Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

21 กันยายน ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันประมงแห่งชาติ’ สนับสนุนคนทำอาชีพประมง ตระหนักถึงความสำคัญ พร้อมสร้างขวัญกำลังใจให้ชาวประมงไทย

วันประมงแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 21 กันยายนของทุกปี เพื่อเป็นการสนับสนุนในการทำอาชีพประมง และเป็นที่ระลึก สร้างขวัญกำลังใจในการประกอบอาชีพของชาวประมงไทย

จุดเริ่มต้นของ ‘วันประมงแห่งชาติ’ เกิดจาก ‘สหกรณ์ประมงสมุทรสาคร’ ได้ทําหนังสือลงวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 ถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เสนอให้รัฐบาลกําหนดวันประมงแห่งชาติขึ้น เพื่อให้เป็นกําลังใจในการประกอบอาชีพและอาสาปกป้องประเทศทางด้านทะเล 

นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้พิจารณา ซึ่งได้มอบให้ ‘กรมประมง’ เป็นผู้รับเรื่อง เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรง 

นอกจากนี้สํานักเลขาธิการฯ ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้ราชบัณฑิตยสถานและกรมศิลปากรร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมอีกด้วย กรมประมงจึงได้ประสานงานกับกองทัพเรือและมีความเห็นร่วมกันให้ ‘วันสงกรานต์’ ซึ่งประชาชนชาวไทยยึดถือเสมือนเป็นวันขึ้นปีใหม่มาตั้งแต่อดีต เป็นวันที่หยุดปฏิบัติภารกิจประจําวัน ในวันดังกล่าว เพื่อไปทําบุญตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา เพื่อความเป็นสิริมงคลและในวันนี้ทางราชการได้ถือว่าเป็น ‘วันขยายพันธุ์ปลาแห่งชาติ’ โดยสนับสนุนให้ประชาชนนําพันธุ์ปลาไปปล่อย ตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ในโอกาสที่วันนี้เป็นวันสําคัญวันหนึ่งโดยมีศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงสมควร กําหนดให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็น ‘วันประมงแห่งชาติ’ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา 

นอกจากนี้ยังเห็นสมควรให้หยุดทําการประมง มีการปล่อยปลาในแหล่งน้ำต่าง ๆ รวมทั้งในทะเลด้วย เพื่อเป็นการชดเชยสําหรับการที่ได้ทําการประมงมาตลอดปี 

แต่ในปัจจุบันกรมประมงพิจารณาแล้วเห็นว่าสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยโดยรวมในช่วง เดือนเมษายนแล้งมากในทุกจังหวัด แหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำต่าง ๆ มีปริมาณค่อนข้างน้อย ดังนั้นการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในช่วงวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิอากาศสูงมากพันธุ์สัตว์น้ำ ที่กรมประมงเตรียมมาให้ประชาชนปล่อยมีอัตราการตายสูง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นฤดูฝน แหล่งน้ำต่าง ๆ มีปริมาณน้ำมาก สภาพทางธรรมชาติของแหล่งน้ำเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำวัยอ่อน 

กอปรกับวันที่ 21 กันยายน เป็น ‘วันสถาปนากรมประมง’ ดังนั้นเพื่อเป็นการรําลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชโองการเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2469 ตั้ง ‘กรมรักษาสัตว์น้ำ’ ขึ้น ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กรมประมง’ ดังนั้นจึงมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2549 กําหนดให้เปลี่ยน ‘วันประมงแห่งชาติ’ จากเดิมวันที่ 13 เมษายน เป็นวันที่ 21 กันยายนของทุกปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#5 ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์แม่นยำสูง เพื่อการรบทางยุทธวิธี

ยังคงเป็นวันแรกของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12 สิงหาคม) ทีมงานของบริษัท ROSOBORONEXPORT ก็พาเดินไปยังอาคารแสดงสินค้าของบริษัท High-Precision Weapons holding ซึ่งมี Motto สำหรับปีนี้ว่า '15 ปีแห่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ' โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กลุ่มบริษัท High-Precision Weapons holding ผลิตพอสังเขป เนื่องจากในวันรุ่งขึ้น (13 สิงหาคม) บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้พาคณะฯ ไปทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ทำการผลิต

ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet

บริษัท High-Precision Weapons holding เป็นบริษัทในเครือของ Rostec State Corporation บริษัทโฮลดิ้งของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเป็นผู้ออกแบบและผลิตระบบอาวุธความแม่นยำสูง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วในปี 2009 โดยมีบริษัทในเครือมากกว่า 15 บริษัท อาทิ สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์ Shipunov, สำนักงานออกแบบ-ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Machine-Building, โรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Kurgan, สถาบันวิจัยกลางเพื่อ Automation และ Hydraulics, สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์กลาง ฯลฯ ซึ่งมีขีดความสามารถในการออกแบบ ผลิต และซ่อมบำรุง ทำให้กลุ่มบริษัทมีพนักงานประจำกว่า 25,000 คน

ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบ Pantsyr S-1

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงและอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการรบทางยุทธวิธี อาทิ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน Pantsyr S-1, ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet, ปืนใหญ่นำวิถี Krasnopol-M2, ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพ Iskander-M, ระบบต่อต้านรถถังอัตตาจร Khtizantema-S, ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานประทับไหล่ Verba, ยานรบทหารราบแบบ BMP-3, BMD-4M และ BMP-2M Berezhok ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ในเครือ

ปฏิบัติการพิเศษทางทหารของสหพันธรัฐรัสเซียในยูเครน ทำให้การปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐสำหรับกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซียยังคงเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดของบริษัทฯ โดยในปี 2024 นับตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รวมถึงกระทรวงกลาโหมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตลอดจนหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แข็งขัน และเข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก 

บริษัทฯ มีการจัดทำข้อเสนอแนะด้านปฏิบัติการโดยกองทัพ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่บริษัทฯ ออกแบบและผลิตทุกๆ 3-4 เดือนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในเงื่อนไขการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร 

นอกจากบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้ดำเนินการออกแบบ และพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงแล้ว บริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นก็กำลังพัฒนาสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างมากมายสำหรับตลาดภาคพลเรือนอีกด้วย อาทิ เครื่องจักรสำหรับถนนและงานก่อสร้าง, อุปกรณ์การเก็บขยะและรถทำความสะอาดถนน, เครื่องจักรสำหรับป่าไม้และการเกษตร วิศวกรรมเครื่องจักรเช่น, การหล่อและการขึ้นรูป และผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นขีดความสามารถอีกอย่างหนึ่งของบริษัทฯ ในขอบข่ายของสินค้าสำหรับตลาดภาคพลเรือน โดยมีโครงการธุรกิจมากกว่า 20,000 รายการในปี 2023-2024 บนพื้นฐานการออกแบบและผลิตด้วยการ ‘พึ่งพาตนเอง’ (Self-reliance) 

22 กันยายน ‘วันสงขลานครินทร์’ รำลึก ‘ในหลวง ร.9’ พระราชทานชื่อ ‘มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์’ ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ ‘สมเด็จพระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์’

วันที่ 22 กันยายน ของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งคือ ‘วันสงขลานครินทร์’ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อมหาวิทยาลัยภาคใต้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ว่า ‘สงขลานครินทร์’ ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช ที่ได้ทรงดำรงพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์เป็น ‘กรมหลวงสงขลานครินทร์’

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มต้นจากการจัดตั้ง ‘วิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์’ เพื่อรอการพัฒนาขึ้นเป็นระดับมหาวิทยาลัย 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติหลักการในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภาคใต้ขึ้นที่ ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยจะใช้เป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า ‘มหาวิทยาลัยภาคใต้’ ซึ่งมีสำนักงานชั่วคราวของมหาวิทยาลัยอยู่ที่อาคารคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (อาคารคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน)

หลังจากนั้น คณะกรรมการพัฒนาภาคใต้ โดย พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานชื่อให้แก่มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า ‘มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์’ เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ตามพระนามทรงกรมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือ ‘กรมหลวงสงขลานครินทร์’ และใช้อักษรย่อ ‘ม.อ.’ คืออักษรย่อมาจากพระนาม ‘มหิดลอดุลเดช’ อันเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ และทรงพระราชทานตราประจำพระองค์ เป็นตราประจำมหาวิทยาลัย

ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงถือว่าวันที่ 22 กันยายนของทุกปีเป็น ‘วันสงขลานครินทร์’

ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขึ้น มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้วันที่ 13 มีนาคมของทุกปีเป็น ‘วันสถาปนามหาวิทยาลัย’

มหาวิทยาลัยมีคติพจน์ว่า ‘ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์’ ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกศรีตรัง สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงิน

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อักษรย่อ ม.อ. ไม่ใช่ มอ. ชื่อภาษาอังกฤษ Prince of Songkla University อักษรย่อ PSU (ภาษาอังกฤษใช้ Songkla ซึ่งเขียนเหมือนพระนามประจำพระองค์ แตกต่างจากจังหวัดสงขลาที่ปัจจุบันใช้ภาษาอังกฤษ Songkhla)

เริ่มปิดไม่มิด!! กลิ่นโชย 'ต่างด้าวผิดกฎหมาย' คลุ้ง มุ้งการเมืองเริ่มสะกิด ติดตรงเก้าอี้ใหญ่เอาไงต่อ

(19 ก.ย. 67) ปัญหาชาวต่างชาติแย่งงานคนไทยดูจะไม่ใช่ปัญหาเล่น ๆ เสียแล้ว เพราะเท่าที่เห็นผ่านสายตา ก็มีดาวดังประจำสภาอย่างน้อย 2 คน หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาถกแบบยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น 'กอล์ฟ-ศาสตรา ศรีปาน' ผู้แทนของคนหาดใหญ่ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ กับ 'ไอซ์-รัชนก ศรีนอก' สาวเสื้อส้มตัวแทนคนบางบอน 

ศาสตรา เขย่าเรื่องนี้ โดยยกเอาเรื่องต่างชาติแย่งงานคนไทย และต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนมาหารือในรัฐสภาแล้วหลายครั้ง เพราะปัญหาดังกล่าวผุดขึ้นในพื้นที่หาดใหญ่เอง โดยมีชาวต่างชาติประกอบอาชีพต้องห้ามหลายอาชีพ รวมไปถึงในเชียงใหม่, ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอีกหลายเมืองที่มีชาวต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนเจ้าของกิจการหลายกิจการ 

เรื่องน่าห่วงที่ผู้แทนหาดใหญ่จากรวมไทยสร้างชาติ คนนี้กลัวและมักจะทิ้งท้ายให้รัฐบาลเปิดรับฟังเยอะ ๆ เพราะเริ่มเห็นช่องการดึงเงินออกนอกประเทศแบบ 100% จากต่างชาติเหล่านี้ คล้าย ๆ กับกรณีที่เกิดขึ้นแล้วแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ต้องดูว่าจะมีประกาศิตจากรัฐบาลที่เริ่มเจอเสียงกดดันดังขึ้นแค่ไหน...

ข้ามมาฟากบางบอน 'ไอซ์ รัชนก' ออกลูกอึ้ง!! หลังเจอพม่าครองแผงตลาดบางบอน พร้อมจี้ให้รัฐบังคับใช้กฎหมาย-เก็บภาษีให้คุ้มนั้น ก็ต้องบอกว่างวดนี้น้องไอซ์ออกเชิงสวนกระแส สส.พรรคส้มเขตปทุมวัน ที่รายนั้นดอดออกตัวปกป้องคนต่างชาติบางประเทศ จนถูกประชาชนโซเชียล ติดแฮชแท็ก #พรรคประชาชนพม่า #สสพรรคประชาชนพม่า 

จะว่าไปแล้ว กระแสต่างด้าวสาวไส้ไปสักคืบ ก็จะพบว่า มีประเด็นที่ถูกจุดติดมาจาก AYA IRRAWADEE หนึ่งในคอลัมนิสต์ของ THE STATES TIMES ที่กัดไม่ปล่อยกับขบวนการต่างด้าวยึดบางกอก ซึ่งว่ากันว่า พอลอกคราบออกมาแล้ว มีเลือดสีส้มเจือปนอยยู่ในระดับอนุบาล พาลกระทบไปถึงคนทำงานในหน่วยงานภาคราชการต้องร้อน ๆ หนาว ๆ 

แน่นอนว่า 'ข้าของประชาชน' ตัวจริง ที่รู้ข่าวก็ใช่ว่าจะเงียบกริบ โดยล่าสุดหนึ่งในข้าราชการประจำของกรุงเทพมหานคร อย่าง 'อุ๊-วรชล ถาวรพงษ์' ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย ก็ขยับตัวออกมาตรวจสอบเขตพื้นที่ต่าง ๆ เอง โดยเฉพาะตลาดวังหลัง ซึ่งผลคือพบ 'คนต่างด้าว-ต่างชาติ' ทั้งมีบัตรและไม่มีบัตรเดินขายของกันว่อน แถมคนพวกนี้ยังมีการอัปเดตผลงานให้แฟนคลับติดตามชมเป็นระยะ ๆ ใน Tiktok เสียด้วย...

