Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

โจทย์หนักรัฐบาล!! สินเชื่อบ้านไม่ขยับ แต่วิกฤตแรงงานขยับเอาๆ ฟากโรงพยาบาลเอกชนขาดทุน แห่ขอถอนตัวประกันสังคม

>> สินเชื่อบ้านโตต่ำที่สุดในรอบ 23 ปี จากปัญหารายได้และภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง!!

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ยอดคงค้างสินเชื่อบ้านที่ปล่อยโดยธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวไม่เกิน 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตรายปีของสินเชื่อบ้านระบบธนาคารที่ต่ำที่สุดในรอบ 23 ปี เนื่องจากปัญหาด้านรายได้และภาระหนี้สินสูง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการก่อหนี้ก้อนใหญ่ของครัวเรือน โดยเฉพาะตลาดใหม่อย่างเช่นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ และหนี้รถ จนทำให้โอกาสการก่อหนี้บ้านลดลง

การชะลอลงของยอดคงค้างสินเชื่อบ้านดังกล่าว เป็นผลจากฝั่งธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก ซึ่งครองส่วนแบ่งประมาณ 55-56% ของตลาดสินเชื่อบ้านทั้งหมด โดยตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา สินเชื่อบ้านระบบธนาคารพาณิชย์เติบโต 0.8% ในไตรมาส 2 ปี 2567 ชะลอลงจาก 1% ในไตรมาส 1 ปี 2567

>> คุณภาพหนี้อาจเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้น 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้เสีย (NPLs) สินเชื่อบ้านของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 3.90% ของสินเชื่อรวม เทียบกับ 3.71% ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งรวมถึง NPLs ในบ้านระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ที่เริ่มขยับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 รวมไปถึงหนี้ในกลุ่มบ้านระดับราคา 10-50 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

>> รพ.เอกชน จ่อออกจากประกันสังคม หลังโดนตัดงบลง 40% ทำให้ขาดทุน

สมาคมโรงพยาบาลเอกชนแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องถอนตัวจากการเป็นคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) หลังจากที่ถูกปรับลดงบค่ารักษาในกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงลงถึง 40% โดยลดลงจาก 12,000 บาทต่อหน่วย Adjusted RW เหลือเพียง 7,200 บาทต่อหน่วย 

นอกจากนี้ ยังไม่ได้มีการปรับค่าตอบแทนมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่อโรงพยาบาลเอกชน และผู้ประกันตน ทำให้โรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับประกันสังคมต้องเผชิญกับภาระขาดทุน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้จ่ายไปล่วงหน้าแล้ว รวมถึงภาษีที่ต้องจ่ายตามประมาณการรายได้ ทำให้การปรับลดงบประมาณนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสถานะการเงินของโรงพยาบาล

แม้ในปี 2565 สำนักงานประกันสังคมจะปรับเพิ่มค่าหัวเหมาจ่ายจาก 1,640 บาท เป็น 1,808 บาท แต่สำหรับกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงและโรคเรื้อรังกลับไม่มีการปรับเพิ่มค่าตอบแทนมาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งส่งผลให้จำนวนโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมกับระบบประกันสังคมลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุดมีโรงพยาบาลเอกชนอีก 3 แห่ง ได้แก่ รพ.ยันฮี, รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ และรพ.ศรีระยอง เตรียมออกจากระบบประกันสังคม มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมนี้

กลุ่มแรงงาน ที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ก็คงต้องรอโอกาสต่อไป การเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคม คงต้องคิดหนักมากขึ้น จากสถานพยาบาลที่ลดน้อยลง ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้บริการ ขออย่าให้ถึงกับมีเหตุที่ โรงพยาบาลรัฐ แบกรับการขาดทุนไม่ไหว จนต้องถอนตัวจากประกันสังคม เลย ...

