Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

สนง. เลขาธิการวุฒิสภา จัดพิธีอำลาราชการ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2567

เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.67) เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องรับรองสมาชิกวุฒิสภา ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดพิธีอำลาราชการ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2567 ของข้าราชการ และลูกจ้างประจำของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา รวมจำนวนทั้งสิ้น 17 คน โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง สมาชิกวุฒิสภา นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา และผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ร่วมในพิธี และมีนายรุ่งธรรม เปรมมางกูร ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กล่าวรายงาน

โอกาสนี้ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยรองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ได้กล่าวให้โอวาทเนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการของเลขาธิการวุฒิสภา และบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมทั้งได้มอบพระพุทธรูปปางเปิดโลก และสลากออมสินให้แก่ผู้เกษียณอายุราชการเพื่อเป็นที่ระลึกด้วย

สำหรับในปีนี้มีข้าราชการ และลูกจ้างประจำของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาที่เกษียณอายุราชการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 17 คน ประกอบด้วย 
1. นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา (นักบริหารสูง) 
2. นายวัลลภ หมู่พยัคฆ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (นักวิชาการโสตทัศนศึกษาเชี่ยวชาญ) กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณ์ สำนักประชาสัมพันธ์ 
3. นายประธาน ทิพยกะลิน ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (วิทยากรเชี่ยวชาญ) กลุ่มงานวิจัยและข้อมูล สำนักวิชาการ 

4. นางสาวลัดดาวัลย์ สมบูรณ์กิจชัย ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (นิติกรเชี่ยวชาญ) กลุ่มงานบริการเอกสารอ้างอิงในการประชุมกรรมาธิการ สำนักกรรมาธิการ 1 
5. นางมณฑาทิพย์ กรีมหา ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (นิติกรเชี่ยวชาญ) กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม สำนักกรรมาธิการ 3 
6. นางสาวศิริพร ภิญโญสิริธร ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (วิทยากรชำนาญการพิเศษ) กลุ่มงานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักกรรมาธิการ 3 

7. นายสมชาย ชัยเชษฐ์ดำรงกุล นักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิทยาการคอมพิวเตอร์ สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
8. นายกวี จันทจิราภา นิติกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการวิสามัญ 5 สำนักกรรมาธิการ 3 
9. นางมนทิรา ยอมเจริญ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (เจ้าพนักงานธุรการอาวุโส) กลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักกรรมาธิการ 1 
10. นางวิมล แจ้งอัตถะ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน (เจ้าพนักงานชวเลขอาวุโส) กลุ่มงานชวเลข 2 สำนักรายงานการประชุมและชวเลข 
11. นางสาวภาวิณีย์ ปิ่นอ่อน เจ้าพนักงานธุรการอาวุโส กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณ์ สำนักประชาสัมพันธ์ 
12. นายวงศ์วิศว์ ช้างสุวรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาอาวุโส กลุ่มงานรักษาความปลอดภัย สำนักบริหารงานกลาง 

13. นางสาวชฎาพันธ์ สุขสัมพันธ์ เจ้าพนักงานธุรการอาวุโส กลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักการคลังและงบประมาณ 
14. นางกิจจา ฟักจันทร์ เจ้าพนักงานธุรการอาวุโส กลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักวิชาการ 
15. นายคมสัน นิคมคณารักษ์ นิติกรชำนาญการ กลุ่มงานบริการเอกสารอ้างอิงในการประชุมกรรมาธิการ สำนักกรรมาธิการ 1 
16. นางสาววรณธร หงส์จรรยา นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ กลุ่มงานส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม สำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคล 
17. นายบุญเสริม ยอดราช พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส2/หัวหน้ากลุ่มงานยานพาหนะ สำนักการคลังและงบประมาณ

สวนนงนุชพัทยา จัดให้อีกนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยลด50% สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระฟรีตลอดเดือนตุลาคม

สวนนงนุชพัทยาโดย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มอบสิทธิพิเศษให้นิสิตนักศึกษาระดับอนุปริญญาถึงปริญญาตรี ซื้อบัตรผ่านประตูเที่ยวชมสวน(walk in )ลด 50% อีกหนึ่งเดือน เพียงแสดงบัตรประจำตัวนิสิตนักศึกษา ณ จุดให้บริการ และนักท่องเที่ยวชาวไทยได้สิทธิเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระพุทธคุณ แหล่งรวบรวมพระเก่าแก่ล้ำค่าของชาติฟรีตลอดเดือนตุลาคม 2567

พิพิธภัณฑ์พระพุทธคุณมีเจตนารมณ์ในการจัดสร้างเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ต้องการให้เด็ก เยาวชน และผู้มีความสนใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาเยี่ยมชมศึกษาพระพุทธรูป พระเครื่อง สมบัติอันเก่าแก่ และเป็นสื่อกลางที่ทำให้เด็กรู้สึกชอบในเรื่องของพระพุทธศาสนา

โปรโมชั่นอื่นเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140ซม.ที่มากับครอบครัว และผู้พิการนั่งรถเข็นพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ สำหรับท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยาโดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00-18.00 น. สามารถสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่  www.nongnoochpattaya.com 

สมุทรปราการ-'สุนทร ปานแสงทอง' อดีตรัฐมนตรีช่วย ส่งใจถึงต่างแดน ทำบุญวันคล้ายวันเกิดให้พ่อใหญ่ 'วัฒนา อัศวเหม'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.67) นายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 88 ปี ท่าน วัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคราษฎร 

ซึ่งพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของท่าน วัฒนา อัศวเหม ในปีนี้ มีทางผู้นำท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ คณะสมาชิกสภาและทีมสมุทรปราการก้าวหน้า ร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก โดยงานถูกจัดขึ้นภายในวัดสร่างโศก ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จากวัดต่างๆ มาร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาเพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิเช่น พระครูสุคนธ์กิจจานุยุต เจ้าคณะตำบลบางพลีน้อย เจ้าอาวาสวัดหอมศีล พระครูโสภณสุตาธาร เจ้าคณะตำบลคลองด่าน เขต 1 เจ้าอาวาสวัดปานประสิทธาราม พระครูสังวรวิมลกิจ เจ้าคณะตำบลคลองด่าน เขต 2 เจ้าอาวาสวัดแจ่มราษฎร์ฯ สีล้ง และพระครูปลัดพรชัย เจ้าอาวาสวัดสร่างโศก เป็นต้น 

โดยทางด้านนาย สุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันนี้ตัวผมและทางครอบครัวอัศวเหม นำโดย นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายต่อศักดิ์ อัศวเหม อดีต สส.สมุทรปราการ นายวรพร อัศวเหม อดีตประธานสภาเทศบาลตำบลบางปู นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.จังหวัดสมุทรปราการ นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ และขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน อาทิ นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ ดร.พัฒนพงศ์ จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีต ส.ส.สมุทรปราการ นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม นางสาวพิม อัศวเหม และคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ สมาชิกสภาเทศบาล กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ที่เดินทางมาร่วมในงานทำบุญในครั้งนี้

'รมว.เอกนัฏ' ส่งเสริมสถานประกอบการยุคใหม่ ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 22,709 ตันคาร์บอนต่อปี

(27 ก.ย.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลได้วางนโยบายเร่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศเกิดฟื้นตัวและสร้างความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการดูแลคุณภาพชีวิต ซึ่งหนึ่งในนโยบายที่สำคัญ คือ การสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ตามกำหนดในปี ค.ศ. 2050 พร้อมกับการสร้างการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจจากกฎกติกาสากลและคู่ค้าสำคัญของไทยที่มีแนวโน้มเข้มข้นมากขึ้น และครอบคลุมในหลายสาขาอุตสาหกรรม จึงเป็นความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งจะนำมาสู่ความต้องการนำเข้าสินค้าคาร์บอนต่ำ และเป็นกติกาทางการค้าที่อุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องปรับตัว ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถด้านการผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก

ด้วยความสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การผลิตอย่างยั่งยืนและสังคมคาร์บอนต่ำดังกล่าว จึงได้มอบนโยบาย 'การขับเคลื่อนปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส' และเน้นย้ำให้กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งส่งเสริมและกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อม ๆ กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนครอบคลุมการยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่ เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ ตลอดจนต้องการยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (นายณัฐพล รังสิตพล) ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ค่าใช้จ่ายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภูมิภาคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยกรอบแนวคิด BCG ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขึ้น เพื่อให้สถานประกอบการหรือวิสาหกิจนำองค์ความรู้และเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ในการยกระดับผลิตภาพการผลิตและสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และมีการใช้ทรัพยากรในภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน 

โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด นำร่อง 12 จังหวัด อาทิ จังหวัดแพร่, เชียงราย, พะเยา, ชัยภูมิ, สุรินทร์, เพชรบุรี, หนองบัวลำภู, ลำปาง, นนทบุรี, ยะลา, ภูเก็ต และร้อยเอ็ด เพื่อยกระดับสถานประกอบการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำนวน 32 ราย และคัดเลือกสถานประกอบการที่มีความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต มีความเป็นไปได้ในการต่อยอดเชิงพาณิชย์จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามกรอบแนวคิด BCG ซึ่งนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวน 12 ราย ซึ่งการดำเนินโครงการสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 764 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 22,709 ตันคาร์บอนต่อปี

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#6 ศักยภาพหนักๆ จาก ‘อาวุธเบา’ ที่เกรด NATO ยังชิดซ้าย

วันที่สองของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (13 สิงหาคม) วันนี้ช่วงเช้าเป็นการเยี่ยมชมการแสดง การสาธิต และการทดสอบการยิงอาวุธเบาด้วยกระสุนจริงและกระสุนซ้อมยิง (ในกรณีของเครื่องยิงลูกระเบิด) ของบริษัท High-Precision Weapons holding ณ สนามยิงปืนซึ่งตั้งอยู่ภายในอนุสรณ์สถาน Patriot park เป็นสนามยิงปืนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 160 เฮกตาร์ (1.6 ตารางกิโลเมตร) ด้านหน้าเป็นอาคารนิทรรศการแสดงอาวุธขนาดเบาที่ผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding (ตามที่ได้เล่าไว้ใน EP.5) มีทั้งอาวุธ ปืนพก ปืนเล็กยาวจู่โจม ปืนซุ่มยิง ปืนกลเบา และเครื่องยิงลูกระเบิด ฯลฯ

อาวุธปืน Sniper ชนิดต่าง ๆ  มีทั้งใช้กระสุนรัสเซียขนาด 7.62x54R ม.ม. และกระสุน NATO ขนาด 7.62x51 ม.ม. (.308) 

ปืนกลมือ PP-2000 ขนาด 9x19 ม.ม. 

เครื่องยิงลูกระเบิด GM-94 ขนาด 43×30 ม.ม.

เครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ AGS-30 ขนาด 30×29 ม.ม. อาวุธเบาชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding

แต่ก่อนผู้เขียนเข้าใจว่าอาวุธขนาดเบาที่ผลิตในสหพันธรัฐรัสเซียออกแบบและผลิตโดยบริษัท Kalashnikov Group ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธปืนตระกูล AK แต่อันที่จริงแล้ว อาวุธเบาชนิดและแบรนด์อื่น ๆ นั้นถูกผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding หลังจากการแนะนำอาวุธปืนแบบต่าง ๆ แล้ว คณะก็ถูกพามายังสนามยิงปืนซึ่งอยู่ติดกัน และถูกจัดแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5 คนเพื่อรับแจกแว่นตาและที่ครอบหูลดเสียงก่อนที่จะทดลองยิงอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ 

ทดสอบปืนพก GSH-18 ขนาด 9x19 ม.ม. 5 นัด 
ระบบปฏิบัติการแบบเข็มพุ่งคล้ายปืน GLOCK แต่ไกหนักไปหน่อย
 