ย้อนไปอีกนิดกับ 'อุ๊-วรชล' ถือเป็นข้าราชการฝีมือดีคนหนึ่ง ที่มักจะขยับตัวได้อย่างรวดเร็วเวลาเกิดประเด็นดรามาต่าง ๆ ในสังคม ครั้นตั้งแต่การเริ่มแจกผ้าอนามัยฟรีที่เขตบางขุนเทียน / 'แคมเปญคุณกั๊กเราเก็บ' ที่ไล่จัดการกับการกั๊กที่จอดรถหน้าบ้าน รวมถึงจัดการปัญหาหาบเร่โบ๊เบ๊ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และล่าสุดก็กับต่างด้าวบางกอกน้อย 

สุดท้าย มีตัวเลขมาฝากให้คิดตามจาก 'กรมการจัดหางาน' กระทรวงแรงงาน ที่ได้รายงานผลปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างชาติ ที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2567 รวม 36 วัน

โดยมีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติทั่วประเทศ 8,776 แห่ง ดำเนินคดีแล้ว 280 แห่ง และตรวจสอบพบคนต่างชาติ จำนวน 108,875 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 80,913 คน, กัมพูชา 16,507 คน, ลาว 7,804 คน, เวียดนาม 104 คน และสัญชาติอื่น ๆ 3,547 คน ซึ่งในนี้มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 726 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 473 คน กัมพูชา 74 คน ลาว 101 คน เวียดนาม 14 คน และสัญชาติอื่น ๆ 64 คน

นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นของแรงงานต่างชาติที่ถูกตรวจตราในช่วงครึ่งปี ยังไม่นับก่อนหน้าที่มีอยู่อีกเท่าไรต่อเท่าไรที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่เคารพกฎหมายและอยู่ภายใต้กรอบแรงงานต่างชาติ เช่น ใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และทำงานตามสิทธิ (ทำได้-ทำไม่ได้) ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สามารถทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แบบไม่ต้องหลบซ่อนและได้รับการคุ้มครองตามสิทธิที่พึงมี

ก่อนไทยแลนด์จะกลายเป็นแดนต่างด้าว...จะรัฐบาลหรือจะใคร หากรีบโชว์พาวไว ๆ กระแสเลือดรักชาติอาจเทให้กระจุยเชียวนะ...ทำเป็นเล่น!!

'เพจดัง' สรุปดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' ม้วนเดียวจบ มีเอี่ยวพรรคส้ม ชี้!! เป็นก๊วนแกล้งรักสถาบัน แล้วปั่นให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยนๆ

(19 ก.ย. 67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้โพสต์บทสรุปประเด็นภาคต่อดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' จนไม่ผ่านการทดลองงานไว้ดังนี้...

เริ่มจากอิพลอยนำแชตไลน์มาโพสต์ว่าน้องชายไม่ผ่านงานเพราะบริษัทไม่ชอบที่ใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน จากนั้นไอ้เลิศออกตัวว่าเป็น HR คนนั้น เรื่องถูกตีฟูจากสื่อและอินฟลูบางคนจนเป็นกระแส

ทีมงานตรวจสอบพบว่า อิพลอย เป็นเฟสปลอม เป็นแอดมินกลุ่มคอยปั่นให้สังคมทะเลาะด้วยเรื่อง Fake news หลายกลุ่ม โดยมี ไอ้เลิศคือ หนึ่งในนั้น

ไอ้เลิศ (คนซ้าย) ที่สถาปนาตัวเองเป็น หัวหน้า HR จะคอยเสี้ยมและปั่นตามกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะแกล้งทำตัวรักสถาบัน แต่คอยทำหน้าที่ยุให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยน ๆ ให้ดูกลุ่มรักสถาบันเป็นคนบ้า