'สวนดุสิตโพล' กาง 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' พร้อมเทียบฟอร์มนักการเมือง ‘รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’

(29 ก.ย. 67) 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง 'ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกันยายน 2567' กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,183 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-27 กันยายน 2567 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้

1. 'ดัชนีการเมืองไทย' เดือนกันยายน 2567 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.80 คะแนน (เดือนสิงหาคม 2567 ได้ 4.46 คะแนน)

2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ 

3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนกันยายน 67 

4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนกันยายน 67 

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกตัวชี้วัดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยเชิงบวกที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนทั้งการได้นายกฯ คนใหม่ การเร่งแจกเงินหมื่นช่วยคนเปราะบาง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลงานเหล่านี้เข้าถึงปากท้องและครัวเรือนของประชาชนโดยตรง ทำให้รับรู้ได้ว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีความกังวลผลของเงินหมื่นในระยะยาวแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยคะแนนของฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเป็นเพราะการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ ในขณะที่คะแนนฝั่งรัฐบาลก็ขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยลงตัว และได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ๆ เช่น นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับเปลี่ยนมาแจกรูปแบบเงินสด ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับเงินหมื่นจริง ๆ รวมทั้งการที่รัฐบาลคลอดมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน แม้ว่าการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมจะมีความล่าช้าก็ตาม รวมทั้งการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีและผลงานของรัฐบาลขยับเพิ่มขึ้นนั่นเอง

'แม่ค้า' โอด 'กินเจ 67' ผักแพง!! ผลจากน้ำท่วมหลายพื้นที่ ประชาชนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันซื้อ 'ผักจัดชุด' แทน

(29 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้ออกไปสำรวจราคาผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่าหลังจากในพื้นที่หลายจังหวัดมีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ส่งผลทำให้พืชผลทางการเกษตรประเภทผักสด ถูกน้ำท่วมจนได้รับความเสียหาย โดยพบว่าเทศกาลถือศีลกินเจในปีนี้ ผักแต่ละชนิดปรับราคาแพงขึ้นประมาณ 10 - 20 บาท ต่อกิโลกรัม

ด้านนางกรรณิกา ศิริวงษ์ แม่ค้าขายผักสดในตลาดเทศบาลเมืองศรีราชา กล่าวว่าในช่วงก่อนเทศกาลถือศีลกินเจในวันที่ 3-11 ต.ค.นี้ ช่วงนี้ราคาผักเริ่มขยับราคาขึ้นเป็นบางอย่างแต่ที่แพงสุดก็คงจะเป็นผักขึ้นฉ่าย ซึ่งตอนนี้พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 180 บาท และคาดว่าราคาผักต่าง ๆ อาจจะขยับขึ้นอีก 5-10 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อถึงช่วงเทศกาลกินเจจริง ๆ สำหรับราคาผักแต่ละอย่างในตอนนี้

อาทิ ผักขึ้นฉ่ายราคา กก.ละ 180 บาท หัวไชเท้าราคา กก.ละ 35-40 บาท ผักกาดขาวราคา กก.ละ 45-50 บาท ผักกวางตุ้งราคา กก.ละ 35-40 บาท คะน้าราคา กก.ละ 40-50 บาท กะหล่ำปลีราคา กก.ละ 45-50 บาท ถั่วฝักยาวราคา กก.ละ 60-70 บาท มะระราคา กก.ละ 50 บาทผักบุ้งจีน 40-50 บาท 

ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทำให้ผลิตผลการเกษตรเสียหาย และต้นทุนการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลกินเจอีกด้วย ซึ่งในส่วนของผู้มาจับจ่ายเข้าใจในสถานการณ์ดังกล่าว ยังมาจับจ่ายกันเช่นเดิมแต่อาจลดจำนวนลงบ้าง

ประชาชนผู้บริโภคบอกว่ายิ่งใกล้กินเจ ราคาผักก็จะขยับขึ้นอีกเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกประสบปัญหาน้ำท่วมจึงต้องปรับลดในการซื้อ โดยปกติจะซื้อครั้งละครึ่งกก.และ 1 กก. แต่ตอนนี้ปรับลดในการซื้อโดยจะเลือกซื้อเป็นตะกร้าที่แม่ค้าจัดไว้ให้แล้ว โดยราคาตะกร้าละ 50-60 บาท

ประชาธิปัตย์ถอดรหัสน้ำท่วมภัยแล้งกระทบประชาชนและเศรษฐกิจรุนแรง มุ่งแก้ต้นเหตุเดินหน้าโลว์คาร์บอนลดโลกเดือด

(29 ก.ย. 67) เปิดเวที “เดโมแครต ฟอรั่ม”พลิกโอกาสในวิกฤตโลกรวนสุดขั้วสู่เศรษฐกิจคาร์บอนมูลค่า 23 ล้านล้านบาทตามนโยบายเศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อมของ “เฉลิมชัย”

