Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

'อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.' ชู 'บางระจันโมเดล' ปกป้องเศรษฐกิจไทย 700,000 ล้าน สนับสนุนอีคอมเมิร์ซไทยจับมือสภาเอสเอ็มอี. รวมพลังสู้แพลตฟอร์มค้าออนไลน์ต่างชาติ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์( FKII Thailand ) รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ปชป.และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยวันนี้ว่า

ตลาดอีคอมเมิร์ซ (eCommerce ) ของไทยมีการซื้อขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ(Social commerce)กว่า700,000ล้านบาทต่อปีถูกครอบครองตลาดโดยแพลตฟอร์มต่างชาติแบบครบวงจรเกือบ100% จากต้นน้ำถึงปลายน้ำตั้งแต่ระบบซัพพลายเชน (supply chain system) โรงงานผลิตสินค้า ,ระบบอี-มาร์เก็ตเพลส (eMarketplace) ,ระบบขนส่งโลจิสติกส์ (Logistics) จนถึงระบบการชำระเงิน (Payment Gateway) โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากต่างชาติทำให้เอสเอ็มอี. โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจค้าปลีกค่าส่งดั้งเดิม ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจขนส่งและบริการส่งถึงลูกค้า(last mile delivery)ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเสียเปรียบดุลการค้ามากขึ้น

แนวทางหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤติคือการสนับสนุนบริษัทอีคอมเมิร์ซไทยและเอสเอ็มอี.ไทยโดยสร้าง ระบบนิเวศน์การค้า(Eco-System)ในการซื้อขายในประเทศไทยรวมทั้งผนึกความร่วมมือกันต่อสู้เรียกว่า 'บางระจันโมเดล' และขอให้ภาครัฐกำกับการค้าออนไลน์ข้ามชาติแบบเสรีและเป็นธรรมควบคุมมาตรฐานสินค้าต่างชาติและการเสียภาษีสินค้า-นิติบุคคลรวมทั้งการใช้มาตรการปกป้องคุ้มครองผู้ประกอบการไทยตามกฎกติกา WTO และยกหารือประเด็นการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนรูปแบบใหม่ F2C(Factory to Customer) กรณีเตมู (TEMU) ภายใต้กลไกข้อตกลงทวิภาคีไทย-จีน และพหุภาคี เอฟทีเอ.อาเซียน-จีน ความตกลงDEFA(Digital Economy Framework Agreement)และAEC (ASEAN Economic Community)บนพื้นฐานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีระหว่างไทย-จีนและความร่วมมือในกรอบอาเซียน

ทั้งนี้สถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ร่วมกับสถาบันทิวา (TVA) ได้จัดงาน 'รวมพลังไทย : สร้างอาชีพ สร้างชาติ' (Thai Power : Building Careers, Building the Nation) SME - E-COMMERCE COLLABORATION ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพมหานครโดยได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ 5 องค์กรได้แก่

สถาบันทิวา (TVA) สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) บริษัท โกชิปป์ จำกัด และ บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด 

เพื่อร่วมกันผลักดันการพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทยและเอสเอ็มอี.ไทยนอกจากนี้ยังมีการสัมมนาโดยนายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานกรรมการสมาคมสถาบันทิวาได้บรรยายถึงวัตถุประสงค์ของการผนึกความร่วมมือของ 5 องค์กร

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII Thailand และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเปิดงานและบรรยายหัวข้อ 'สถานการณ์ตลาดและผลกระทบของอีคอมเมิร์ซและเอสเอ็มอีไทยกับแนวทางแก้ปัญหา การค้าออนไลน์ข้ามชาติ'

นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยบรรยายพิเศษเรื่อง 'ศักยภาพเอสเอ็มอีไทยในการสนับสนุนอีคอมเมิร์ซไทย (Thai SME Potential and Strength for E-Commerce)' นายภาวัต พุฒิดาวัฒน์ CEO บริษัท โกชิปป์ จำกัดบรรยายหัวข้อ 'แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน (GoSell & GoShip - E-Commerce Platform : Thailand Situation)' ภญ.ภัสราธาดา วัชรธาดาอาภาภัค CMO บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด Thailand’s NO.1 Complete Solutions for E-Commerce บรรยายหัวข้อ 'Thai Think, Thai Made, Thai Trade' โดยมีนายราม คุรุวาณิชย์ บอร์ดเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ สรุปการสัมมนา