ไอ้เลิศมันใช้เฟสจริงแต่ล็อกไม่ให้คนเข้าไปดูโปรไฟล์ แต่มันลืมไปว่าเพื่อนมันชอบแท็กเวลาไปงาน และหนึ่งในเพื่อนสนิทมันคือ 'เจอรี่' เป็นผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล (คนขวามือภาพบน)

ไอ้เลิศและเจอรี่ โพสต์อวย พรรคก้าวไกลมาตลอด ปัจจุบัน เจอรี่เป็นทีมงานพรรคส้มในจังหวัดปทุมธานี

#คำถามที่ ไอ้เลิศ และ เจอรี่ ต้องตอบ...

1. ข่าวปลอมที่ พนักงานไม่ผ่านโปร เพราะใส่เสื้อส้มและพูดภาษาอีสาน ถูกปั่นไปถึงอินฟลูและสื่อใหญ่ได้อย่างไร ใครเป็นคนส่งข้อมูลให้พวกเขา

2. ทำไมถึงจุดประเด็นขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ชง ตบ ปั่น ขึ้นมาเมื่อวาน ต้องการเบี่ยงประเด็นหรือกลบข่าวอะไร

แต่ถ้าทำสนุก ๆ สื่อและอินฟลูงับข่าวไปเล่นเอง ไปงับได้อย่างไร และจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่เสนอข่าวบิดเบือนกี่โมง

ขอคำตอบด้วยค่ะ

‘ชัยวุฒิ พปชร.’ ชี้!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ไม่เพียงพอ อย่าประเมินความทุกข์ ปชช. ต่ำ แนะ!! จ่ายครัวเรือนละ 1 หมื่น

(19 ก.ย. 67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายร่วมกับคณะกรรมการบริหาร และ สส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า…

วันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยที่จังหวัดหนองคาย พบว่า ความช่วยเหลือของรัฐบาลยังมาถึงประชาชนได้ล่าช้า โดยเฉพาะเงินงบประมาณที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติมา 3,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกว่า 50 จังหวัดไม่น่าจะเพียงพอ  

“งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ยังน้อยกว่างบประมาณในโครงการซอฟต์พาวเวอร์ งบประมาณกว่า 5,000 ล้าน ยังทำประโยชน์ไม่ได้ เหมือนเอาเงินไปละลายน้ำแต่ความเดือดร้อนของประชาชนกับตีค่าแค่เงิน 3,000 ล้าน จะไปช่วยอะไรชาวบ้านทั้งประเทศได้พออย่างไร ผมมองว่ารัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณมาเพิ่ม อย่างน้อย 30,000-40,000 ล้านบาท เพื่อการเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การที่รัฐบาลจะให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท มันไม่เพียงพอ ขนาดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังให้คนละ 10,000 บาท อย่างน้อย ก็ต้องให้ครัวเรือนละ 10,000 บาท รัฐบาลต้องเพิ่มการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

'โซเชียล' แห่อาลัยฮีโร่ผู้กล้า 'ปูเป้' เจ้าหน้าที่อาสา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังไปช่วยน้ำท่วมเชียงราย

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘NattyRescue ChiangRai’ เผยเรื่องราวสุดเศร้า ระบุว่า

“ร่วมไว้อาลัย ฮีโร่ ผู้กล้าที่มาช่วยชาวจังหวัดเชียงรายบ้านเรา ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่อาสาท่านนี้ด้วย ที่สูญเสียฮีโร่ คุณจันทิมา ครุฑหมื่นไวย (พี่ปูเป้) สมาชิกอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย หน่วยธน 19-146 รถกู้ภัยเดินทางกลับจากช่วยน้ำท่วมเชียงราย เกิดประสบอุบัติเหตุที่พิจิตร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา คุณงามความดีที่สร้าง ขอให้สู่สุคติในชั้นที่สุขสงบและดียิ่งขึ้นไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงานกู้ภัยด้วยครับ…

“หลับให้สบาย บุญกุศลแห่งการเป็นจิตอาสา ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เป็นเทวดานางฟ้าบนสรวงสวรรค์ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับการช่วยเหลือ ‘เพื่อนมนุษย์’ ”