ตามที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ สหประชาชาติ กล่าวเตือนไว้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วว่า สามสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2023 ทำสถิติร้อนที่สุดเท่าที่เคยวัดกันมา โลกร้อนขึ้น 1.5 องศา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก และนี่แค่จุดเริ่มต้นเป็นจุดจบของภาวะโลกร้อนและเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นอกจากนี้ธนาคารโลกได้เรียกร้องให้ประเทศไทยเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่มีคาร์บอนต่ำ โดยเน้นว่ามีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนถึงประมาณ 632 พันล้านเหรียญสหรัฐ (23ล้านล้านบาท)นั้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่า หนึ่งในความท้าทายสำคัญในปัจจุบันและอนาคตคือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Climate Change)ที่รุนแรงและรวดเร็ว

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประเทศไทยต้องเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมายว่าความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และคาร์บอนเป็นศูนย์หรือซีโร่คาร์บอนภายในปี 2065 เพื่อรับมือกับภาวะโลกรวนโลกร้อนทะเลเดือดแบบสุดขั้วซึ่งเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของประเทศไทย ในมุมมองของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเราสามารถสร้างโอกาสในวิกฤตโดยสร้างโมเดลเศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)ครอบคลุมตั้งแต่คาร์บอน ฟุ้ตปริ้นท์(carbon footprint) คาร์บอน เครดิต(carbon credit)จนถึงมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน(CBAM:Carbon Border Adjustment Mechanism)สามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างเทคโนโลยีสร้างธุรกิจและสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินหน้าสู่ยุคปรับเปลี่ยน(Democrat in Transformation)จากองค์กรพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดสู่องค์กรพรรคการเมืองของประชาชนที่ก้าวหน้าทันสมัยทันโลกเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศทุกมิติทั้งมิติการพัฒนา การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีรวมทั้งการเป็นพรรคการเมืองสีเขียว(Green Democrat Party) ตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคโดยเฉพาะประเด็นเมกะเทรนด์ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงทั้งในปัจจุบันและอนาคต พรรคประชาธิปัตย์จึงได้จัดเวทีเดโมแครต ฟอรั่ม (Democrat Forum)ครั้งที่ 1 หัวข้อ  “เศรษฐกิจคาร์บอน : โอกาสในวิกฤตโลกรวนน้ำท่วมภัยแล้งสุดขั้ว“ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ระหว่างเวลา 9.00 -11.00 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีวิทยากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคเกษตรกรและภาคประชาชน 

1.นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน
2.นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน
3. ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช
อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
4. ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน
รักษาการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก 
5.ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation
6.นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ 
ตัวแทนเกษตรกร
ผู้ริเริ่มโครงการข้าวรักษ์โลก
BCG Model
7.ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอ
“บทเรียนในต่างประเทศสู่การแก้ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย“
มาร่วมในการเสวนาครั้งนี้มี ดร.เจนจิรารัตนเพียร โฆษกพรรคเป็นพิธีกร(MC)นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา(moderator)

สำหรับผู้สนใจร่วมงานเดโมแครต ฟอรั่ม สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่: https://form.democrat.or.th/democrat-forum1 (50ท่านแรกที่ลงทะเบียน ได้รับต้นกล้าไม้คนละ2ต้นเพื่อปลูกลดโลกเดือด)

ทั้งนี้มีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live พรรคประชาธิปัตย์
http://www.facebook.com/democratpartyth
หรือสอบถามเพิ่มเติม
โทร: 080 052 7574

#ประชาธิปัตย์ #พรรคประชาธิปัตย์ #DemocratPartyTH #DemocratForum #สภาพภูมิอากาศ
#โลกร้อนโลกรวน #เศรษฐกิจคาร์บอน
#คาร์บอน เครดิต #ซีโร่ คาร์บอน

'เพจดัง' แชร์ภาพแม่ตั๊กร่วมวงกินข้าวกับตำรวจหลายนาย อ้าง!! แบ็กดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ฟากชาวเน็ตหวั่นคดีไม่คืบหน้า