ทดสอบเครื่องยิงลูกระเบิด GM-94 ขนาด 43×30 ม.ม. 1 นัด
แต่เป็นกระสุนซ้อมยิงไม่มีระเบิด โดยยิงไปยังเป้าเหล็กสีน้ำเงิน (ยิงโดนครับ)

ทดสอบปืน Sniper OSV-96 ขนาด 12.7x108 ม.ม. 1 นัด

กระสุน 12.7 ม.ม. รัสเซีย (ขวา) และ NATO (ซ้าย) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน
แต่ใช้แทนกันไม่ได้ เพราะกระสุนรัสเซียยาว 108 ม.ม. แต่ NATO ยาวเพียง 99 ม.ม. 

โดยเป้าคือ รถหุ้มเกราะที่ระยะ 800 เมตร

ยิงโดนครับ ก็...เป้าใหญ่ซะขนาดนั้น

ทดสอบปืนเล็กยาวจู่โจม ADS ขนาด 5.45x39 ม.ม. 5 นัด
ผู้ผลิตบอกว่า ปืนรุ่นนี้สามารถลงน้ำแล้วเอาขึ้นมายิงได้เลย

ทดสอบเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ AGS-30 ขนาด 30×29 ม.ม. 3 นัด
แต่เป็นกระสุนซ้อมยิงไม่มีระเบิด

ความต่อเนื่องยาวนานของอุตสาหกรรมอาวุธปืนของสหพันธรัฐรัสเซียนับตั้งแต่จักรวรรดิรัสเซียยาวนานกว่า 200 ปี ผ่านการทำสงครามมากมายหลายครั้ง จึงทำให้พัฒนาการด้านการออกแบบและผลิตอาวุธปืนของรัสเซียมีความก้าวหน้ามาโดยตลอด แม้กระทั่งปืนเพื่อการกีฬาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศตะวันตกเลย

นอกจากนั้นแล้ว ปืนกีฬาที่ผลิตโดยรัสเซียสามารถชนะเลิศในการแข่งขันระดับโลกทั้งโอลิมปิกและ World Champion มากมายหลายครั้ง อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมของรัสเซีย (รวมทั้งเลียนแบบ) เป็นอาวุธปืนที่มียอดรวมการผลิตสูงที่สุดในโลก ด้วยประสิทธิภาพในเรื่องความแม่นยำ ความแข็งแรง ความทนทาน และระบบปฏิบัติการ 

แต่ก็น่าเสียดายที่อาวุธปืนที่ผู้เขียนได้ไปทดสอบ ยังไม่มีโอกาสเข้ามาใช้งานในบ้านเรา เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยยังคงเชื่อมั่นในอาวุธปืนของประเทศตะวันตกมากกว่า รวมทั้งการยึดติดกับคำว่า ‘มาตรฐาน NATO’ ทั้ง ๆ ที่ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพรัสเซียในยูเครนแสดงให้เห็นถึงเศษซากและความเสียหายของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ชาติสมาชิก NATO ส่งไปสนับสนุนยูเครนมากมาย 

ดังนั้นสิ่งซึ่งกองทัพควรพิจารณาคือ การบริหารความสมดุลของการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จากค่ายต่าง ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุดของอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นในการใช้งานเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

เปิดเหตุผลกางเกงทรงขาบานของทหารเรือ สะดวกต่อภารกิจ-เซฟชีวิตในยามคับขัน

(27 ก.ย. 67) จากเพจ 'เจาะเวลาหาอดีต' โพสต์เนื้อหาในหัวข้อ 'ทำไมทหารเรือต้องนุ่งกางเกงขาบาน' โดยได้เผยเหตุผลที่ทหารเรือต้องนุ่งกางเกงขาบาน 3 ประการ ดังนี้...