ทั้งนี้ภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สมาคมสถาบันทิวา สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย บริษัท โกชิปป์ จำกัด และ บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัดได้มีการทำกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจเอสเอ็มอี.กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทยด้วย

'มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ' คว้ารางวัลต้นแบบองค์กรยั่งยืน Shaper Award 2024 สะท้อน 50 ปี แห่งความมุ่งมั่น พัฒนาโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ‘ช่วยให้เขา ช่วยตัวเขาเอง’ มากว่า 50 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพคนเป็นศูนย์กลาง (Human-centric) จนกลายเป็นต้นแบบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด ทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับรางวัล SX Shaper Award 2024 จากคณะกรรมการจัดงาน Sustainability Expo 2024 เพื่อเชิดชูทางมูลนิธิฯ ที่ได้ดำเนินโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการต่าง ๆ ในภาคเหนือ, โครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย-เมียนมา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชื่อว่า ‘คน’ คือต้นเหตุและทางออกของปัญหาในการยกระดับชีวิตของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงต้องเริ่มจากการพัฒนาคน เพราะ “ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี แต่ที่เขาไม่ดี เพราะขาดโอกาสและทางเลือก”

ยกตัวอย่าง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2531 เพื่อเป็นการให้แนวทางการพัฒนาตามตำราแม่ฟ้าหลวงคือการ 'ปลูกป่า ปลูกคน' ซึ่งตลอดระยะเวลา 36 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ฟื้นฟูป่าได้ประมาณ 90,000ไร่ สร้างอาชีพที่ดีแก่ประชาชนกว่าหนึ่งหมื่นคน

นอกจากนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังร่วมกับภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ได้ดำเนินโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปีนี้ มีความร่วมมือในป่าชุมชนรวม 129 แห่งใน 9 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 194,850 ไร่ ผลิตคาร์บอนเครดิตได้ 500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และสร้างประโยชน์แก่ชุมชนในป่า 25,082 ครัวเรือน  ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ตั้งเป้าหมายผลิตคาร์บอนเครดิต 1 ล้านตันภายในปี 2570

อีกความสำเร็จของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือ การจัดการขยะ โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เริ่มลงมือจัดการขยะจากต้นทางอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2555 จนกระทั่งปลายปี 2561 ประสบความสำเร็จในการทำให้ขยะถูกส่งไปบ่อฝังกลบเป็นศูนย์ และยังขยายแนวคิดนี้ไปยัง 29 หมู่บ้านใน อ.แม่ฟ้าหลวง

ปัจจุบัน มี 24 หมู่บ้านที่สามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกวิธี ดอยตุงไม่มีของเหลือทิ้ง เพราะที่นี่ดำเนินธุรกิจแบบ Zero Waste และตั้งใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับโลก โดยทำให้ทุกขั้นตอนการผลิตไม่สร้างขยะด้วยการรีไซเคิล

ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำพลาสติก กากกาแฟ เปลือกแมคคาเดเมีย เศษผ้าจากการทอผ้า น้ำที่ใช้ในการย้อมก็ยังสามารถบำบัดได้ และหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาการออกแบบดีไซน์เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์หลักอีกด้วย

ทำให้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรวงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับมาตรฐาน G Green Production ประเภทเซรามิก ระดับดีเยี่ยม และประเภทสิ่งทอ ระดับดีเยี่ยม ปี 2562 จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ส่วนโครงการการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน (Sustainable Alternative Livelihood Development – SALD) เป็นแนวทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นจากพระปรัชญาและพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการช่วยเหลือพัฒนาผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม

โดยเน้นการพัฒนาคนอย่างมีบูรณาการ เป็นขั้นเป็นตอน ตามช่วงเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และนำวิธีคิดและวิธีบริหารจัดการเชิงธุรกิจมาปรับใช้ เช่น ผลิตของที่ตลาดต้องการ มุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนที่ต่ำที่สุด ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน อีกทั้งศึกษาความเป็นไปได้ก่อนทำโครงการเพื่อลดความเสี่ยง หรือวัดผลเพื่อปรับปรุงการทำงานอยู่ตลอดเวลา

“เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล

สำหรับงาน Sustainability Expo (SX2024) ได้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, www.sustainabilityexpo.com และแอดไลน์ @sxofficial ตลอดจนร่วมกิจกรรมมากมายเพื่อโลก ด้วยกันที่ Sustainability Expo 2024: Good Balance, Better World

'อาจารย์อุ๋ย' ชี้!! แจกเงินหมื่น เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ห่วง!! รัฐไร้แผนระยะยาว โดยเฉพาะการแก้หนี้ครัวเรือนไทย

(28 ก.ย.67) จากกรณีที่รัฐบาลได้ดำเนินการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทให้ประชาชนแล้วกว่า 3 ล้านคน นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรือ 'อาจารย์อุ๋ย' นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นว่า

เงินหนึ่งหมื่นบาทนั้น เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในยุคปัจจุบัน รวมกับภาระหนี้ครัวเรือนที่ประชาชนต้องแบกรับอยู่ขณะนี้ ผมคาดว่าใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ เงินที่ได้รับมาก็คงหมดลง เงินหนึ่งหมื่นบาทก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ที่ไม่นานก็จะละลายหายไป ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นว่า รัฐบาลจะมีแผนระยะยาวอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เพราะปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในเชิงโครงสร้าง ซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศที่ถดถอย สังคมผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะในระดับกลางและระดับล่าง ซึ่งทำให้อัตราการจับจ่ายใช้สอยหดตัวลงในระดับรุนแรง โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2566 ครัวเรือนทั่วประเทศ มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนทั้งสิ้นครัวเรือนละ 197,255 บาท และในสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP และที่น่าห่วงคือ คือ 2 ใน 3 ของบัญชีหนี้ครัวเรือนไทยเป็น ‘สินเชื่อที่ไม่สร้างรายได้’ กล่าวคือ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 39% และบัตรเครดิต 29% ซึ่งเป็นหนี้เพื่อการอุปโภค ใช้แล้วหมดไป ไม่ช่วยให้มีรายได้เพิ่มหรือมีชีวิตดีขึ้นในอนาคต

ปัญหาในขณะนี้คล้ายกับปี 40 ตรงที่ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับการขาดสภาพคล่อง ขาดเงินทุนหมุนเวียน เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้เกิดกับบริษัทการเงิน แต่เกิดกับพี่น้องประชาชนในระดับกลางถึงระดับรากหญ้า แม้เม็ดเงินอาจจะไม่มากเท่าปี 40 แต่กระจายตัวเป็นวงกว้างและลึกกว่า จนส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจระดับบน ดังนั้นหนทางแก้ปัญหาประการหนึ่งคือ ต้องเปิดทางให้ลูกหนี้ในระดับบุคคลธรรมดาที่มีหนี้ไม่มาก (เช่น ไม่เกิน 1 ล้านบาท) ยื่นคำขอฟื้นฟู เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยใช้หลักการเดียวกับการยื่นขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้นิติบุคคลและ SME 

ซึ่งหลักการสำคัญของการฟื้นฟูกิจการหรือฟื้นฟูหนี้ครัวเรือนสำหรับบุคคลธรรมดาก็คือ การกำหนด ‘สภาวะพักชำระหนี้’ (automatic stay) ให้อำนาจลูกหนี้จัดการสินทรัพย์ตัวเองต่อไปได้ จัดทำแผนฟื้นฟูหนี้สินเพื่อยื่นต่อเจ้าหนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าวันไหนจะถูกเจ้าหนี้รายไหนมาฟ้องร้องหรือบังคับคดี ซึ่งปัจจุบันลูกหนี้ประเภทบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ SME ยังไม่มีสิทธิดังกล่าว ซึ่งกระบวนการนี้อาจจะต้องมีการตั้งองค์กรเชิงสถาบันขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนสำหรับหนี้ครัวเรือนโดยเฉพาะ

และเมื่อลูกหนี้สู่กระบวนการฟื้นฟูหนี้สินแล้ว ก็จะมีเวลาหายใจ ลืมตาอ้าปาก มีกำลังใจทำงาน เพราะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่ต้องก่อหนี้ใหม่เพื่อใช้หนี้เก่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และสุดท้ายแล้วกำลังซื้อในระดับกลางและล่างก็จะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน 