(29 ก.ย. 67) กรณีที่ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ถูกลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณออนไลน์โพสต์ลงโซเชียลฯ ว่านำทองที่ซื้อไปขายที่ร้านทองเจ้าอื่นแล้วไม่มีร้านไหนรับซื้อ เพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มียี่ห้อ ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ซื้อทองออนไลน์เอาไว้เพื่อเก็งกำไรแห่เอามาขายคืนที่ร้าน เพราะเชื่อว่าเป็นทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ และยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งแจ้งความกับตำรวจ แต่เมื่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียกไปให้ถ้อยคำ ปรากฏว่าแม่ตั้ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ สามี หลบหน้า ขอเลื่อนให้ถ้อยคำเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา อ้างว่าขอจัดการซื้อทองรูปพรรณคืนจากผู้เสียหายให้เรียบร้อยก่อน

ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ' โพสต์ภาพขณะที่แม่ตั๊กกำลังจิบไวน์กับผู้อื่น พร้อมข้อความระบุว่า...

"เป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่มีตำรวจมาดื่มไวน์ถึงบ้าน แบ็คดีมีชัยกว่าครึ่ง ระดับบิ๊กใหญ่ใน ปคบ. ล่าสุดทำไมต้องซ่อนรูป ซ่อนโพสต์กันยกแก๊ง" 

และโพสต์อีกภาพระบุว่า "เจอบ่อยซะด้วย" 

ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะกระทบกับการทำสำนวนคดี เพราะมีผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ตำรวจ บก.ปคบ.เตรียมออกหมายเรียกตัวมาแจ้งข้อหา และตำรวจ บก.สอท. จ่อดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง ปปง. เตรียมเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับนายตำรวจที่อยู่ในภาพ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในรูปเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ระดับรอง ผกก. สังกัดอยู่ที่ บก.ปอท. และ ร.ต.ต. (นรต.53) ประจำอยู่ที่ กก.4.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจสังกัดอยู่ บช.สอท. คาดว่าตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในภาพน่าจะรู้จักกับแม่ตั๊ก ชวนกันไปกินข้าว

พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวถึงกรณีมีเพจสื่อมวลชนลงภาพตำรวจนั่งกินข้าวกับแม่ตั๊ก ที่ห้องอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ระบุว่าเป็นตำรวจระดับสูง บก.ปคบ. และ บช.สอท. ว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพข่าวจากเพจดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตำรวจที่นั่งกินอาหารอยู่กับแม่ตั๊กนั้น ไม่ได้เป็นตำรวจระดับสูงของ บก.ปคบ. เท่าที่ทราบเป็นตำรวจระดับยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผู้กำกับการ ไม่ได้สังกัด บก.ปคบ. ส่วนในนั้นมี 1 ราย เป็นตำรวจยศ ร.ต.ต. อยู่ใน บก.ปคบ. แต่ไม่ใช่ กก.1.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจจากหน่วยงานอื่น ขณะนี้กำลังให้ตรวจสอบตำรวจที่อยู่ในรูป พร้อมทั้งให้ทำรายงานชี้แจงไปแล้ว

'ดร.ธรณ์' ชี้ 'โลกร้อน-ทะเลเดือด' ทำให้เกิด 'ซอมบี้เฮอริเคน' เข้าฝั่งแล้วอ่อนแรง แต่เด้งลงทะเล เร่งความแรงแล้วกลับเข้ามาใหม่

(29 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก 'Thon Thamrongnawasawat' หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ระบุข้อความว่า...

“โลกร้อนทะเลเดือดทำให้เกิดซอมบี้เฮอริเคน 

'zombie herricane' เป็นศัพท์ทั่วไป ใช้อธิบายถึงพายุที่ไม่ยอมตาย เข้าฝั่งแล้วอ่อนแรง แต่เด้งลงทะเลและเร่งความแรงกลับเข้ามาใหม่ เฮอริเคนจอห์น ที่เพิ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้เม็กซิโก คือพายุซอมบี้ล่าสุด พายุหมุนเกิดในทะเล ได้พลังจากความร้อนของผิวน้ำ น้ำทะเลที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิด 2 ปรากฏการณ์ของพายุในยุคโลกร้อน