ทั้งนี้ ร่างของคุณปูเป้ถูกนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดมหาบุศษ์ ซอยอ่อนนุช 7 ถนนสุขุมวิท 77 กทม. ก่อนจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 21 กันยายน 2567

'บุ๋ม ปนัดดา' ขอแรงคนไทยช่วยตักดินออกจากบ้านชาวเชียงราย พบพลเมืองดีให้ความช่วยเหลือกันเพียบ ขอเพียงแค่หนุนค่าน้ำมัน

ความคืบหน้าน้ำท่วมใน จ.เชียงราย หลังน้ำลดได้ทิ้งความเสียหายไว้ให้ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ล่าสุดบรรยากาศหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงวุ่นวายตลอดทั้งวันเนื่องจากเจ้าหน้าที่เทศบาล ต.แม่สาย และหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งชาวบ้าน ห้างร้าน ฯลฯ ต่างออกมาทำความสะอาดตามท้องถนนและอาคารต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาดแคลนน้ำประปา และทางเทศบาล ต.แม่สายต้องแบ่งช่วงเวลาจ่ายน้ำตามจุดต่าง ๆ

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) บุ๋ม ปนัดดา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือตักดินออกจากบ้าน โดยได้ระบุข้อความว่า…

“มีจิตอาสา หรือใครที่อยู่เชียงราย ที่รับตักดินออกจากบ้านคนไหมคะ บุ๋มมีโครงการช่วยทำความสะอาดบ้านให้กับประชาชนที่โดนน้ำท่วมและบ้านเต็มไปด้วยโคลน บางบ้านมีแต่คนแก่และผู้หญิง บางบ้านก็มีคนไข้ติดเตียง บุ๋มเห็นใจค่ะ เลยอยากหาคนไปช่วยทำความสะอาด โดยทางมูลนิธิจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ แค่คราบฝุ่นก็เหนื่อยแล้ว เจอสภาพแบบนี้เครียดแทนเลย ซึ่งบ้านแรกที่อยากให้ไปอยู่ผามควาย เหมืองแดงค่ะ”

ทั้งนี้ พบว่ามีจิตอาสาจำนวนมากพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยต้องการเพียงค่าน้ำมันในการเดินทางเพียงเท่านั้น ทำชาวเน็ตจำนวนมากแห่คอมเมนต์ขอบคุณจิตอาสาเหล่านี้ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน

เปิดผลสอบ 'ปิยะโสภิชา' อันดับ 1 แทน 'ครูเบญ' ติด 1 ใน 400 สนามครูอาชีวะ รอเรียกบรรจุอีก 1 สนาม

จากกรณี ครูเบญ หรือ น.ส.เบญญาภา สอบติดครู ได้อันดับที่ 1 แต่ผ่านไป 3 วันชื่อหาย และมีสาวอีกราย ‘ปิยะโสภิชา’ นามสกุลใหญ่ ปรากฏชื่อ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงประกาศผลการสอบตำแหน่งพนักงานราชการ สพม.สระแก้ว และชื่อ ครูเบญ หายไป จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด (20 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความและผลสอบจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยผลสอบของ ‘ปิยะโสภิชา’ ที่สอบได้อันดับ 1 ในการประกาศครั้งที่ 2 แทนที่ของ ครูเบญ

โดยระบุว่า “จากข่าว น้องคนหนึ่งสอบครูติด อันดับ 1 ผ่านไป 3 วัน ชื่อหาย ขออย่าเพิ่งด่า น้องคนที่มาเสียบแทน เพราะเอาชื่อน้องไปเสิร์ชในกูเกิล น้องคนนี้ก็เก่งระดับหัวกะทิ..