ผมจึงขอฝากท่านนายกแพทองธารให้เร่งผลักดันมาตรการนี้โดยเร็วครับ ด้วยความปรารถนาดี

ทัพเรือภาคที่ 1 ส่ง 'เรือหลวงเทพา-เรือตรวจการณ์' ดูแลน่านน้ำ 'จันทบุรี-ตราด' ลั่น!! เฝ้าดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเล 'อย่างสุดกำลัง'

(28 ก.ย.67) 'เสียงจากทหารเรือ' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ทัพเรือภาคที่ 1 ส่ง เรือหลวงเทพา พร้อม เรือตรวจการณ์ อีก 3 ลำ สับเปลี่ยนกำลัง หมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 ดูแลชายแดนทางทะเลตะวันออก

โดย เรือหลวงเทพา พร้อมด้วย เรือ ต.997 เรือ ต.264 และ เรือ ต.265 พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางสับเปลี่ยนกำลังทางเรือ รับหน้าที่ หมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 ซึ่งจะรับผิดชอบ ปกป้องอธิปไตย ดูแลความมั่นคงของชาติ รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึง การช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในทะเล ในพื้นที่รับผิดชอบ ชายแดนทางทะเลตะวันออกจังหวัดจันทบุรี และ จังหวัดตราด รวมถึงการดูแลพี่น้องประชาชนทางบกในพื้นที่รับผิดชอบอีกด้วย โดยจะขึ้นการบังคับบัญชาทางยุทธการ กับ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และมีที่ตั้งอยู่ที่ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 15.30 น. นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีส่งเรือไปปฏิบัติหน้าที่ หมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 พร้อมทั้งให้โอวาทแก่กำลังพล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานอีกด้วย

ในการนี้...พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เน้นย้ำ หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน อยู่เสมอ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ ของ หมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 จะต้องมีความเสียสละ มุ่งมั่น ตั้งใจ และ พร้อมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเทศชาติ และ พี่น้องประชาชน ตามที่ได้กล่าวมา

แอดมิน 'เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง' และ 'เพจ EDU zoo say' ได้รางวัลเชิดชูเกียรติจากองค์การสวนสัตว์ฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

(28 ก.ย.67) องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง และ Admin เพจ EDU zoo say

โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.67 นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ (Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ 3 งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา 3 งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสริมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา

ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย

เชียงใหม่- สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวการแข่งขันบาสเกตบอล 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2024'

 

เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.67) เวลา 13.00 น. สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงใหม่ จัดแถลงข่าว การแข่งขันบาสเกตบอลชิงถ้วยเกียรติยศ พร้อม เงินรางวัล ในรายการ 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2024'โดยมี คุณจาง หย่า จิ้ง ผู้แทนกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่  พร้อมด้วยคุณศิโรรัตน์ ชัยศิริ นายกสมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน คุณวิภาส ยาวุฒิ คณะกรรมการจัดการแข่งขัน และผู้มีเกียรติร่วมแถลงข่าว จับสลากแบ่งสายการแข่งขัน ชี้แจงกติกาการแข่งขัน ณ ห้องรวงข้าว โรงแรมสมายล์ล้านนา เชียงใหม่

สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงใหม่ จัดแข่งขันบาสเกตบอลรายการ 'ยูนนานคัพ เชียงใหม่ 2024' ชิงถ้วยเกียรติยศ พร้อม เงินรางวัล กว่า 500,000 บาท ในระหว่างวันที่ 7 - 13 ตุลาคม 2567 ณ โรงยิมเนเซี่ยม 3 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดี ระหว่างหมู่บ้านที่เป็น สมาชิกในสมาคม ฯ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดตาก รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไป ในจังหวัดเชียงใหม่ จะได้รู้จักสมาคมชาวเชียงใหม่ เชื้อสายยูนนาน มากขึ้น พร้อมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมเยาวชนให้เล่นกีฬา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