ข้อแรกคือพายุทวีความแรงขึ้นอย่างเร็ว ยางิใช้เวลา 48 ชม. จากโซนร้อนเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น จอห์นที่เป็นแค่ดีเปรสชั่นในบ่ายวันที่ 22 กลายเป็นเฮอริเคนระดับ 3 ในวันที่ 24 ก่อนเข้าฝั่งเม็กซิโกด้วยความเร็วลม 195 กม./ชม. แต่จอห์นยังมีข้อ 2 ข้อสองคือจอห์นไม่ยอมสลายทั้งที่เข้าฝั่งแล้ว บางส่วนของพายุกลับไปสู่ทะเล น้ำที่ร้อนจัดทำให้กลายเป็นเฮอริเคนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าฝั่งเป็นหนสอง

จอห์นจึงเป็นเสมือนซอมบี้ พายุไม่ยอมตาย เพื่อนธรณ์ลองดูภาพประกอบ จะเห็นจุดสีฟ้าเป็นแค่โซนร้อน ไล่เข้าไปหาฝั่ง กลายเป็นจุดสี หมายถึงเฮอริเคนระดับต่าง ๆ ชนฝั่ง พายุกลับออกมาเป็นโซนร้อน ก่อนเร่งเป็นจุดสี แปลว่ากลายเป็นเฮอริเคนอีกครั้ง ก่อนจะเข้าฝั่งในระดับ 1 

Acapulco คือเมืองที่โดนหนสอง เกิดน้ำท่วมหลายแห่ง สร้างความเสียหายให้กับเมืองที่เพิ่งฟื้นจาก Otis เมื่อปีก่อน Otis คือพายุที่เร่งความแรงเร็วสุด ๆ จากโซนร้อนกลายเป็นเฮอริเคนระดับ 5 ถล่มเมืองแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยความเร็วลมถึง 266 กม./ชม. (ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วครับ ปลายเดือนตุลา ปีก่อน)

ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศบอกว่า ความร้อนที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก มากกว่า 90% ถูกดูดซับโดยทะเล จนทะเลอั้นไม่ไหว ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด จะทำให้พายุผิดปรกติเกิดมากขึ้นในอนาคต 

ทั้งข้อ 1 และข้อ 2 น้ำทะเลที่ทำให้เกิดพายุซอมบี้จอห์น ร้อน 32 องศา Speedy Zombie และ Rain bomb คือศัพท์ใหม่ที่เราไม่อยากได้ยิน แต่มันจะมีมาบ่อยขึ้น เพราะเราหยุดก๊าซเรือนกระจกไม่ได้ ขอแสดงความเสียใจกับทุกความสูญเสียในเม็กซิโกครับ

วันนี้ผมจะไปเล่าให้ฟังเพิ่มที่ FM99 ตอนเที่ยงครึ่ง และก็ไปเล่าบนเวที SX (ศูนย์สิริกิติ์) บ่ายห้าโมง เพื่อนธรณ์สนใจติดตามได้ครับ”

🟢สรุปหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มเดียวอยู่ (ฉบับปรับปรุงใหม่) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (Part 1)

📌หนังสือ 'เศรษฐศาสตร์เล่มเดียวอยู่' จากแบงก์ชาติ อธิบายถึงเศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวัน เข้าใจง่าย และใช้ได้จริง เพราะเศรษฐศาสตร์คือเรื่องของการตัดสินใจท่ามกลางทรัพยากรที่มีจำกัดและความต้องการที่ไม่สิ้นสุด การเข้าใจเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเงิน การลงทุน หรือการเลือกใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

โดยได้อธิบายแนวคิดเศรษฐศาสตร์ที่เราควรรู้ ได้แก่...

>>การตัดสินใจเลือก (Trade-offs) ทุกครั้งที่เราทำการตัดสินใจ เราต้องเลือกสิ่งหนึ่งและเสียอีกสิ่งเสมอ เช่น การเลือกทำงานพิเศษแทนการพักผ่อน

>>ค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) เมื่อเลือกทำบางอย่าง เราเสียโอกาสจากการทำสิ่งอื่น เช่น ถ้าเลือกลงทุนในหุ้นก็เสียโอกาสจากการฝากเงินธนาคาร และค่าเสียโอกาสก็คือเราอาจจะไม่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากที่เราควรจะได้รับนั่นเอง

>>ทรัพยากรมีจำกัด (Scarcity) โลกนี้มีทรัพยากรจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทรัพยากรธรรมชาติ หรือเวลา เราจึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร 

'เอกนัฏ' ปลื้ม!! ความนิยม 'พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ' เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้คำมั่น!! มุ่งทำงานบริหาร-ขับเคลื่อนการเมืองเพื่อประเทศชาติต่อไป

(29 ก.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลโพลล่าสุดของ NIDA Poll โดยระบุว่า...