“เพราะน้องสอบผ่าน ภาค ก. ภาค ข. สนามอาชีวะ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากกว่า สพม.ที่เป็นข่าวนี้ น้องติด 1 ใน 400 คน จาก 10,000 คน น้องก็ไม่ธรรมดา รอตรวจสอบให้แน่ชัด ถ้าน้องใช้เส้นสายจริงค่อยด่า”

เรามาวิเคราะห์คร่าว ๆ ถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์นี้ บรรยายใต้ภาพ

1.ทำไมชื่อน้องคนแรกหายไปเลย เป็นไปได้มั้ย หายเพราะประกาศชื่อผิด เพราะเลขลำดับผู้เข้าสอบของน้องสองคนติดกันเลย เลข ๑๐๐๔๐๐๒๐ กับ ๑๐๐๔๐๐๒๑ มีโอกาสที่จะคีย์เลขท้ายผิดโดยไม่ทวนรายชื่อ ส่วนลำดับที่ 2-10 รายชื่อครบ แต่สลับอันดับกัน ตามคำชี้แจงที่บอกว่าเฉลยข้อสอบผิด

2.นามสกุลน้องคนที่มาเสียบ นามสกุลเดียวกับ ผอ.โรงเรียน ภาพที่แชร์มา 2 ปีแล้ว ตอนนั้นน้องน่าจะเป็นครูอัตราจ้าง ปัจจุบันน้องคนนี้ยังไม่รู้จะได้ลงที่โรงเรียนนี้รึป่าว

3.น้องคนที่มาเสียบ สอบติดสนามอาชีวะ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากกว่า สพม. รอสัมภาษณ์ภาค ค 

4.ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ เคยโพสไว้ เมื่อ 6 กันยา ว่าสนามนี้ยาก คนที่สอบผ่านคือ ระดับหัวกะทิ 

5.วิทยาศาสตร์ทั่วไป น้องติด 1 ใน 400+ คน

ต่อมาเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังได้โพสต์ข้อความระบุว่า “แชร์กันไปมั่งสิ อันที่น้อง ปิยะโสภิชา เค้าสอบติด ปี 67 นี้ สอบติดรอเรียกบรรจุ 1 สนาม รอเรียก สัมภาษณ์ครูผู้ช่วยอาชีวะอีก 1 สนาม…

“ไปแชร์แต่อันที่เค้าสอบไม่ติด สนามนี้ใครสอบผ่านคือหัวกะทินะ พี่ไม่ได้พูดเอง เพจศูนย์สอบธรรมศาสตร์เป็นคนพูด แชร์ไปให้ถึง #โหนกระแส #หนุ่มกรรชัย #สพมสระแก้ว”

ทั้งนี้ ในส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะนัดแถลงข้อสรุปกรณี น.ส.เบญ ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการสอบครู หลังสอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว แต่ผ่านไป 3 วัน ปรากฏว่าชื่อของเธอหาย นั้น

ล่าสุด ทาง สพฐ.ขอเลื่อนการแถลงข่าวผลการสืบข้อเท็จจริงออกไปก่อน เนื่องจาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ.และเลขาธิการ กพฐ.ประสงค์ให้ ครูเบญ ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย สพฐ.จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวในวันนี้ออกไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อครูเบญมีความพร้อม จะได้นัดหมายการแถลงข่าวร่วมกัน ต่อไป

'ดร.คงกระพัน' ซีอีโอ ปตท. คว้ารางวัลสุดยอดผู้บริหารองค์กรแห่งปี 2024 'DAILYNEWS TOP CEO OF THE YEAR 2024' ในวาระเดลินิวส์ครบรอบ 60 ปี

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย.67) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับรางวัลเกียรติยศ 'สุดยอดผู้บริหารองค์กรแห่งปี 2024' จากกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ในงาน 'DAILYNEWS TOP CEO OF THE YEAR 2024' เนื่องในวาระเดลินิวส์ครบรอบ 60 ปี 

โดยการมอบรางวัลดังกล่าว เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีผลงานเด่นชัดในการบริหารธุรกิจ ซึ่ง 'ดร.คงกระพัน' ผลักดันการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ภายใต้วิสัยทัศน์ 'ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน' หรือ 'TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD' เร่งสร้างความแข็งแรงและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจ โดยยึดมั่นภารกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ให้เป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกภาคส่วน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับการมุ่งบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สู่การเติบโตขององค์กรในระดับโลกอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ในงานดังกล่าวมีการมอบรางวัลรวม 25 รางวัล ให้กับผู้บริหารระดับสูงทั้งภาคเอกชน, ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมและกิจการบริการ ซึ่งทุกรางวัลผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้าน อาทิ ความเป็นผู้นำ วิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อถ่ายทอดความรู้และกลยุทธ์ของผู้บริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่ ซึ่งล้วนแต่เป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top