การแข่งขันบาสเกตบอล ในรายการ 'ยูนนานคัพเชียงใหม่ 2024' แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภททีม ประชาชนชายทั่วไป (เฉพาะทีมหมู่บ้าน) , เยาวชนชายอายุไม่เกิน 15 ปี , เยาวชนชายอายุไม่เกิน 18 ปี , ทีมประชาชนชายทั่วไป และ ทีมอาวุโสชาย 45 ปีขึ้นไป  ทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด  แบ่งเป็น ประเภท ประชาชนชาย (หมู่บ้าน) จำนวน 8 ทีม , ทีมเยาวชนชายอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 8 ทีม , ทีมเยาวชนชายอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 16 ทีม , ทีมประชาชนชายทั่วไป จำนวน 10 ทีม และ ทีมอาวุโสชาย 45 ปีขึ้นไป จำนวน 4 ทีม กติกาและการตัดสิน จะใช้กติกาการแข่งขัน ซึ่งสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดใช้ในปัจจุบัน หรือ ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน เป็นผู้พิจารณา

การแข่งขัน บาสเกตบอลรายการ “ยูนนานคัพ เชียงใหม่ 2024” กำหนดพิธีเปิดการแข่งขัน ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. และกำหนดปิดการแข่งขันวันวันที่ 13 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00 น. ณ โรงยิมเนเซี่ยม 3 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ 

รางวัลการแข่งขัน 'บาสเกตบอล ยูนนานคัพ 2024'
1. ประชาชนชายเฉพาะทีมหมู่บ้าน
รางวัลชนะเลิศ 50,000.-(ห้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 30,000.-(สามหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 20,000.-(สองหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 10,000.-(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)  1,000.-(หนึ่งพันบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ

2. รุ่นเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 15 ปี
รางวัลชนะเลิศ 10,000.-(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 5,000.-(ห้าพันบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 3,000.-(สามพันบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 1,000.-(หนึ่งพันบาทถ้วน)
รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 1,000.-(หนึ่งพันบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ

3. รุ่นเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 18 ปี
รางวัลชนะเลิศ 50,000.-(ห้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 20,000.-(สองหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 10,000.-(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 3,000.-(สามพันบาทถ้วน)
รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 2,000.-(สองพันบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ

4. ประชาชนชายทั่วไป
รางวัลชนะเลิศ 200,000.-(สองแสนบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 30,000.-(สามหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 20,000.-(สองหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 10,000.-(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)  2,000.-(สองพันบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ

5. รุ่นอาวุโสชาย 45 ปีขึ้นไป
รางวัลชนะเลิศ 10,000.-(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 7,000.-(เจ็ดพันบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 5,000.-(ห้าพันบาทถ้วน)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 3,000.-(สามพันบาทถ้วน)
รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)  1,000.-(หนึ่งพันบาทถ้วน) พร้อมถ้วยเกียรติยศ

'วัน' งงข่าว 'สันติ-วราเทพ' ทิ้งลุงป้อม ถาม? สื่อไปเอาข่าวมาจากไหน?

(28 ก.ย.67) นายวัน อยู่บำรุง หัวหน้าทีมกรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ (27) ว่า...

"วันนี้ 18.00 น. ผมทานข้าวอยู่กับลุงป้อมพร้อมท่านสันติและท่านวราเทพ สื่อไปเอาข่าวมาจากไหนครับ"

ทั้งนี้จากกรณีมีกระแสข่าวว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายวราเทพ รัตนากร ผอ.พรรคพลังประชารัฐ จะย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย (พท.)

'แพท-ณปภา ตันตระกูล' ประกาศกลางรายการ 'แชร์ข่าว สาวสตรอง' เมื่อวันที่ 27 ก.ย.67

กลายเป็นไวรัลในโซเชียลประจำสัปดาห์นี้ กับประโยคที่ว่า… “ถ้าทำผิด ให้จับส่งตำรวจ อย่าพาไปหา หนุ่ม กรรชัย ไม่ไปออกรายการโหนกระแส”