ประการแรก กางเกงขาบานเหมาะที่จะสวมกับรองเท้าบูท โดยปกติแล้วทหารเรือจะนอนโดยมีรองเท้าวางอยู่ใกล้ ๆ ตัว กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สวมรองเท้าได้อย่างรวดเร็ว ทหารเรือไม่ต้องยัดปลายกางเกงไว้ในรองเท้าเช่นทหารในกองทัพอื่น ทำให้ใส่รองเท้าได้รวดเร็ว ทั้งปลายกางเกงที่บานออกก็เลิกขึ้นให้ใส่รองเท้าบูทได้ถนัด ๆ และเมื่อทหารเรืออยู่บนดาดฟ้าเรือ กางเกงขาบานนี่แหละที่ช่วยป้องกันละอองน้ำและน้ำฝนกระเซ็นเข้ารองเท้า

ประการที่สอง กางเกงขาบานง่ายแก่การพับ เนื่องจากทหารเรือมักต้องขัดดาดฟ้าเรือด้วยน้ำยาเคมีอยู่บ่อย ๆ จึงต้องพับกางเกงขึ้นไม่ให้ถูกน้ำยาอันจะทำให้กางเกงเสียหายได้ และถ้าทหารเรือต้องลุยน้ำขึ้นฝั่ง ก็สามารถพับกางเกงได้สะดวก

ประการสุดท้าย ถ้าทหารเรือตกจากเรือ กางเกงขาบานสามารถถอดได้ง่ายกว่ากางเกงแบบอื่น และทำให้ถอดรองเท้าได้รวดเร็วด้วย

ทหารเรือรู้ซึ้งถึงกางเกงขาบานดี ทหารเรือไม่ค่อยประสบปัญหารองเท้าอับ เพราะกางเกงขาบานมีส่วนช่วยระบายอากาศนั่นเอง

ส่วนปกคอเสื้อด้านหลังเอาไว้ดึงลากเวลาช่วยชีวิตตอนอยู่ในน้ำ

'อ.เจษฎา' แนะ!! ควรนำ DNA หมอคางดำแอฟริกาเทียบที่ระบาดในไทย อีกทั้งยังตัดเรื่องผู้ลักลอบนำเข้าปลาแบบที่ไม่ขออนุญาตทิ้งไม่ได้

(27 ก.ย. 67) หลังจากที่ คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (อนุ กมธ.อว.) ได้แถลงสรุปผลการศึกษาปลาหมอคางดำ ว่ามีเอกชนเพียงรายเดียว ที่ดำเนินการขออนุญาตเพื่อนำเข้าปลาหมอคางดำเข้ามาในราชอาณาจักร และผลศึกษาบ่งชี้ว่าปลาหมอคางดำที่ระบาดในไทยมีแหล่งที่มาร่วมกัน รวมถึงยังอ้างอิงข้อมูลของ อ.เจษฎา นั้น

ล่าสุด ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษาของ 'อนุ กมธ.อว.' ชุดนี้ ได้แถลงสรุปผลการศึกษาปลาหมอคางดำที่ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงผลการดำเนินงาน การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พบว่ามีเอกชนเพียงรายเดียว ที่ดำเนินการขออนุญาตเพื่อนำเข้าปลาหมอคางดำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย

อ.เจษฎา กล่าวว่า มีส่วนจริงที่บอกว่ามีบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่ขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อนำมาวิจัย แต่ปลาตายหมดแล้วไม่สามารถทำวิจัยต่อได้ จึงทำให้หลายคนมองว่าบริษัทเอกชนดังกล่าวคือจุดกำเนิดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ แต่ตอนนี้ถ้าจะให้สรุปผลแบบรวบรัด ก็ยังตัดเรื่องที่มีคนลักลอบนำเข้าปลาแบบที่ไม่ขออนุญาตทิ้งไม่ได้ เพราะในเชิงอุตสาหกรรม ในเชิงผู้เลี้ยงปลาสวยงามหรือปลาแปลก ๆ ทุกคนรู้ดีว่ามีการลักลอบนำเข้ามาสารพัดทางอยู่แล้วแม้จะมีการตรวจสอบแต่ในสมัยนั้นปลาพวกนี้ยังไม่มีกฎหมายห้ามนำเข้า 