"ดูจากผล NIDA Poll ที่ออกมาวันนี้ 

"คะแนนดีขึ้นทั้งท่านหัวหน้าพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งแต่หลังเลือกตั้งจาก 3% เป็น 5% เป็น 8% จนกระทั่งวันนี้กลับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนใกล้แตะ 10% 

"ขอบคุณทุกท่านที่เชื่อมั่นหัวหน้าพีระพันธุ์ ที่เชื่อมั่นพรรคฯ พวกเรายังต้องทำงานกันอย่างหนัก ทั้งงานบริหารบ้านเมือง และขับเคลื่อนงานการเมือง เป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้สนับสนุนทุก ๆ คนครับ"

รมว.กต.กล่าวถ้อยแถลง UNGA ครั้งที่ 79 ย้ำนโยบายรัฐบาลมี ปชช.เป็นศูนย์กลาง เน้นยั่งยืน - แนะ UN พร้อมรับมือความท้าทาย-แก้ความไม่สงบโลก - หวังไทยได้เข้าร่วม OECD และ BRICS

(29 ก.ย. 67) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ หรือ UNGA ครั้งที่ 79  ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทย ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลแบบมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 

นายมาริษ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปสหประชาชาติ เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างเสริมความเข้มแข็งของกระบวนการเพื่อสันติภาพ และความมั่นคง ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภูมิภาคทั่วโลก พร้อมยังยกตัวอย่างสถานการณ์ในเมียนมาที่ไทยให้ความสำคัญในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ทั้งการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในเมียนมาที่ควรเกิดขึ้นจากภายในเมียนมาเอง และไทยพร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

นายมาริษ ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDGs โดยไทยพร้อมสร้างสะพานเชื่อม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างโลกเหนือกับโลกใต้ ผ่านความตั้งใจที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD และ BRICS ซึ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงมนุษย์ พร้อมยังได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทย ที่จะปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน ผ่านการผลักดันความยุติธรรมและความเท่าเทียมในสังคม โดยกล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ HRC วาระปี ค.ศ. 2025-2027 ของไทยด้วย

นายมาริษ ยังได้เน้นย้ำถึงการสร้างอนาคตร่วมกันของโลก โดยให้ทุกคนได้รับการปกป้อง และมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมือง เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน และแสดงความพร้อมของไทยในการเป็นสะพานเชื่อม ส่งเสริมการเจรจาและความเชื่อใจระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ หรือ UNGA ครั้งที่ 79 นายมาริษ ยังได้พบปะผู้แทนสมาคมไทย ภาคธุรกิจ และภาคสื่อมวลชนไทยที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก โดยได้กล่าวถึงความสำคัญกับการต่างประเทศที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และชื่นชมชุมชนไทย ที่มีความเข้มแข็ง และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในภารกิจของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ที่พร้อมรับฟังข้อคิดเห็น และประเด็นห่วงกังวลเพื่อหาแนวทางความร่วมมือ และการให้สนับสนุนต่อไป

โซเชียลชื่นชม 'เอก บางแสน' ช่วยเหลือคุณยายวัย 79 ใช้ชีวิตลำพัง ไร้ลูกหลาน เจ้าตัวเผย!! "ผมเกลียดความจน แต่ไม่เคยรังเกียจคนยากจน"

(29 ก.ย. 67) 'เอก บางแสน' พ่อค้าออนไลน์ ที่ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง มานานกว่า 10 ปี ได้โพสต์คลิปโมเมนต์ใจฟู ที่ดูแล้วทำเอาน้ำตาคลอ หลังไปช่วยเหลือ คุณยายวัย 79 ปีท่านหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในห้องเล็ก ๆ ตามลำพัง ไม่มีญาติ และลูกหลานคอยอยู่ช่วยดูแล 

ซึ่งคุณยายคนนี้มีอาชีพเก็บของเก่าขาย อยู่ในจังหวัดชลบุรี และได้เจอกับ 'เอก บางแสน' โดยบังเอิญ และเห็นว่าคุณยายคนนี้น่าสงสาร เพราะอยู่ลำพังคนเดียว และหาเลี้ยงชีพตัวเองเท่าที่ทำได้ โดยไม่ได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากใคร

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว เอก บางแสน ได้นำเอาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้คุณยาย รวมถึงที่นอนใหม่ เพราะเบาะรองนอนของยายชิ้นเก่า แทบจะไม่เหลือสภาพที่จะสามารถนอนได้แล้ว นอกจากนั้น ยังมอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ยายไว้ใช้ยังชีพตัวเอง

ส่วนอีกคลิปหนึ่งที่ดูแล้วใจฟู คือ คลิปที่พายายคนดังกล่าว นั่งรถหรู Lamborghini (ลัมโบร์กีนี) ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร ซึ่งขณะนั่งทานข้าว อยู่ ๆ ยายก็ร้องไห้ออกมา เพราะซึ้งใจ ที่ยังมีบุญวาสนา มีคนใจดี คอยช่วยเหลือขนาดนี้ ที่สำคัญ ตอนแรก คุณยายจะไม่ยอมมากับ เอก บางแสน เพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาไปเก็บของเก่าขายและขาดรายได้ วันนี้ เอกบางแสน จึงออกเงินค่าจ้างให้ยายมาร่วมทานข้าวในวันนี้ด้วย

เอก บางแสน ตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ลำบาก ด้วยการนำเงินรายได้ที่ได้จากการขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง มาช่วยเหลือผู้คน เพราะในสมัยเด็ก ชีวิตของเอก บางแสนนั้นลำบากมาก จนบางวันไม่มีเงินกินข้าว จึงเข้าใจความยากลำบากนี้ดี

โดยเอก บางแสนได้แสดงความคิดเห็นใต้คลิปของตัวเองว่า "ผมเกลียดความจนครับ❗️แต่ผมไม่เคยรังเกียจคนจนครับ บนโลกใบนี้ไม่มีใครอยากเกิดมาจนหรอกครับ ✌️🥰"

ทั้งนี้ เมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

-ขอบคุณนะคะที่ดูแลคุณยาย ความดีทำแล้วมีความสุขมีความภาคภูมิใจในตัวเรา คะ ใครจะไม่มองเห็นหรือใครไม่ทราบซึ้งก็ไม่เป็นไร แต่หัวใจของเรา นั้นอิ่มเอมในหัวใจและจิตใจของเราตลอดกาล ความรักและความเมตตาสงสาร เห็นใจ ช่วยเหลือให้กับเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้มีความสุขและ เป็นกำลังใจ ช่วยเหลือ ความทุกข์ นั้นหมดไป.คุณคือคนที่สังคมต้องการ เพราะว่าคนเราทุกวันนี้ ขาดแคลนความมีเมตตากรุณา และผู้เสียสละ คะ หากมีคนอย่างคุณในจำนวนที่มาก คนบนโลกนี้คงมีความสุขมากกว่านี้คะ💕🌈💐😘😘🔋🌼🍀🌏🏡💕💕

-คุณยายคงดีใจมากๆ เพราะยายคงรู้สึกโดดเดี่ยวและลำบากมานาน พอคุณเอกมาช่วยเหลือแบบนี้ยายคงใจฟูและมีกำลังใจมากขึ้น ขอบคุณที่มาเติมเต็มให้คุณยายมีความสุขนะคะ

-น้ำตาคลอตามคุณยายเลยค่ะ อาหารมื้อนี้คุณยายต้องอร่อยมากๆ ปลื้มแทนคุณยาย ไม่ใช่ลูกหลานยังแวะมาหามาดูแล จากที่คุณเอกให้คุณยายไป ไม่ว่าเงินรึสิ่งของ ขอให้ผลบุญนั้นกลับคืนให้คุณเอกเป็นพันล้านแสนล้านเลยนะคะ 🥰❤️

-ปลื้มใจขอให้น้องเจริญๆๆๆนะครับเหมือนเมวดามาโปรดยายนะ บุญของยายด้วยนะ

สามารถติดตาม คลิป โมเมนต์ใจฟูได้ที่ : https://www.facebook.com/share/v/9T4Vjc5KgANjRToS/?mibextid=ox5AEW 

https://www.facebook.com/share/v/NcAHWLYsh36cEiUa/?mibextid=ox5AEW


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top