ล่าสุด สาวสุดสตรองอย่าง 'แพท ณปภา ตันตระกูล' ก็เอาด้วย ประกาศกลางรายการแชร์ข่าวสาวสตรอง… "ถ้าวันนึงแพททำอะไรผิดนะ ถ้าวันนึงแพทมีเรื่องอะไร หรือทำอะไรผิดแจ้งตำรวจจับ จับกูไปเลย อย่าเอาไปหาพี่หนุ่ม อย่าเอาไปโหนกระแส อย่าเอาไปหาพี่หนุ่ม ถ้าแพททำผิดเรียกตำรวจเอากุญแจมือใส่เลย พาไปเข้าคุกแต่อย่าเอาไปหาพี่หนุ่ม อย่าเอายัยแพทไปออกโหนกระแส พาไปหาตำรวจ ล็อกกุญแจ พาไปลงบันทึกประจำวันเลย"

ทำเอา 'ปิงปอง ธงชัย ทองกันธม' อีกหนึ่งพิธีกรรายการเสริมว่า… “ถ้ารู้ว่าผิดไปหาตำรวจ ถ้าไปพี่หนุ่มนะ โดนขุดหมดรูปก่อนทำศัลยกรรม เคยไปทำอะไร เละ”

ด้านพี่ใหญ่อย่าง 'แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ' ก็เสริมว่า… “จะโดนพิพากษาหนักกว่าเดิม” ทำเอา ปิงปอง โอดครวญว่า ”ถึงจะหายจากการทำความผิดมาแล้ว ที่โดนขุดไม่คุ้มกันเลย“ แพท ก็อธิบายต่อว่า "พี่หนุ่มอยากทำให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ" ก่อนจะเข้าข่าวเรื่องทอง ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนของสังคม ณ ตอนนี้

'การบินไทย' เดินหน้า!! ขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ปักหมุด!! นำหุ้นกลับเข้า ตลท.ภายในไตรมาส 2 ปี 68

(28 ก.ย.67) ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย.นี้ การบินไทยจะเริ่มกระบวนการแรกของการ 'ปรับโครงสร้างองค์กร' โดยจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการปรับโครงสร้างทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ)

"การบินไทยจะยื่นเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาปรับโครงการทุนครั้งนี้ มีรายละเอียดมากถึง 2,000 หน้า ซึ่งประกอบการ ข้อมูลบริษัท แผนธุรกิจ แผนจัดหาเครื่องบิน โดยมั่นใจว่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในการบินไทย หลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว"

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา การบินไทยได้เดินสายเจรจาให้ข้อมูลกับเจ้าหนี้กลุ่มต่าง ๆ ที่ต้องแปลงหนี้เป็นทุน อาทิ เจ้าหนี้กลุ่มสหกรณ์ เจ้าหนี้กลุ่มสถาบันการเงิน ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนแผนฟื้นฟูของการบินไทย และเชื่อว่าการปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้จะแล้วเสร็จตามเป้าหมาย ทำให้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้

อย่างไรก็ดี การยื่นไฟลิ่งเพื่อปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในกระบวนการตามเงื่อนไขเพื่อขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ โดยกำหนดผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการที่ต้องแล้วเสร็จรวม 4 เงื่อนไข ได้แก่...

1.การเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยต้องดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุน และได้รับสินเชื่อใหม่ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผน และมีจำนวนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ

2.ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ไม่ผิดนัดชำระหนี้ได้ติดต่อกัน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วย

3.มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าซื้อเครื่องบิน เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ใน 2 ปีก่อนจะรายงานผลสำเร็จของแผนฟื้นฟู

4.การแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

สำหรับรายละเอียดการปรับโครงสร้างทุน การบินไทยกำหนดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้...

1.การแปลงหนี้ ประกอบด้วย...
- เจ้าหนี้กลุ่ม 4 แปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของมูลหนี้เป็นทุน ซึ่งรวมถึงเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ได้แก่ กระทรวงการคลัง
- เจ้าหนี้กลุ่ม 5 (สถาบันการเงินที่มีสิทธิตามสัญญาโอนสิทธิในการรับเงินจากการขายเครื่องบิน) แปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 24.50 ของมูลหนี้เป็นทุน
- เจ้าหนี้กลุ่ม 6 (สถาบันการเงินไม่มีประกัน) แปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 24.50 ของมูลหนี้เป็นทุน
- เจ้าหนี้กลุ่มที่ 18-31 (เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้) แปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 24.50 ของมูลหนี้เป็นทุน
- เจ้าหนี้กลุ่ม 4 5 6 และ 18-31 แปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมจากร้อยละ 24.50 ที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ

2.การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน...
โดยส่วนนี้จะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานบริษัท และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงตามลำดับ

อย่างไรก็ดี ภายหลังยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต.แล้ว กระบวนการหลังจากนั้นภายในเดือน พ.ย.2567 จะเริ่มกระบวนการใช้สิทธิ และแจ้งเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้แต่ละกลุ่ม และภายในเดือน ธ.ค.2567 จะเข้าสู่กระบวนการเสนอขาย และจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน สำหรับผู้ถือหุ้นก่อนบริษัท เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ พนักงานบริษัท และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP)

ทั้งนี้ หลังเริ่มกระบวนการปรับโครงสร้างทุน ซึ่งจะทำให้การบินไทยมีส่วนทุนเป็นบวกนั้น อาจต้องใช้เวลา 2 เดือน เพื่อตรวจสอบงบการเงิน และประกาศงบการเงินงวดปี 2567 ในช่วงเดือน ก.พ.2568 หลังจากนั้นจะเริ่มยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และหุ้นของบริษัท กลับเข้าซื้อขายใน ตลท.ภายในไตรมาส 2 ปี 2568

นย.เปิดศูนย์ส่งเสริมคุณภาพชีวิตกำลังพล และครอบครัว 'Family space Center' แบบครบวงจร

พล.ร.ท.สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) พร้อมด้วย ดร.ศิวัสสา จันโท ประธานชมรมภริยานาวิกโยธิน เปิดโครงการ ศูนย์ส่งเสริมคุณภาพชีวิตกำลังพลและครอบครัว หน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน กองทัพเรือ (Family space Center) แบบครบวงจร

ตามที่ ชมรมภริยานาวิกโยธิน โดย ดร.ศิวัสสา จันโท ได้เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและเพิ่มสวัสดิการให้กับกำลังพลในสังกัด นย. และครอบครัว รวมถึงกำลังพลของหน่วยราชการกองทัพเรือ ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงได้จัดโครงการศูนย์ส่งเสริมคุณภาพชีวิตกำลังพลและครอบครัว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 'Family space Center' ขึ้น ด้วยการจัดทำแผนพัฒนา จัดสรรพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างในความรับผิดชอบของ นย. 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ Co-working space ประกอบด้วย ห้องสมุดสมาคมภริยาทหารเรือ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ และพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งและในร่ม ปรับปรุงอุปกรณ์ เครื่องเล่น สนามเด็กเล่นให้สวยงาม ปลอดภัยและมีพื้นที่ออกกำลัง

และในส่วนของพื้นที่สุดท้าย ได้แก่ พื้นที่ The MARINES family space and Cafe ซึ่งประกอบด้วย ร้านชมรมภริยานาวิกโยธิน (วางจำหน่ายสินค้าของกำลังพลและครอบครัว ทร.) พื้นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ทหารนาวิกโยธิน และร้านเครื่องดื่มเพื่อสวัสดิการกำลังพลของ นย. 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ กองทัพเรือและสมาคมภริยาทหารเรือ ที่ให้ความสำคัญต่อสวัสดิการและความเป็นอยู่ของกำลังพล และครอบครัว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งทุกโครงการ นย. ได้ตอบรับและตอบสนองทุก ๆ โครงการ เช่น

โครงการ Green Navy Green Marines , Well being Well Marines รวมถึงโครงการปรับปรุงบ้านพักข้าราชการชั้นประทวน เป็นต้น และโครงการศูนย์ส่งเสริมคุณภาพชีวิตกำลังพลฯ นี้ สมาชิกครอบครัวใน ทร. ของ นย. และหน่วยข้างเคียงทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ที่อยู่ในพื้นที่สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ นับว่าเป็นโครงการที่สนองต่อนโยบาย ด้านสวัสดิการของกองทัพเรือ อย่างแท้จริง

จึงขอเชิญชวน กำลังพล และครอบครัว ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนถิ่นทหารเรือสัตหีบ ได้เข้าเยี่ยมชม ร้านกาแฟดี ๆ ใน นย. พร้อมเบเกอรี่รสชาติแบบสุด ๆ ร้าน The MARINES family space and Cafe ณ บริเวณลานมารีน ค่ายกรมหลวงชุมพร หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top