ทางด้านผลการวิจัย DNA ปลาหมอคางดำ ความจริงแล้วอยากจะได้ DNA ของปลาสมัยที่บริษัทเอกชนนำเข้ามาเมื่อ 10 ปีก่อนมาสกัด DNA เพื่อเทียบว่า DNA ของปลาหมอคางดำในตอนนั้นตรงกับ DNA ของปลาหมอคางดำที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมาคือ บริษัทเอกชนได้นำเข้าปลาหมอคางดำจากประเทศกานา ก็เลยเสนออธิบดีกรมประมงว่ามีอีกทางหนึ่งก็คือ ขอ DNA ปลาหมอคางดำจากประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา เช่น กานา โกตดิวัวร์ มาเทียบกับตัวอย่างของปลาหมอคางดำในไทยเพื่อทำสโคปให้แคบลง

‘ชิเงรุ อิชิบะ’ ชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ เตรียมรับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่น

(27 ก.ย.67) เอเอฟพีรายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้เปิดลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคฯคนใหม่แทนการวางมือของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ และผลปรากฏว่าตัวเต็งอย่าง ‘ชิเงรุ อิชิบะ’ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม สามารถเบียดเอาชนะคู่แข่งสำคัญไปได้ในการโหวตสองรอบ

หลังจากการประกาศชัยชนะที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ ในกรุงโตเกียว อิชิบะร่ำไห้และโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางความยินดีของบรรดาสมาชิก

“ผมจะทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่น ด้วยการพูดความจริงอย่างกล้าหาญและจริงใจ เพื่อทำให้ประเทศนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับทุกคนที่จะใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกครั้ง” อิชิบะ กล่าวในสุนทรพจน์สั้นๆ

อิชิบะ เคยเกือบได้ตำแหน่งสูงสุดมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงในปี 2555 เมื่อเขาแพ้ให้กับ ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดและเสียชีวิตจากการลอบสังหารเมื่อ 2 ปีก่อน

อดีตหัวเรือใหญ่ทางทหารผู้นี้กล่าวว่า ประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาสังคมที่ยากลำบาก เช่น การปฏิรูปการเกษตร ทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

ทั้งนี้ อิชิบะ วัย 67 ปี สามารถเอาชนะ ซานาเอะ ทาคาอิจิ รัฐมนตรีความมั่นคงเศรษฐกิจสายอนุรักษนิยม วัย 63 ปีไปได้ ทำให้เป็นการดับฝันของนักการเมืองชาตินิยมสุดโต่งในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศ

โดยในการลงคะแนนเสียงรอบแรก อิชิบะ และ ทาคาอิจิ มีคะแนนนำเป็นสองอันดับแรก แต่ยังไม่มีผู้ใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง เพราะคะแนนเสียงกระจายไปตามผู้สมัครคนอื่นๆ อีก 7 คน ทำให้ต้องมีการลงคะแนนเสียงรอบสองระหว่าง อิชิบะ และ ทาคาอิจิ ซึ่ง อิชิบะ เอาชนะไปได้ในที่สุด

สำหรับพรรคอนุรักษนิยมได้ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานและแทบจะไม่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นเวลาหลายทศวรรษ ด้วยการครองเสียงข้างมากในปัจจุบันทำให้ อิชิบะ จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภาในวันที่ 1 ตุลาคม ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งจีนที่แข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซีย ไปจนถึงการทดสอบขีปนาวุธต้องห้ามของเกาหลีเหนือ

ด้านกิจการภายใน อิชิบะจะได้รับมอบหมายให้ฟื้นคืนชีพเศรษฐกิจและแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางกำลังจะกลับมาเข้มงวดทางการเงินอีกครั้งในรอบหลายทศวรรษเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นความเชื่อมั่นของพรรคฯ ที่สูญเสียไปจากเรื่องอื้อฉาวมากมายในสมัยของ ฟูมิโอะ คิชิดะ

✨ชวนรู้จัก Qualcomm และ Intel 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีข่าวควบรวมกิจการ

