับงานก็เพียงพอแล้ว ยกตัวอย่างเช่น บริษัท JobThai ก็รับพนักงานที่จบวิศวกรรมโยธา ให้เข้ามาทำงานในตำแหน่ง วิศวกรคอมพิวเตอร์ ได้ 

เนื่องจากเขามีการไปอบรมทักษะเพิ่มเติม และเขาก็มีความสามารถทำงานในตำแหน่งนั้นได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียนจบสาขาใดมา หากมีทักษะที่ใกล้เคียงกับงานนั้น หรือมีการไปอบรมเพิ่มสกิลให้ตรงกับงานนั้น ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน มีโอกาสได้งานทำแน่นอน

อย่างไรก็ตาม โลกการทำงานยุคนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตลาดงานต้องการแรงงานที่มีทักษะหลากหลายด้าน ยิ่งวัยทำงานมีทักษะหลากหลายองค์กรก็จะยิ่งต้องการตัวมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และปรับตัวให้เท่าทันกับโลกการทำงาน เพื่อที่จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน

‘เอกนัฏ’ นำทีม ‘ดีพร้อม’ จับคู่พันธมิตร ‘จังหวัดโทคุชิมะ’ ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยุคใหม่หนุน ศก.ไทย – ญี่ปุ่น โตยั่งยืน

เมื่อวันที่ (31 ต.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในงานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และจังหวัดโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายโกโตดะ มาซาซูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น นายวัชรุน จุ้ยจำลอง นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 5 โรงแรม S31 กรุงเทพฯ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” มุ่งเซฟผู้ประกอบการไทยให้อยู่รอด และแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม พร้อมสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และจังหวัดโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ผลักดันอุตสาหกรรมยุคใหม่ อีกทั้ง ยังได้จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคอุตสาหกรรมไทย–ญี่ปุ่น เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้ในตลาดสากล ผ่านการต่อยอดธุรกิจ และสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางการค้า คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1,000 ล้านบาท 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบายในการ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” การสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SME ไทย สร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย “Save อุตสาหกรรมไทย” เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งหาช่องทางขยายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตต่อไปได้ในตลาดสากลอย่างมั่นคง เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลก

พิพัฒน์ผนึก 9 ราชมงคล - TVD เปิดแพลตฟอร์ม 'ONE TVET' ยกระดับนศ.ไทยสู่ World Skill

(6 พ.ย. 67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือพัฒนาทักษะแรงงานให้มีความรู้เฉพาะด้านในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยความร่วมมือนี้มีขึ้นระหว่างบริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ในโครงการ ONE TVET (ONE Technical and Vocational Education and Training) เพื่อสร้างทักษะแรงงานไทยทั้งในด้าน Up Skill และ Re Skill ให้สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานทักษะในระดับโลกได้

โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายวิชัย ทองแตง ประธานที่ปรึกษา บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์, ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC), นายถาวร ชลัษเฐียร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, พลโท กิตติ สมสนั่น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก, รศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ ประธานคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ตลอดจนภาคเอกชนชั้นนำจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ OMRON, MICROSOFT, NVIDIA, ZDT และ malaysian institute of technology academy ร่วมเสวนาในหัวข้อ "From Local To Worls Skill"

นายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า โครงการ ONE TVET นี้ถือเป็นโครงการที่ช่วยยกระดับทักษะแรงงานไทย โดยเฉพาะนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจบมาเข้าสู่ตลาดแรงงาน เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้แรงงานในประเทศไทยมีทักษะความรู้เฉพาะด้านอุตสาหกรรมต่างๆ 

โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ เทคโนโลยีดิจิทัล AI ซึ่งจะช่วยยกระดับทักษะแรงงานไทยสู่ World Skill ให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาของชาติ ทั้งยังสร้างโอกาสในการทำงานในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อประเทศ

ด้านรศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการอธิการบดีกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กล่าวว่า โครงการนี้เป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง สามารถเข้าถึงการเรียนรู้และทรัพยากรที่จะช่วยเพิ่มทักษะในการทำงานก่อนการเริ่มงานจริง ด้วยการเน้นพัฒนาทักษะของนักศึกษาให้สามารถตอบสนองต่อการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยสิทธิประโยชน์ของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการคือ การรับประกันการเข้าทำงานกับบริษัทหรือโรงงานชั้นนำ อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับค่าจ้างมากกว่าอัตราเฉลี่ยที่ 25-30% ด้วย

นายวิชัย ทองแตง ประธานที่ปรึกษา บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทชั้นนำและโรงงานจำนวนมากที่เข้ามาตั้งธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกหรือ EEC มีความต้องการแรงงานไทยจำนวนมาก แต่แรงงานไทยประกอบปัญหาเรื่องทักษะที่ยังไม่ตอบโจทย์การทำงานเหล่านั้นได้ จึงเกิดแนวคิดแพลตฟอร์ม ONE TVET ซึ่งเป็นโครงการที่ออกแบบหลักสูตรที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโดยตรง นักศึกษาที่ผ่านหลักสูตร ONE TVET จะมั่นใจได้ว่าจบแล้วมีงานทำ ส่วนทางสถานศึกษาจะใช้การฝึกสอนโดยใช้ทักษะความรู้และเครื่องมือการสอนที่ตรงตามความต้แงการของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการจะได้นักศึกษาที่มีความพร้อมไปทำงานได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกงานหลายๆ เดือนอีกต่อไป 

รศ.ดร. อุดมวิทย์ กล่าวย้ำว่า ความร่วมมือนี้อยู่บนพื้นฐานของการเห็นพ้องด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยมีเป้าหมายหลักคือ 1.พัฒนาทักษะแรงงานไทยสู่ World Skill ให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ S-Curve 2.เพิ่มอัตราการแข่งขันโดยเฉพาะภาคการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจริยะ การแพทย์ การผลิตกึ่งอัตโนมัติ และเทคโนโลยี AI 3.สร้างโอกาสในการทำงานในภาคอุตสาหกรรมทที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ซึ่งจะช่วยให้แรงงานมีทักษะที่สูงขึ้นพร้อมกับรายได้ในการทำงานที่สูงขึ้นด้วย

สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการ ONE TVET จะมีการนำนักศึกษาในระดับชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 4 มาฝึกอบรมผ่านความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของโลก โดยจะมีการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆขอประเทศไทย ในโปรแกรมฝึกอบรบจะเน้นทั้งการเรียนรู้เชิงทฤษฏีและปฏิบัติพร้อมทั้งมีการเก็บสะสมคะแนนหน่วยกิตซึ่งจะทำให้นักศึกษาเข้าถึงการเรียนรู้แบบลึกซึ้งนอกจากการฝึกงานแบบทั่วไป เพื่อให้นักศึกษาพร้อมสู่การนำไปใช้ในสายงานจริงของตนเอง

นอกจากนี้ การได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก นอกจากจะทำให้สถาบันการศึกษาผลิตแรงงานสู่ตลาดได้ตรงตามความต้องการแล้ว ยังจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาลงทุนและสนับสนุนให้มีการฝึกอบรบที่มีคุณภาพและสอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงานด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top