นับเป็นข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดในช่วงนี้ และจะส่งผลกระทบมหาศาลต่อโลกของ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ นั่นคือ ข่าวที่บริษัท ‘Qualcomm’ ต้องการจะเข้าซื้อกิจการของบริษัทอย่าง ‘Intel’ ซึ่งถ้าดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะทำให้บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Nvidia’ เจอคู่ต่อสู้ที่สามารถแข่งขันได้อย่างน่ากลัว แถมดีลนี้จะยิ่งทำให้ตลาดผลิตชิปของสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงของทิศทางของเทคโนโลยีทั่วโลกได้

วันนี้ THE SATES TIMES อาสาพาทุกคนมาทำความรู้จัก Qualcomm และ Intel จะเป็นอย่างไร ไปดูกัน!!

'สุริยะ' หารือ 'Huawei' ดึงเทคโนโลยี AI แก้ปัญหาการจราจรติดขัด พร้อมช่วยผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่ง

(27 ก.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมหารือกับคณะผู้บริหารบริษัท Huawei ณ Huawei Da Vinci Exhibition Hall สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายสุริยะ เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมร่วมหารือกับคณะผู้บริหารบริษัท Huawei ในการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในประเทศไทย ที่มีความยากลำบากในการแก้ไข ทั้งนี้หากเทคโนโลยีของ Huawei สามารถช่วยเหลือด้านการบริหารจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง มีเทคโนโลยีในการทำนายภัยพิบัติและเตรียมการล่วงหน้าได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการส่งเสริมไทยพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาล และหาก Huawei สนใจจะเข้ามาพัฒนาระบบดังกล่าว กระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่จะให้ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศไทยต่อไป

Mr. Richard Liu ผู้บริหารบริษัท Huawei กล่าวว่า ภายหลังประเทศไทยประกาศวิสัยทัศน์ Ignite Thailand เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารบริษัท Huawei ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิสัยทัศน์ดังกล่าว จึงได้มีการเดินทางเข้ามาศึกษาและเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยหลายหน่วยงาน และนำเสนอเทคโนโลยีระบบ IoT (Internet of thing) ระบบ Cloud และ AI ของ Huawei ซึ่งได้นำไปใช้ในการบริหารจัดการจราจรทางบก น้ำ ราง และอากาศ ตลอดจนตรวจจับหรือคาดการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเตรียมการรับมือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการใช้งานระบบดังกล่าวในมณฑลต่าง ๆ ของประเทศจีน โดยระบบดังกล่าวลดการใช้แรงงานคนไปได้ถึง 66% ลดต้นทุนได้ถึง 30% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 17% 

ทั้งนี้ บริษัท Huawei ประสงค์จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยวของภูมิภาค ผ่านระบบ Smart Plan ซึ่งจะลดระยะเวลาเตรียมการในการขนส่งจากหลักชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที Intelligent Security Protection เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการขนถ่ายสินค้า Ultra remote control ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระบบต่าง ๆ ได้มากถึง 80% และระบบ Intelligent horizontal transportation

ขณะเดียวกันจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 10% ควบคู่ไปกับระบบอัตโนมัติ ที่สามารถทำให้การขนย้ายสินค้ามีประสิทธิภาพได้ตลอด 24 ชม. โดยดำเนินการผ่านระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนกลางที่รวบรวมข้อมูล และถ่ายทอดสถานการณ์สดจากถนน ท่าเรือสนามบิน และสถานีรถไฟ ผ่านศูนย์ Transportation Operation Coordination Center (TOCC) เพื่อเชื่อมโยงทุกช่องทางการขนส่งเข้าไว้ด้วยกัน และวิเคราะห์โดย AI เพื่อบริหารจัดการการจราจรและการขนส่งให้มีความคล่องตัว ซึ่งจะสอดคล้องนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการเสริมสร้างด้าน Connectivity ในการขนส่ง อีกทั้ง สอดรับกับความต้องการของรัฐบาลไทยในการยกระดับขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติในปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top